Mag-log in
“พะแพง พี่เกียรติฝากพี่มาบอกให้เธอออกไปช่วยข้างนอกคืนนี้”
คนตัวเล็กเดินเข้าร้านยังไม่ทันวางกระเป๋า *ยิ้มรุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกันก็โผล่หน้าเข้ามาบอก
“ทำไมเหรอคะ”
งานข้างนอกเป็นหน้าที่ของส่วนหน้า ส่วนเธอทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเชฟอยู่ข้างหลัง แต่วันนี้รุ่นพี่ที่ทำงาน ทำหน้าที่เป็นเอนเตอร์เทน ถูกเจ้าของร้านวานให้มาบอกการเปลี่ยนแปลง
“อืม..เมื่อวานที่เขาประชุมกันพี่ก็ไม่อยู่ด้วยสิ แต่ได้ยินมาว่าห้องVIP ถูกเปิดจองนะ คงจะเกี่ยวกัน” เธออธิบายตามความเข้าใจของตัวเอง “คนไม่พออ่าแพง เฮียแกเครียดอยู่ แขกประจำมาเกือบทุกวัน คนอื่นๆก็ต้องไปดูแลตรงนั้น พอมีเพิ่มเข้ามาก็ขาดคน เอาน่า..ออกมาช่วยเฮียแกหน่อยนะ คืนเดียว”
พะแพงยิ้มอ่อน ถึงจะไม่ค่อยเต็มใจนักเพราะไม่ใช่ตำแหน่งชอบ แต่เพื่อเกียรติเจ้าของร้านที่ใจดีกับเธอมาก จึงไม่กล้าปฏิเสธ
“ค่ะ ให้แพงเตรียมตัวเลยไหม”
“ไปช่วยป้าเชฟก่อนก็ได้ ไว้ใกล้ค่ำพี่จะมาเรียกอีกที”
คนตัวเล็กเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือเมื่อเห็นว่าเพิ่งจะบ่ายสามจึงพยักหน้า เนื่องจากเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ
“ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะ ถือว่านอกเวลา เฮียแกให้พิเศษอยู่แล้ว”
“ค่ะ”
ผ้ากันเปื้อนถูกสวมทับชุดยูนิเฟอร์มทันทีที่ยิ้มออกไป เสียงถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้าออกมาจากคนตัวเล็ก แววตาแสนเศร้าสะท้อนผ่านกระจก เมื่อหลุดออกมาจากห้องแต่งตัวก็จะกลายเป็นอีกคน
“ป้าหวัดดีค่ะ”
“อ้าวแพง ทำไมวันนี้มาเร็วนักล่ะลูก เริ่มงานสี่โมงไม่ใช่หรือ”
เพราะรู้ว่าคนอื่นที่มาทำงานรวมกันที่นี่ล้วนแต่มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น เธอจึงไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่ม การตั้งใจทำงาน เชื่อฟัง อ่อนน้อมถ่อมตน และสร้างพลังบวก เปรียบเสมือนการช่วยเหลือกันแล้วกึ่งหนึ่ง
“อยู่ห้องเบื่อๆ แพงไม่ได้ทำอะไร เลยมาหาป้าดีกว่า”
“ชอบอุดอู้อยู่แต่ในครัวหรือเรา แปลกคน”
*น้อยหัวหน้าแม่ครัว เจ้าของร่างท้วมแต่เดินคล่องราวกับนั่นไม่ใช่อุปสรรคหัวเราะชอบใจ หันมองเสี้ยวข้างของคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดู เธอหันมายิ้มกว้างให้พลันหยิบถุงผักไปล้างอย่างรู้งาน
“ เอ่อป้าคะ วันนี้ตอนค่ำแพงต้องออกไปช่วยเขาข้างนอกนะคะ”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ พี่ยิ้มมาบอกแพงเมื่อกี้ บอกว่าเฮียสั่งมา”
เธออธิบายทั้งที่ยังก้มหน้าล้างผัก สีหน้าในตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวล เธอไม่เคยทำหน้าที่นี้ก็ย่อมเครียดเป็นธรรมดา
“น่าจะเรื่องงานเลี้ยงที่ประชุมกันหลายวันก่อน วันนี้ครัวถูกสั่งให้ทำเมนูแยก อาหารดีๆทั้งนั้นเลยแขกคงมีระดับ เห็นว่าเลี้ยงพวกหัวหน้าช่าง คนไม่พอล่ะสิท่า ถึงได้เรียกแพงไป”
“ค่ะ...”
“แล้วยังไง หนูไม่เต็มใจเหรอ”
ผักในมือบางชะงักจังหวะสะเด็ดน้ำเพื่อเปลี่ยนภาชนะใหม่ พะแพงเม้มปากแน่น เงยหน้าขึ้นมา
“ก็นิดนึงค่ะป้า แพงไม่เคยทำตำแหน่งนี้”
“เงินดีนา.. ป้ายังงงเลย ตอนแพงมาทำงานวันแรก สวยขนาดนี้ทำไมถึงเลือกสมัครตำแหน่งในครัว ร้อนก็ร้อน อยู่ส่วนหน้านะได้แต่งตัวสวยๆ ได้ทิปเยอะ ไม่ต้องยืนนานแบบนี้ด้วยลูก”
“แพงไม่ชอบอ่ะป้า อีกอย่างแพงพูดไม่เก่ง”
เธอบอกตามตรง คนพูดถึงกับเม้มปากแน่นอยากจะตบปากตัวเองสักสองที ที่เผลอพลั้งออกไป
“กลัวแขกลวนลามด้วยใช่ไหม? อย่างนั้นแหละลูก พอเมาเข้าหน่อยก็ขาดสติ ไอ้เรามันก็คนสวย นี่ป้ายังคิดอยู่เลยว่าส้มกับฟ้ามันเก่งนะ เอาตัวรอดได้”
คนตัวเล็กแสะยิ้มให้กับเรื่องเล่าของเชฟน้อยพลันเผลอนึกถึงเจ้าของชื่อ ซึ่งไม่ค่อยชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่ และเห็นบ่อยครั้งว่าพวกเธอมักจะขึ้นรถไปกับแขก เนื่องจากเวลานั้นเป็นเวลาที่ส่วนครัวร้อนปิด งดสั่งอาหาร แต่แขกสามารถนั่งต่อได้เพราะโซนผับปิดช้ากว่าสองชั่วโมง แน่นอนตอนที่พวกหล่อนเดินออกมากับแขก ประจวบเหมาะกับที่เธอเดินมาลานจอดรถพอดี เพื่อขี่รถกลับที่พักตัวเอง
อันที่จริงเธอไม่ได้กังวลเรื่องนั้น เพียงเธอไม่เต็มใจไปด้วย ใครหน้าไหนจะมาลาก ที่ไม่สบายใจอยู่ตอนนี้คือเธอไม่ชอบเสียงดัง และที่สำคัญเธอไม่อยากทำงานร่วมกับสองคนนั้นเท่านั้นเอง
“คืนเดียว ช่วยเกียรติมันหน่อย นี่มันก็คงจะหัวหมุนอยู่นะถ้าให้ป้าเดา นานๆห้องนั้นจะถูกเปิดใช้สักที แถมแขกมีระดับ คงตื่นเต้นน่าดู”
“พวกเขาจะเรื่องมากไหมคะป้า”
“ป้าว่าไม่หรอก อย่าเพิ่งคิดมากไปก่อนสิ แขกระดับนั้นแล้ว อาจจะเป็นการสังสรรค์แบบผู้ดีก็ได้”
“ค่ะ”
คนตัวเล็กพยักหน้าทำตามคนพูดอย่างว่าง่าย เธอไม่อยากให้ความกังวลของตัวเองมาทำลายบรรยากาศ จนหัวหน้าเชฟต้องไม่สบายใจไปด้วย เพราะนี่ก็คืองานเช่นกัน ที่จะต้องใช้ทั้งสมาธิและการใส่ใจ
พะแพงถูกตามตัวในเวลาหกโมงเย็น เธอใช้เวลากับการแต่งตัวเพียงสิบห้านาทีก็ออกมายืนเตรียมความพร้อมข้างนอก ตรงที่เธอยืนอยู่เป็นบาร์น้ำ นั่นเพราะคนที่อยู่ตำแหน่งนี้เธอค่อนข้างจะสนิท เขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกัน แต่พอแยกกันตอนเรียนมหาลัยก็ไม่ได้เจอ มาเจอกันทีที่นี่ซึ่งทั้งคู่มีเป้าหมายเดียวกันคือทำงานพาร์ทไทม์หาเงินส่งตัวเองเรียน และพอเขาเห็นเธอถึงกับแปลกใจไม่น้อย
“อ้าวพะแพง วันนี้ทำไมออกมาข้างนอกล่ะ”
“เฮียให้ออกมาช่วยเขาอ่ะ เห็นว่ามีแขกเปิดห้องวี แต่คนไม่พอ”
“อ๋อ ใช่.. ไม่พอจริงด้วยแหละ ไม่พอมาสักพักแล้ว แม็กเห็นเวลาลูกค้าเยอะ ฝ่ายเสิร์ฟ ฝ่ายเอนฯ วิ่งกันให้วุ่น หมุนอย่างกับลูกข่าง”
พะแพงหลุดขำให้กับหน้าของเขาที่พอพูดจบก็แลบลิ้นออกมาทำท่าหมาหอบ พลันชี้ไปที่บาร์น้ำ
“แพงกินอะไรไหม เดี๋ยวแม็กทำให้ อันที่จริงเฮียเกียรติเขาให้สวัสดิการน้ำฟรีคนละแก้วนะ แม็กไม่เห็นแพงออกมากิน”
“ในครัวยุ่งจะตายแม็ก จะเอาเวลาไหนกินล่ะ แค่น้ำที่หิ้วตอนมาทำงานก็ละลายก่อนไม่เคยกินหมด ว่าแต่ทำไมเฮียเขาไม่รับคนเพิ่ม รู้ว่าลูกค้าเยอะ”
“ก็รับนะ แต่อยู่ไม่เคยถึงอาทิตย์”
คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหากันอัตโนมัติขณะฟังไปด้วยและมองคนพูดผสมน้ำไปด้วย
“ทำไมล่ะ”
“ไม่เอาดีกว่า อย่าให้พูดเลย มันไม่ดี”
ไม่ต้องพูดเธอก็พอจะเดาออก เพราะมักจะได้ยินพี่ยิ้มบ่นเป็นประจำถึงเด็กที่เข้ามาใหม่แล้วหายไปพร้อมแขก พออีกวันลาออกแบบไม่บอกไม่กล่าว ทว่านั่นไม่ใช่ประเด็นที่เธองงเท่ากับตอนนี้
“อ่า แล้วนั้นแม็กกำลังทำอะไร”
“ทำน้ำให้แพงไง รับรองว่าอร่อยติดใจต้องมาสั่งอีก”
เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มทะเล้น แต่คนตัวเล็กที่มองอยู่ไม่ได้ยิ้มด้วย
“แพงยังไม่ได้สั่งเลยนะแม็ก เดี๋ยวเมา”
“บ้าเหรอแพง มันคือน้ำผลไม้” แม็กถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ ขำพรวดออกมา ไม่สนคนถูกขำกำลังทำหน้าเขิน เนื่องจากแตกละเอียดหมอก็เย็บไม่ได้ “ดื่มก่อนไปทำงาน จะได้สดชื่น ไม่ตื่นเต้นมาก”
“รู้เหรอ..”
“รู้สิ สีหน้าของแพงตอนนี้ออกมาเลยนะ”
คนตัวเล็กพอจะรู้ตนเป็นคนเก็บสีหน้าไม่เก่งแต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ ถ้าเช่นนั้นตอนทำงาน เกิดแขกเมาเผลอทำเรื่องไม่ดีแล้วเธอเก็บอาการไม่อยู่ตีหัวแตกขึ้นมาจะทำยังไง จะโดนไล่ออกไหม ค่าเทอมจะมาถึงแล้วด้วย
“อะ เสร็จแล้ว ลองชิมดู”
จังหวะนั้นกำลังเหม่อลอย ทันทีที่เห็นเครื่องดื่มถูกยื่นมาให้ ก็ยื่นมือไปคว้าไว้อย่างไว พลันเบ้ปากอยากจะร้องไห้ คนตรงหน้าถึงกับขำ
“เส้นตื้นปะเนี่ย ไม่เห็นตลกเลยแม็ก ฮัลโหล..”
“แพงเร็วน้อง แขกมาแล้ว”
จาก อาคีรา เบญ xxx-xxx000-0ดวงตากลมหรี่แคบเนื่องจากรู้สึกแสบร้อนหลังไม่ได้กะพริบมาหลายวิ ขณะเปิดดูรายการธุรกรรมในธนาคารของตัวเอง และพบว่าใครเป็นคนโอนมา ไม่ต้องคิดนานก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา คู่กรณีของเธอเมื่อคืนมันเยอะเกินจนเธอเป็นกังวล และไม่กล้านำออกมาใช้ แม้ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้จะเป็นแก้วละห้าหมื่น แต่เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ดื่มเยอะจนเขาต้องจ่ายเป็นแสน และต่อให้เป็นค่านั่งดริงก์ทั้งคืน ครึ่งล้านก็ไม่น่าจะถึง อีกอย่างเธอไม่เชื่อว่าคนโอนให้จะไม่มีอะไรแอบแฝงด้วย!ด้วยความกลัวบวกกับความไม่สบายใจ เธอจึงเปิดอินเตอร์เน็ตเข้าไปหาชื่อของเขา เพียงพิมพ์แค่ชื่อไม่ทันได้พิมพ์นามสกุล รูปของเขาก็โชว์หราเต็มจอ ตึกบ้าน คอนโด โครงการเป็นหมื่นล้าน ราวกับจะต้องเรียกเขาว่าเจ้าอสังหาริมทรัพย์!“.....!!”พะแพงในตอนนี้คือช็อคไปแล้ว เธอนั่งตัวแข็งทื่อ หากแต่นิ้วนั้นกำลังเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ภาพเขายืนโดดเด่นรวมกลุ่มอยู่กับนักธุรกิจด้วยกัน ส่วนใหญ่ผู้คนเหล่านั้นต่างมีดีกรีเป็นคนชั้นสูง ซึ่งไม่ใช่เจ้าของก็เป็นทายาทอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น บางรูปเขายังถ่ายกับดารา หรือนักร้องชื่อดังด้วย ในขณะบางคนเธอยังเป็นแฟนค
คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากโซฟาเกือบหัวคะมำ โดยร่างสูงที่อยู่ๆ ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา เขาต้องการจะพาเธอไปที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก หากแต่จังหวะนั้นเหนือเมฆผลักประตูเข้ามาซะก่อน และนั่นทำเขาหัวเสียไม่น้อย“เฮ้ยๆ จะพาน้องเขาไปไหน”“โรงแรม..”อีกมือที่ว่างดันคนยืนขวางประตูให้ถอยห่าง ทว่ากลับต้องฉุนอีกครั้งเมื่อถูกเขายื้อแขนเอาไว้ และไม่มีทีท่าจะว่าจะหลบไป แรงนั้นกระชากคนตัวเล็กจังหวะพุ่งไปข้างหน้าแต่ถูกกระชากกลับมาข้างหลังถึงกับเวียนหัว โชคดีที่เขาคว้าทันจังหวะหันไปเห็น และกลัวเธอจะล้มจึงโอบเอวไว้“ใจเย็นก่อนไอ้เสือ” ทั้งที่รู้ยิ่งเมาเพื่อนของเขาจะยิ่งหัวร้อน การไปขวางทางกันแบบนั้นมีแต่เสี่ยงจะเสียชีวิต หากแต่จำเป็นต้องทำเพราะความเป็นห่วง ดูท่าเพื่อนเขาเองก็เมาไม่เบา ถึงได้ขาดสติลากเด็กออกจากร้านอย่างประเจิดประเจ้อแบบนี้ “ใจเย็นแล้วฟังกูก่อน มึงจะลากน้องเขาไปแบบนี้ไม่ได้ มึงดูสภาพน้องเขาด้วย กล้องวงจรปิดเต็มไปหมด อยากโดนข่าวดราม่ารึไง เรามันนักธุรกิจดังนะโว้ย”คราวนี้เขานิ่ง ประหนึ่งกำลังฉุกคิดตามคำเตือนเพื่อน หันมองคนตัวเล็ก ที่ขนาดทรงตัวยืนยังต้องใช้การบังคับจากเขาเลย และเมื่อเห็นด้วยร
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงเพลงในผับ แต่ดังอยู่ภายนอก มีแค่เสียงเบสเท่านั้นที่เล็ดลอดเข้ามาได้ ทั้งห้องมีแค่พวกเขาสองคน อีกสองคนไม่อยู่แล้ว พวกเขาพากันหายไปตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อน ไม่มีวี่แววจะกลับมา นานจนเธอแอบคิดติดตลกว่าบางทีพวกเขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำกันที่บ้านคนตัวเล็กมองแก้วช็อตที่วางว่างเปล่าเรียงกันอยู่สองแก้วด้วยดวงตาพร่ามัว ส่วนในมือถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง และถ้ากระดกเข้าไปอีกคงจะเป็นแก้วที่สาม และแน่นอนเมื่อเหลือบไปเห็นคนข้างกายนั่งเฉยไม่ไหวติง เธอจึงกระดกรวดเดียวหมด ทว่าทันทีที่หมด แก้วใบนั้นก็ถูกฉกไปด้วยมือของเขา“เต็มที่ได้แค่นี้” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู “มากกว่านี้เดี๋ยวมันจะไม่สนุก”ไม่พูดเปล่า แต่มือใหญ่ที่ไม่ได้สากมากถูกยกมาวางไว้บนต้นขาเนียนด้วย พลางใช้ท้องนิ้วหัวแม่มือกดลงมาเบาๆ สลับกับการลูบไล้ไปมา และไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นไม่คิดจะปัดป่ายหรือเพราะเธอเมาแล้วทีแรกกะจะดื่มแค่แก้วเดียวตามแผนที่คิดไว้ เพราะเงินแค่นั้นสามารถเอาตัวรอดได้หลังลาออกจากงาน และระหว่างหางานใหม่ แต่ด้วยแรงกดดันจากการถูกคะยั้นคะยอย่างเหนือชั้นจนเกินไป ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง“ใค
เอาเข้าจริงเธอก็เกร็งไม่ใช่น้อย เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตอบตกลงเขาไปแล้ว ร่างบางยืนประจันหน้ากับเขา ด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ระดับของชายผ้าพ้นเข่ามาคืบนึง เธอจำได้ชุดนี้ยิ้มเคยใส่ และเธอก็เอ่ยปากชมว่าหล่อนสวย แต่หารู้ไม่เมื่อมาอยู่บนตัวเธอกลับสวยยิ่งกว่า มันทั้งเซ็กซี่และเย้ายวนในเวลาเดียวกันท่ามกลางการมองอยู่ของชายชุดดำที่แค่นั่งเฉยๆ ยังดูน่าค้นหา เขามองเธอนับตั้งแต่เดินเข้ามา มองตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากัน ด้วยสายตานี้ แววตานี้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าด้วยกลอุบายใดของใคร นั่นหมายความว่าไปเปิดทางให้เขาได้เดินเข้ามาแล้วกึ่งหนึ่ง“จะ จะให้นั่งตรงไหนคะ”เสี่ยคิระเลิกคิ้วสูง คำถามของเธอราวกับปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ขณะจ้องมองคนตรงหน้าแบบตาไม่วางตา เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่าไม่สามารถละสายตาไปไหนได้“ตรงนี้ก็ได้”มือหนาตบเบาะตรงที่ว่างข้างๆ พลางกระเถิบไปฝั่งซ้ายที่มีลลิสานั่งอยู่และหล่อนก็กระเถิบหลีกให้ตามสัญชาตญาณไปประชิดกับอีกคน ปลุกให้อีกคนหลุดจากการเหม่อลอยตื่นตามกัน ละสายตาจากการมองแก้วบรั่นดีในมือมาสนใจพวกเขาทั้งหมด แต่พอสายตาไปปะทะกับคนคู่นั้น ถึง
พะแพงเพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกคอแห้ง กลืนก้อนแข็งติดคอก็คราวนี้ เป็นสิ่งที่มาพร้อมๆ กับความตกใจ และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใบหน้าของเธอร้อนวูบขณะสบตากับเขา ร่างสูงในชุดดำทั้งชุดจ้องเขม็งมา ราวกับว่าเขานั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“พี่ยิ้ม?”คนตัวเล็กหันไปเค้นเสียงใส่รุ่นพี่ วินาทีแรกยังคงมองหล่อนในแง่ดีอยู่ คิดว่าไม่รู้เรื่องราว แต่พอได้ยินประโยคนั้นจากปากของเกียรติ แทบจะล้มทั้งยืน“ยิ้มไปพูดอีท่าไหนน้องถึงยอมมา” เขาทำราวกับเป็นเรื่องน่าขัน พลันหันไปทางอีกคนที่เอาแต่นั่งทำหน้าเรียบ แต่ไม่คิดจะละสายตาออกไปจากเธอ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับเสี่ย”“จะรีบไปไหน อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกันก่อน”เห็นได้ชัดว่าเกียรติหน้าถอดสี เมื่อไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา แต่ขอให้อยู่ต่อเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อน ความคิดที่ต้องการหลบหลีกไม่กล้าเผชิญหน้ากับพะแพงจึงหายไปทันที เสมือนคิระรู้ ถึงได้ยกยิ้มริมฝีปากหยัก จังหวะรินบรั่นดีเพิ่มในแก้วตัวเองอย่างพอใจ“จะไปบอกเด็กให้นำค็อกเทลชุดพิเศษสำหรับวันเกิดมาให้น่ะครับ”“ไม่ต้องหรอก กูกับเพื่อนไม่ดื่มค็อกเทล”จังหวะนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าลลิสาเพื่อนของเข
เกียรติชะลอรถช้าลงขณะถึงที่หมายและกำลังเลี้ยวเข้าซองจอดที่ประจำของตัวเอง หน้าจอโทรศัพท์กะพริบถี่แจ้งหมายเลขของคนคุ้นเคย ที่พักนี้โทรบ่อยซะจนน่าใจหาย เริ่มเป็นห่วงชีวิตของตัวเองและกังวลมากขึ้น ถึงชะตากรรมที่เสี่ยงขาดสะบั้นในไม่ช้านี้ทันทีที่เขาเห็นชื่อถึงกับใช้เกียร์ถอยไม่ถูก กว่าจะหาองศาจอดให้เรียบร้อย สายนั้นก็ถูกตัดไปเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะโทรกลับในเวลาไล่เลี่ยกัน“ขอโทษทีครับคุณปุณ ผมกำลังจอดรถถึงร้านพอดี มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”(เปล่า แค่จะบอกว่านายกูอยู่ร้านมึง)ได้ยินอย่างนั้นเจ้าของร้านถึงกับหูดับทันที พร้อมใบหน้าร้อนวูบ ใจสั่นอัตโนมัติราวกับคนหิวจัดแต่ไม่มีเวลากิน“ครับ? ตอนนี้นะเหรอครับ”(ใช่ นายพาเพื่อนไปจัดงานวันเกิด กูรอรับอยู่ข้างนอก ส่วนข้างในยกให้เป็นหน้าที่ของมึง ดูแลดีๆ ล่ะ ถ้าเป็นไปได้อย่าขัดใจนาย เขาเพิ่งจะทะเลาะกับพี่ชายมา)นี่ไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการบอกกล่าวและตักเตือน ประหนึ่งว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ถ้ามีบางอย่างผิดพลาด เผลอทำนายเขาไม่พอใจ เกียรติหน้าเสีย จังหวะนั้นการพาตัวเองไปข้างหน้าแทบจะลอยไปมากกว่าเดิน โชคดีที่ขาไม่สะดุดจนพาตัวเองล้มลงให้ขายขี้หน้าลูก







