Mag-log in
พะแพงเดินออกมาที่บาร์น้ำ แม็กเข้าใจว่าเธอจะกลับมาเอาน้ำเตรียมจะเดินไปที่ตู้เย็น แต่พอเห็นเธอขยับปากพูดซึ่งแข่งกับเสียงดนตรีสดที่เล่นเพลงแนว Acoustic ถึงกับต้องหันกลับไปเท้าบาร์ใหม่ เพื่อตั้งใจฟังสิ่งที่เธอพูด
“ห๊ะ ขออีกที”
“ถามว่า พอจะมีเมนูเหล้าแนะนำไหม”
“ทำไมอ่า”
“แขกอีกคนโคตรตึงเลย ไม่ยอมบอกว่าตัวเองจะดื่มอะไร แต่ให้แพงคิดแทน”
พะแพงอธิบาย ถึงแม็กจะฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ทว่าเดาจากสีหน้าของเธอก็พอจะรู้กำลังหงุดหงิด จึงเลี่ยงที่จะมองไปยังห้องนั้นไม่ได้ แม้ไม่เห็นบุคคลที่เธอพูดถึงเพราะกระจกค่อนข้างขุ่นและทึบแต่สัญชาตญาณกลับทำงานไปก่อนแล้ว
“แล้วเพื่อนเขาเอาอะไร”
“วิสกี้”
“วิสกี้?”
“อืม ทั้งสองคนเลย ส่วนอีกคนมีปัญหา ไม่น่าจะพาวิญญาณมา ...เอาอะไรให้เขาดี?”
“ก็ให้ดื่มเหมือนเพื่อนไปไง”
พะแพงคิดตาม น่าแปลกที่ความเห็นของแม็กทำให้คิ้วของเธอขมวด เผลอไปนึกถึงสรรพนามที่เพื่อนเขาเรียก จึงรู้สึกไม่เห็นด้วยขึ้นมา
“เขาน่าจะเป็นหัวหน้าของอีกสองคนนะแม็ก แพงได้ยินเขาเรียกแบบนั้น ถ้าเหมือนกันมันจะดีเหรอ”
“แปลกตรงไหน ก็เขาไม่เลือกเอง”
มันก็จริง.. ทว่าเธอยังรู้สึกแปลกๆอยู่ อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรพิเศษขึ้นมาสักนิด ถึงฤทธิ์ของเหล้ามันจะเหมือนกันทุกตัว แต่เอกลักษณ์ของมันต่างกันโดยสิ้นเชิง
“บรั่นดีแม็ก ของเขาเอาบรั่นดี”
“หืม?”
เพราะอยากให้ดูพิเศษขึ้นมา เธอถึงเลือกบรั่นดีที่หมักจากผลไม้ มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์มากกว่าวิสกี้ที่หมักจากธัญพืช
“ตามนั้นล่ะ”
“โอเค วิสกี้สอง บรั่นดีหนึ่งนะ”
“อืม..”
“รับทราบ”
ระหว่างรอ พะแพงกวาดสายตามองไปรอบๆ เธอเห็นยิ้มกำลังวุ่นอยู่กับการดูแลลูกค้า ดูก็ออกว่าหล่อนแสนจะเหนื่อย เนื่องจากลูกค้าเยอะจนหัวหมุน กลับต้องยิ้มกว้างเพราะงานบริการ เมื่อย้อนมาถามตัวเองถ้าต้องไปยืนจุดนั้นจะทำได้ดีเท่าหล่อนไหม คำตอบมาแบบไม่ต้องคิดนานเลยคือ ตอนนี้พาเครื่องดื่มสามแก้วไปหาเจ้าของอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องเสี่ยงสะดุดล้มระหว่างทางให้ได้ก่อน น่าจะดีกว่า
“เฮ้อ...”
“อะ เสร็จแล้ว เครื่องดื่มสามแก้วครับ ถือดีๆล่ะ”
พะแพงพยักหน้ามองเครื่องดื่มที่ถูกผสมกับมิกเซอร์แล้วเผลอยิ้ม มองหน้าคนชงอย่างชื่นชมอย่างเผลอไผล เนื่องจากทั้งสีและการตกแต่งของมันออกมา ดูน่ากินไม่เลวเลย
“อ่า..”
“เดี๋ยวอีกสักพักก็น่าจะยกขวดแล้ว ทรงนี้ออนเดอะร็อก น่าจะเหมาะกับพวกเขามากกว่า”
อยากจะหัวเราะ แต่จังหวะนั้นคนตัวเล็กสอดแขนยกถาดขึ้นมาเตรียมจะเดินแล้ว จึงทำได้แค่ยักคิ้ว แสดงออกว่าเห็นด้วย แน่นอนภาพนั้นคงติดตาแม็กไปอีกนาน เพราะไม่คิดว่าการได้อยู่ใกล้ๆ เห็นเธอแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้าแบบหลากหลายอารมณ์ จะดีขนาดนี้
“คนบ้าอะไร สวยแม่งทุกมุม”
เครื่องดื่มสามแก้วถูกยกเข้ามาโดยคนตัวเล็ก หนึ่งในนั้นรีบลุกมาเปิดประตูให้ทันทีที่เห็น เธอย่อเข่าแทนการขอบคุณ พลันวางลงบนโต๊ะทีละแก้ว ตรงหน้าเจ้าของทีละคน จนกระทั่งแก้วสุดท้ายไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ร่างสูงซึ่งกำลังนั่งคุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่ตายสนิท หันมาเลิกคิ้วสูงให้กับเธอ เมื่อเห็นว่าเป็นเครื่องดื่มที่สั่งมาจึงพยักหน้ารับรู้ เดาว่าคงกำลังหงุดหงิดคนปลายสาย คนตัวเล็กเห็นว่าบรรยากาศในห้องตอนนี้ ทั้งสามคนได้เปลี่ยนไปเป็นหมวดพระจันทร์แล้ว จึงถอยออกมาหลบมุม ที่อยู่ห่างกันพอสมควร แต่สามารถเรียกหาได้ตลอด
เวลาผ่านไปนานพอสมควร พื้นที่ที่ยิ้มดูแลทิ้งช่วง แขกเริ่มเข้าหมวดสนุกกันเอง จึงมีเวลาว่างแวะเวียนมาหา เทียวมาถามเธออยู่บ่อยๆว่าแขกเอ็นจอยมีปัญหาตรงไหนไหม เธอจะบอกอย่างไรดี พวกเขานั้นเข้าสู่หมวดเครื่องบินไปตั้งแต่ช่วงแรกแล้ว
“เขาเปลี่ยนเป็นเพียวกันแล้วเหรอ”
“ค่ะพี่ยิ้ม”
“คอแข็งน่าดูเลยนะ”
อย่างที่แม็กบอกไม่มีผิด เธอได้เดินเพียงรอบเดียวเท่านั้น รอบที่สองพวกเขาก็ขอเปลี่ยนจากแก้วเป็นขวด กลายเป็นเธอจากที่ยืนสบายๆในทีแรกต้องมาคอยเติมให้ ทว่านั้นก็เพียงครั้งคราวเมื่อพวกเขาพากันรินเองในช่วงหลัง อาจเพราะไม่ทันใจ
“แขกบางส่วนที่มาด้วยกันทยอยกลับบ้างแล้ว น่าจะเหลือแค่ห้องนี้ล่ะมั้งที่อยู่ดึก คงไม่มีอะไรมากแล้วล่ะ ถ้าถึงเวลาปกติที่แพงเลิกงานก็กลับได้เลยนะ เดี๋ยวพี่ดูแลต่อเอง”
ถึงว่าเธอเห็นหลายคนเดินเข้ามาในห้องรับรองที่เธอดูแล และมักจะตรงไปหาเขา บางคนยกมือไหว้ บางคนจับมือ มากสุดคือโค้งตัวคล้ายคำนับ เพื่อบอกลาเขานั่นเอง เช่นนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะทำตัวสุขุมดูนิ่งสงบ สมกับเป็นระดับหัวหน้า หากแต่อีกสองคนในห้องไม่ค่อยเกรงกลัวเท่าไหร่ น่าจะสนิทกับเขามากกว่าคนอื่นๆ
“ได้ค่ะพี่ยิ้ม”
คนตัวเล็กเผลอยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เพราะพรุ่งนี้เธอมีนัดดูหนังกับม่อนและบาสเพื่อนที่มหาลัย ได้กลับเวลาปกติก็คงดีมากๆ จะได้ไม่ผิดนัดอีก เดือนนี้เธอผิดนัดพวกเขามาแล้วถึงสามครั้ง หากมีอีกครั้งคงพากันน้อยใจเลิกคบเธอเป็นแน่
“ถือว่าเก่งมากเลยนะ ขนาดครั้งแรก หรืออันที่จริงเพราะแพงสวยก็ไม่รู้ แขกถึงดูสบายใจ”
คราวนี้ยิ้มเขิน ซึ่งตอนนั้นเธอคงไม่รู้ว่ารอยยิ้มหวานราวกับน้ำผึ้งของตัวเองได้ไปสะดุดเข้ากับคนเมาถึงสองคน กำลังมองมาทางนี้ เป็นลูกค้าโซนอื่นที่จะต้องเดินผ่านหน้า จุดมุ่งหมายคือห้องน้ำนั่นเอง
“ใครวะ ไม่เคยเห็น โคตรน่ารักเลยว่ะ”
“เด็กใหม่มั้ง ไปห้องน้ำก่อน ขากลับค่อยมาจีบไปโต๊ะเรา”
ท่ามกลางการมองอยู่ของคิระเช่นกัน เขาเห็นเหตุการณ์นั้นทั้งหมด และสามารถอ่านความคิดคนเมาเหล่านั้นผ่านสายตาตอนมองเธอได้ด้วย แต่กลับนั่งเฉยยกบรั่นดีขึ้นกระดก หันไปพูดคุยกับลูกน้องในทีมต่อ
จวนห้าทุ่ม ครัวร้อนถูกปิด เหลือโซนข้างนอกที่มีแขกบางส่วนถูกปล่อยไหล เธอเห็นบางโต๊ะลุกขึ้นเต้น บางโต๊ะเพื่อนร่วมวงคอพับหลับคาแก้ว บางคนถูกเพื่อนที่มีสติมากกว่าแบกกลับ โดยรอบคือไฟเลเซอร์ที่ถูกเปิดให้ไขว้กันไปมาจนตาลาย พร้อมกับเพลงแนว EDM ที่ถูกเปิดจนดังสนั่นทิ้งช่วงสุดท้าย แต่พอหันมาทางโต๊ะที่เธอดูแลกลับพบว่าพวกเขา..นั่งเล่นโทรศัพท์ แถมเหลือสองคน เพราะอีกคนเดินออกไปคุยสายข้างนอกแล้ว
เหมือนแอลกอฮอล์ที่หายไปมากกว่าครึ่งขวดจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้เลย
“แพง”
“ค่ะ พี่ยิ้ม”
“กลับเลยก็ได้นะน้อง เหลือโซนผับแล้ว เดี๋ยวให้พีอาร์เขาดูแลต่อ”
“ค่ะพี่”
คนตัวเล็กยกมือไหว้ เตรียมตัวจะเดินออก ทว่ากลับถูกมือของยิ้มฉุดเอาไว้
“เดี๋ยวสิจ๊ะ เธอจะต้องไปบอกลาแขกที่ดูแลด้วย ตามกฎของร้าน บอกเขาว่าเธอจะกลับแล้ว”
“ตะ ต้องด้วยเหรอพี่?”
ยิ้มไม่ได้ตอบคำถาม แต่สายตาที่มองกลับมาของหล่อนกำลังจะถามว่าทำงานในครัวคงไม่รู้กฎข้อนี้ใช่ไหม เธอจึงได้เงียบไปแล้วพยักหน้าเป็นอันว่าตกลงทันที
“ไม่ต้องกลัว ดูก็รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้ชายหน้าหม้อ ไปเถอะ”
คงเพราะเห็นเธอยืนนิ่งไม่เดินไปสักที ราวกับท่องบทสวด ยิ้มถึงได้เข้ามากระซิบข้างหูอีกรอบ และเพราะเชื่อผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมีประสบการณ์อย่างรุ่นพี่ถึงได้ทำตามอย่างว่าง่าย เธอสูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึกเดินกล้าๆกลัวๆไปหาพวกเขา
“พี่คะ..”
“ครับ?”
“หนูกลับก่อนนะคะ พอดีว่า..ถึงเวลาเลิกงานแล้วค่ะ”
เธอเลือกที่จะบอกหนึ่งในสองของลูกน้องเขา เพราะตลอดการทำงานทำเธออึดอัดน้อยที่สุด
“อ่าว ทำไมกลับเร็วล่ะ”
“ใช้กะผู้ช่วยเชฟเป็นหลักค่ะ”
“อ๋อ มาช่วยพี่ๆนี่เนอะ โอเคครับกลับดีๆ ว่าแต่กลับกับใคร”
เมื่อเข้าสู่บทสัมภาษณ์เธอแทบจะถอนคำพูดที่นึกชมเขาเมื่อกี้ทิ้ง ทว่าทำได้เพียงยิ้มเจื่อนด้วยความประหม่ากลับไป ไม่ใช่เขาคนที่คุยด้วย ทว่าเป็นอีกคนที่มองอยู่ ถึงจะเห็นไม่ชัด แต่รังสีจู่โจมแรงกล้าส่งมาขนาดนี้ เห็นเพียงหางตาก็รู้แล้ว
“กะ กลับคนเดียวค่ะ”
“รถยนต์?”
“มอเตอร์ไซค์...”
“โห อันตรายมากน้อง กลับแบบนี้ทุกวัน?”
“ใช่ค่ะ”
ณ ตอนนี้เหมือนคนตัวเล็กนับเลขในใจอยู่ก็ไม่ปาน ตอนนี้ถ้าให้เดาสีหน้าไม่พอใจของเธอคงออกมาแล้ว เขาถึงได้พยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจไม่ถามต่อ เธอเลยคำนับบอกลาอีกครั้ง แต่จังหวะที่กำลังจะหมุนตัวเดิน อยู่ๆมารยาทมากมายแต่ใดมาไม่อาจรู้ สั่งให้เธอหมุนตัวไปหาอีกคน แล้วยกมือไหว้เขาเฉยเลย
จาก อาคีรา เบญ xxx-xxx000-0ดวงตากลมหรี่แคบเนื่องจากรู้สึกแสบร้อนหลังไม่ได้กะพริบมาหลายวิ ขณะเปิดดูรายการธุรกรรมในธนาคารของตัวเอง และพบว่าใครเป็นคนโอนมา ไม่ต้องคิดนานก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา คู่กรณีของเธอเมื่อคืนมันเยอะเกินจนเธอเป็นกังวล และไม่กล้านำออกมาใช้ แม้ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้จะเป็นแก้วละห้าหมื่น แต่เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ดื่มเยอะจนเขาต้องจ่ายเป็นแสน และต่อให้เป็นค่านั่งดริงก์ทั้งคืน ครึ่งล้านก็ไม่น่าจะถึง อีกอย่างเธอไม่เชื่อว่าคนโอนให้จะไม่มีอะไรแอบแฝงด้วย!ด้วยความกลัวบวกกับความไม่สบายใจ เธอจึงเปิดอินเตอร์เน็ตเข้าไปหาชื่อของเขา เพียงพิมพ์แค่ชื่อไม่ทันได้พิมพ์นามสกุล รูปของเขาก็โชว์หราเต็มจอ ตึกบ้าน คอนโด โครงการเป็นหมื่นล้าน ราวกับจะต้องเรียกเขาว่าเจ้าอสังหาริมทรัพย์!“.....!!”พะแพงในตอนนี้คือช็อคไปแล้ว เธอนั่งตัวแข็งทื่อ หากแต่นิ้วนั้นกำลังเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ภาพเขายืนโดดเด่นรวมกลุ่มอยู่กับนักธุรกิจด้วยกัน ส่วนใหญ่ผู้คนเหล่านั้นต่างมีดีกรีเป็นคนชั้นสูง ซึ่งไม่ใช่เจ้าของก็เป็นทายาทอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น บางรูปเขายังถ่ายกับดารา หรือนักร้องชื่อดังด้วย ในขณะบางคนเธอยังเป็นแฟนค
คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากโซฟาเกือบหัวคะมำ โดยร่างสูงที่อยู่ๆ ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา เขาต้องการจะพาเธอไปที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก หากแต่จังหวะนั้นเหนือเมฆผลักประตูเข้ามาซะก่อน และนั่นทำเขาหัวเสียไม่น้อย“เฮ้ยๆ จะพาน้องเขาไปไหน”“โรงแรม..”อีกมือที่ว่างดันคนยืนขวางประตูให้ถอยห่าง ทว่ากลับต้องฉุนอีกครั้งเมื่อถูกเขายื้อแขนเอาไว้ และไม่มีทีท่าจะว่าจะหลบไป แรงนั้นกระชากคนตัวเล็กจังหวะพุ่งไปข้างหน้าแต่ถูกกระชากกลับมาข้างหลังถึงกับเวียนหัว โชคดีที่เขาคว้าทันจังหวะหันไปเห็น และกลัวเธอจะล้มจึงโอบเอวไว้“ใจเย็นก่อนไอ้เสือ” ทั้งที่รู้ยิ่งเมาเพื่อนของเขาจะยิ่งหัวร้อน การไปขวางทางกันแบบนั้นมีแต่เสี่ยงจะเสียชีวิต หากแต่จำเป็นต้องทำเพราะความเป็นห่วง ดูท่าเพื่อนเขาเองก็เมาไม่เบา ถึงได้ขาดสติลากเด็กออกจากร้านอย่างประเจิดประเจ้อแบบนี้ “ใจเย็นแล้วฟังกูก่อน มึงจะลากน้องเขาไปแบบนี้ไม่ได้ มึงดูสภาพน้องเขาด้วย กล้องวงจรปิดเต็มไปหมด อยากโดนข่าวดราม่ารึไง เรามันนักธุรกิจดังนะโว้ย”คราวนี้เขานิ่ง ประหนึ่งกำลังฉุกคิดตามคำเตือนเพื่อน หันมองคนตัวเล็ก ที่ขนาดทรงตัวยืนยังต้องใช้การบังคับจากเขาเลย และเมื่อเห็นด้วยร
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงเพลงในผับ แต่ดังอยู่ภายนอก มีแค่เสียงเบสเท่านั้นที่เล็ดลอดเข้ามาได้ ทั้งห้องมีแค่พวกเขาสองคน อีกสองคนไม่อยู่แล้ว พวกเขาพากันหายไปตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อน ไม่มีวี่แววจะกลับมา นานจนเธอแอบคิดติดตลกว่าบางทีพวกเขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำกันที่บ้านคนตัวเล็กมองแก้วช็อตที่วางว่างเปล่าเรียงกันอยู่สองแก้วด้วยดวงตาพร่ามัว ส่วนในมือถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง และถ้ากระดกเข้าไปอีกคงจะเป็นแก้วที่สาม และแน่นอนเมื่อเหลือบไปเห็นคนข้างกายนั่งเฉยไม่ไหวติง เธอจึงกระดกรวดเดียวหมด ทว่าทันทีที่หมด แก้วใบนั้นก็ถูกฉกไปด้วยมือของเขา“เต็มที่ได้แค่นี้” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู “มากกว่านี้เดี๋ยวมันจะไม่สนุก”ไม่พูดเปล่า แต่มือใหญ่ที่ไม่ได้สากมากถูกยกมาวางไว้บนต้นขาเนียนด้วย พลางใช้ท้องนิ้วหัวแม่มือกดลงมาเบาๆ สลับกับการลูบไล้ไปมา และไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นไม่คิดจะปัดป่ายหรือเพราะเธอเมาแล้วทีแรกกะจะดื่มแค่แก้วเดียวตามแผนที่คิดไว้ เพราะเงินแค่นั้นสามารถเอาตัวรอดได้หลังลาออกจากงาน และระหว่างหางานใหม่ แต่ด้วยแรงกดดันจากการถูกคะยั้นคะยอย่างเหนือชั้นจนเกินไป ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง“ใค
เอาเข้าจริงเธอก็เกร็งไม่ใช่น้อย เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตอบตกลงเขาไปแล้ว ร่างบางยืนประจันหน้ากับเขา ด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ระดับของชายผ้าพ้นเข่ามาคืบนึง เธอจำได้ชุดนี้ยิ้มเคยใส่ และเธอก็เอ่ยปากชมว่าหล่อนสวย แต่หารู้ไม่เมื่อมาอยู่บนตัวเธอกลับสวยยิ่งกว่า มันทั้งเซ็กซี่และเย้ายวนในเวลาเดียวกันท่ามกลางการมองอยู่ของชายชุดดำที่แค่นั่งเฉยๆ ยังดูน่าค้นหา เขามองเธอนับตั้งแต่เดินเข้ามา มองตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากัน ด้วยสายตานี้ แววตานี้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าด้วยกลอุบายใดของใคร นั่นหมายความว่าไปเปิดทางให้เขาได้เดินเข้ามาแล้วกึ่งหนึ่ง“จะ จะให้นั่งตรงไหนคะ”เสี่ยคิระเลิกคิ้วสูง คำถามของเธอราวกับปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ขณะจ้องมองคนตรงหน้าแบบตาไม่วางตา เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่าไม่สามารถละสายตาไปไหนได้“ตรงนี้ก็ได้”มือหนาตบเบาะตรงที่ว่างข้างๆ พลางกระเถิบไปฝั่งซ้ายที่มีลลิสานั่งอยู่และหล่อนก็กระเถิบหลีกให้ตามสัญชาตญาณไปประชิดกับอีกคน ปลุกให้อีกคนหลุดจากการเหม่อลอยตื่นตามกัน ละสายตาจากการมองแก้วบรั่นดีในมือมาสนใจพวกเขาทั้งหมด แต่พอสายตาไปปะทะกับคนคู่นั้น ถึง
พะแพงเพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกคอแห้ง กลืนก้อนแข็งติดคอก็คราวนี้ เป็นสิ่งที่มาพร้อมๆ กับความตกใจ และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใบหน้าของเธอร้อนวูบขณะสบตากับเขา ร่างสูงในชุดดำทั้งชุดจ้องเขม็งมา ราวกับว่าเขานั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“พี่ยิ้ม?”คนตัวเล็กหันไปเค้นเสียงใส่รุ่นพี่ วินาทีแรกยังคงมองหล่อนในแง่ดีอยู่ คิดว่าไม่รู้เรื่องราว แต่พอได้ยินประโยคนั้นจากปากของเกียรติ แทบจะล้มทั้งยืน“ยิ้มไปพูดอีท่าไหนน้องถึงยอมมา” เขาทำราวกับเป็นเรื่องน่าขัน พลันหันไปทางอีกคนที่เอาแต่นั่งทำหน้าเรียบ แต่ไม่คิดจะละสายตาออกไปจากเธอ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับเสี่ย”“จะรีบไปไหน อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกันก่อน”เห็นได้ชัดว่าเกียรติหน้าถอดสี เมื่อไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา แต่ขอให้อยู่ต่อเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อน ความคิดที่ต้องการหลบหลีกไม่กล้าเผชิญหน้ากับพะแพงจึงหายไปทันที เสมือนคิระรู้ ถึงได้ยกยิ้มริมฝีปากหยัก จังหวะรินบรั่นดีเพิ่มในแก้วตัวเองอย่างพอใจ“จะไปบอกเด็กให้นำค็อกเทลชุดพิเศษสำหรับวันเกิดมาให้น่ะครับ”“ไม่ต้องหรอก กูกับเพื่อนไม่ดื่มค็อกเทล”จังหวะนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าลลิสาเพื่อนของเข
เกียรติชะลอรถช้าลงขณะถึงที่หมายและกำลังเลี้ยวเข้าซองจอดที่ประจำของตัวเอง หน้าจอโทรศัพท์กะพริบถี่แจ้งหมายเลขของคนคุ้นเคย ที่พักนี้โทรบ่อยซะจนน่าใจหาย เริ่มเป็นห่วงชีวิตของตัวเองและกังวลมากขึ้น ถึงชะตากรรมที่เสี่ยงขาดสะบั้นในไม่ช้านี้ทันทีที่เขาเห็นชื่อถึงกับใช้เกียร์ถอยไม่ถูก กว่าจะหาองศาจอดให้เรียบร้อย สายนั้นก็ถูกตัดไปเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะโทรกลับในเวลาไล่เลี่ยกัน“ขอโทษทีครับคุณปุณ ผมกำลังจอดรถถึงร้านพอดี มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”(เปล่า แค่จะบอกว่านายกูอยู่ร้านมึง)ได้ยินอย่างนั้นเจ้าของร้านถึงกับหูดับทันที พร้อมใบหน้าร้อนวูบ ใจสั่นอัตโนมัติราวกับคนหิวจัดแต่ไม่มีเวลากิน“ครับ? ตอนนี้นะเหรอครับ”(ใช่ นายพาเพื่อนไปจัดงานวันเกิด กูรอรับอยู่ข้างนอก ส่วนข้างในยกให้เป็นหน้าที่ของมึง ดูแลดีๆ ล่ะ ถ้าเป็นไปได้อย่าขัดใจนาย เขาเพิ่งจะทะเลาะกับพี่ชายมา)นี่ไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการบอกกล่าวและตักเตือน ประหนึ่งว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ถ้ามีบางอย่างผิดพลาด เผลอทำนายเขาไม่พอใจ เกียรติหน้าเสีย จังหวะนั้นการพาตัวเองไปข้างหน้าแทบจะลอยไปมากกว่าเดิน โชคดีที่ขาไม่สะดุดจนพาตัวเองล้มลงให้ขายขี้หน้าลูก







