LOGIN
คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากโซฟาเกือบหัวคะมำ โดยร่างสูงที่อยู่ๆ ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา เขาต้องการจะพาเธอไปที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก หากแต่จังหวะนั้นเหนือเมฆผลักประตูเข้ามาซะก่อน และนั่นทำเขาหัวเสียไม่น้อย
“เฮ้ยๆ จะพาน้องเขาไปไหน”
“โรงแรม..”
อีกมือที่ว่างดันคนยืนขวางประตูให้ถอยห่าง ทว่ากลับต้องฉุนอีกครั้งเมื่อถูกเขายื้อแขนเอาไว้ และไม่มีทีท่าจะว่าจะหลบไป แรงนั้นกระชากคนตัวเล็กจังหวะพุ่งไปข้างหน้าแต่ถูกกระชากกลับมาข้างหลังถึงกับเวียนหัว โชคดีที่เขาคว้าทันจังหวะหันไปเห็น และกลัวเธอจะล้มจึงโอบเอวไว้
“ใจเย็นก่อนไอ้เสือ” ทั้งที่รู้ยิ่งเมาเพื่อนของเขาจะยิ่งหัวร้อน การไปขวางทางกันแบบนั้นมีแต่เสี่ยงจะเสียชีวิต หากแต่จำเป็นต้องทำเพราะความเป็นห่วง ดูท่าเพื่อนเขาเองก็เมาไม่เบา ถึงได้ขาดสติลากเด็กออกจากร้านอย่างประเจิดประเจ้อแบบนี้ “ใจเย็นแล้วฟังกูก่อน มึงจะลากน้องเขาไปแบบนี้ไม่ได้ มึงดูสภาพน้องเขาด้วย กล้องวงจรปิดเต็มไปหมด อยากโดนข่าวดราม่ารึไง เรามันนักธุรกิจดังนะโว้ย”
คราวนี้เขานิ่ง ประหนึ่งกำลังฉุกคิดตามคำเตือนเพื่อน หันมองคนตัวเล็ก ที่ขนาดทรงตัวยืนยังต้องใช้การบังคับจากเขาเลย และเมื่อเห็นด้วยร่างสูงจึงพ่นลมหายใจคลายอ้อมแขนนั้นออกทันที แน่นอนผลที่ได้คือเธอลงไปนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น
“อ่าวเฮ้ย” โชคดีที่เหนือเมฆคว้าแขนเรียวไว้ ไม่อย่างนั้นหงายหลังขึ้นมามีสลบกันบ้างแหละ “ไอ้คี นึกจะปล่อยน้องเขาก็ปล่อยอย่างนี้เลยหรือวะ”
ร่างสูงเท้าเอวสอบอย่างหงุดหงิด เขาไม่ได้ฟังคำตำหนิของเพื่อนเลยสักนิด แต่กำลังควบคุมอารมณ์กระสันที่กำลังพลุกพล่าน และอยู่ๆ ถูกสั่งระงับเก็บเข้าที่เดิมกลางคัน พลางชั่งน้ำหนักระหว่างภาพพจน์เทพบุตรที่สร้างไว้กับความต้องการที่มีมากจนเกินไปจะเลือกอย่างไหนดี ไม่นานภาพก็ฉายในหัว เป็นภาพสมมุติที่เขาสร้างขึ้น หากมีข่าวแบบนี้หลุดออกมาจากกล้องวงจรปิดตัวใดตัวหนึ่ง หรือกล้องจากผู้พบเห็นที่รู้จักเขา แต่เขาไม่รู้จักจริง ผลของการเป็นคนของตระกูลซึ่งอยู่ในที่สว่างจริง จะเป็นอย่างไร จะใหญ่ถึงขั้นกระทบงานของเขาไหม แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสภาพของเธอที่กำลังเมามายไม่ได้สติ ถึงกับหงุดหงิดขึ้นมาอีกเท่าตัว เดาว่าไม่โดนข้อกล่าวหาฉุดพีอาร์ออกจากผับ ก็โดนข้อหาพรากผู้เยาว์นั่นแหละ เพราะใบหน้าและสรีระของเธอมันดูเด็กจริงๆ เป็นมัธยมตะมุตะมิ ทั้งแต่ที่จริงเธออยู่ ปี 3 แล้ว
แค่คิดก็เห็นถึงหายนะแล้ว ที่อย่างไรก็ไม่คุ้ม เมื่อเทียบกับความเสียหายที่จะได้มา
ความเป็นจริงที่ว่า พะแพงไม่ได้สำคัญขนาดนั้น!
“สาไปไหน”
“กลับแล้ว มันงอนมึง อยู่ๆ ก็เมินกันทั้งที่เป็นวันเกิดของมัน”
ร่างสูงพยักหน้าไม่ได้สนใจเท่าไหร่หนัก ยังคงหรี่ตามองพะแพงที่นอนหลับคอพับอย่างนึกเสียดาย ซึ่งที่สามารถยืนได้อยู่นี้ก็เพราะมีเหนือเมฆคอยช่วยพยุง พลันความคุกรุ่นก็เพิ่มพูนขึ้นมาอีก หลังย้อนกลับไปนึกถึงตอนถูกเธอยั่ว ไม่คิดว่าจะทอดทิ้งกันได้ มันผิดแผนทั้งหมด ถ้ารู้ว่าคออ่อนแบบนี้ให้ดื่มแก้วเดียวก็ดีอยู่หรอก ผิดที่เขาเองประเมินเธอสูงเกินไป
ร่างบางตรงหน้าไม่รู้ประสีประสาเลยสักนิด ไม่ช่ำชองแม้กระทั่งเรื่องจูบ สมแล้วที่อยู่แต่ในห้องครัว ไม่ออกมา
เขาเสยผมอย่างลวกๆ พลันถอนหายใจพรืด จังหวะหันไปหาเพื่อนสนิท
“ถ้างั้น ฝากด้วยละกัน”
“อ้าวเฮ้ยไอ้คี”
แล้วเดินออกไปซะเฉยๆ ทิ้งเธอเอาไว้กับเพื่อนของเขา
ช่วงสายของอีกวัน พะแพงตื่นเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่เย็นมากจนเกินไป ไม่เหมาะกับร่างเสื้อผ้าน้อยชิ้นหลังความร้อนในเลือดจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ซึ่งก่อนหน้าหากไม่ใช้อุณหภูมินี้เหงื่อคงท่วมเต็ม ทว่าหมดลงไปแล้วกลับมาเป็นปกติ อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศที่ถูกตั้งไว้ด้วยใครคนหนึ่งในตอนนั้น จึงทำให้เธอหนาวเหน็บในตอนนี้
แน่นอนว่าเธอจะต้องสะดุ้ง และเบิกตาโพลง เมื่อภาพที่เห็นนาทีแรกเป็นเพดานที่ไหนก็ไม่รู้ พลันตั้งสติได้ถึงกับลุกขึ้นมานั่งทั้งตัว เพื่อกวาดตามองไปรอบห้อง ความหรูหราที่กระทบม่านตาทำให้สมองชี้แจงทันทีนี่ไม่ใช่ห้องนอนเธอ ระดับหกดาวขนาดไม่มีปัญญาเช่าแน่ เมื่อเป็นเช่นนั้นกลับไม่ได้ตื่นแค่ใจ แต่เรียกได้ว่าทั้งตัว!
ในขณะที่ตัวเองนั้นมึนงง ก็ยังสาดส่องกวาดตาหาสิ่งมีชีวิตอื่น เมื่อเจอกับความเงียบจึงถอนหายใจโล่งทันที
อันดับแรกมือบางดึงขึ้นมากุมขมับก่อน เนื่องจากดีดตัวเร็วเกินไปหน่อยทำคนตัวเล็กปวดหัว ผลพ่วงจากการดื่มมากไป ต่อมาคือการมองไปรอบๆ อีกครั้ง และพบว่า...
“บรรลัยแล้ว..”
เธอลุกพรวดขึ้นมายืนตรง หากแต่เกือบหัวทิ่มคะมำเพราะสังขารไม่ไหว พลางมองหาโทรศัพท์ แต่กลับพบกับความว่างเปล่า หญิงสาวจึงค่อยๆ นั่งลงเพื่อตั้งสติใหม่อีกครั้งและแน่นอนเมื่อสติเริ่มมาดวงตาก็ขึงกว้าง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนไหลเรียงกันเข้ามาเป็นฉากๆ จากนั้นก้านนิ้วเรียวถูกยกขึ้นมาทาบริมฝีปากตัวเองเบาๆ
“มะ ไม่จริงมั้ง..”
หน้าของเธอร้อนผ่าว ขณะนึกถึงภาพนั้น ที่มีหน้าของเขาจ่ออยู่ในม่านตา ไม่นานกลายเป็นรสจูบที่แทรกเข้ามาแทนที่ สัมผัสอันเร่าร้อนฉ่าและอ่อนโอนในเวลาเดียวกัน ความเปียกชื้นของน้ำลาย และรสหวานของเหล้าที่ติดอยู่บนปลายลิ้นนั้น ที่ชัดเจนสุดคือกลิ่นน้ำหอม ที่ติดตัวเธอมาด้วย เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ พะแพงถึงกับตัวชาวาบ นั่งไม่ติดอยู่กับที่
และแน่นอนสิ่งนั้นทำให้เธอต้องตั้งคำถามมาอยู่ในห้องนี้ได้ไง คนตัวเล็กก้มลงมองตัวเองอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้ายังอยู่ครบคือชุดเดรสสีแดงของเมื่อคืน จึงถอนหายใจพรืด ออกมาอย่างโล่งอก แต่กระเป๋ากับโทรศัพท์ของเธอไม่อยู่ นั่นก็หมายความว่าเธอจะไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท จึงเดินอ้อมเตียงไปอีกฟาก เพื่อกดโทรศัพท์ลงไปยังแผนกต้อนรับ ทันที รอให้อีกฝ่ายนั้นรับสายอย่างตื่นเต้น และเมื่อปลายสายรับ เธอถึงกับเงียบเป็นใบ้ไปชั่วขณะ
(สวัสดีค่ะ โรงแรม XXX มีอะไรให้ช่วยไหมคะ)
“เอ่อ...”
เธออ้ำอึ้งอยู่พัก เพราะยังเรียบเรียงคำถามที่มีในไม่ได้ จนอีกฝ่ายเป็นฝ่ายช่วยเปิดประเด็นอีกรอบ
(สอบถามเรื่องอะไรคะ)
“อยากทราบว่า เอ่อ..ห้อง 032 น่ะค่ะ คือ”
(ค่ะ คุณพะแพง)
“คะ?”
รอบที่เท่าไหร่ไม่อาจรู้ที่หัวใจเธอเต้นแรง ให้กับเรื่องไม่ได้คาดหมาย ทันทีที่ปลายสายเรียกชื่อคนตัวเล็กก็หลับตาลง ตัดสินใจตั้งคำถามในสิ่งที่ตนอยากรู้โดยไม่คิดที่จะตริตรอง เนื่องจากว่าเธออยากจะหาทางออกไปจากที่นี่
(ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ)
“ทางเราบอกไม่ได้ค่ะ เนื่องจากเจ้าของชื่อที่เปิดห้องให้คุณพะแพง แจ้งเอาไว้”
(อ่า ถ้าอย่างนั้น พอจะรู้ไหมคะว่ากระเป๋าของฉันอยู่ไหน เขาฝากไว้รึเปล่า)
เธอถามไปอย่างนั้นทั้งที่รู้ว่าอันที่จริงมันอยู่ในล็อคเกอร์ที่ทำงาน การถามจึงไม่คิดที่จะเอาคำตอบอะไรมาก แค่จะหาทางกลับก็เท่านั้น เผื่อพนักงานจะช่วยได้ เพราะเธอไม่มีเงินเลย
(ไม่ค่ะ ไม่ได้ฝาก แต่เขาฝากให้ทางโรงแรมเรียกรถให้ค่ะ ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนเราจะไปส่งค่ะ และกำชับให้ทางเรารอคุณโทรมา ไม่ให้โทรไปก่อนค่ะ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการปลุก)
เหมือนจะเป็นคนดี คนตัวเล็กเผลอเบ้ปากขณะฟังปลายสายพูด ทั้งที่เมื่อคืนยังมอมเหล้ากันอยู่เลย
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นช่วยเรียกรถให้ฉันหน่อยนะคะ เดี๋ยวฉันลงไป”
(ได้ค่ะ)
หลังจากวางสาย คนตัวเล็กก็เดินไปจัดแจงตัวเอง แม้ตอนนี้จะยังคงปวดหัวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มึนงงเท่า กับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้
ทำไมถึงได้จูบกับผู้ชายคนนั้น
แล้วทำไมถึงได้อยู่คนเดียวตามลำพังในโรงแรมระดับหกดาวที่นี่ แถมเขาไม่ได้ทำอะไรเธอเลย
ร้านอาหาร
พะแพงเรียกรถมาลงที่ทำงานของตัวเองเพื่อกลับมาเอามือถือกับกระเป๋า โชคดีที่ยังไม่มีใครมาทำงานเพราะร้านยังไม่เปิด ถึงจะเจอพนักงานคนอื่น แต่ผู้คนเหล่านั้นก็เป็นคนที่เธอไม่สนิท บางคนแทบไม่รู้จัก
เธอเดินเร็วมายังห้องแต่งตัว เพราะไม่อยากเจอใครจึงได้เร่งรีบ และเมื่อเปิดล็อคเกอร์ก็พบว่ามันอยู่ในนั้นจริงๆ หญิงสาวจะยังไม่ได้เปิดดูอะไรในโทรศัพท์ก่อน จนกว่าจะหลุดพ้นออกไปจากที่นี่แล้ว
“อ้าวพะแพง ทำไมมาเร็วนักล่ะ มาเตรียมของกับเชฟน้อยเหรอ”
ขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาเดินอยู่นั้น ใครคนหนึ่งเกิดทักเธอขึ้นมา เท้าเล็กหยุดชะงักหันไปมองก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดหล่อนมีหน้าที่มาส่งผัก ซึ่งนั่นทำให้เธอโล่งใจไม่น้อยเลย
“เปล่าค่ะ แพงมาเอาของเมื่อคืนลืมเอาไว้ ป้าน้อยอยู่เหรอคะ”
ประโยคตอนท้ายคนตัวเล็กยิ้มกว้าง มองตามมือที่ชี้ไปยังโซนในครัวพลางพยักหน้า
“ใช่ เห็นแกเช็คของสดอยู่นะ ป้าไปก่อนล่ะ มีส่งอีกหลายที่เลย”
“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”
ทีแรกเธอกะจะเดินเข้าไปหวังบอกลาเชฟน้อย แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าทำแบบนั้นอาจจะเสี่ยงเจอคนเยอะขึ้น อีกอย่างถ้าเข้าไปแล้วก็ไม่รู้จะต้องพูดอะไร จึงตัดสินใจเดินออกมาทันที ขี่มอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งไว้ที่ลานจอดรถ ไปยังที่พักตัวเอง
เมื่อถึงที่พักสิ่งแรกที่เธอทำคือทิ้งตัวลงกลางเตียง พร้อมความทรงจำมากมายไหลเวียนกลับมาอีกครั้ง มีทั้งของเมื่อคืนและวันอื่นๆ และพอหมดจนไม่มีอะไรจะให้คิดแล้ว จึงควานหาโทรศัพท์เพื่อที่จะหางานอื่นต่อ วางแผนไว้คร่าวๆ ว่าก่อนมหาลัยเปิดเธอจะต้องหารายได้ ให้ได้อย่างน้อย 30K
ทว่าทันทีที่เปิดโทรศัพท์ เห็นแจ้งเตือนภายในนั้นคาอยู่บนจอกับต้องขมวดคิ้ว ถึงขนาดเปลี่ยนท่านอนของตัวเองใหม่ แจ้งเตือนแรกที่เห็นเป็นของยิ้ม มีทั้งหมดแปดข้อความและสองสายไม่ได้รับ ทว่าแทนที่คนตัวเล็กจะเปิดอ่านกลับเลือกที่จะปัดทิ้งไป ต่อมาคือข้อความของแม็กซึ่งแน่นอนเธอเปิดอย่างไม่ลังเล เมื่ออ่านถึงรู้ว่าเธอไม่ได้โชคร้ายเสมอไป
แม็ก เพื่อนมัธยม : พี่เพลิงกับพี่หลินบอกตารางงานทั้งหมดของเดือนนี้มาแล้วนะ ถ้าแพงสนใจก็ลองดีลดู เดี๋ยวแม็คทิ้งคอนแทคเขาไว้ให้
คนตัวเล็กหลุดยิ้มให้กับสิ่งนั้น ก่อนจะตอบตกลงด้วยความดีใจ
PP: อื้ม ขอบคุณมากนะแม็ก
จากนั้นจึงจะวางโทรศัพท์เตรียมตัวไปอาบน้ำ ทว่ากำลังจะไปไม่ทันได้ลุก บนจอกลับมีแสงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง เธอหยิบมันขึ้นมาดูเพราะเป็นแจ้งเตือนผ่านข้อความ SMS ทันทีที่เปิดถึงขนาดต้องขึงตากว้าง เนื่องจากในนั้นมันแจ้งว่า มีการโอนเงินเข้ามายังบัญชีของเธอ ด้วยเงินจำนวนห้าแสนบาท
จาก อาคีรา เบญ xxx-xxx000-0ดวงตากลมหรี่แคบเนื่องจากรู้สึกแสบร้อนหลังไม่ได้กะพริบมาหลายวิ ขณะเปิดดูรายการธุรกรรมในธนาคารของตัวเอง และพบว่าใครเป็นคนโอนมา ไม่ต้องคิดนานก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา คู่กรณีของเธอเมื่อคืนมันเยอะเกินจนเธอเป็นกังวล และไม่กล้านำออกมาใช้ แม้ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้จะเป็นแก้วละห้าหมื่น แต่เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ดื่มเยอะจนเขาต้องจ่ายเป็นแสน และต่อให้เป็นค่านั่งดริงก์ทั้งคืน ครึ่งล้านก็ไม่น่าจะถึง อีกอย่างเธอไม่เชื่อว่าคนโอนให้จะไม่มีอะไรแอบแฝงด้วย!ด้วยความกลัวบวกกับความไม่สบายใจ เธอจึงเปิดอินเตอร์เน็ตเข้าไปหาชื่อของเขา เพียงพิมพ์แค่ชื่อไม่ทันได้พิมพ์นามสกุล รูปของเขาก็โชว์หราเต็มจอ ตึกบ้าน คอนโด โครงการเป็นหมื่นล้าน ราวกับจะต้องเรียกเขาว่าเจ้าอสังหาริมทรัพย์!“.....!!”พะแพงในตอนนี้คือช็อคไปแล้ว เธอนั่งตัวแข็งทื่อ หากแต่นิ้วนั้นกำลังเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ภาพเขายืนโดดเด่นรวมกลุ่มอยู่กับนักธุรกิจด้วยกัน ส่วนใหญ่ผู้คนเหล่านั้นต่างมีดีกรีเป็นคนชั้นสูง ซึ่งไม่ใช่เจ้าของก็เป็นทายาทอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น บางรูปเขายังถ่ายกับดารา หรือนักร้องชื่อดังด้วย ในขณะบางคนเธอยังเป็นแฟนค
คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากโซฟาเกือบหัวคะมำ โดยร่างสูงที่อยู่ๆ ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา เขาต้องการจะพาเธอไปที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก หากแต่จังหวะนั้นเหนือเมฆผลักประตูเข้ามาซะก่อน และนั่นทำเขาหัวเสียไม่น้อย“เฮ้ยๆ จะพาน้องเขาไปไหน”“โรงแรม..”อีกมือที่ว่างดันคนยืนขวางประตูให้ถอยห่าง ทว่ากลับต้องฉุนอีกครั้งเมื่อถูกเขายื้อแขนเอาไว้ และไม่มีทีท่าจะว่าจะหลบไป แรงนั้นกระชากคนตัวเล็กจังหวะพุ่งไปข้างหน้าแต่ถูกกระชากกลับมาข้างหลังถึงกับเวียนหัว โชคดีที่เขาคว้าทันจังหวะหันไปเห็น และกลัวเธอจะล้มจึงโอบเอวไว้“ใจเย็นก่อนไอ้เสือ” ทั้งที่รู้ยิ่งเมาเพื่อนของเขาจะยิ่งหัวร้อน การไปขวางทางกันแบบนั้นมีแต่เสี่ยงจะเสียชีวิต หากแต่จำเป็นต้องทำเพราะความเป็นห่วง ดูท่าเพื่อนเขาเองก็เมาไม่เบา ถึงได้ขาดสติลากเด็กออกจากร้านอย่างประเจิดประเจ้อแบบนี้ “ใจเย็นแล้วฟังกูก่อน มึงจะลากน้องเขาไปแบบนี้ไม่ได้ มึงดูสภาพน้องเขาด้วย กล้องวงจรปิดเต็มไปหมด อยากโดนข่าวดราม่ารึไง เรามันนักธุรกิจดังนะโว้ย”คราวนี้เขานิ่ง ประหนึ่งกำลังฉุกคิดตามคำเตือนเพื่อน หันมองคนตัวเล็ก ที่ขนาดทรงตัวยืนยังต้องใช้การบังคับจากเขาเลย และเมื่อเห็นด้วยร
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงเพลงในผับ แต่ดังอยู่ภายนอก มีแค่เสียงเบสเท่านั้นที่เล็ดลอดเข้ามาได้ ทั้งห้องมีแค่พวกเขาสองคน อีกสองคนไม่อยู่แล้ว พวกเขาพากันหายไปตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อน ไม่มีวี่แววจะกลับมา นานจนเธอแอบคิดติดตลกว่าบางทีพวกเขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำกันที่บ้านคนตัวเล็กมองแก้วช็อตที่วางว่างเปล่าเรียงกันอยู่สองแก้วด้วยดวงตาพร่ามัว ส่วนในมือถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง และถ้ากระดกเข้าไปอีกคงจะเป็นแก้วที่สาม และแน่นอนเมื่อเหลือบไปเห็นคนข้างกายนั่งเฉยไม่ไหวติง เธอจึงกระดกรวดเดียวหมด ทว่าทันทีที่หมด แก้วใบนั้นก็ถูกฉกไปด้วยมือของเขา“เต็มที่ได้แค่นี้” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู “มากกว่านี้เดี๋ยวมันจะไม่สนุก”ไม่พูดเปล่า แต่มือใหญ่ที่ไม่ได้สากมากถูกยกมาวางไว้บนต้นขาเนียนด้วย พลางใช้ท้องนิ้วหัวแม่มือกดลงมาเบาๆ สลับกับการลูบไล้ไปมา และไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นไม่คิดจะปัดป่ายหรือเพราะเธอเมาแล้วทีแรกกะจะดื่มแค่แก้วเดียวตามแผนที่คิดไว้ เพราะเงินแค่นั้นสามารถเอาตัวรอดได้หลังลาออกจากงาน และระหว่างหางานใหม่ แต่ด้วยแรงกดดันจากการถูกคะยั้นคะยอย่างเหนือชั้นจนเกินไป ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง“ใค
เอาเข้าจริงเธอก็เกร็งไม่ใช่น้อย เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตอบตกลงเขาไปแล้ว ร่างบางยืนประจันหน้ากับเขา ด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ระดับของชายผ้าพ้นเข่ามาคืบนึง เธอจำได้ชุดนี้ยิ้มเคยใส่ และเธอก็เอ่ยปากชมว่าหล่อนสวย แต่หารู้ไม่เมื่อมาอยู่บนตัวเธอกลับสวยยิ่งกว่า มันทั้งเซ็กซี่และเย้ายวนในเวลาเดียวกันท่ามกลางการมองอยู่ของชายชุดดำที่แค่นั่งเฉยๆ ยังดูน่าค้นหา เขามองเธอนับตั้งแต่เดินเข้ามา มองตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากัน ด้วยสายตานี้ แววตานี้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าด้วยกลอุบายใดของใคร นั่นหมายความว่าไปเปิดทางให้เขาได้เดินเข้ามาแล้วกึ่งหนึ่ง“จะ จะให้นั่งตรงไหนคะ”เสี่ยคิระเลิกคิ้วสูง คำถามของเธอราวกับปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ขณะจ้องมองคนตรงหน้าแบบตาไม่วางตา เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่าไม่สามารถละสายตาไปไหนได้“ตรงนี้ก็ได้”มือหนาตบเบาะตรงที่ว่างข้างๆ พลางกระเถิบไปฝั่งซ้ายที่มีลลิสานั่งอยู่และหล่อนก็กระเถิบหลีกให้ตามสัญชาตญาณไปประชิดกับอีกคน ปลุกให้อีกคนหลุดจากการเหม่อลอยตื่นตามกัน ละสายตาจากการมองแก้วบรั่นดีในมือมาสนใจพวกเขาทั้งหมด แต่พอสายตาไปปะทะกับคนคู่นั้น ถึง
พะแพงเพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกคอแห้ง กลืนก้อนแข็งติดคอก็คราวนี้ เป็นสิ่งที่มาพร้อมๆ กับความตกใจ และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใบหน้าของเธอร้อนวูบขณะสบตากับเขา ร่างสูงในชุดดำทั้งชุดจ้องเขม็งมา ราวกับว่าเขานั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“พี่ยิ้ม?”คนตัวเล็กหันไปเค้นเสียงใส่รุ่นพี่ วินาทีแรกยังคงมองหล่อนในแง่ดีอยู่ คิดว่าไม่รู้เรื่องราว แต่พอได้ยินประโยคนั้นจากปากของเกียรติ แทบจะล้มทั้งยืน“ยิ้มไปพูดอีท่าไหนน้องถึงยอมมา” เขาทำราวกับเป็นเรื่องน่าขัน พลันหันไปทางอีกคนที่เอาแต่นั่งทำหน้าเรียบ แต่ไม่คิดจะละสายตาออกไปจากเธอ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับเสี่ย”“จะรีบไปไหน อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกันก่อน”เห็นได้ชัดว่าเกียรติหน้าถอดสี เมื่อไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา แต่ขอให้อยู่ต่อเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อน ความคิดที่ต้องการหลบหลีกไม่กล้าเผชิญหน้ากับพะแพงจึงหายไปทันที เสมือนคิระรู้ ถึงได้ยกยิ้มริมฝีปากหยัก จังหวะรินบรั่นดีเพิ่มในแก้วตัวเองอย่างพอใจ“จะไปบอกเด็กให้นำค็อกเทลชุดพิเศษสำหรับวันเกิดมาให้น่ะครับ”“ไม่ต้องหรอก กูกับเพื่อนไม่ดื่มค็อกเทล”จังหวะนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าลลิสาเพื่อนของเข
เกียรติชะลอรถช้าลงขณะถึงที่หมายและกำลังเลี้ยวเข้าซองจอดที่ประจำของตัวเอง หน้าจอโทรศัพท์กะพริบถี่แจ้งหมายเลขของคนคุ้นเคย ที่พักนี้โทรบ่อยซะจนน่าใจหาย เริ่มเป็นห่วงชีวิตของตัวเองและกังวลมากขึ้น ถึงชะตากรรมที่เสี่ยงขาดสะบั้นในไม่ช้านี้ทันทีที่เขาเห็นชื่อถึงกับใช้เกียร์ถอยไม่ถูก กว่าจะหาองศาจอดให้เรียบร้อย สายนั้นก็ถูกตัดไปเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะโทรกลับในเวลาไล่เลี่ยกัน“ขอโทษทีครับคุณปุณ ผมกำลังจอดรถถึงร้านพอดี มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”(เปล่า แค่จะบอกว่านายกูอยู่ร้านมึง)ได้ยินอย่างนั้นเจ้าของร้านถึงกับหูดับทันที พร้อมใบหน้าร้อนวูบ ใจสั่นอัตโนมัติราวกับคนหิวจัดแต่ไม่มีเวลากิน“ครับ? ตอนนี้นะเหรอครับ”(ใช่ นายพาเพื่อนไปจัดงานวันเกิด กูรอรับอยู่ข้างนอก ส่วนข้างในยกให้เป็นหน้าที่ของมึง ดูแลดีๆ ล่ะ ถ้าเป็นไปได้อย่าขัดใจนาย เขาเพิ่งจะทะเลาะกับพี่ชายมา)นี่ไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการบอกกล่าวและตักเตือน ประหนึ่งว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ถ้ามีบางอย่างผิดพลาด เผลอทำนายเขาไม่พอใจ เกียรติหน้าเสีย จังหวะนั้นการพาตัวเองไปข้างหน้าแทบจะลอยไปมากกว่าเดิน โชคดีที่ขาไม่สะดุดจนพาตัวเองล้มลงให้ขายขี้หน้าลูก







