@คฤหาสน์หลังใหญ่
กลับมาถึงฉันก็คิดทบทวนคำพูดของเพื่อนๆ อยู่นาน ว่าตัวเองไม่รู้จักรุ่นน้องเลยสักคนเพราะไม่ค่อยเข้าสังคมกับเพื่อนๆ บางทีฉันก็ควรไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นดูบ้าง ชีวิตวัยรุ่นจะได้ไม่หดหู่อยู่แบบนี้ “คุณท่านคะ” “อืมว่ายังไง” “วันนี้หนูขอไปปาร์ตี้กับเพื่อนได้ไหมคะ” ฉันพูดออกไปด้วยความรู้สึกประหม่า เพราะนี่คือครั้งแรกที่ขออะไรแบบนี้ คุณท่านยิ้มให้ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉันเบาๆ “ฉันดีใจที่หนูอยากไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ” “คะ…” ฉันขมวดคิ้วแปลกใจที่ได้ยินคุณท่านบอกแบบนั้น คิดว่าจะโดนดุซะอีก “ฉันอยากให้หนูได้ใช้ชีวิตอย่างที่วัยรุ่นคนอื่นๆ ทำกัน ไม่ต้องมาอุดอู้ดูแลคนแก่แบบฉัน” “หนูเต็มใจดูแลคุณท่านค่ะ คุณท่านมีพระคุณกับหนูมาก” “เธอนิสัยเหมือนแม่ไม่มีผิด” ฉันแปลกใจเล็กน้อยกับคำพูดของคุณท่านแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร สายตาที่อบอุ่นคู่นั้นทำให้เวลาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจเอามากๆ “เอานี่ไปสิ” คุณท่านยื่นบัตรเครดิตสีดำเคลือบทองมาให้ ฉันรีบปฏิเสธทันที “ไม่เอาค่ะ” “อย่าปฏิเสธของที่ผู้ใหญ่ให้สิ” “คือหนู…..” “ฉันควรดูแลหนูให้ดีที่สุด….เพื่อชดใช้ความผิดที่ตัวเองเคยทำ” “วะ…ว่ายังไงนะคะ” ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดนั้นแต่ยังไม่ทันจะถามคุณท่านก็เอ่ยจัดขึ้นมาดักไว้ก่อน “ไม่มีอะไรรับเอาไว้เถอะ ถ้าอยากได้อะไรก็ใช้บัตรใบนี้รูด” “……..” “ว่าแต่จะไปยังไง เดี๋ยวฉันให้ตาลีวายไปส่ง” พอได้ยินว่าคุณท่านจะให้พี่ลีวายไปส่งฉันก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “มะ ไม่เป็นไรค่ะ อย่ารบกวนพี่ลีวายเลย” “ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้คนขับรถส่วนตัวไปส่ง” “ค่ะ” ฉันพยักหน้า ก่อนจะขอตัวออกมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปปาร์ตี้ หลังจากแต่งตัวเสร็จฉันก็โทรไปหาแนน “ฮัลโหลแนน แกส่งโลเคชั่นมาให้หน่อยสิ” ( อือโอเค นี่มิลินรู้ไหมพอฉันบอกว่าแกจะไปด้วยทุกคนดีใจกันใหญ่เลย ) “ขะ ขนาดนั้นเลยหรอ” ( อือ เพื่อนๆ น่ะ อยากให้แกมาปาร์ตี้ด้วยจะตาย ) “อือไว้เจอกันนะ” พอวางสายแล้วฉันเองก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะได้ยินที่แนนว่า ไม่รู้ว่าไปแล้วจะทำตัวยังไง @คลับ แนนบอกให้ฉันมาตามโลเคชั่น ก่อนจะเห็นว่าจุดนัดรวมตัวในคืนนี้คือที่คลับ แถมยังเป็นคลับที่พี่ลีวายเป็นเจ้าของด้วย ที่รู้ก็เพราะฉันเคยมาที่นี่สองสามครั้ง ไม่รู้ว่าวันนี้พี่ลีวายมาที่คลับหรือเปล่า ได้แต่คิดไปในทางที่ดีว่าเขาจะไม่มา เพราะมีหลายอย่างที่ต้องทำเช่นคุมงานที่คาสิโน “พวกเรามิลินมาแล้ว” แนนบอกเพื่อนๆ และรุ่นน้อง ก่อนจะรีบมาดึงมือฉันมานั่งข้างๆ ตัวเอง “ผมคิดว่าพี่จะไม่มาแล้วซะอีก” แทนน้องรหัสของฉันบอกพร้อมรอยยิ้ม ท่าทางเหมือนเป็นคนขี้อาย “ดื่มไหม” อาตถาม “แม้ๆ พอมิลินมาเนี่ยสนใจกันใหญ่เลยนะ” แนนเอ่ยแซว ทำให้เพื่อนๆ ที่โต๊ะโห่แซวด้วย “อะไรก็คำถามปกติ” “ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็อย่าร้อนตัวสิอาต” “อือมิลินรู้ไหมว่าเจ้าของคลับนี้น่ะหล่อมาก” แนนกระซิบถาม “นี่มิลินจะไปรู้ได้ยังไง” แพมเพื่อนอีกคนในกลุ่มท้วงขึ้นทันที “เออก็จริง แกน่าจะเพิ่งเคยมา” “จะบอกนะ เจ้าของคลับหล่อไม่พอ เพื่อนๆ ที่เป็นหุ่นส่วนก็หล่อไม่แพ้กัน ยัยแนนมาที่นี่ทุกวันเพราะอยากเต๊าะผู้ชายกลุ่มนั้น” แพมบอก ก่อนจะโดนแนนหยิกแขนไปทีนึง “แกก็พูดเกินไป ถึงมันจะเป็นความจริงก็เถอะ” เจ้าของคลับที่ว่าน่าจะเป็นพี่ลีวาย ส่วนเพื่อนๆ ที่พูดถึงคงเป็น พี่เฟย พี่คัลเลนแล้วก็พี่คาแลน พวกเขาเป็นหุ้นส่วนกัน ทั้งคลับและคาสิโน ฉันรู้จักเพื่อนๆ ของพี่ลีวายดี เพราะเคยเจอตั้งแต่เด็กๆ เพื่อนๆ ของฉันไม่รู้ว่าฉันกับพี่ลีวายรู้จักกัน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะฉันไม่ได้เปิดเผยเรื่องส่วนตัวให้ใครรู้ “ไม่รู้วันนี้จะได้เจอหรือเปล่า ฉันน่ะอยากเจอมากๆ เลย” “…….” ฉันได้แต่เงียบฟังเพื่อนๆ คุยกันพร้อมกับยกแก้วจิบทีละนิดเพราะเป็นคนคออ่อน ดื่มเยอะกลัวจะเมา “มิลินมาชนแก้วกัน” “มาๆ พวกเรา ชนแก้วต้อนรับมิลินกันหน่อย” ทุกคนยกแก้วขึ้นมารวมทั้งฉัน เคร้ง~ “หมดแก้วนะมิลิน” “มะ หมดเลยหรอ” “อือ” ฉันพยักหน้าอย่างจำใจก่อนจะดื่มหมดแก้วตามคำขอของเพื่อน คิดซะว่าไม่บ่อยนักที่จะได้มาเที่ยวแบบนี้ วันนี้ควรเอ็นจอยกับเพื่อนๆ ผ่านไปสองชั่วโมงกว่าๆ ฉันเองก็เริ่มมึนหัวเพราะดื่มหมดแก้วไปหลายครั้ง ตอนนี้ได้แค่นั่งนิ่งๆ มองเพื่อนๆ เต้นกัน ไม่กล้าลุกขึ้นไปไหนเลย “ไหวไหม” แทนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ถามฉัน “อือ โอเค” “ไปชั้นสองกันไหม ไม่ค่อยมีคนนะ” ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าตอบ จากนั้นแทนก็จับมือฉันให้ลุกขึ้นตามตัวเองขึ้นมาบนชั้นสองของคลับ จริงอย่างที่ว่าตรงนี้ไม่มีคนเลย ฉันนั่งมองกลุ่มของผู้คนจำนวนมากเต้นอยู่บนชั้นสองของคลับ พลางคิดในใจว่าดึกขนาดนี้แล้วเขาไม่ง่วงกันหรอ “น้ำเปล่าไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งให้” “ไม่เป็นไร” “สีหน้าพี่ดูไม่ค่อยดีเลยนะ ไม่ค่อยดื่มหรอครับ” “อือ” “ถึงว่าดื่มไม่กี่แก้วก็หน้าแดงแล้ว” “หน้าออกขนาดนั้นเลยหรอ” ฉันรีบยกมือขี้นมาจับหน้าตัวเองทันที ทำให้แทนที่มองอยู่หัวเราะออกมาเบาๆ “พี่มิลินน่ารักมากเลยนะครับรู้ตัวไหม” “……..” จู่ๆ ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากด้านล่างคลับฉันจึงชะโงกหน้ามองว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ดวงตาทั้งสองจะเบิกกว้าง “พะ พี่ลีวาย” ฉันอุทานชื่อของคนที่กำลังเดินเข้ามาในคลับเบาๆ พี่ลีวายมากับพี่คัลเลนและพี่คาแลน การปรากฏตัวของพวกเขาสร้างความฮือฮาให้กับสาวๆ ที่มาเที่ยวในค่ำคืนนี้เป็นอย่างมาก ทุกคนต่างจับจ้องไปที่พวกเขาทั้งสามคนด้วยความหลงไหลในรูปลักษณ์ที่ดูดีและใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรที่หลุดออกมาจากนิยาย รวมทั้งฉันที่ถึงแม้จะเคยเจอพี่ลีวายมาตั้งแต่เด็ก….แต่หัวใจก็ยังเต้นแรงทุกครั้ง “ชอบเหมือนกันหรอครับ” เสียงของแทนทำให้ฉันหลุดจากภวังความคิด “ปะ เปล่า” “ผมเห็นพี่มองซะนานเลย” “กะ กลับโต๊ะกันเถอะ” เพิ่งนึกขึ้นมาได้ถ้าเกิดพี่ลีวายเห็นฉันเขาคงพูดจาอะไรไม่ดีอีกแน่ๆ เพราะฉะนั้นฉันควรไปรวมกับกลุ่มเพื่อนๆ จะได้ไม่เป็นที่สังเกต ฉันจับมือแทนให้รีบกลับโต๊ะ ขณะที่กำลังเดินลงบันไดอย่างเร่งรีบ จู่ๆ ก็ชนเข้ากับแผงอกของใครก็ไม่รู้ “ขอโทษ…..” พอเงยหน้าขึ้นมองคนที่เผลอชนเข้าเสียงของฉันก็ขาดหายไป หัวใจดวงน้อยเต้นแรงพร้อมความรู้สึกกลัว “พะ พี่ลีวาย” เป็นพี่ลีวายจริงๆ ที่ฉันชนเมื่อครู่ ทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้ก็ไม่รู้วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห