Mag-log in
เอาเข้าจริงเธอก็เกร็งไม่ใช่น้อย เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตอบตกลงเขาไปแล้ว ร่างบางยืนประจันหน้ากับเขา ด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ระดับของชายผ้าพ้นเข่ามาคืบนึง เธอจำได้ชุดนี้ยิ้มเคยใส่ และเธอก็เอ่ยปากชมว่าหล่อนสวย แต่หารู้ไม่เมื่อมาอยู่บนตัวเธอกลับสวยยิ่งกว่า มันทั้งเซ็กซี่และเย้ายวนในเวลาเดียวกัน
ท่ามกลางการมองอยู่ของชายชุดดำที่แค่นั่งเฉยๆ ยังดูน่าค้นหา เขามองเธอนับตั้งแต่เดินเข้ามา มองตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากัน ด้วยสายตานี้ แววตานี้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าด้วยกลอุบายใดของใคร นั่นหมายความว่าไปเปิดทางให้เขาได้เดินเข้ามาแล้วกึ่งหนึ่ง
“จะ จะให้นั่งตรงไหนคะ”
เสี่ยคิระเลิกคิ้วสูง คำถามของเธอราวกับปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ขณะจ้องมองคนตรงหน้าแบบตาไม่วางตา เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่าไม่สามารถละสายตาไปไหนได้
“ตรงนี้ก็ได้”
มือหนาตบเบาะตรงที่ว่างข้างๆ พลางกระเถิบไปฝั่งซ้ายที่มีลลิสานั่งอยู่และหล่อนก็กระเถิบหลีกให้ตามสัญชาตญาณไปประชิดกับอีกคน ปลุกให้อีกคนหลุดจากการเหม่อลอยตื่นตามกัน ละสายตาจากการมองแก้วบรั่นดีในมือมาสนใจพวกเขาทั้งหมด แต่พอสายตาไปปะทะกับคนคู่นั้น ถึงกับแสะยิ้มทันที เมื่อเห็นว่าเพื่อนผู้หญิงของเขาถูกเขี่ยตกข้างทางซะแล้ว โชคดีที่หล่อนมัวแต่เล่นโทรศัพท์จึงไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก หากเป็นก่อนหน้ายังไม่ตึงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ป่านนี้อาคีราคงโดนบ่นแล้ว ที่เห็นคนอื่นสำคัญกว่าเพื่อนสนิท แถมเป็นถึงเจ้าของวันเกิด
ใช่ ก่อนหน้าเธอจะมา พวกเขาทั้งสามคนได้ตะลุมบอนวิสกี้ขวดเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะหมดไปแล้วหนึ่งขวด และขวดใหม่เพิ่งจะเปิดก็ถูกลดลงไปอีกครึ่งหนึ่งเช่นกัน แน่นอนว่าสภาพตอนนี้ควบคุมตัวเองให้นั่งตัวตรงกันได้ก็ถือเก่งมากแล้ว
พะแพงเดินช้าเข้าไปหาเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ นี่คงจะเป็นการทำงานในตำแหน่งใหม่ที่ตราตรึงใจเป็นที่สุด ทันทีที่หย่อนก้นนั่งเธอหันไปมองเกียรติอย่างคาดโทษ แต่อีกฝ่ายกลับละสายตาไปทางอื่น ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ความอึดอัดมีถึงขั้นทำให้เขาต้องลุกขึ้น บอกลาเสี่ยคิระเป็นครั้งที่สอง ซึ่งแน่นอนครั้งนี้เขายินยอม นั่นเพราะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว
พะแพงเพิ่งจะเข้าถึงแก่นแท้ของคำว่าประหม่า เพราะทันทีที่นั่งลง รัศมีแห่งความอันตรายของเขาก็แผ่ออกมาจากตัว ร่างสูงที่ไม่ว่าจะหยิบจะจับอะไรก็ดูนุ่มนิ่มไปหมด ราวกับเป็นคนใจเย็น ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่!
ทั้งคำพูดทั้งแววตาก่อนหน้านี้ ช่างย้อนแย้ง ต่างกันลิบลับ
“ปกติดื่มอะไรครับ”
เสียงทุ้มดังอยู่ข้างกกหู ถึงได้รู้เข้าขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นกว่าเดิม
นาทีนั้น คนตัวเล็กรับรู้ถึงความหรูหราของน้ำหอม เป็นกลิ่นที่เหมาะกับตอนกลางคืนและคนดื่มเหล้าเป็นที่สุด ซึ่งถูกเจ้าของจงใจหยิบมาราวกับรู้ว่าถ้าได้คลุกเคล้ากับกลิ่นเหล้าก็จะเพิ่มความดาร์กมากขึ้น หนึ่งเลยคือคนที่ถูกล็อคเป้าอย่างเช่นเธอที่นั่งอยู่ข้างกายในตอนนี้ จะถูกยั่วยวนโดยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ชนิดที่ต่อให้เจอกันข้างนอก หรือบังเอิญโชยมาจากที่ไหนสักที่หากได้กลิ่นนี้ แวบแรกจะนึกทันทีว่าเป็นเขา
แถมความไม่ยุติธรรมอยู่ตรงที่ว่าต่อให้เธอไม่เต็มใจเลยสักนิด ต่อต้านเสียงในหัวค่อนข้างหนัก แต่เธอจะไม่สามารถต่อต้านความรู้สึกได้ ว่าเขานั้นช่างมีเสน่ห์ เร่าร้อน และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
และนี่คือหลุมพราง หลุมที่หนึ่ง!
“อะ อะไรก็ได้ค่ะ” เสียงของเธอเริ่มสั่น “แพง.. ไม่ค่อยดื่ม เลยไม่รู้ควรดื่มอะไร”
“ถ้าอย่างนั้นที่ผ่านมาเคยดื่มเหล้าอะไร ต้องเอาที่หนูถนัดสิ” เขาออกความเห็น เหลือบตาจากบรั่นดีบนโต๊ะมาหาเธอ “จะได้ไม่เมาเร็ว”
เหล้าไหนก็เมาเหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอ คราวนี้เป็นเสียงในหัวของหญิงสาว จังหวะหัวคิ้วถูกบีบเข้าหาจนยุ่งเหยิง ที่ทำให้คนมองอยู่นึกเอ็นดู
“อะไรก็ได้จริงๆ ค่ะ เสี่ยเลือกมาได้เลย”
เขาชอบเสียงตอนนี้ของเธอมาก ที่ฟังดูคล้ายคนกำลังเดินถอยหลัง ถอยเรื่อยๆ จนจนตรอก ซึ่งเป็นตรอกที่ปิดตายสนิท ทำจากกำแพงเหล็กหนาที่ถ้าคนต้อนไม่อนุญาตก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ใช่..และเขานั่นแหละที่เป็นผู้ต้อน!
“อยากให้พี่เลือก? ..” เขาเลิกคิ้วสูง จงใจโน้มลงมาหาเธอ “งั้นตัวเดียวกับพี่ก็แล้วกัน”
หญิงสาวรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นมารดแก้ม ความประหม่ายิ่งเพิ่มพูนอีกเท่าทวี ทำร่างกายแข็งทื่อ โชคดีจังหวะปลายจมูกเลื่อนมาใกล้จะถึงเนื้อ ค้นพบวิธีเอาตัวรอดซะก่อน
“เดี๋ยวแพงรินเหล้าให้นะคะ”
เธอเบี่ยงตัวหลบโน้มไปข้างหน้า ไม่สนใจว่าคนข้างๆ จะชะงักอยู่ในท่าพร้อมหลับตาลง กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอทำเขาไม่พอใจเข้าให้แล้ว ก็ตอนหันกลับมายื่นแก้วแล้วเขาไม่รับ
“เอาเลขบัญชีมา”
“คะ?”
ไม่พูดเปล่าเขาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของเขามาด้วย พลางมองหน้าเธอ กลายเป็นหญิงสาวที่ต้องลนลานควานหาโทรศัพท์ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเก็บไว้กับกระเป๋าในล็อคเกอร์จึงยิ้มเจื่อน
“ไม่ได้เอามาค่ะ งั้นแพงไปเอานะ”
คนตัวเล็กทำท่าจะลุก กลับถูกอุ้งมือหนารั้งไว้ซะก่อน เพียงแค่จับตรงต้นแขนบีบเบาๆ ไม่ได้ออกแรงกระชาก คนตัวเล็กกลับปลิวไปทั้งตัว ความตกใจทำให้เธอขึงตากว้าง ได้สติอีกทีก็ตอนนั่งอยู่บนตักของเขาแล้ว
“เสี่ยคะ!”
ความตกใจบวกกับเสียงร้องทำให้อีกสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันหันมามอง ทิ้งสิ่งที่กำลังสนใจอยู่ไปชั่วขณะ ลลิสาอ้าปากค้างไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ ส่วนอีกคนเหมือนจะชินแล้ว ถึงได้ส่ายหน้าเอือมระอาสุดๆ
“ปวดฉี่ไหมสา”
ลลิสาหันขวับ พลันคิ้วที่ขมวดด้วยความงุนงงอยู่ก่อนยิ่งขมุกขมัวคูณสอง เมื่อเห็นคนถามขึงตาใส่ ราวกับบอกสัญญาณอะไรสักอย่าง
“ไม่อ่ะ”
“สา..”
กว่าจะรู้ตัวก็ตอนได้ยินเสียงคำรามของเขา พลางบุ้ยปากไปทางคนสองคนกับพยักพเยิดหน้าไปทางประตู เธอจึงเป็นฝ่ายขึงตาบ้าง คล้ายถามว่าทำไม แต่ไม่ทันได้รับคำตอบกลับถูกเหนือเมฆดึงไปซะก่อน ด้วยแรงมหาศาลที่คนตัวเล็กอย่างหล่อนสู้ไม่ได้
“เห็นบ่นว่าปวดฉี่ ไปเถอะ เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน”
พะแพงเหลือบมองเห็นอยากจะอ้าปากทักท้วงว่าอย่าทอดทิ้งเธอ ฉุกนึกขึ้นได้ภายหลังว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน แหกปากไปก็เท่านั้น
“ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ เราตกลงกันแล้วว่าแค่นั่งดื่ม”
เธอจึงหันไปต่อรองกับเขาพลางดิ้นขลุกขลัก แต่ผลที่ได้รับคือยิ่งเรียกร้องยิ่งเหมือนดันทุรังให้วงแขนแกร่งกระชับเอวคอดมากขึ้น จากที่มันหลวมๆ ตอนนี้เริ่มกระชับ
“บอกว่าแค่นั่งดื่ม ดื่มเสร็จก็กลับ แต่ไม่มีคำว่าห้ามนั่งตักสักคำ”
“...!!!”
บอกตามตรงเธอเกือบจะไม่สนใจเงินนั้นแล้ว เมื่อเขาทำรุ่มร่ามกับเธอแบบนี้ แต่เพราะข้อเสนอของเขาหลุดออกมาปะทะหู เธอจึงหยุดดิ้น และอ่อนลงชั่วคราว
“ดื่มแก้วที่หนูรินมารวดเดียวหมด แล้วพี่จะปล่อย”
อาจด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่กระซิบบอกว่าเธอจะยิ่งไม่ปลอดภัยหากขัดใจเขา สังเกตจากเกียรติเจ้าของร้านที่กลัวซะจนไม่รู้ผิดถูก แถมเพื่อนของเขาที่พร้อมสนับสนุนอย่างเป็นทางการตลอดเวลา ราวกับรู้ใจโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากอะไรเลย
เขาน่ากลัวมาก ชนิดที่ว่าเธอเริ่มจะเห็นถึงหายนะแล้ว
หากตอนนี้วิ่งหนีไป จะเป็นยังไง เขาจะให้ใครวิ่งตาม จับเธอทุ่มลงกับพื้นหรือเปล่า ถ้าหากจับตัวได้! แค่คิดยังสยอง
“พูดจริงนะคะ”
เพราะความกลัวจะเจ็บตัว จำต้องเชื่อเขาอีกครั้ง ปลอบใจตัวเองให้อดทนผ่านคืนนี้ไปให้ได้ แล้วพรุ่งนี้จะไม่มาทำงานอีก
“อืมฮึ..”
เขาพยักหน้า เอื้อมมือไปหยิบแก้วที่เธอหยิบมายื่นให้เขาก่อนหน้านี้ แต่ถูกวางลงตอนลุกกะจะไปเอาโทรศัพท์มาให้เธอ คนตัวเล็กหลุบตามอง จังหวะเหลือบขึ้นมาประสานตา ถึงกับเย็นเชียบไปทั้งตัว ราวกับยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งดึงดูด
เธอรับแก้วนั้นมาด้วยมือที่สั่น ก่อนจะกระดกลงคอรวดเดียวหมด แน่นอนว่าตอนเธอแหงนหน้าขึ้น จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจนั้น
“หมดแล้วค่ะ”
ถึงจะคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติได้ แต่สีหน้าคุมไม่ได้ เมื่อรสชาติของเหล้าที่ทั้งร้อนและขม บาดคอซะจนถึงนิ่วหน้า
“เก่งมากครับ”
ทันทีที่เธอทำสำเร็จ อาคีราเปลี่ยนสีหน้าที่เคร่งขรึมเป็นรอยยิ้มเจือจาง พลางเอ่ยปากชม และทำตามอย่างที่พูด คือยกตัวเธอไปวางบนเบาะข้างกันอย่างเบามือ จากนั้นจึงจะจัดแจงตัวเขาเองให้นั่งในท่าที่ถนัด แต่ท่าที่ถนัดของเขากำลังจะทำให้ไก่ตื่น เนื่องจากเขานั่งเอนหลังพิง แขนพาดพนัก กินพื้นที่มาหาเธอ กลายเป็นว่าคนตัวเล็กต้องยืดตัวขึ้น ตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
“แก้วเดียวเองหรือ?”
“คะ?”
“หนูยังได้อีกนะพี่ว่า..”
จาก อาคีรา เบญ xxx-xxx000-0ดวงตากลมหรี่แคบเนื่องจากรู้สึกแสบร้อนหลังไม่ได้กะพริบมาหลายวิ ขณะเปิดดูรายการธุรกรรมในธนาคารของตัวเอง และพบว่าใครเป็นคนโอนมา ไม่ต้องคิดนานก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา คู่กรณีของเธอเมื่อคืนมันเยอะเกินจนเธอเป็นกังวล และไม่กล้านำออกมาใช้ แม้ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้จะเป็นแก้วละห้าหมื่น แต่เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ดื่มเยอะจนเขาต้องจ่ายเป็นแสน และต่อให้เป็นค่านั่งดริงก์ทั้งคืน ครึ่งล้านก็ไม่น่าจะถึง อีกอย่างเธอไม่เชื่อว่าคนโอนให้จะไม่มีอะไรแอบแฝงด้วย!ด้วยความกลัวบวกกับความไม่สบายใจ เธอจึงเปิดอินเตอร์เน็ตเข้าไปหาชื่อของเขา เพียงพิมพ์แค่ชื่อไม่ทันได้พิมพ์นามสกุล รูปของเขาก็โชว์หราเต็มจอ ตึกบ้าน คอนโด โครงการเป็นหมื่นล้าน ราวกับจะต้องเรียกเขาว่าเจ้าอสังหาริมทรัพย์!“.....!!”พะแพงในตอนนี้คือช็อคไปแล้ว เธอนั่งตัวแข็งทื่อ หากแต่นิ้วนั้นกำลังเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ภาพเขายืนโดดเด่นรวมกลุ่มอยู่กับนักธุรกิจด้วยกัน ส่วนใหญ่ผู้คนเหล่านั้นต่างมีดีกรีเป็นคนชั้นสูง ซึ่งไม่ใช่เจ้าของก็เป็นทายาทอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น บางรูปเขายังถ่ายกับดารา หรือนักร้องชื่อดังด้วย ในขณะบางคนเธอยังเป็นแฟนค
คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากโซฟาเกือบหัวคะมำ โดยร่างสูงที่อยู่ๆ ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา เขาต้องการจะพาเธอไปที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก หากแต่จังหวะนั้นเหนือเมฆผลักประตูเข้ามาซะก่อน และนั่นทำเขาหัวเสียไม่น้อย“เฮ้ยๆ จะพาน้องเขาไปไหน”“โรงแรม..”อีกมือที่ว่างดันคนยืนขวางประตูให้ถอยห่าง ทว่ากลับต้องฉุนอีกครั้งเมื่อถูกเขายื้อแขนเอาไว้ และไม่มีทีท่าจะว่าจะหลบไป แรงนั้นกระชากคนตัวเล็กจังหวะพุ่งไปข้างหน้าแต่ถูกกระชากกลับมาข้างหลังถึงกับเวียนหัว โชคดีที่เขาคว้าทันจังหวะหันไปเห็น และกลัวเธอจะล้มจึงโอบเอวไว้“ใจเย็นก่อนไอ้เสือ” ทั้งที่รู้ยิ่งเมาเพื่อนของเขาจะยิ่งหัวร้อน การไปขวางทางกันแบบนั้นมีแต่เสี่ยงจะเสียชีวิต หากแต่จำเป็นต้องทำเพราะความเป็นห่วง ดูท่าเพื่อนเขาเองก็เมาไม่เบา ถึงได้ขาดสติลากเด็กออกจากร้านอย่างประเจิดประเจ้อแบบนี้ “ใจเย็นแล้วฟังกูก่อน มึงจะลากน้องเขาไปแบบนี้ไม่ได้ มึงดูสภาพน้องเขาด้วย กล้องวงจรปิดเต็มไปหมด อยากโดนข่าวดราม่ารึไง เรามันนักธุรกิจดังนะโว้ย”คราวนี้เขานิ่ง ประหนึ่งกำลังฉุกคิดตามคำเตือนเพื่อน หันมองคนตัวเล็ก ที่ขนาดทรงตัวยืนยังต้องใช้การบังคับจากเขาเลย และเมื่อเห็นด้วยร
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงเพลงในผับ แต่ดังอยู่ภายนอก มีแค่เสียงเบสเท่านั้นที่เล็ดลอดเข้ามาได้ ทั้งห้องมีแค่พวกเขาสองคน อีกสองคนไม่อยู่แล้ว พวกเขาพากันหายไปตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อน ไม่มีวี่แววจะกลับมา นานจนเธอแอบคิดติดตลกว่าบางทีพวกเขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำกันที่บ้านคนตัวเล็กมองแก้วช็อตที่วางว่างเปล่าเรียงกันอยู่สองแก้วด้วยดวงตาพร่ามัว ส่วนในมือถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง และถ้ากระดกเข้าไปอีกคงจะเป็นแก้วที่สาม และแน่นอนเมื่อเหลือบไปเห็นคนข้างกายนั่งเฉยไม่ไหวติง เธอจึงกระดกรวดเดียวหมด ทว่าทันทีที่หมด แก้วใบนั้นก็ถูกฉกไปด้วยมือของเขา“เต็มที่ได้แค่นี้” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู “มากกว่านี้เดี๋ยวมันจะไม่สนุก”ไม่พูดเปล่า แต่มือใหญ่ที่ไม่ได้สากมากถูกยกมาวางไว้บนต้นขาเนียนด้วย พลางใช้ท้องนิ้วหัวแม่มือกดลงมาเบาๆ สลับกับการลูบไล้ไปมา และไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นไม่คิดจะปัดป่ายหรือเพราะเธอเมาแล้วทีแรกกะจะดื่มแค่แก้วเดียวตามแผนที่คิดไว้ เพราะเงินแค่นั้นสามารถเอาตัวรอดได้หลังลาออกจากงาน และระหว่างหางานใหม่ แต่ด้วยแรงกดดันจากการถูกคะยั้นคะยอย่างเหนือชั้นจนเกินไป ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง“ใค
เอาเข้าจริงเธอก็เกร็งไม่ใช่น้อย เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตอบตกลงเขาไปแล้ว ร่างบางยืนประจันหน้ากับเขา ด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ระดับของชายผ้าพ้นเข่ามาคืบนึง เธอจำได้ชุดนี้ยิ้มเคยใส่ และเธอก็เอ่ยปากชมว่าหล่อนสวย แต่หารู้ไม่เมื่อมาอยู่บนตัวเธอกลับสวยยิ่งกว่า มันทั้งเซ็กซี่และเย้ายวนในเวลาเดียวกันท่ามกลางการมองอยู่ของชายชุดดำที่แค่นั่งเฉยๆ ยังดูน่าค้นหา เขามองเธอนับตั้งแต่เดินเข้ามา มองตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากัน ด้วยสายตานี้ แววตานี้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าด้วยกลอุบายใดของใคร นั่นหมายความว่าไปเปิดทางให้เขาได้เดินเข้ามาแล้วกึ่งหนึ่ง“จะ จะให้นั่งตรงไหนคะ”เสี่ยคิระเลิกคิ้วสูง คำถามของเธอราวกับปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ขณะจ้องมองคนตรงหน้าแบบตาไม่วางตา เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่าไม่สามารถละสายตาไปไหนได้“ตรงนี้ก็ได้”มือหนาตบเบาะตรงที่ว่างข้างๆ พลางกระเถิบไปฝั่งซ้ายที่มีลลิสานั่งอยู่และหล่อนก็กระเถิบหลีกให้ตามสัญชาตญาณไปประชิดกับอีกคน ปลุกให้อีกคนหลุดจากการเหม่อลอยตื่นตามกัน ละสายตาจากการมองแก้วบรั่นดีในมือมาสนใจพวกเขาทั้งหมด แต่พอสายตาไปปะทะกับคนคู่นั้น ถึง
พะแพงเพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกคอแห้ง กลืนก้อนแข็งติดคอก็คราวนี้ เป็นสิ่งที่มาพร้อมๆ กับความตกใจ และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใบหน้าของเธอร้อนวูบขณะสบตากับเขา ร่างสูงในชุดดำทั้งชุดจ้องเขม็งมา ราวกับว่าเขานั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“พี่ยิ้ม?”คนตัวเล็กหันไปเค้นเสียงใส่รุ่นพี่ วินาทีแรกยังคงมองหล่อนในแง่ดีอยู่ คิดว่าไม่รู้เรื่องราว แต่พอได้ยินประโยคนั้นจากปากของเกียรติ แทบจะล้มทั้งยืน“ยิ้มไปพูดอีท่าไหนน้องถึงยอมมา” เขาทำราวกับเป็นเรื่องน่าขัน พลันหันไปทางอีกคนที่เอาแต่นั่งทำหน้าเรียบ แต่ไม่คิดจะละสายตาออกไปจากเธอ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับเสี่ย”“จะรีบไปไหน อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกันก่อน”เห็นได้ชัดว่าเกียรติหน้าถอดสี เมื่อไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา แต่ขอให้อยู่ต่อเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อน ความคิดที่ต้องการหลบหลีกไม่กล้าเผชิญหน้ากับพะแพงจึงหายไปทันที เสมือนคิระรู้ ถึงได้ยกยิ้มริมฝีปากหยัก จังหวะรินบรั่นดีเพิ่มในแก้วตัวเองอย่างพอใจ“จะไปบอกเด็กให้นำค็อกเทลชุดพิเศษสำหรับวันเกิดมาให้น่ะครับ”“ไม่ต้องหรอก กูกับเพื่อนไม่ดื่มค็อกเทล”จังหวะนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าลลิสาเพื่อนของเข
เกียรติชะลอรถช้าลงขณะถึงที่หมายและกำลังเลี้ยวเข้าซองจอดที่ประจำของตัวเอง หน้าจอโทรศัพท์กะพริบถี่แจ้งหมายเลขของคนคุ้นเคย ที่พักนี้โทรบ่อยซะจนน่าใจหาย เริ่มเป็นห่วงชีวิตของตัวเองและกังวลมากขึ้น ถึงชะตากรรมที่เสี่ยงขาดสะบั้นในไม่ช้านี้ทันทีที่เขาเห็นชื่อถึงกับใช้เกียร์ถอยไม่ถูก กว่าจะหาองศาจอดให้เรียบร้อย สายนั้นก็ถูกตัดไปเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะโทรกลับในเวลาไล่เลี่ยกัน“ขอโทษทีครับคุณปุณ ผมกำลังจอดรถถึงร้านพอดี มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”(เปล่า แค่จะบอกว่านายกูอยู่ร้านมึง)ได้ยินอย่างนั้นเจ้าของร้านถึงกับหูดับทันที พร้อมใบหน้าร้อนวูบ ใจสั่นอัตโนมัติราวกับคนหิวจัดแต่ไม่มีเวลากิน“ครับ? ตอนนี้นะเหรอครับ”(ใช่ นายพาเพื่อนไปจัดงานวันเกิด กูรอรับอยู่ข้างนอก ส่วนข้างในยกให้เป็นหน้าที่ของมึง ดูแลดีๆ ล่ะ ถ้าเป็นไปได้อย่าขัดใจนาย เขาเพิ่งจะทะเลาะกับพี่ชายมา)นี่ไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการบอกกล่าวและตักเตือน ประหนึ่งว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ถ้ามีบางอย่างผิดพลาด เผลอทำนายเขาไม่พอใจ เกียรติหน้าเสีย จังหวะนั้นการพาตัวเองไปข้างหน้าแทบจะลอยไปมากกว่าเดิน โชคดีที่ขาไม่สะดุดจนพาตัวเองล้มลงให้ขายขี้หน้าลูก




![ภรรยาซาตาน [PWP] + [SM25+] #จบแล้ว](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


