Mag-log in
จาก อาคีรา เบญ xxx-xxx000-0
ดวงตากลมหรี่แคบเนื่องจากรู้สึกแสบร้อนหลังไม่ได้กะพริบมาหลายวิ ขณะเปิดดูรายการธุรกรรมในธนาคารของตัวเอง และพบว่าใครเป็นคนโอนมา ไม่ต้องคิดนานก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา คู่กรณีของเธอเมื่อคืน
มันเยอะเกินจนเธอเป็นกังวล และไม่กล้านำออกมาใช้ แม้ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้จะเป็นแก้วละห้าหมื่น แต่เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ดื่มเยอะจนเขาต้องจ่ายเป็นแสน และต่อให้เป็นค่านั่งดริงก์ทั้งคืน ครึ่งล้านก็ไม่น่าจะถึง อีกอย่างเธอไม่เชื่อว่าคนโอนให้จะไม่มีอะไรแอบแฝงด้วย!
ด้วยความกลัวบวกกับความไม่สบายใจ เธอจึงเปิดอินเตอร์เน็ตเข้าไปหาชื่อของเขา เพียงพิมพ์แค่ชื่อไม่ทันได้พิมพ์นามสกุล รูปของเขาก็โชว์หราเต็มจอ ตึกบ้าน คอนโด โครงการเป็นหมื่นล้าน ราวกับจะต้องเรียกเขาว่าเจ้าอสังหาริมทรัพย์!
“.....!!”
พะแพงในตอนนี้คือช็อคไปแล้ว เธอนั่งตัวแข็งทื่อ หากแต่นิ้วนั้นกำลังเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ภาพเขายืนโดดเด่นรวมกลุ่มอยู่กับนักธุรกิจด้วยกัน ส่วนใหญ่ผู้คนเหล่านั้นต่างมีดีกรีเป็นคนชั้นสูง ซึ่งไม่ใช่เจ้าของก็เป็นทายาทอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น บางรูปเขายังถ่ายกับดารา หรือนักร้องชื่อดังด้วย ในขณะบางคนเธอยังเป็นแฟนคลับของเขาอยู่เลย ที่น่าตกใจสุดก็คือ.. คนที่เพิ่งจะรู้จักเมื่อไม่นานด้วยการแนะนำของแม็กเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“พี่เพลิง..”
มาถึงตรงนี้พะแพงถึงขั้นกลืนน้ำลาย ด้วยสัญชาตญาณกำลังกระซิบบอกกับเธอว่า การที่เธอได้จูบกับเขาและเขาโอนเงินก้อนใหญ่มาให้แบบนี้อาจเป็นการปิดปาก ไม่ใช่ว่ารู้สึกดีหรือเป็นเกียรติ ตรงกันข้ามมันน่าแขยงที่สุดที่ได้จูบกับคนชั้นสูงแต่การกระทำไม่สูงเท่า อีกทั้งกำลังเตือนเป็นนัยๆ อีกว่า นี่คือคลื่นลูกใหญ่ที่กำลังซัดเข้าฝั่ง และถ้าเปรียบชีวิตของเธอเป็นชายหาด รับรองเลยว่า จะมีแต่เละกับเละ!
ตระกูลเบญจรัญ ถือว่าเป็นตระกูลผู้ถือหุ้นที่คนในตระกูลเป็นเจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ แน่นอนเมื่อเอ่ยถึงนามสกุลนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก
อาคีราเลือกที่จะเข้าบริษัทในช่วงบ่าย เพื่อเซ็นเอกสารเฉพาะที่จำเป็นและสำคัญ เนื่องจากเขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้นในวันนี้ ประชุมหากไม่ใช่นัดสำคัญก็จะถูกสั่งเลื่อนไปโดยเลขา เหลือไว้เพียงไม่กี่รายที่ไม่สามารถเลื่อนได้ นั่นเพราะจะทำให้การก่อตั้งโครงการใหม่ล่าช้า ถึงได้เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าบริษัทในช่วงบ่ายครั้งแรกในรอบปี ซึ่งเป็นเรื่องดีของพนักงานที่ซื่อสัตย์และตรงต่อเวลา หากออกไปพักกลางวันและกลับมาทันทีเมื่อถึงเวลางาน แต่จะเป็นผลเสียกับพนักงานที่เอาแต่ทำทรง เพราะการมาของเขาไม่ได้แจ้งล่วงหน้า และนั่นทำให้โดนใบเตือนกันเป็นแถว
และหลังจากเคลียร์เสร็จทุกอย่างแค่งานเฉพาะของวันนี้ เขาก็เลือกที่จะกลับเลยทันที พร้อมหน้าตาเคร่งขรึมอย่างเจ้าตัวเองยังไม่อาจรู้ เลขาที่อุตส่าห์หอบงานแฟ้มใหญ่เตรียมจะยื่นให้เขาพิจารณาโปรเจคของลูกค้ารายใหม่มานำเสนอ ยังต้องกอดเอาไว้แนบอกอย่างนั้นเลย ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากเรียก ปล่อยให้เขาเดินผ่านไป ลากความลำบากใจไปแจ้งแขกที่มารอนานถึงสองชั่วโมงให้กลับไปก่อนและค่อยนัดมาใหม่ในภายหน้า
เพราะสำหรับอาคีรา คนเหล่านั้นไม่สำคัญสักเท่าไหร่ สำคัญจริงจะต้องสายตรงหาเขาเอง โดยผ่านเส้นสายใหญ่เล็กที่มี จะไม่ติดต่อผ่านบริษัทหรือเลขาของเขา และแม้ว่าสิ่งนั้นอาจดูไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเหล่านั้น ทว่าจะทำไงได้ ในเมื่อนี่คือธุรกิจ ไม่ใช่งานการกุศล ในตรรกะของเขา
รถคันหนึ่งแล่นช้ามาจอดสนิทหน้าตึกที่เขาเดินออกมา อาคีราขึ้นไปนั่งบนรถหลังคนขับ ไม่นานรถก็วิ่งออกไปด้วยความเร็วระดับคนใจเย็น นั่นเพราะหากนายไม่ได้สั่ง ปุณจะขับต่อไปเรื่อยๆ หากมีการเปลี่ยนแปลงนั่นถึงจะต้องทำเวลา และต่อให้เลยไปไกลแล้วก็ยังคงต้องวนกลับมาใหม่ แต่ถ้านายไม่ได้พูด จุดหมายปลายทางก็คือคอนโดเพนท์เฮาส์ของเขานั่นเอง อย่างเช่นตอนนี้
ร่างสูงลงจากรถทันทีที่มาถึง โดยมีปุณเป็นผู้เปิดประตูให้ ปกติเขาจะเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จาและไม่สนใจ หากแต่วันนี้มาแปลก กลับชะลอฝีเท้าราวกับเพิ่งนึกอะไรบางอย่าง พลันหันข้ามไหล่กลับมาหาเขา
“ประวัติเด็กนั่นไปถึงไหนแล้ว”
“ครับนาย ผมกะจะส่งให้นายวันนี้ครับ”
พลางเดินต่อเมื่อได้คำตอบ และนั่นทำให้ปุณที่โน้มตัวอยู่ถึงกับเหลือบมอง แผ่นหลังกว้างท่าทางการเดินที่มีบุคลิกดั่งเจ้าชาย แท้จริงแล้วก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีรสนิยมแปลกๆ บางวันเขาใจดีจนน่าใจหาย ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ แต่บางวันก็เลือดเย็นเกินกว่าจะเรียกว่าคนได้ ยิ่งตอนเขาโกรธอารมณ์เสียมาจากที่อื่น ซาตานที่ว่าน่ากลัวยังเทียบไม่เท่าเขาเลย
และครั้งนี้ก็เหมือนมีลางสังหรณ์ ปุณที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามความประสงค์ ได้แต่ภาวนาอย่าให้เหยื่อรายต่อไปต้องเจ็บตัว ขอให้ปลอดภัยแคล้วคลาดไม่กลายเป็นบ้าไปเสียก่อน ในตอนที่เขาเบื่อและปล่อย ให้เธอเป็นอิสระ
พะแพงใช้เวลาอาบน้ำครั้งนี้นานเกือบสองชั่วโมง ไม่ใช่เพราะรักความสะอาดถึงขั้นต้องสิงสถิต ทว่านับแต่ชักโครก ฝักบัว หรือกระทั่งหน้ากระจกตอนล้างหน้าแปรงฟัน ในหัวมีแต่เรื่องของเขา กับเงินจำนวนนั้นที่เธอไม่กล้าใช้ และไม่สามารถสลัดความคิดได้
แล้วพอออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็มานั่งตั้งสติอยู่ปลายเตียงต่อ สรุปวันนี้ยอมทนหิว ไม่สรรหาทำกับข้าว นั่นเพราะปัญหาที่เจอมามีอิทธิพลกว่า เธอรู้สึกว่าความตื่นเต้นกับตอนหิวไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลย
โทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงที่วางชาร์จทิ้งไว้ ถูกดึงออกไปโดยมือเจ้าของ เธอต้องการจะดูยอดเงินอีกครั้ง และดูรายละเอียดของคนที่ส่งมาราวกับคนเสียสติ พลันไม่เห็นช่องทางติดต่อจึงเริ่มหาตัวช่วย
(ฮัลโหลแพง ยังโกรธพี่อยู่เหรอ พี่ขอโทษนะ)
คนตัวเล็กชะงักไปอึดใจหนึ่ง เจตนาโทรกลับไปไม่ได้คาดหวังให้ปลายสายพูดแบบนี้ แต่ก็เข้าใจดี เรื่องที่ค้างคาไว้ในข้อความ ที่ทั้งไม่เปิดอ่านและไม่โทรกลับคือเรื่องนี้แหละ
“ช่างเถอะค่ะพี่ยิ้ม”
(แล้วแพงจะมาทำงานตอนไหน)
คำถามของยิ้มทำให้พะแพงเหลือบดูจอ เมื่อเห็นว่าสี่โมงกว่าแล้ว จึงถอนหายใจพรืด นั่นเพราะปกติเวลานี้เธอจะต้องถึงร้านแล้ว
“แพงไม่ทำแล้วค่ะพี่ยิ้ม”
ทันทีที่พูดออกไปอย่างนั้นปลายสายถึงกับเงียบกริบ พลางเอ่ยขึ้นมาใหม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและหงอยกว่าเดิม
(เพราะพี่หรือเปล่าน้อง)
“ไม่ใช่ค่ะ” เธอโกหก อันที่จริงหล่อนก็มีส่วน แต่เพราะไม่ใช่ประเด็นหลักจึงไม่อยากเกิดการดราม่า “แพงไม่อยากทำเพราะเรื่องอื่น”
(เสี่ยคิระนะหรอ)
คราวนี้กลายเป็นเธอที่เป็นฝ่ายเงียบ กำลังครุ่นคิดว่าควรจะถามออกไปดีไหม หรือเก็บเอาไว้ก่อนดี แต่พอคิดว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว...
“พี่ยิ้ม แพงขอถามอะไรหน่อยสิ พี่ยิ้มรู้จักเขา สนิทกับเขาไหม แพงอยากได้ช่องทางการติดต่อ”
(ไม่จ้ะ พี่แค่รู้จักผิวเผินเพราะเขาเป็นคนที่เฮียเกรงใจ แพงจะเอาคอนแทคเขาไปทำไม เขาทำอะไรให้แพงไม่พอใจหรือเปล่า)
“ทำอยู่แล้วค่ะ!” พะแพงถึงกับหลับตาแน่น และยกมือขึ้นลูบหน้า ไว้อาลัยกับความขี้ใจร้อนของตัวเอง ที่อยู่ดีๆ ก็เสียงดังใส่ยิ้ม พลางสูดลมหายใจเข้าปอด เพื่อรีเซ็ทอารมณ์ใหม่ “ถ้าพี่ยิ้มไม่ทราบก็ไม่เป็นไรนะคะ แพงแค่ถามเฉยๆ แค่นี้...”
(เดี๋ยวแพง)
“คะ?”
(พี่จะไปถามเฮียเขาให้ เฮียเกียรติน่าจะรู้แหละ แล้วพี่จะส่งไปให้ทางข้อความนะ ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ทำให้แพงโกรธ ขอโทษอีกครั้งนะ)
กลายเป็นเธอที่อ้าปากค้าง บทจะอยากใจอ่อนก็เอาไม่ทันขึ้นมาเลย เมื่ออีกฝ่ายใช้โทนเสียงแผ่วเบาดูน่าสงสาร ทว่าความยุ่งเหยิงในใจกลับมีมากกว่า เธออยากได้ช่องทางการติดต่อ รู้ดีถึงคุยไปก็เท่านั้น ไม่วายไปจบตรงการพูดให้กลับไปทำงานเหมือนเดิม
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
หลังคุยกับยิ้มเสร็จเธอเดินลงมาทานข้าวใต้ตึก ผลของความรู้สึกแย่เผื่อแผ่มาจากเมื่อคืนที่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้น จึงไม่อยากออกไปไหน
“ลมอะไรพัดลื้อมาอาแพง วันนี้ลงมากินข้าวที่ร้านแปะได้”
เสียงเจ้าของร้านถือข้าวขาหมูหอมกรุ่นมาพร้อมกับน้ำซุปร้อนควันโขมง วางลงบนโต๊ะตรงหน้า คนตัวเล็กหันไปยิ้มกว้างให้ทันทีที่ได้ยิน พลางวางโทรศัพท์ซึ่งค้างอยู่ในหน้าซีรี่ย์พิงกับเหยือกน้ำพลาสติก
“ลมขี้เกียจค่ะแปะ”
เสียงใสหัวเราะลั่น พาเจ้าของร้านหัวเราะตามไปด้วย
“ทานให้หมดนา แปะแถมเนื้อไปตั้งเยอะ เสียดายของ”
“โอเคเลยแปะ เดี๋ยวซัดให้เกลี้ยงเลย ขอบคุณนะคะ”
ตุบ!
หากแต่ไม่ทันได้ตักข้าวเข้าปาก แรงสั่นสะเทือนจากข้อความทำให้โทรศัพท์ล้มตึง เธอหยิบมันขึ้นมาดูพบว่าเป็นยิ้ม และในนั้นคือเบอร์ติดต่อที่หล่อนพิมพ์ส่งมาให้ เธอเปิดดูอย่างไม่รีรอ และกดโทรออกเลยทันที
PP: ขอบคุณค่ะ
เสียงเรียกสัญญาณดังไม่นาน ปลายสายก็กดรับ
“สวัสดีค่ะ”
ทว่าเสียงของเขากลับทำให้คิ้วของเธอขมวด
(ครับ?)
จาก อาคีรา เบญ xxx-xxx000-0ดวงตากลมหรี่แคบเนื่องจากรู้สึกแสบร้อนหลังไม่ได้กะพริบมาหลายวิ ขณะเปิดดูรายการธุรกรรมในธนาคารของตัวเอง และพบว่าใครเป็นคนโอนมา ไม่ต้องคิดนานก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา คู่กรณีของเธอเมื่อคืนมันเยอะเกินจนเธอเป็นกังวล และไม่กล้านำออกมาใช้ แม้ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้จะเป็นแก้วละห้าหมื่น แต่เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ดื่มเยอะจนเขาต้องจ่ายเป็นแสน และต่อให้เป็นค่านั่งดริงก์ทั้งคืน ครึ่งล้านก็ไม่น่าจะถึง อีกอย่างเธอไม่เชื่อว่าคนโอนให้จะไม่มีอะไรแอบแฝงด้วย!ด้วยความกลัวบวกกับความไม่สบายใจ เธอจึงเปิดอินเตอร์เน็ตเข้าไปหาชื่อของเขา เพียงพิมพ์แค่ชื่อไม่ทันได้พิมพ์นามสกุล รูปของเขาก็โชว์หราเต็มจอ ตึกบ้าน คอนโด โครงการเป็นหมื่นล้าน ราวกับจะต้องเรียกเขาว่าเจ้าอสังหาริมทรัพย์!“.....!!”พะแพงในตอนนี้คือช็อคไปแล้ว เธอนั่งตัวแข็งทื่อ หากแต่นิ้วนั้นกำลังเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ภาพเขายืนโดดเด่นรวมกลุ่มอยู่กับนักธุรกิจด้วยกัน ส่วนใหญ่ผู้คนเหล่านั้นต่างมีดีกรีเป็นคนชั้นสูง ซึ่งไม่ใช่เจ้าของก็เป็นทายาทอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น บางรูปเขายังถ่ายกับดารา หรือนักร้องชื่อดังด้วย ในขณะบางคนเธอยังเป็นแฟนค
คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากโซฟาเกือบหัวคะมำ โดยร่างสูงที่อยู่ๆ ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา เขาต้องการจะพาเธอไปที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก หากแต่จังหวะนั้นเหนือเมฆผลักประตูเข้ามาซะก่อน และนั่นทำเขาหัวเสียไม่น้อย“เฮ้ยๆ จะพาน้องเขาไปไหน”“โรงแรม..”อีกมือที่ว่างดันคนยืนขวางประตูให้ถอยห่าง ทว่ากลับต้องฉุนอีกครั้งเมื่อถูกเขายื้อแขนเอาไว้ และไม่มีทีท่าจะว่าจะหลบไป แรงนั้นกระชากคนตัวเล็กจังหวะพุ่งไปข้างหน้าแต่ถูกกระชากกลับมาข้างหลังถึงกับเวียนหัว โชคดีที่เขาคว้าทันจังหวะหันไปเห็น และกลัวเธอจะล้มจึงโอบเอวไว้“ใจเย็นก่อนไอ้เสือ” ทั้งที่รู้ยิ่งเมาเพื่อนของเขาจะยิ่งหัวร้อน การไปขวางทางกันแบบนั้นมีแต่เสี่ยงจะเสียชีวิต หากแต่จำเป็นต้องทำเพราะความเป็นห่วง ดูท่าเพื่อนเขาเองก็เมาไม่เบา ถึงได้ขาดสติลากเด็กออกจากร้านอย่างประเจิดประเจ้อแบบนี้ “ใจเย็นแล้วฟังกูก่อน มึงจะลากน้องเขาไปแบบนี้ไม่ได้ มึงดูสภาพน้องเขาด้วย กล้องวงจรปิดเต็มไปหมด อยากโดนข่าวดราม่ารึไง เรามันนักธุรกิจดังนะโว้ย”คราวนี้เขานิ่ง ประหนึ่งกำลังฉุกคิดตามคำเตือนเพื่อน หันมองคนตัวเล็ก ที่ขนาดทรงตัวยืนยังต้องใช้การบังคับจากเขาเลย และเมื่อเห็นด้วยร
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงเพลงในผับ แต่ดังอยู่ภายนอก มีแค่เสียงเบสเท่านั้นที่เล็ดลอดเข้ามาได้ ทั้งห้องมีแค่พวกเขาสองคน อีกสองคนไม่อยู่แล้ว พวกเขาพากันหายไปตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อน ไม่มีวี่แววจะกลับมา นานจนเธอแอบคิดติดตลกว่าบางทีพวกเขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำกันที่บ้านคนตัวเล็กมองแก้วช็อตที่วางว่างเปล่าเรียงกันอยู่สองแก้วด้วยดวงตาพร่ามัว ส่วนในมือถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง และถ้ากระดกเข้าไปอีกคงจะเป็นแก้วที่สาม และแน่นอนเมื่อเหลือบไปเห็นคนข้างกายนั่งเฉยไม่ไหวติง เธอจึงกระดกรวดเดียวหมด ทว่าทันทีที่หมด แก้วใบนั้นก็ถูกฉกไปด้วยมือของเขา“เต็มที่ได้แค่นี้” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู “มากกว่านี้เดี๋ยวมันจะไม่สนุก”ไม่พูดเปล่า แต่มือใหญ่ที่ไม่ได้สากมากถูกยกมาวางไว้บนต้นขาเนียนด้วย พลางใช้ท้องนิ้วหัวแม่มือกดลงมาเบาๆ สลับกับการลูบไล้ไปมา และไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นไม่คิดจะปัดป่ายหรือเพราะเธอเมาแล้วทีแรกกะจะดื่มแค่แก้วเดียวตามแผนที่คิดไว้ เพราะเงินแค่นั้นสามารถเอาตัวรอดได้หลังลาออกจากงาน และระหว่างหางานใหม่ แต่ด้วยแรงกดดันจากการถูกคะยั้นคะยอย่างเหนือชั้นจนเกินไป ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง“ใค
เอาเข้าจริงเธอก็เกร็งไม่ใช่น้อย เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตอบตกลงเขาไปแล้ว ร่างบางยืนประจันหน้ากับเขา ด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ระดับของชายผ้าพ้นเข่ามาคืบนึง เธอจำได้ชุดนี้ยิ้มเคยใส่ และเธอก็เอ่ยปากชมว่าหล่อนสวย แต่หารู้ไม่เมื่อมาอยู่บนตัวเธอกลับสวยยิ่งกว่า มันทั้งเซ็กซี่และเย้ายวนในเวลาเดียวกันท่ามกลางการมองอยู่ของชายชุดดำที่แค่นั่งเฉยๆ ยังดูน่าค้นหา เขามองเธอนับตั้งแต่เดินเข้ามา มองตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากัน ด้วยสายตานี้ แววตานี้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าด้วยกลอุบายใดของใคร นั่นหมายความว่าไปเปิดทางให้เขาได้เดินเข้ามาแล้วกึ่งหนึ่ง“จะ จะให้นั่งตรงไหนคะ”เสี่ยคิระเลิกคิ้วสูง คำถามของเธอราวกับปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ขณะจ้องมองคนตรงหน้าแบบตาไม่วางตา เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่าไม่สามารถละสายตาไปไหนได้“ตรงนี้ก็ได้”มือหนาตบเบาะตรงที่ว่างข้างๆ พลางกระเถิบไปฝั่งซ้ายที่มีลลิสานั่งอยู่และหล่อนก็กระเถิบหลีกให้ตามสัญชาตญาณไปประชิดกับอีกคน ปลุกให้อีกคนหลุดจากการเหม่อลอยตื่นตามกัน ละสายตาจากการมองแก้วบรั่นดีในมือมาสนใจพวกเขาทั้งหมด แต่พอสายตาไปปะทะกับคนคู่นั้น ถึง
พะแพงเพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกคอแห้ง กลืนก้อนแข็งติดคอก็คราวนี้ เป็นสิ่งที่มาพร้อมๆ กับความตกใจ และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใบหน้าของเธอร้อนวูบขณะสบตากับเขา ร่างสูงในชุดดำทั้งชุดจ้องเขม็งมา ราวกับว่าเขานั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“พี่ยิ้ม?”คนตัวเล็กหันไปเค้นเสียงใส่รุ่นพี่ วินาทีแรกยังคงมองหล่อนในแง่ดีอยู่ คิดว่าไม่รู้เรื่องราว แต่พอได้ยินประโยคนั้นจากปากของเกียรติ แทบจะล้มทั้งยืน“ยิ้มไปพูดอีท่าไหนน้องถึงยอมมา” เขาทำราวกับเป็นเรื่องน่าขัน พลันหันไปทางอีกคนที่เอาแต่นั่งทำหน้าเรียบ แต่ไม่คิดจะละสายตาออกไปจากเธอ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับเสี่ย”“จะรีบไปไหน อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกันก่อน”เห็นได้ชัดว่าเกียรติหน้าถอดสี เมื่อไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา แต่ขอให้อยู่ต่อเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อน ความคิดที่ต้องการหลบหลีกไม่กล้าเผชิญหน้ากับพะแพงจึงหายไปทันที เสมือนคิระรู้ ถึงได้ยกยิ้มริมฝีปากหยัก จังหวะรินบรั่นดีเพิ่มในแก้วตัวเองอย่างพอใจ“จะไปบอกเด็กให้นำค็อกเทลชุดพิเศษสำหรับวันเกิดมาให้น่ะครับ”“ไม่ต้องหรอก กูกับเพื่อนไม่ดื่มค็อกเทล”จังหวะนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าลลิสาเพื่อนของเข
เกียรติชะลอรถช้าลงขณะถึงที่หมายและกำลังเลี้ยวเข้าซองจอดที่ประจำของตัวเอง หน้าจอโทรศัพท์กะพริบถี่แจ้งหมายเลขของคนคุ้นเคย ที่พักนี้โทรบ่อยซะจนน่าใจหาย เริ่มเป็นห่วงชีวิตของตัวเองและกังวลมากขึ้น ถึงชะตากรรมที่เสี่ยงขาดสะบั้นในไม่ช้านี้ทันทีที่เขาเห็นชื่อถึงกับใช้เกียร์ถอยไม่ถูก กว่าจะหาองศาจอดให้เรียบร้อย สายนั้นก็ถูกตัดไปเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะโทรกลับในเวลาไล่เลี่ยกัน“ขอโทษทีครับคุณปุณ ผมกำลังจอดรถถึงร้านพอดี มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”(เปล่า แค่จะบอกว่านายกูอยู่ร้านมึง)ได้ยินอย่างนั้นเจ้าของร้านถึงกับหูดับทันที พร้อมใบหน้าร้อนวูบ ใจสั่นอัตโนมัติราวกับคนหิวจัดแต่ไม่มีเวลากิน“ครับ? ตอนนี้นะเหรอครับ”(ใช่ นายพาเพื่อนไปจัดงานวันเกิด กูรอรับอยู่ข้างนอก ส่วนข้างในยกให้เป็นหน้าที่ของมึง ดูแลดีๆ ล่ะ ถ้าเป็นไปได้อย่าขัดใจนาย เขาเพิ่งจะทะเลาะกับพี่ชายมา)นี่ไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการบอกกล่าวและตักเตือน ประหนึ่งว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ถ้ามีบางอย่างผิดพลาด เผลอทำนายเขาไม่พอใจ เกียรติหน้าเสีย จังหวะนั้นการพาตัวเองไปข้างหน้าแทบจะลอยไปมากกว่าเดิน โชคดีที่ขาไม่สะดุดจนพาตัวเองล้มลงให้ขายขี้หน้าลูก







