Mag-log in
สิ้นเสียงของพี่ยิ้ม น้ำผลไม้ที่แม็กเพิ่งทำให้ในมือถึงกับชะงัก เธอที่เพิ่งจะดูดเข้าไปเพียงครั้งเดียวหันไปมองตามเสียง พลันยื่นน้ำแก้วนั้นกลับคืนให้คนตรงหน้าทันทีที่หันกลับมา
“อร่อยจริงๆด้วย แต่ฝากไว้ก่อนนะ”
“อ่า...”
คนตัวสูงรับมาถือไว้อย่างรู้งาน มองตามแผ่นหลังที่เดินเร็วออกไปแล้วอมยิ้ม จากนั้นจึงจะนำน้ำแก้วนั้นไปแช่ตู้ให้ เผื่อเธอจะมีโอกาสได้กินต่อ
พะแพงพาตัวเองมายืนรวมกันกับเพื่อนร่วมงานในร้านอีกหกคน สองในหกเธอรู้จักส่วนที่เหลือแค่เคยเห็น และแน่นอนเพียงแค่ยืนไม่ทันได้เอ่ยปากทักทายใครก็รับรู้ถึงพลังงานด้านลบถูกส่งมาให้กันก่อนซะแล้ว หากแต่เธอไม่ได้สนใจสิ่งนั้นมากไปกว่ากลุ่มคนมากมายตรงหน้า ที่กำลังพากันเดินเข้ามา ทีละคนสองคน โดยมียิ้มเป็นคนนำทางพาไปยังห้องรับรองที่เปิดรอเอาไว้
“ฟ้า แกดู..”
“เห็น ฉันเห็น”
“ใครอ่ะแกหล่อมาก ว้ายหล่อ”
“อะไรจะขนาดนั้น เขาเป็นลูกรักพระเจ้าเลยป่ะ”
เสียงซุบซิบลอยมาจากฝั่งซ้ายมือ ถึงไม่ได้อยากฟัง แต่ด้วยความที่ยืนใกล้กันจนเกินไปทำให้ได้ยินอย่างชัดเจน อาจเป็นเพราะแพ้เสียงในหัวบวกกับการอยากรู้อยากเห็นจึงต้องหันไปมองตาม และพบว่าสิ่งที่สองคนนั้นพูดไม่เกินจริง คนบางคนก็โดดเด่นซะจน...ไม่ยุติธรรมกับคนที่มาด้วย
พะแพงพยายามจะไม่มองนานให้เป็นที่สังเกตของเพื่อนจนโดนเขม่น แต่กลับไม่สามารถละสายตาจากดวงตาคมกริบที่ส่งมาจังหวะเลี้ยวเข้าไปในห้องนั้นได้เลย
ถ้าไม่ได้คิดไปเอง เธอรู้สึกว่าจังหวะหมุนตัวผ่านประตูห้องเขามองมายังเธอด้วย
“ส้ม เห็นไหมพี่เขามองฉันด้วยแหละ”
“มองฉันต่างหากล่ะ”
แต่แล้ว ความคิดนั้นเกิดสะดุดกลางคัน เมื่อคำถกเถียงของคนข้างๆที่ไม่มีใครยอมใครลอยมาปะทะหู คนตัวเล็กเผลอถอนหายใจแรง ซึ่งนั่นเป็นจังหวะที่ยิ้มเดินมาพอดี
“แพง”
“แพงต้องทำอะไรบ้างคะพี่ยิ้ม”
คราวนี้วนกลับมาเรื่องเดิมที่เคยวิตกกังวลต่อ เพียงเห็นสายตาคมกริบนั้นที่ไม่ได้ออกมาจากความยินดียินร้าย แต่ว่างเปล่าซะจนคาดเดาไม่ออก ดาเมจรุนแรงชนิดที่ว่าสบตาเพียงเสี้ยววินาทีสามารถจดจำรายละเอียดของความรู้สึกได้แม่น หากแต่เธอเป็นมืออาชีพ ความประหม่าจึงถูกเก็บไว้อย่างดี
“แขกมาหลายคน บางคนพาลูกและภรรยามาด้วย โซนห้องรับรองห้องเดียวคงไม่พอ เดี๋ยวพี่จะลองเข้าไปคุยกับเขาก่อน เผื่อเขาต้องการเปิดอีกห้อง รอเดี๋ยวนะ”
“ค่ะพี่”
คนตัวเล็กทำตามอย่างที่ยิ้มว่า บอกให้เธอรอเธอก็ยืนรอจริงๆ ส่วนคนอื่นๆและอีกสองคนตอนนี้เดินหายเข้าไปในกลุ่มลูกค้าแล้ว เธอยืนมองยิ้มที่กำลังพูดคุยกับแขกท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วเผลอเรียนรู้ไปในตัว เห็นเธอชี้ไปทางห้องอีกห้องที่ปิดเอาไว้แล้วพยักหน้า จึงเดาว่าแขกตกลงแยกห้องอย่างที่ยิ้มไปเสนอให้ เพื่อจะได้สะดวกต่อการดูแลอย่างทั่วถึง และไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพนักงาน
“เดี๋ยวแพงดูแลโซนนี้นะน้อง ไม่มีอะไรมากจ้ะ แค่เห็นเครื่องดื่มแขกใกล้หมดก็ชงเพิ่ม แขกต้องการอะไรก็มาบอกพี่ พี่ต้องไปดูแลโซนอื่นด้วย ถ้าไม่มีปัญหาอะไรจะเดินมาดูบ่อยๆนะ”
“ให้แพงดูแลโซนนี้...เหรอคะ”
คนตัวเล็กเผลอมองเข้าไปข้างใน จังหวะพูดเห็นคนตัวสูงนั่งมองอยู่ด้วยท่าทางนิ่งเฉยพลันสะดุ้งหันกลับมาหายิ้มแทบไม่ทัน
“ใช่จ้ะ ทำไมเหรอ?” กลายเป็นยิ้มต้องมองตามเธอด้วย “แพงรู้จักเขาเหรอ”
“ปะ เปล่าค่ะ แพงแค่เห็นว่าห้องนั้นคือผู้ชายหมดเลย แพงกลัวว่าจะทำให้เขาไม่ประทับใจ”
“อย่าคิดมากสิ นั่นเป็นหัวหน้าช่างทั้งหมดเลยนะ ระดับนั้นเขาไม่มาสนใจเราหรอก แค่อย่าซุ่มซ่ามทำอะไรหกใส่เขาก็พอ”
“อ่า.. ค่ะ”
แม้จะเข้าใจที่ยิ้มพูด ถึงยังไงเธอก็กังวลอยู่ดี ทว่ามาถึงขนาดแล้วจะให้ทำตัวมีปัญหา งอแงใส่ก็คงไม่ใช่เรื่อง
“โอเค ตามนั้นเนอะ เดี๋ยวพี่มา”
“อ่าวพี่ยิ้ม แล้วพวกเราละคะ”
ไม่ทันที่ร่างบางในชุดเดรสสั้นสุดเซ็กซี่จะเดินออก ส้มและฟ้าก็เดินเข้ามาขวางไว้ พะแพงเห็นรุ่นพี่ถอนหายใจด้วย จังหวะหันมองพวกนางสลับกับเธอ
“พวกเราน่ะไปดูอีกโซนเถอะ แพงมันเพิ่งมาทำ ก็รู้ไม่ใช่เหรอลูกค้าที่มาเป็นครอบครัวมีเด็กด้วยเป็นแบบไหนเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมาโดยที่พี่ไม่อยู่ พวกเรามืออาชีพกว่าสามารถแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้”
ด้วยเหตุผลยาวเหยียดนี้ละมั้งที่ทำให้พวกนั้นไม่กล้าขัด แต่ก็ใช่ว่าจะเต็มใจ ก่อนไปยังเห็นหันมาแยกเขี้ยวใส่เธออยู่เลย
“ไหวไหมแพง”
“ไหวค่ะพี่”
“โอเค ฝากด้วยนะ พี่ต้องไปแจงงานกับนักดนตรีด้วย วันนี้มีมาใหม่อีกสองวง”
คนตัวเล็กส่งยิ้มกว้างให้ พอรุ่นพี่หันหลังก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อนทันที ความประหม่าที่มีอยู่ก่อนหน้ากลับเข้ามาแทรกอย่างเต็มที่ก็ตอนที่เธอยืนอยู่คนเดียว หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึกเพื่อเรียกสติ พลันเดินเข้าไปในจังหวะที่อาหารซึ่งจัดเตรียมไว้ก่อนแล้วทยอยลงโต๊ะพอดี
“น้องดูแลพวกพี่เหรอครับ”
เสียงหนึ่งในนั้นเรียกสติที่กำลังขาดห้วงฟื้นคืนกลับมา พะแพงหันไปตามเสียงแล้วยิ้มให้
“ใช่ค่ะ คุณลูกค้ารับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีคะ”
“เรียกพี่ก็ได้น้อง คนกันเอง” คนนั่งฝั่งขวาแทรกเข้ามา ตอนเธอหันไปมองคนพูด สายตาแวบไปเห็นอีกคนหนึ่งด้วย ถ้ามองไม่ผิดเขากำลังนั่งดูอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ “ว่าแต่น้อง เพิ่งมาใหม่เหรอครับ พี่ไม่เคยเห็น”
เดาว่าสองคนที่กำลังคุยกับเธอนี่ขาประจำ ส่วนอีกคน... พะแพงเกือบลืมตัวเผลอสะบัดศีรษะ นาทีที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเธอกำลังสนใจอีกคนมากกว่าสองคนที่กำลังชวนเธอคุย
“ปกติเป็นผู้ช่วยเชฟในครัวค่ะ วันนี้ขาดคนเลยมาช่วยพี่ๆ”
“อ่า..” คนถามพยักหน้า และหันไปหาเพื่อน “ถึงว่า...ไม่เคยเห็น แต่สวยอย่างนี้ออกมาอยู่ข้างนอกดีกว่าครับ พี่เสียดาย”
คนตัวเล็กไม่ทันเห็นว่าจังหวะที่อีกคนพูด มีอีกคนที่เงียบมาตลอดเหลือบตาขึ้นมามอง ทว่าแวบเดียวเท่านั้นก็กลับไปมองโทรศัพท์ต่อ ซึ่งในนั้นมีงานคั่งค้างที่เขาจะต้องเคลียร์ให้จบวันต่อวัน เผื่อเกิดเมาไม่ได้สติ
“พวกพี่สองคนดื่มวิสกี้”
“ค่ะ แล้วพี่อีกคน...”
คนตัวเล็กพยักหน้ารับ พลันหันไปหาอีกคนที่เอาแต่เงียบ ก้มมองแต่โทรศัพท์ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เมื่อเห็นเขาไม่มีทีท่าว่าจะตอบความอึดอัดจึงมาตกอยู่ที่เธอ หญิงสาวหันมองเพื่อนของเขาคล้ายเป็นการขอความช่วยเหลือ
“เอ่อ...หัวหน้าครับ”
“...อืม”
“ดื่มอะไรดีครับ”
“อะไรก็ได้”
ขนาดเพื่อนที่มาด้วยกันยังเกาสันจมูก นับประสาอะไรกับเธอที่เป็นแค่พนักงาน และคำตอบที่ได้รับคนตัวเล็กงงกว่าเดิม คราวนี้เธอถึงกับขบริมฝีปาก นั่นหมายความว่าความลำบากมาตกอยู่ที่เธอ เพราะนอกจากจะรับหน้าที่คนดูแลแล้ว ยังต้องคัดสรรเครื่องดื่มที่ดีให้อีกด้วย เธอกำลังจะอ้าปากเสนอตัวเลือก แต่พอเห็นคนที่ช่วยถามให้ก่อนหน้านี้พยักพเยิดหน้า จึงก้มศีรษะและเดินออกไปในที่สุด
“รอสักครู่นะคะ”
เธอคิดว่าควรจะไปถามแม็ก ให้เขาช่วยเลือกจะดีกว่า
จาก อาคีรา เบญ xxx-xxx000-0ดวงตากลมหรี่แคบเนื่องจากรู้สึกแสบร้อนหลังไม่ได้กะพริบมาหลายวิ ขณะเปิดดูรายการธุรกรรมในธนาคารของตัวเอง และพบว่าใครเป็นคนโอนมา ไม่ต้องคิดนานก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา คู่กรณีของเธอเมื่อคืนมันเยอะเกินจนเธอเป็นกังวล และไม่กล้านำออกมาใช้ แม้ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้จะเป็นแก้วละห้าหมื่น แต่เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ดื่มเยอะจนเขาต้องจ่ายเป็นแสน และต่อให้เป็นค่านั่งดริงก์ทั้งคืน ครึ่งล้านก็ไม่น่าจะถึง อีกอย่างเธอไม่เชื่อว่าคนโอนให้จะไม่มีอะไรแอบแฝงด้วย!ด้วยความกลัวบวกกับความไม่สบายใจ เธอจึงเปิดอินเตอร์เน็ตเข้าไปหาชื่อของเขา เพียงพิมพ์แค่ชื่อไม่ทันได้พิมพ์นามสกุล รูปของเขาก็โชว์หราเต็มจอ ตึกบ้าน คอนโด โครงการเป็นหมื่นล้าน ราวกับจะต้องเรียกเขาว่าเจ้าอสังหาริมทรัพย์!“.....!!”พะแพงในตอนนี้คือช็อคไปแล้ว เธอนั่งตัวแข็งทื่อ หากแต่นิ้วนั้นกำลังเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ภาพเขายืนโดดเด่นรวมกลุ่มอยู่กับนักธุรกิจด้วยกัน ส่วนใหญ่ผู้คนเหล่านั้นต่างมีดีกรีเป็นคนชั้นสูง ซึ่งไม่ใช่เจ้าของก็เป็นทายาทอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น บางรูปเขายังถ่ายกับดารา หรือนักร้องชื่อดังด้วย ในขณะบางคนเธอยังเป็นแฟนค
คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากโซฟาเกือบหัวคะมำ โดยร่างสูงที่อยู่ๆ ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา เขาต้องการจะพาเธอไปที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก หากแต่จังหวะนั้นเหนือเมฆผลักประตูเข้ามาซะก่อน และนั่นทำเขาหัวเสียไม่น้อย“เฮ้ยๆ จะพาน้องเขาไปไหน”“โรงแรม..”อีกมือที่ว่างดันคนยืนขวางประตูให้ถอยห่าง ทว่ากลับต้องฉุนอีกครั้งเมื่อถูกเขายื้อแขนเอาไว้ และไม่มีทีท่าจะว่าจะหลบไป แรงนั้นกระชากคนตัวเล็กจังหวะพุ่งไปข้างหน้าแต่ถูกกระชากกลับมาข้างหลังถึงกับเวียนหัว โชคดีที่เขาคว้าทันจังหวะหันไปเห็น และกลัวเธอจะล้มจึงโอบเอวไว้“ใจเย็นก่อนไอ้เสือ” ทั้งที่รู้ยิ่งเมาเพื่อนของเขาจะยิ่งหัวร้อน การไปขวางทางกันแบบนั้นมีแต่เสี่ยงจะเสียชีวิต หากแต่จำเป็นต้องทำเพราะความเป็นห่วง ดูท่าเพื่อนเขาเองก็เมาไม่เบา ถึงได้ขาดสติลากเด็กออกจากร้านอย่างประเจิดประเจ้อแบบนี้ “ใจเย็นแล้วฟังกูก่อน มึงจะลากน้องเขาไปแบบนี้ไม่ได้ มึงดูสภาพน้องเขาด้วย กล้องวงจรปิดเต็มไปหมด อยากโดนข่าวดราม่ารึไง เรามันนักธุรกิจดังนะโว้ย”คราวนี้เขานิ่ง ประหนึ่งกำลังฉุกคิดตามคำเตือนเพื่อน หันมองคนตัวเล็ก ที่ขนาดทรงตัวยืนยังต้องใช้การบังคับจากเขาเลย และเมื่อเห็นด้วยร
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงเพลงในผับ แต่ดังอยู่ภายนอก มีแค่เสียงเบสเท่านั้นที่เล็ดลอดเข้ามาได้ ทั้งห้องมีแค่พวกเขาสองคน อีกสองคนไม่อยู่แล้ว พวกเขาพากันหายไปตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อน ไม่มีวี่แววจะกลับมา นานจนเธอแอบคิดติดตลกว่าบางทีพวกเขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำกันที่บ้านคนตัวเล็กมองแก้วช็อตที่วางว่างเปล่าเรียงกันอยู่สองแก้วด้วยดวงตาพร่ามัว ส่วนในมือถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง และถ้ากระดกเข้าไปอีกคงจะเป็นแก้วที่สาม และแน่นอนเมื่อเหลือบไปเห็นคนข้างกายนั่งเฉยไม่ไหวติง เธอจึงกระดกรวดเดียวหมด ทว่าทันทีที่หมด แก้วใบนั้นก็ถูกฉกไปด้วยมือของเขา“เต็มที่ได้แค่นี้” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู “มากกว่านี้เดี๋ยวมันจะไม่สนุก”ไม่พูดเปล่า แต่มือใหญ่ที่ไม่ได้สากมากถูกยกมาวางไว้บนต้นขาเนียนด้วย พลางใช้ท้องนิ้วหัวแม่มือกดลงมาเบาๆ สลับกับการลูบไล้ไปมา และไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นไม่คิดจะปัดป่ายหรือเพราะเธอเมาแล้วทีแรกกะจะดื่มแค่แก้วเดียวตามแผนที่คิดไว้ เพราะเงินแค่นั้นสามารถเอาตัวรอดได้หลังลาออกจากงาน และระหว่างหางานใหม่ แต่ด้วยแรงกดดันจากการถูกคะยั้นคะยอย่างเหนือชั้นจนเกินไป ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง“ใค
เอาเข้าจริงเธอก็เกร็งไม่ใช่น้อย เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตอบตกลงเขาไปแล้ว ร่างบางยืนประจันหน้ากับเขา ด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ระดับของชายผ้าพ้นเข่ามาคืบนึง เธอจำได้ชุดนี้ยิ้มเคยใส่ และเธอก็เอ่ยปากชมว่าหล่อนสวย แต่หารู้ไม่เมื่อมาอยู่บนตัวเธอกลับสวยยิ่งกว่า มันทั้งเซ็กซี่และเย้ายวนในเวลาเดียวกันท่ามกลางการมองอยู่ของชายชุดดำที่แค่นั่งเฉยๆ ยังดูน่าค้นหา เขามองเธอนับตั้งแต่เดินเข้ามา มองตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากัน ด้วยสายตานี้ แววตานี้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าด้วยกลอุบายใดของใคร นั่นหมายความว่าไปเปิดทางให้เขาได้เดินเข้ามาแล้วกึ่งหนึ่ง“จะ จะให้นั่งตรงไหนคะ”เสี่ยคิระเลิกคิ้วสูง คำถามของเธอราวกับปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ขณะจ้องมองคนตรงหน้าแบบตาไม่วางตา เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่าไม่สามารถละสายตาไปไหนได้“ตรงนี้ก็ได้”มือหนาตบเบาะตรงที่ว่างข้างๆ พลางกระเถิบไปฝั่งซ้ายที่มีลลิสานั่งอยู่และหล่อนก็กระเถิบหลีกให้ตามสัญชาตญาณไปประชิดกับอีกคน ปลุกให้อีกคนหลุดจากการเหม่อลอยตื่นตามกัน ละสายตาจากการมองแก้วบรั่นดีในมือมาสนใจพวกเขาทั้งหมด แต่พอสายตาไปปะทะกับคนคู่นั้น ถึง
พะแพงเพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกคอแห้ง กลืนก้อนแข็งติดคอก็คราวนี้ เป็นสิ่งที่มาพร้อมๆ กับความตกใจ และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใบหน้าของเธอร้อนวูบขณะสบตากับเขา ร่างสูงในชุดดำทั้งชุดจ้องเขม็งมา ราวกับว่าเขานั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“พี่ยิ้ม?”คนตัวเล็กหันไปเค้นเสียงใส่รุ่นพี่ วินาทีแรกยังคงมองหล่อนในแง่ดีอยู่ คิดว่าไม่รู้เรื่องราว แต่พอได้ยินประโยคนั้นจากปากของเกียรติ แทบจะล้มทั้งยืน“ยิ้มไปพูดอีท่าไหนน้องถึงยอมมา” เขาทำราวกับเป็นเรื่องน่าขัน พลันหันไปทางอีกคนที่เอาแต่นั่งทำหน้าเรียบ แต่ไม่คิดจะละสายตาออกไปจากเธอ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับเสี่ย”“จะรีบไปไหน อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกันก่อน”เห็นได้ชัดว่าเกียรติหน้าถอดสี เมื่อไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา แต่ขอให้อยู่ต่อเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อน ความคิดที่ต้องการหลบหลีกไม่กล้าเผชิญหน้ากับพะแพงจึงหายไปทันที เสมือนคิระรู้ ถึงได้ยกยิ้มริมฝีปากหยัก จังหวะรินบรั่นดีเพิ่มในแก้วตัวเองอย่างพอใจ“จะไปบอกเด็กให้นำค็อกเทลชุดพิเศษสำหรับวันเกิดมาให้น่ะครับ”“ไม่ต้องหรอก กูกับเพื่อนไม่ดื่มค็อกเทล”จังหวะนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าลลิสาเพื่อนของเข
เกียรติชะลอรถช้าลงขณะถึงที่หมายและกำลังเลี้ยวเข้าซองจอดที่ประจำของตัวเอง หน้าจอโทรศัพท์กะพริบถี่แจ้งหมายเลขของคนคุ้นเคย ที่พักนี้โทรบ่อยซะจนน่าใจหาย เริ่มเป็นห่วงชีวิตของตัวเองและกังวลมากขึ้น ถึงชะตากรรมที่เสี่ยงขาดสะบั้นในไม่ช้านี้ทันทีที่เขาเห็นชื่อถึงกับใช้เกียร์ถอยไม่ถูก กว่าจะหาองศาจอดให้เรียบร้อย สายนั้นก็ถูกตัดไปเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะโทรกลับในเวลาไล่เลี่ยกัน“ขอโทษทีครับคุณปุณ ผมกำลังจอดรถถึงร้านพอดี มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”(เปล่า แค่จะบอกว่านายกูอยู่ร้านมึง)ได้ยินอย่างนั้นเจ้าของร้านถึงกับหูดับทันที พร้อมใบหน้าร้อนวูบ ใจสั่นอัตโนมัติราวกับคนหิวจัดแต่ไม่มีเวลากิน“ครับ? ตอนนี้นะเหรอครับ”(ใช่ นายพาเพื่อนไปจัดงานวันเกิด กูรอรับอยู่ข้างนอก ส่วนข้างในยกให้เป็นหน้าที่ของมึง ดูแลดีๆ ล่ะ ถ้าเป็นไปได้อย่าขัดใจนาย เขาเพิ่งจะทะเลาะกับพี่ชายมา)นี่ไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการบอกกล่าวและตักเตือน ประหนึ่งว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ถ้ามีบางอย่างผิดพลาด เผลอทำนายเขาไม่พอใจ เกียรติหน้าเสีย จังหวะนั้นการพาตัวเองไปข้างหน้าแทบจะลอยไปมากกว่าเดิน โชคดีที่ขาไม่สะดุดจนพาตัวเองล้มลงให้ขายขี้หน้าลูก







