Mag-log inพะแพงเพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกคอแห้ง กลืนก้อนแข็งติดคอก็คราวนี้ เป็นสิ่งที่มาพร้อมๆ กับความตกใจ และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใบหน้าของเธอร้อนวูบขณะสบตากับเขา ร่างสูงในชุดดำทั้งชุดจ้องเขม็งมา ราวกับว่าเขานั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“พี่ยิ้ม?”
คนตัวเล็กหันไปเค้นเสียงใส่รุ่นพี่ วินาทีแรกยังคงมองหล่อนในแง่ดีอยู่ คิดว่าไม่รู้เรื่องราว แต่พอได้ยินประโยคนั้นจากปากของเกียรติ แทบจะล้มทั้งยืน
“ยิ้มไปพูดอีท่าไหนน้องถึงยอมมา” เขาทำราวกับเป็นเรื่องน่าขัน พลันหันไปทางอีกคนที่เอาแต่นั่งทำหน้าเรียบ แต่ไม่คิดจะละสายตาออกไปจากเธอ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับเสี่ย”
“จะรีบไปไหน อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกันก่อน”
เห็นได้ชัดว่าเกียรติหน้าถอดสี เมื่อไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา แต่ขอให้อยู่ต่อเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อน ความคิดที่ต้องการหลบหลีกไม่กล้าเผชิญหน้ากับพะแพงจึงหายไปทันที เสมือนคิระรู้ ถึงได้ยกยิ้มริมฝีปากหยัก จังหวะรินบรั่นดีเพิ่มในแก้วตัวเองอย่างพอใจ
“จะไปบอกเด็กให้นำค็อกเทลชุดพิเศษสำหรับวันเกิดมาให้น่ะครับ”
“ไม่ต้องหรอก กูกับเพื่อนไม่ดื่มค็อกเทล”
จังหวะนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าลลิสาเพื่อนของเขาหันขวับมามอง พลางขมวดคิ้วอย่างงุนงง เพียงแต่ผลที่คบกันมานานจนรู้นิสัยใจคอ การทักท้วงกลางอากาศไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ ถ้าคิดจะทำกับอาคีรา ทั้งเหนือเมฆและหล่อนต่างรู้ดีว่า อาคีราไม่โปรดปรานกับสิ่งนี้ หากทำให้เขาหน้าแตกไม่โดนล็อคเป้าก็โดนยำเละอย่างใดอย่างหนึ่ง ถึงได้หันไปมองเพื่อนอีกคนพร้อมกับตั้งคำถามแทน ทว่าฝ่ายนั้นกลับยักไหล่กลับมาเป็นคำตอบ
“ถ้าอย่างนั้นต้องการอะไรแทนดีครับ ถ้าไม่รับค็อกเทลรับเป็น เอ่อ..”
ดวงตาคมกริบชำเลืองมองร่างบางทั้งที่ยังไม่ทันพูดจบ ตอนนี้เธออยู่ในลักษณะท่าคอตก ลาดไหล่ห่อเข้าหากัน และหลุบตาต่ำนิ่วหน้าขมุกขมัว เจ้าของร้านมองตามสายตานั้นถึงกับนั่งไม่ติด มือคู่ผสานกันบนตัก หัวแม่มือถูไถกันไปมา ริมฝีปากถูกเลียด้วยลิ้นตัวเองถึงสองครั้ง ภาษากายนี้แสดงออกถึงความอัดอั้นลำบากใจเป็นที่สุด นึกตำหนิตัวเองที่เข้าใจผิด คิดไปเองว่าการไม่ตอบกลับของเสี่ยคือการปล่อย ไม่ยุ่งกับเธออีก ไม่คิดว่าจะมาไล่ต้อนกันถึงที่ เพิ่มความยุ่งเหยิงให้กับสถานการณ์นี้อีกเท่าตัว
“เสี่ยครับ คือพะแพงมัน..”
“บอกให้มันมานี่ มานั่งข้างกู”
ทันทีที่ได้ยินคนตัวเล็กถึงกับเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตขึงกว้าง ต่างกับเจ้าของวันเกิดและเหนือเมฆที่เลิกคิ้วสูง มีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด หากแต่คำถามในหัวที่ตรงกันโดยไม่ต้องพูดออกมาคงหนีไม่พ้น...สรุปแล้วนี่วันเกิดของใคร?
เขาสั่งอีกคนแต่สายตามองอีกคน ด้วยคำพูดไม่ได้กระซิบ จงใจให้ได้ยินกันชัดๆ หญิงสาวช้อนตามอง ในแววตาตอนนี้เต็มไปด้วยเคืองขุ่น หากแต่มีบางอย่างควบคุมเธอเอาไว้ไม่ให้ทำเรื่องที่โง่ อาทิเช่นการแผลงฤทธิ์ใส่ใครสักคนที่กระดูกใหญ่กว่า
ดูก็รู้ไม่มีใครเป็นพวกเดียวกับเธอเลยสักคน
เกียรติเม้มริมฝีปาก มือคู่ที่ผสานบีบเข้าหากันแน่น ก่อนหันมามองเธอคนตัวเล็กที่มองเขาอยู่ก่อน ด้วยสายตาคมกริบ อีกนัยยะช้อนอยู่คือความผิดหวัง และถ้าหากเขาทำตามอย่างที่อีกคนสั่งก็จะเผยมันออกมาเลยอย่างไม่เกรงใจทันที
“พะแพง...” เสียงนั้นเบาหวิวราวกับสายลมไม่สมเป็นเขาเลยสักนิด เจ้าของชื่อเอียงหน้า พร้อมดวงตาขยายกว้างอย่างเอาเรื่อง “เป็นพีอาร์หน่อยนะวันนี้”
พลันถึงกับตัวแข็งทื่อ กลั้นหายใจไว้อาลัยให้กับสิ่งที่ได้ยินมา เขาหมายความว่าอย่างไร จะให้เธอนั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อนกับแขกของเขา?
คราวนี้ขมวดคิ้ว มองหน้าเกียรติสลับกับยิ้มที่ถูกโบกมือไล่ให้ไปดูแขกโซนอื่น แม้ตอนผลักประตูหล่อนจะหันมาทำหน้าเศร้า แต่เธอโกรธจนไม่อยากจะมองหน้า ทว่าจังหวะเบือนหน้าหนีหวังเมิน กลับไปปะทะเข้ากับร่างสูงเต็มๆ กลายเป็นว่าเธอและเขาสบตากัน
โคตรซวย
และนั่นทำให้เขาเข้าใจว่าเธอกำลังสับสนถึงได้เลิกคิ้วสูง คนตัวเล็กเผลอกัดริมฝีปากหันไปทางเกียรติ รู้สึกกำลังถูกต้อนจนมุม และที่สำคัญหญิงสาวกำลังประหม่าให้กับใบหน้าหล่อฟ้าประทานนั้นอย่างนึกเกลียดตัวเอง
“พี่เกียรติ..”
“แค่ดื่มเองแพงไม่มีอะไร”
ประโยคคล้ายน้ำเสียงตำหนิ ทำหญิงสาวที่กำลังหาที่พึ่ง ถึงเบรกลากล้อ
เขากำลังคิดว่าเธอไม่ได้มาเข้าใจกับความเดือดร้อนที่เขาอาจจะต้องเจอ ขืนเธอยังเล่นตัวอยู่เช่นนี้ เกิดอาคีราทนไม่ไหวเริ่มรำคาญขึ้นมาจะเป็นอย่างไร เขาจะตายหรือไม่ เพราะแค่โดนยุบร้านก็เหมือนไม่ต่าง เงินทุนหมุนเวียนคงหายไปทั้งหมด เผลอๆ หนี้สินที่กู้มาจากเขาดอกคงเพิ่มพูนพะรุงพะรัง ต่อให้ยุบไปหมดทั้งสามสาขาก็คงชดใช้ไม่ไหว
ความกังวลว่ากิจการจะสั่นคลอนทำให้เกียรติขาดสติไปชั่วขณะ เริ่มมองพะแพงเป็นคนอื่น นึกภาพสมมุติถ้าตนนั้นต้องยอมแลก เพียงเพื่อพิทักษ์ผู้หญิงคนหนึ่งให้หลุดรอดปลอดภัยจากเงื้อมมือของซาตานทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน? มันคุ้มแล้วหรือเปล่า?
“แต่แพงไม่..”
“แพง ถ้าแพงปฏิเสธ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะน้อง”
แก้วบรั่นดีในมือของเขาเกิดชะงักจังหวะยกขึ้นกระดก พลางแค่นหัวเราะให้กับประโยคที่เพิ่งได้ยินมา ไม่นึกเลยว่าคนเป็นนายจะขี้ขลาดถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยื่นคำขาดให้กับลูกน้อง พนักงานตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทางสู้ แถมต่อหน้าต่อหน้าพวกเขา ซึ่งเป็นลูกค้าระดับ VVIP
ทำแบบนี้คนตัวเล็กจะไปเหลืออะไร ป่านนี้คงลืมหายใจไปแล้วกระมัง และเหมือนจะจริงอย่างที่ว่า เมื่อเขาสังเกตเห็นหัวไหล่ของเธอไหวสั่น คล้ายคนกำลังตกใจแต่ทำอะไรไม่ถูก พอหันไปทางเพื่อนของเขามีแต่ลลิสาที่อ้าปากค้าง ส่วนเหนือเมฆเบือนหน้าไปทางอื่น แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปแล้ว
“กูว่านะเกียรติ มึงควรจะใจเย็นก่อน”
พะแพงหันขวับมายังเจ้าของเสียงทันที สีหน้าของเขาตอนนี้ทำราวกับว่ากำลังเห็นอกเห็นใจคนทั้งคู่ ทว่าสำหรับคนตัวเล็กมองว่าเขานั้นกำลังแกล้งทำ ถึงได้เผลอมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง กว่าจะได้สติว่าไม่ควรทำอย่างนั้น พลันต้องก้มหน้างุด ก็ตอนที่เขาจ้องเขม็งกลับมา ด้วยสายตาดุดันหรี่แคบแทบเต็มพื้นที่สีดำ
“คี ถ้าเธอไม่เต็มใจก็อย่าไปบังคับเธอสิ”
คราวนี้ลลิสาเลือกที่จะปรามเพราะทนมองอยู่นานแล้ว ทว่ากลับถูกเหนือเมฆสะกิดปรามหล่อนอีกที หญิงสาวจึงหันไปชักสีหน้าใส่ เนื่องจากไม่สบายใจสุดๆ หล่อนไม่ชอบที่ต้องเห็นใครถูกรังแก หรือโดนบังคับ ถ้าเต็มใจก็ว่าไปอย่าง และเหมือนว่าอาคีราจะเข้าใจความรู้สึกนั้นของหล่อน ถึงได้เปลี่ยนทั้งแววตาทั้งสีหน้าให้ผ่อนคลายลง หันไปหาเกียรติ
“ปกติทำแบบนี้กับพนักงานบ่อยหรือ?”
ราวกับถูกสาดสะเก็ดไฟอันร้อนฉ่าใส่แบบไม่ทันตั้งตัว คนถูกถามถึงกับอ้าปากพะงาบไปไม่ถูก เขาหันมาหาคนร่างเล็กประหนึ่งต้องการตัวช่วย
“เอ่อ...”
“ไม่ค่ะ เขาไม่เคยทำแบบนั้นกับใคร หนูคือคนแรก”
และเธอก็บ้าจี้ ทว่าประโยคนั้นอาจทำให้อีกคนสะอึกเล็กน้อย ส่วนอีกคนก้มหน้าลงเพื่อกลั้นขำ
“โชคดีจัง..” พลางเอ่ยประโยคแหบพร่าคล้ายจงใจกวนประสาทเธอ “ถ้างั้นเอาอย่างนี้ พี่ให้ดื่มละห้าหมื่นถ้าหนูยอม แลกกับการนั่งตลอดคืน ค่านั่งอีกต่างหาก”
ไม่ใช่แค่เธอที่ขึงตากว้าง แต่ทุกคนทั้งหมดในห้อง โดยเฉพาะเกียรติเขาถึงกับเป็นรูปปั้นไปเลย
“พูดจริงไหม งั้นสาเอาด้วย”
เพื่อนหญิงของเขายกมือขึ้นพร้อมยิ้มทะเล้น เจตนาอยากให้บรรยากาศนั้นผ่อนคลาย แต่กลับถูกเหนือเมฆดีดหน้าผากจนต้องร้องเสียงหลง ข้อหาเล่นไม่ดูเวล่ำเวลา
ทั้งห้องกลับมาเงียบกริบอีกครั้ง เมื่อคนตัวเล็กถูกจ้องโดยคนตัวสูง ที่กำลังรอคำตอบอย่างกดดัน เธอละสายตาจากทุกคู่ ก้มลงมองพื้นราวกับต้องการใช้สมอง สิ่งที่แวบเข้ามานาทีนั้นคือบิลค่าใช้จ่าย ซึ่งรอเคลียร์อยู่ที่ห้อง และมีเวลาให้หาเงินเพียงห้าวัน เป็นวันเดียวกันกับที่เธอได้รับเงินเดือน ถึงแม้จะพอจ่าย แต่หลังจากนั้นทั้งเดือนของเธอก็จะต้องประหยัดสุดๆ ประหยัดชนิดที่ว่าอยากจะกินเค้กสักเสี้ยวยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลย
เพียงไม่นานสัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็จุติ ราวกับมีระฆังเคาะอยู่ข้างขมับ ตัดสินใจในเวลาประชั้นชิด โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือหลุมพรางและหายนะ!
“ถ้าแพงดื่ม พี่เกียรติจะไม่ไล่แพงออกใช่ไหมคะ”
ประโยคนี้เป็นคำถามที่ไม่ได้คาดหวังคำตอบ ในใจเธอต้องการจะลาออกอยู่แล้วตัดสินใจได้เลยอย่างไม่ลังเล นับตั้งแต่ได้ยินคำพูดนั้นของเขา ความเห็นแก่ตัวที่ถูกป้อนมายังเธอทีละนิด ทีละนิดหากเขาพูดจริงเธอดื่มแค่แก้วเดียวก็อยู่รอดไปทั้งเดือน หลังจากนั้นค่อยหางานใหม่เอาก็ได้ ยังพอมีเวลากว่าจะปิดเทอม
“ถ้าแพงยอมรับข้อเสนอของเสี่ย พี่จะแถมคำขอบคุณให้แพงด้วย”
คนตัวเล็กยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มเผลอไผลไม่รู้ตัวที่สวยสะบัด เล่นเอาคนมองอยู่อย่างผู้หญิงด้วยกันยังอึ้ง เหนือเมฆถึงกับได้รับคำตอบเลยทันที ไม่แปลกใจทำไมเพื่อนของเขาถึงได้อยากได้นัก
คนตัวเล็กหันกลับมาหาคนตรงหน้า เจ้าของดวงตาที่มีเส้นขอบอย่างชัดเจน มองไม่เบื่อ และมีเสน่ห์สุดๆ แต่บทจะน่ากลัวก็ไม่มีใครกล้าสบตาด้วย
“แค่..นั่งเป็นเพื่อนนะคะ”
ช่างเป็นคำถามที่ท้าทายคำตอบอะไรอย่างนี้ กว่าจะได้สติ ว่าควรตบปากตัวเองสักฉาดก็ตอนโพล่งออกไปแล้ว
“หืม...”
“หมายถึง แค่ดื่มเหล้าเป็นเพื่อน แล้ว..ต่างคนต่างกลับน่ะค่ะ”
เธอต้องถามเพื่อความมั่นใจก่อน ถึงตอนนี้จะอับอายมากเพราะทุกคนในห้องมองอยู่ก็เถอะ ร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปาก ครั้งนี้เขาขำเธอจริงจัง คาดไม่ถึงจะได้ยินอะไรแบบนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเขาเลยสักคน พอดื่มจนได้ที่ก็มีแต่ถามว่าจะไปที่ไหนต่อ ห้องของเธอหรือพื้นที่ของเขา เจอคนตัวเล็กตรงหน้าเข้าไปถึงกับหน้าชา เสียอาการอยู่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกถัดไปทางเสียหน้าซะมากกว่า
“ได้ เอาแค่นั้น” ดวงตาขบขำในทีแรกถูกเปลี่ยนเป็นคมกริบจังหวะเหลือบขึ้นมามองเธอ “เอาอย่างที่หนูว่า”
จาก อาคีรา เบญ xxx-xxx000-0ดวงตากลมหรี่แคบเนื่องจากรู้สึกแสบร้อนหลังไม่ได้กะพริบมาหลายวิ ขณะเปิดดูรายการธุรกรรมในธนาคารของตัวเอง และพบว่าใครเป็นคนโอนมา ไม่ต้องคิดนานก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา คู่กรณีของเธอเมื่อคืนมันเยอะเกินจนเธอเป็นกังวล และไม่กล้านำออกมาใช้ แม้ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้จะเป็นแก้วละห้าหมื่น แต่เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ดื่มเยอะจนเขาต้องจ่ายเป็นแสน และต่อให้เป็นค่านั่งดริงก์ทั้งคืน ครึ่งล้านก็ไม่น่าจะถึง อีกอย่างเธอไม่เชื่อว่าคนโอนให้จะไม่มีอะไรแอบแฝงด้วย!ด้วยความกลัวบวกกับความไม่สบายใจ เธอจึงเปิดอินเตอร์เน็ตเข้าไปหาชื่อของเขา เพียงพิมพ์แค่ชื่อไม่ทันได้พิมพ์นามสกุล รูปของเขาก็โชว์หราเต็มจอ ตึกบ้าน คอนโด โครงการเป็นหมื่นล้าน ราวกับจะต้องเรียกเขาว่าเจ้าอสังหาริมทรัพย์!“.....!!”พะแพงในตอนนี้คือช็อคไปแล้ว เธอนั่งตัวแข็งทื่อ หากแต่นิ้วนั้นกำลังเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ภาพเขายืนโดดเด่นรวมกลุ่มอยู่กับนักธุรกิจด้วยกัน ส่วนใหญ่ผู้คนเหล่านั้นต่างมีดีกรีเป็นคนชั้นสูง ซึ่งไม่ใช่เจ้าของก็เป็นทายาทอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น บางรูปเขายังถ่ายกับดารา หรือนักร้องชื่อดังด้วย ในขณะบางคนเธอยังเป็นแฟนค
คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากโซฟาเกือบหัวคะมำ โดยร่างสูงที่อยู่ๆ ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา เขาต้องการจะพาเธอไปที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก หากแต่จังหวะนั้นเหนือเมฆผลักประตูเข้ามาซะก่อน และนั่นทำเขาหัวเสียไม่น้อย“เฮ้ยๆ จะพาน้องเขาไปไหน”“โรงแรม..”อีกมือที่ว่างดันคนยืนขวางประตูให้ถอยห่าง ทว่ากลับต้องฉุนอีกครั้งเมื่อถูกเขายื้อแขนเอาไว้ และไม่มีทีท่าจะว่าจะหลบไป แรงนั้นกระชากคนตัวเล็กจังหวะพุ่งไปข้างหน้าแต่ถูกกระชากกลับมาข้างหลังถึงกับเวียนหัว โชคดีที่เขาคว้าทันจังหวะหันไปเห็น และกลัวเธอจะล้มจึงโอบเอวไว้“ใจเย็นก่อนไอ้เสือ” ทั้งที่รู้ยิ่งเมาเพื่อนของเขาจะยิ่งหัวร้อน การไปขวางทางกันแบบนั้นมีแต่เสี่ยงจะเสียชีวิต หากแต่จำเป็นต้องทำเพราะความเป็นห่วง ดูท่าเพื่อนเขาเองก็เมาไม่เบา ถึงได้ขาดสติลากเด็กออกจากร้านอย่างประเจิดประเจ้อแบบนี้ “ใจเย็นแล้วฟังกูก่อน มึงจะลากน้องเขาไปแบบนี้ไม่ได้ มึงดูสภาพน้องเขาด้วย กล้องวงจรปิดเต็มไปหมด อยากโดนข่าวดราม่ารึไง เรามันนักธุรกิจดังนะโว้ย”คราวนี้เขานิ่ง ประหนึ่งกำลังฉุกคิดตามคำเตือนเพื่อน หันมองคนตัวเล็ก ที่ขนาดทรงตัวยืนยังต้องใช้การบังคับจากเขาเลย และเมื่อเห็นด้วยร
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงเพลงในผับ แต่ดังอยู่ภายนอก มีแค่เสียงเบสเท่านั้นที่เล็ดลอดเข้ามาได้ ทั้งห้องมีแค่พวกเขาสองคน อีกสองคนไม่อยู่แล้ว พวกเขาพากันหายไปตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อน ไม่มีวี่แววจะกลับมา นานจนเธอแอบคิดติดตลกว่าบางทีพวกเขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำกันที่บ้านคนตัวเล็กมองแก้วช็อตที่วางว่างเปล่าเรียงกันอยู่สองแก้วด้วยดวงตาพร่ามัว ส่วนในมือถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง และถ้ากระดกเข้าไปอีกคงจะเป็นแก้วที่สาม และแน่นอนเมื่อเหลือบไปเห็นคนข้างกายนั่งเฉยไม่ไหวติง เธอจึงกระดกรวดเดียวหมด ทว่าทันทีที่หมด แก้วใบนั้นก็ถูกฉกไปด้วยมือของเขา“เต็มที่ได้แค่นี้” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู “มากกว่านี้เดี๋ยวมันจะไม่สนุก”ไม่พูดเปล่า แต่มือใหญ่ที่ไม่ได้สากมากถูกยกมาวางไว้บนต้นขาเนียนด้วย พลางใช้ท้องนิ้วหัวแม่มือกดลงมาเบาๆ สลับกับการลูบไล้ไปมา และไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นไม่คิดจะปัดป่ายหรือเพราะเธอเมาแล้วทีแรกกะจะดื่มแค่แก้วเดียวตามแผนที่คิดไว้ เพราะเงินแค่นั้นสามารถเอาตัวรอดได้หลังลาออกจากงาน และระหว่างหางานใหม่ แต่ด้วยแรงกดดันจากการถูกคะยั้นคะยอย่างเหนือชั้นจนเกินไป ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง“ใค
เอาเข้าจริงเธอก็เกร็งไม่ใช่น้อย เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตอบตกลงเขาไปแล้ว ร่างบางยืนประจันหน้ากับเขา ด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ระดับของชายผ้าพ้นเข่ามาคืบนึง เธอจำได้ชุดนี้ยิ้มเคยใส่ และเธอก็เอ่ยปากชมว่าหล่อนสวย แต่หารู้ไม่เมื่อมาอยู่บนตัวเธอกลับสวยยิ่งกว่า มันทั้งเซ็กซี่และเย้ายวนในเวลาเดียวกันท่ามกลางการมองอยู่ของชายชุดดำที่แค่นั่งเฉยๆ ยังดูน่าค้นหา เขามองเธอนับตั้งแต่เดินเข้ามา มองตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากัน ด้วยสายตานี้ แววตานี้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าด้วยกลอุบายใดของใคร นั่นหมายความว่าไปเปิดทางให้เขาได้เดินเข้ามาแล้วกึ่งหนึ่ง“จะ จะให้นั่งตรงไหนคะ”เสี่ยคิระเลิกคิ้วสูง คำถามของเธอราวกับปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ขณะจ้องมองคนตรงหน้าแบบตาไม่วางตา เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่าไม่สามารถละสายตาไปไหนได้“ตรงนี้ก็ได้”มือหนาตบเบาะตรงที่ว่างข้างๆ พลางกระเถิบไปฝั่งซ้ายที่มีลลิสานั่งอยู่และหล่อนก็กระเถิบหลีกให้ตามสัญชาตญาณไปประชิดกับอีกคน ปลุกให้อีกคนหลุดจากการเหม่อลอยตื่นตามกัน ละสายตาจากการมองแก้วบรั่นดีในมือมาสนใจพวกเขาทั้งหมด แต่พอสายตาไปปะทะกับคนคู่นั้น ถึง
พะแพงเพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกคอแห้ง กลืนก้อนแข็งติดคอก็คราวนี้ เป็นสิ่งที่มาพร้อมๆ กับความตกใจ และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใบหน้าของเธอร้อนวูบขณะสบตากับเขา ร่างสูงในชุดดำทั้งชุดจ้องเขม็งมา ราวกับว่าเขานั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“พี่ยิ้ม?”คนตัวเล็กหันไปเค้นเสียงใส่รุ่นพี่ วินาทีแรกยังคงมองหล่อนในแง่ดีอยู่ คิดว่าไม่รู้เรื่องราว แต่พอได้ยินประโยคนั้นจากปากของเกียรติ แทบจะล้มทั้งยืน“ยิ้มไปพูดอีท่าไหนน้องถึงยอมมา” เขาทำราวกับเป็นเรื่องน่าขัน พลันหันไปทางอีกคนที่เอาแต่นั่งทำหน้าเรียบ แต่ไม่คิดจะละสายตาออกไปจากเธอ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับเสี่ย”“จะรีบไปไหน อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกันก่อน”เห็นได้ชัดว่าเกียรติหน้าถอดสี เมื่อไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา แต่ขอให้อยู่ต่อเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อน ความคิดที่ต้องการหลบหลีกไม่กล้าเผชิญหน้ากับพะแพงจึงหายไปทันที เสมือนคิระรู้ ถึงได้ยกยิ้มริมฝีปากหยัก จังหวะรินบรั่นดีเพิ่มในแก้วตัวเองอย่างพอใจ“จะไปบอกเด็กให้นำค็อกเทลชุดพิเศษสำหรับวันเกิดมาให้น่ะครับ”“ไม่ต้องหรอก กูกับเพื่อนไม่ดื่มค็อกเทล”จังหวะนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าลลิสาเพื่อนของเข
เกียรติชะลอรถช้าลงขณะถึงที่หมายและกำลังเลี้ยวเข้าซองจอดที่ประจำของตัวเอง หน้าจอโทรศัพท์กะพริบถี่แจ้งหมายเลขของคนคุ้นเคย ที่พักนี้โทรบ่อยซะจนน่าใจหาย เริ่มเป็นห่วงชีวิตของตัวเองและกังวลมากขึ้น ถึงชะตากรรมที่เสี่ยงขาดสะบั้นในไม่ช้านี้ทันทีที่เขาเห็นชื่อถึงกับใช้เกียร์ถอยไม่ถูก กว่าจะหาองศาจอดให้เรียบร้อย สายนั้นก็ถูกตัดไปเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะโทรกลับในเวลาไล่เลี่ยกัน“ขอโทษทีครับคุณปุณ ผมกำลังจอดรถถึงร้านพอดี มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”(เปล่า แค่จะบอกว่านายกูอยู่ร้านมึง)ได้ยินอย่างนั้นเจ้าของร้านถึงกับหูดับทันที พร้อมใบหน้าร้อนวูบ ใจสั่นอัตโนมัติราวกับคนหิวจัดแต่ไม่มีเวลากิน“ครับ? ตอนนี้นะเหรอครับ”(ใช่ นายพาเพื่อนไปจัดงานวันเกิด กูรอรับอยู่ข้างนอก ส่วนข้างในยกให้เป็นหน้าที่ของมึง ดูแลดีๆ ล่ะ ถ้าเป็นไปได้อย่าขัดใจนาย เขาเพิ่งจะทะเลาะกับพี่ชายมา)นี่ไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการบอกกล่าวและตักเตือน ประหนึ่งว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ถ้ามีบางอย่างผิดพลาด เผลอทำนายเขาไม่พอใจ เกียรติหน้าเสีย จังหวะนั้นการพาตัวเองไปข้างหน้าแทบจะลอยไปมากกว่าเดิน โชคดีที่ขาไม่สะดุดจนพาตัวเองล้มลงให้ขายขี้หน้าลูก







