ร่างเล็กค่อย ๆ เปิดประตูห้องอย่างเบามือ เกรงว่าจะรบกวนเต้หากอีกคนหลับไปแล้ว
“พี่เขมมาส่งมึงเหรอ”
คนที่คิดว่าเข้านอนแล้วกลับเอ่ยถามขึ้นมาผ่านความมืด อัยย์เอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟทำให้ภายในห้องสว่างวาบขึ้นมา
เพื่อนสนิทนอนตะแคงข้างหันมามองหน้าเขา รอฟังคำตอบ
“อือ” กระเป๋าสะพายใบเก่าใบเดิมที่ใช้มานานนับห้าปีถูกตั้งไว้ที่เดิมอย่างเป็นระเบียบ “ทำไมยังไม่นอน”
“รอมึง”
“บอกแล้วไงว่าให้นอนไปก่อนไม่ต้องรอ”
“ก็รอมึงจนมันชิน พอจะนอนก็นอนไม่หลับ”
อัยย์ส่ายหัวเบา ๆ พลางยกยิ้มเอ็นดูเพื่อนตัวเอง เสื้อยืดสีดำถูกถอดออกใส่ตะกร้าผ้าด้วยความเคยชิน ไม่ได้นึกเหนียมอายเพราะคิดว่าตัวเองก็ผู้ชายคนหนึ่ง
“นี่กูก็กลับมาแล้ว มึงนอนก่อนเลย กูไปอาบน้ำก่อน”
“เออ ๆ ไปอาบเถอะ”
ร่างบางหยิบผ้าขนหนูพาดบ่าก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปในทันที กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ปาไปตีหนึ่งกว่าแล้ว
ออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเต้หลับไปแล้ว ทั้งยังขยับเข้าไปนอนชิดผนัง เว้นที่ว่างที่ประจำไว้ให้อัยย์ เจ้าตัวเดินไปตากผ้าขนหนู พร้อมปิดไฟ เตรียมเข้านอน หลังจากเหนื่อยมาทั้งวันเขาก็จะได้พักผ่อนสักที
ทว่า.. แทนที่จะล้มตัวลงนอนแล้วจะเพลียหลับไป กลับเอาแต่คิดอยู่กับคำพูดของอาชิ พยายามหาคำตอบว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไรเขา แล้วคนคนนั้นที่อาชิว่าหมายถึงใคร
คุณชัชวินอย่างนั้นเหรอ?
ไหนจะเรื่องงานที่เขาอยากผันตัวจากเด็กเสิร์ฟไปเป็นพีอาร์ เหตุผลหลักเหตุผลเดียวก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเงิน
ทั้งที่ทำงานตั้งสามงานทุกวันตลอดทั้งสัปดาห์ แต่เงินก็ยังไม่เพียงพอ หากไม่มีหนี้มีสิน แค่ตัวเขาคนเดียวป่านนี้คงมีเงินเก็บเหลือเฟือ
ติดตรงที่เขมทัศน์ไม่เห็นด้วย ทั้งยังพูดให้เขากลับมาคิดใหม่อย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง มันก็จริงอยู่ที่งานนี้ต้องเปลืองตัว ซึ่งเขาเองก็ไม่ชอบอะไรอย่างนั้น แต่ให้ทำยังไงได้ หากมันเป็นตัวเลือกที่ทำให้เขาได้สิ่งที่ต้องการเร็วที่สุด
เสียงถอนหายใจหนักดังขึ้นท่ามกลางความมืด ท่อนแขนแข็งแรงวางลงบนอกเล็ก ฝ่ามืออุ่นตบลงที่บ่าเบา ๆ
“นอนได้แล้ว”
ทั้งที่คิดว่าเต้หลับไปแล้ว ทว่าจริง ๆ เพียงแค่นอนหลับตาไปเฉย ๆ เท่านั้น พลางเอ่ยบอกเพื่อนสนิทให้ข่มตานอน เมื่อถึงเวลาพักผ่อนก็ค่อยพัก หากปล่อยให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านอยู่อย่างนี้เกรงว่าร่างกายจะประท้วงขึ้นมาอีกสักวัน
จะบอกว่าหยั่งรู้ไปถึงความคิดของอัยย์ทุกอย่างก็ไม่ได้ เพียงแค่เข้าใจว่าเพื่อนของเขาคงมีหลายเรื่องให้ต้องคิด เขาจึงทำได้แค่อยู่ข้าง ๆ อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
“อือ ฝันดีนะมึง”
“ฝันดี”
…
“โธ่เว้ย!! อะไรวะ!”
เสียงโวยวายดังขึ้นด้วยความหงุดหงิด ไพ่กระดาษถูกปาลงบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ เล่นมานานนับสี่ชั่วโมงก็ยังไม่ชนะสักตา
วันนี้มันดวงซวยแท้ ๆ
เงินที่มีอยู่เพื่อตั้งทุนก็หมดไปเพียงชั่วพริบตา ไม่ได้อะไรกลับมาแม้แต่แดงเดียว ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอม ให้มันรู้ไปสิว่าวันนี้เขาจะไม่ชนะเลยสักครั้ง
ร่างสูงปลีกตัวออกมานอกบ่อน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาน้องชายเพียงคนเดียวที่เวลานี้คงจะทำงานอยู่ แต่ใครจะสนใจกันละ..
บันดาลโทสะที่มีคุกรุ่นอยู่แล้วกับพุ่งขึ้นสูงเป็นเท่าตัว เมื่อน้องชายตัวดีกลับปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือ
เงินนิด ๆ หน่อย ๆ ทำไมถึงให้พี่ชายคนนี้ยืมไม่ได้ มาอ้างว่าไม่มีเงินใช้ได้ที่ไหนกัน ทั้งที่ทำงานตั้งสองสามงานเงินหายไปไหนหมด
จ่ายหนี้ให้พ่อ? กับไอ้แค่เดือนไม่กี่บาทเงินที่ทำงานมาไม่เหลือเลยหรือยังไง
คำก่นด่ามากมายจากปากของคนเป็นพี่พรั่งพรูออกไปอย่างไม่คิด ไม่สนด้วยซ้ำว่าน้องชายจะรู้สึกอย่างไร
อย่างเรื่องหนี้ของพ่อคงจะหมดไปตั้งนานแล้วถ้าน้องตัวดีมันฉลาดสักหน่อย เพราะเขาเห็นสายตาไอ้เสี่ยโรคจิตนั่นแค่ครั้งเดียวก็รู้แล้วว่ามันต้องการอะไร
หากจำใจยอมมันในสิ่งที่มันต้องการนอกจากหมดหนี้แล้วมีหวังยังจะได้เสวยสุขอยู่อย่างสบายในบ้านหลังโตนั่นอีก
“เวรเอ๊ย! แล้วกูจะเอาเงินจากไหนวะ”
กระวนกระวายราวกับผีพนันเข้าสิง รู้ทั้งรู้ว่าอาจจะไม่มีทางชนะแต่ก็ยังดิ้นรนที่จะเล่นต่อให้ได้ ทางสุดท้ายที่คิดได้ตอนนี้คือกู้ยืมกับเจ้าของบ่อนที่นี่
ใคร ๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่านายใหญ่ของที่นี่คุยง่าย อนุมัติเร็ว ทว่ามีข้อตกลงและสัญญากู้ยืมที่ต้องเซ็น หากไม่สามารถจ่ายได้ตรงตามเวลาที่นัดไว้ ก็ต้องรับผลตามที่ตกลงไว้
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเพียงสองสามครั้งก็ได้ยินคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง ก้าวลูกน้องคนสนิทพาชายหนุ่มร่างสูงเข้ามาพบผู้เป็นนาย
“เฮียครับ คุณอาร์มต้องการทำสัญญากู้ยืมครับ”
แม้ว่าอาร์มจะเป็นแค่บุคคลธรรมดาไม่ได้มียศใหญ่โต ทว่าลูกน้องทุกคนที่ทำงานอยู่ที่นี้ถูกกำชับไว้อย่างดีว่าให้เคารพลูกค้าทุกคน ไม่อนุญาตให้ใช้ความรุนแรงภายในบริเวณสถานที่นี้เด็ดขาด
ถ้าเป็นที่อื่นก็อีกเรื่องหนึ่ง..
“ต้องการเท่าไรครับ”
“สามแสนครับ”
ตอบกลับอย่างมั่นใจ ไม่มีการตรึกตรองให้ถี่ถ้วนถึงความจำเป็น คนฟังยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ ไม่ได้ตอบกลับ เพียงเอื้อมมือไปหยิบเอกสารบางอย่างในลิ้นชักมาวางลงบนโต๊ะ
ก้าวผายมือเชิญอาร์มให้เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับผู้เป็นนายอย่างรู้งาน พลางบอกอาร์มแทนเจ้านาย
“อ่านสัญญาให้ถี่ถ้วนก่อนเซ็นนะครับ”
แววตาเป็นประกายวับขึ้นมาในทันที ไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ไม่มีการขอข้อมูลส่วนตัว หรือถามซักไซ้ใด ๆ อาร์มปรายตามองตัวอักษรในแผ่นกระดาษ ที่มีข้อตกลงอยู่ประมาณ 5-6 ข้อ ทว่าเขาแทบไม่ได้สนใจมันเท่าที่ควร แค่อ่านผ่าน ๆ ไปเท่านั้น ก่อนจะรีบหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นในช่องว่างที่เว้นไว้ตรงด้านล่างขวามือ
“เรียบร้อยครับ แล้วเงิน..”
ชัชวินลุกขึ้นเดินไปยังห้องที่อยู่ขวามือ เพียงครู่หนึ่งร่างสูงก็กลับมาพร้อมซองเงินตามจำนวนที่อีกอาร์มขอไว้
ใบหน้าเข้มยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะโค้งคำนับอีกฝ่าย พร้อมขอตัวออกไปภายในบ่อนต่อ
มุมปากหยักยกยิ้มราวกับเห็นเหยื่อติดเบ็ด อะไรที่คิดว่ายากจริง ๆ ก็ง่ายราวปอกกล้วยเข้าปาก
“อย่าลืมเรื่องที่ผมสั่งไว้ล่ะก้าว”
“ไม่ลืมครับเฮีย”
ก้าวลอบยิ้มให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะออกไปจากห้อง ปล่อยให้ชัชวินอยู่เพียงคนเดียว
ลิ้นชักข้างโต๊ะถูกเปิดออกอีกครั้ง กล่องสี่เหลี่ยมสีดำถูกหยิบออกมาเปิดออก ชัชวินหยิบสร้อยข้อมือมีจี้รูปดาวห้อยประดับอยู่สามสี่ดวง ทว่ากลับเป็นสร้อยที่ถูกดึงจนขาด พลางคิดถึงเหตุการณ์ในวันที่ได้สร้อยเส้นนี้มา เพราะเหตุผลบางอย่างที่เขายังเก็บเอาไว้ ทั้งที่มันไม่ได้มีราคาจนสามารถนำมาแลกเป็นเงินได้
“ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะอัยย์”
เอ่ยพึมพำเสียงเบากับตัวเองเท่านั้น แผ่นหลังแกร่งพิงพนักเก้าอี้หนังสุดหรู ทอดมองสร้อยข้อมือเส้นเล็ก ยกยิ้มอย่างมีเลศนัยบางอย่างที่ไม่สามารถคาดเดาไปถึงความคิดของชัชวินได้
ตลอดสองเดือนชัชวินโทรหาคนรักกับลูกทุกเวลาที่ว่างอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เขาอยากจะบินไปภูเก็ตใจแทบขาด ทว่างานรัดตัวจนไปไม่ได้ อีกทั้งไทท์ยังเอาแต่ห้าม ไหนจะโรงแรมที่จีนที่เขาต้องจัดการบัญชีทุกเดือน ยังต้องบินไปดูงานด้วยตัวเอง มีคุยงานกับนักธุรกิจหลายท่านเรื่องธุรกิจที่กำลังจะเริ่มลงทุนร่วมกันเร็ว ๆ นี้ เพราะแต่ละคนมีเวลาว่างต่างกัน ชัชวินจึงไม่สามารถไปไหนได้ ตารางงานแต่ละวันแน่นจนเขาอยากจะหนีไป แต่ก็ทำไม่ได้ทุกการเคลื่อนไหวของชัชวินไทท์ได้รายงานให้อัยย์ทราบทุกอย่าง เนื่องจากอีกฝ่ายขอร้องมา ไทท์เองก็ไม่อยากทำตัวเป็นนกสองหัว เพราะเหมือนกับกำลังทรยศเจ้านาย แต่ทว่าชัชวินไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรไม่ดี เขาจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไร หากบอกให้อัยย์ทราบ ดีเสียอีกที่อีกคนจะได้เห็นว่าเจ้านายของเขาปรับตัวเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อครอบครัวแล้วจริง ๆ ไม่ทำตัวเหลวไหล หรือมั่วผู้หญิงอย่างแต่ก่อนอัยย์จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ ทำเรื่องย้ายลูกไปเรียนที่กรุงเทพ ฯ โดยไม่บอกชัชวิน กะไว้ว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย โดยมีเขมทัศน์ช่วยเหลืออีกเช่นเคย“เราจะไปไหนกันเหรอม๊า” เด็กน้อยตาใสเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื
เวลาเกือบสองทุ่มครึ่งอัยย์ส่งลูกเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะลงมาหาคนที่ยังเอาแต่นั่งอ่านเอกสารหน้าเครียด ก่อนหน้านี้ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้วอัยย์ตั้งใจจะบอกให้ชัชวินกลับไป แต่พอเห็นว่าคนพี่กำลังตั้งใจทำงานก็ไม่อยากกวนคนตัวเล็กแอบทำอะไรเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในครัวประมาณยี่สิบนาที ออกมาพร้อมข้าวไข่เจียวร้อน ๆ คาดว่าชัชวินน่าจะหิว เพราะเมื่อตอนเย็นทานไปแค่นิดเดียวก็กลับมานั่งทำงานต่อ คงจะมีปัญหาตรงไหนสักอย่าง“ทานข้าวก่อนสิครับค่อยทำต่อ”ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองเด็กหนุ่ม จากที่ทำหน้าเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที ทว่าดวงตาคมดูล้ากว่าปกติ“ขอบคุณครับ แต่เฮียขอทำงานต่ออีกหน่อยเดี๋ยวค่อยกินครับ”“ไม่ได้ครับ” ตอบกลับเสียงแข็ง “กินก่อนเถอะครับ เมื่อตอนเย็นคุณกินไปแค่นิดเดียว กว่างานจะเสร็จหิวไส้กิ่วกันพอดี”“กินก็กินครับ ไม่เห็นต้องดุเลย”“ไม่ได้ดุสักหน่อย!”“นี่ไงหนูกำลังดุเฮียอยู่ชัด ๆ”อัยย์กรอกตามองบนพลางถอนหายใจ เบื่อจะเถียงกับคนแก่ ทว่าไม่ทันได้เดินออกไป อีกคนดันจับข้อมือรั้งเขาไว้เสียก่อน“มีอะไรครับ?”“มีเรื่องจะรบกวนครับ”“อะไรครับ?”“พอดีรู้สึกเหนื่อยมากเลยครับ อยากรบกวนขอกำลังใจเป็นกอด
เช้าวันนี้ดูเหมือนเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบสามปีของชัชวิน เสียงนกร้องดังอยู่บริเวณบ้านปลุกคนนอนหลับฝันดีให้ตื่นขึ้นมา ร่างหนาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้าน กลิ่นของอาหารหอมโชยมาจากในครัวชัชวินเดินมาตามกลิ่น คนตัวเล็กกำลังง้วนอยู่กับการทำอาหารมื้อเช้าสำหรับวันนี้ เด็กน้อยที่พึ่งตื่นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมานั่งเล่นรอมารดาตัวเองที่โต๊ะทานข้าว“อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช”ศรัณย์เอ่ยพูดประโยคที่ชัชวินเคยสอนเมื่อครั้งก่อน เพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ขึ้นใจ“อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์”ชัชวินยกยิ้มให้เด็กน้อย จากตอนแรกที่ได้เจอกันรู้สึกถูกชะตามากอยู่แล้วยิ่งรู้ว่าเป็นลูกชายของตัวเองแท้ ๆ เขายิ่งหลงรักเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าศรัณย์รู้ว่าเขาเป็นพ่อจะดีใจบ้างหรือเปล่าเขาไม่รู้ว่าอัยย์จะบอกลูกตอนไหน แต่ความร้อนใจของเขาเขาอยากให้ลูกรู้เร็ว ๆ ว่าเขาเป็นพ่อ เขาอยากแสดงตัวว่าเป็นพ่อ อยากทำหน้าที่ของพ่อ อยากชดเชยเวลาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทดแทนได้หรือเปล่าเขาก็อยากทำมันให้เต็มที่ เพื่ออัยย์และลูก“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาครับจะได้กินข้าว”เรื่องที
ร่างสูงโปร่งลงจากรถแท็กซี่ ตั้งสติให้ตัวเองทรงตัวก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังหน้าบ้านของคนที่เขาคิดถึง สองมือเกาะรั้ว ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของบ้านเสียงดังลั่น"อัยย์! อัยย์ครับ ออกมาคุยกับเฮียหน่อย อัยย์!"เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเรียกเจ้าของบ้าน เขมทัศน์ลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวมาเปิดประตู เห็นเพื่อนตัวเองยืนเกาะอยู่ที่รั้วไม้ จึงเดินเข้าไปหา“มึงมาที่นี่ได้ยังไง”อัยย์ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าชัชวินเคยมาที่นี่เมื่อครั้งก่อน เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร กลัวว่าหากเขมทัศน์รู้เข้าจะมีปากเสียงกับชัชวินเพราะเขาอีก“อัยย์! มาคุยกับเฮียหน่อย”“ถ้าเมาก็กลับไปไอ้ชัช อย่ามาสร้างความเดือดร้อนที่นี่” เขมเอ่ยขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย“มึงไม่ต้องเสือก”น้อยครั้งที่ชัชวินจะพูดหยาบคายกับเขม ทว่าครั้งนี้เขามีเรื่องไม่พอใจที่อีกคนโกหกจึงไม่คิดที่จะยั้งปาก อีกทั้งยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลังจากลูกค้านัดไปคุยงานนั่งดื่มกัน ชัชวินก็ซัดเหล้าเข้าปากเพราะความเครียดที่ตัวเองพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ได้ อย่างน้อยถ้าเมาก็คงกล้าทำอะไรมากขึ้น ตอนนี้เขาถึงได้มายืนอยู
หลังจากโดนอัยย์จับได้ว่าแอบเดินตาม ชัชวินก็ใช้เวลาอยู่สามสี่วันกับการกลั่นกรองความคิดตัวเอง เมื่อตกผลึกแล้วสิ่งเดียวที่ชัดเจนที่สุดคือความคิดถึง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งคิดถึง ไม่ว่าจะกินจะนอนก็อยากเจอหน้าให้ได้ ถ้าเป็นคนงมงายสักนิดคงคิดว่าตัวเองโดนของแน่ ๆร่างหนาเดินเลือกซื้อขนมที่เด็ก ๆ ชอบ ซึ่งถามความคิดเห็นจากไทท์ เพราะเลขาของเขามีลูกชายอยู่หนึ่งคน คงจะพอรู้ว่าเด็กผู้ชายชอบกินอะไร รวมถึงพวกของเล่นต่าง ๆเดินเลือกไปเลือกมาสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือตุ๊กตากระต่ายหูยาวสีขาว เพียงแค่ได้สัมผัสความนุ่มชัชวินก็ถูกใจทันที คิดว่าศรัณย์อาจจะชอบ ไม่ว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ขายก็ชอบตุ๊กตาได้ทั้งนั้น ทว่าลึก ๆ แล้วเขาจะใช้มันเป็นตัวแทนของเขาเอง“จะซื้อจริง ๆ เหรอครับ” คนที่โดนหิ้วให้ติดตามขับรถให้อย่างไทท์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“อือ ผมว่าน้องรัณอาจจะชอบ” ว่าพลางยกยิ้มราวกับคนมีความสุขเต็มเปี่ยม หลายวันที่ไทท์เห็นเจ้านายตัวเองเอาแต่ขมวดคิ้วเหม่อคิดอะไรอยู่กับตัวเองคนเดียว ทว่าวันนี้ราวกับคนละคนจ่ายเงินเสร็จก็มุ่งตรงไปที่บ้านของอัยย์ทันที ไทท์ลอบมองชัชวินผ่านกระจกหลังเป็นระยะ ดูท่าแล้วจะมีความสุขมากจริง ๆ ถ
แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างพาดผ่านผิวกาย กระทบใบหน้าหล่อเหลา เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นหรี่ตาปรับแสงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับเขยื้อนร่างกาย รู้สึกปวดเมื่อยจากการนอนขดตัวอยู่นโซฟาหลายชั่วโมงดวงตาคมหลุบลงมองผ้านวมผืนหนาที่คลุมร่างของเขาอยู่ จำได้ว่าเมื่อคืนอัยย์ไม่ได้เอามาให้ งั้นคงเอามาห่มให้เขาตอนเขาหลับไปแล้วแน่ ๆ พลันความคิดเข้าข้างตัวเองเกิดขึ้นในหัวมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเผลอไผลทว่าต้องสะดุ้งตกใจเมื่อหันห้ามาเจอเด็กน้อยหน้าตาสดใสกำลังจ้องมองเขาไม่ละสายตา ชัชวินส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์""อรุณสวัสดิ์คืออะไร" เด็กน้อยทำหน้าตาสงสัยในคำที่ตัวเองไม่เข้าใจ"อรุณสวัสดิ์ก็คือสวัสดีตอนเช้า""อืม รัณเข้าใจแล้ว อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช"ความสดใสจากเด็กคนนี้ทำให้เขาอดนึกถึงภาพของอัยย์ตอนยิ้มร่ามีความสุขไม่ได้ แม่กับลูกเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน"ทำไมรัณตื่นเช้าจังครับ" จริง ๆ ก็ไม่ได้เช้าอะไรมากมาย ตอนนี้ก็เกือบจะแปดโมงแล้ว"มะม๊าบอกว่าถ้าตื่นสายจะติดเป็นนิสัย ทำให้เป็นเด็กขี้เกียจ รัณไม่อยากเป็นเด็กขี้เกียจ" เด็กช่างพูดจำที่มารดาบอกได้ขึ้นใจ"แล้