Share

บทที่ 9 ไม่อยากมีชีวิตแล้ว?

Author: เถิงกู่
จนกระทั่งมือของเธอเคลื่อนตัวจากท้ายทอยมายังด้านหน้า เพิ่งลูบไล้มาถึงบริเวณลูกกระเดือก ร่างกายของชายหนุ่มที่อยู่ใต้ร่างเธอพลันแข็งขืน จากนั้นเธอก็สัมผัสได้ว่าต้นคอของตัวเองถูกรัดแน่น เหมือนกับถูกแรงจากภายนอกบีบรัดเอาไว้

ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดลงในฉับพลัน ราวกับว่าการละเล่นครั้งนี้จบลงแล้ว

ลมหายใจหยุดชะงักภายในชั่วพริบตา เจียงหยวนไร้เรี่ยวแรงไปทั้งร่าง มีเพียงดวงตาทั้งสองเข้าทั้งนั้นที่ยังเบิกโพลง เธออยากอ้าปากหอบหายใจ ทว่าลำคอกลับถูกปิดกั้นเอาไว้ รู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจอย่างรุนแรง

อินตงบีบลำคอเรียวเล็กของเธอไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ท่าทางราวกับกำลังหิ้วแมวป่าตัวหนึ่งไว้ น้ำเสียงของเขายังคงแหบพร่า “ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว คิดจะให้ฉันนอนกับเธอ?”

มือทั้งสองข้างพยายามแกะมือของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าจะอย่างไรก็แกะไม่ออกเลยสักนิด ใบหน้าขาวเนียนแดงก่ำขึ้นมาในชั่วพริบตาเพราะขาดอากาศหายใจ แววตาค่อย ๆ ดำมืด

ชั่วขณะนี้ เธอสัมผัสได้ชัดเจนว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา

เธอไม่สงสัยเลยสักนิดว่าผู้ชายนี้จะบีบเธอให้ตายได้อย่างง่ายดาย เหมือนกับบี้มดตัวหนึ่ง

เขาเข้ามาใกล้หน้าเธอ “ใช้ทุกวิถีทางเข้ามาหาฉัน เธอคิดอยากจะได้อะไรจากตัวฉันกันแน่?”

เขาคลายนิ้วมือเล็กน้อย ให้เธอได้มีช่องมาตอบความสงสัย เจียงหยวนหอบหายใจเข้าปอดยกใหญ่ เธอพยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคอ “คุณชายอิน ฉัน...ชอบคุณ”

เขากระตุกมุมปากเล็กน้อย ท่าทางเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ยังไม่พูดความจริงอีก อยากตายใช่ไหม? เดี๋ยวฉันสงเคราะห์เธอเอง”

วินาทีต่อมา เจียงหยวนสัมผัสได้ว่าต้นคอของตัวเองเหมือนจะถูกบีบจนหักอย่างไรอย่างนั้น

“ฉันพูดแล้ว...”

ชั่วขณะที่เขาคลายมือออก เจียงหยวนรู้สึกเหมือนว่าลำคอของตัวเองได้ขาดออกจากกันไปแล้ว ลมหายใจรวยริน เธอไอโขลกอยู่นาน ทั้งดวงตายังแดงก่ำเหมือนกับกระต่าย

เขาจุดบุหรี่ใหม่อีกมวน รอจนกระทั่งเธอหยุดไอ

เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นจากโซฟา ก้มหน้าเล็กน้อยอย่างระมัดระวัง “เป็นความผิดของฉันเองที่ฉันชอบคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต ฉันรู้ว่าคุณมีหลักการที่คุณถือ และฉันก็เข้าใจเหตุผลของมัน แต่ฉันห้ามตัวเองไม่อยู่...”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ในสายตาที่กำลังหลุบลงนั้น เธอเห็นเขาสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ บุหรี่มวนนั้นที่เขาคีบไว้ในมือและเพิ่งจุดมวนนั้นถูกเผาไหมไปแล้วครึ่งมวน

เจียงหยวนกะพริบตา ถอยหลังไปสองก้าวตามสัญชาตญาณ กล้ามเนื้อทั้งตัวตึงเครียดไปหมด วินาทีถัดมา เธอพลันได้ยินน้ำเสียงของเขาที่เคลือบไปด้วยยาพิษดังเข้ามาในหู “สมัยนี้ทำธุรกิจไม่รุ่งกันหรือไง กะหรี่เริ่มคิดจะมีความรักกับเขาแล้ว? เธอสมควรได้รับด้วยหรือไง?”

คำพูดนี้ช่างอำมหิตจริง ๆ เจียงหยวนราวกับต้องกลืนเข็มพันเล่มลงคอ เธอเจ็บปวดทั้งข้างนอกและข้างใน

เธอไม่รู้ว่าขอบเขตของโสเภณีคืออะไร หนึ่งเดือนนี้ที่เธอมาอยู่กับพี่ฮุยนั้นทำให้ได้เห็นผู้ชายหลากหลายประเภท เธอต้องกินข้าว เล่นบิลเลียด คุยธุรกิจ ดื่มเหล้า ร้องเพลง ยิ้มหัวเราะกับพวกเขา ทุกวันยามที่ได้ส่องกระจก เธอมักจะรังเกียจที่ตัวเองสกปรก อันที่จริงถูกด่าว่าเป็นกะ*หรี่ก็ไม่ถือว่าเกินไปด้วยซ้ำ

ทว่าเมื่อถูกคนชี้หน้าด่าทอต่อหน้าขนาดนี้ แล้วยิ่งคิดได้ว่าหมดหวังกับทางอินตงแล้ว หัวใจของเธอก็อดปวดร้าวไม่ได้ ลำคอพลันแน่นขึ้นมา

ครั้งนี้ไม่ใช่การเสแสร้ง น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากเบ้าทันที

แม้จะเป็นแบบนี้ แต่เธอก็ยังคงฝืนแสดงละครให้จบ “ขอโทษค่ะคุณชายอิน ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ฉันทั้งไม่คู่ควรทั้งไม่ควรอยากครอบครองคุณ แต่... ฉันไม่ได้น่ารังเกียจขนาดที่คุณว่า เมื่อก่อนฉันคบกับเหยียนอี้หรูด้วยความจริงจัง จวบจนตอนนี้ เขาก็เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวของฉัน ฉันรับได้ถ้าคุณรังเกียจว่าฉันสกปรก แต่คุณได้โปรดอย่าเหยียดหยามฉันเลยนะคะ คืนนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันเป็นฝ่ายเข้าหาผู้ชายที่ตัวเองชอบก่อน ต่อจากนี้จะไม่ทำอีกแล้ว”

ในดวงตาของเธอชุ่มชื้นไปด้วยน้ำตา ทว่าจะอย่างไรก็ไม่ไหลลงมา ในสายตาทอประกายความเด็ดเดี่ยวเจ็ดส่วนความน้อยใจสามส่วน เหมือนกับลูกสุนัขลูกแมวที่ถูกรังแกแต่ก็ไม่เปล่งเสียงร้อง

เธอมองประสานสายตากับดวงตาเย็นชาของเขาโดยไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย กลีบปากชมพูดชุ่มฉ่ำราวกับหยาดน้ำขยับขมุบขมิบเล็กน้อยเป็นครั้งสุดท้าย “ลาก่อนค่ะคุณชายอิน”

พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปที่ประตู แล้วเปิดประตูจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

ประตูห้องปิดลงดัง “ปัง” อินตงนั่งอยู่บนโซฟา สายตามืดครึ้มจดจ้องอยู่ที่บานประตูไม่ไหวติงอยู่นาน ลมหายใจสะดุด

ผ่านไปครู่ใหญ่ บานประตูเปิดอีกครั้ง เหลียงโจวเหิงก้าวเท้าเข้ามา กวาดสายตามองอินตงตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เกิดอะไรขึ้น? ทำไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ? ทำไมสาวน้อยถึงได้เดินร้องไห้ออกไปได้?”

อินตงพ่นลมหายใจขึ้นเคืองออกมาช้า ๆ “ตาข้างไหนของนายเห็นว่าเธอร้องไห้?”

เหลียงโจวเหิง “สายตาหลายสิบคู่ในห้องส่วนตัวเห็นกันหมดเลยนะ ร้องไห้เหมือนกับที่เขาบอกว่าดอกสาลี่ต้องหยาดฝนนั่นแหละ น่าสงสารจะตายไป นายทำอะไรเธอ? ไม่ใช่สิ อาหารส่งมาถึงปากแล้วทั้งที แต่นายไม่ทำอะไรเธอเลยเนี่ยนะ? สาว ๆ ก่อนหน้านี้ก็แล้วไปเถอะ กับคนนี้ฉันดูแล้วก็ไม่เลวนะ แบบนี้แล้วยังไม่เข้าตานายอีก?”

บนริมฝีปากของอินตงยังคงชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำลายที่เธอทิ้งเอาไว้ จนถึงตอนนี้แล้วยังรู้สึกชื้นแฉะอยู่เลย ในชีวิตนี้นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาถูกผู้หญิงคนหนึ่งบังคับจูบ ในอกมันกระสับกระส่ายร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก เขามองบนใส่เหลียงโจวเหิง “นายนี่กินไม่เลือกจริง ๆ จะดีหรือแย่ก็ไม่รังเกียจ”

เหลียงโจวเหิงแสยะปาก ยิ้มอย่างมีเลศนัยอยู่นาน “อย่าเพิ่งพูดน่า ผู้หญิงคนนี้เขาตาฉันจริง ๆ หน้าตาว่าง่าย ก้นก็กลมกลึง พอได้เล่นบิลเลียดก็ดูมีพลัง นายว่า ถ้าวันอื่นฉันนัดเธอ เธอจะมาไหม?”

สายตาของอินตงพลันมืดครึ้ม เขาไม่ได้พูดอะไร
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เธอยั่วเกินต้าน ท่านประธานคลั่งรัก   บทที่ 40 เก่งเรื่องยั่วผู้ชาย

    ตอนที่เจียงหยวนถูกผลักเข้าไปในรถอย่างแรง หัวกระแทกกับเบาะหนังด้านหลังจนรู้สึกมึนงง ยังไม่ทันได้ตั้งสติดี แต่พอสบตากับผู้หญิงคนนั้น ขนก็ลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัวในทันทีเซวียซานมีใบหน้าที่ดูหยิ่งทะนงและทรงอำนาจ คิ้วตาคมเข้มดุดัน ช่วงกลางหน้าค่อนข้างยาว สันจมูกโด่งชัด ทุกส่วนบนใบหน้าเธอล้วนแผ่รังสีความกดดัน ทั้งหน้ามีเพียงริมฝีปากเท่านั้นที่ยังคงดูอ่อนหวานแบบผู้หญิงอยู่บ้างต่อให้ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร พอเห็นหน้าแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะอยากเดินหนีให้ไกลแต่สำหรับเจียงหยวนแล้ว ใบหน้านี้มันคุ้นเคยมาก เธอหลับไปทุกคืนพร้อมกับการกัดฟันแน่น ขณะจ้องมองภาพใบหน้าของผู้หญิงคนนี้เธอจำไม่ได้แล้ว ว่าเคยฝันถึงกี่ครั้ง ที่เห็นเซวียซานถูกใส่กุญแจมือ ข้อเท่าถูกล่าม โดนลากขึ้นศาลรอฟังคำตัดสิน เหมือนกับตอนนั้นที่พ่อของเธอ คนที่ถูกทรมานจนไม่เหลือเค้าเดิมยืนอยู่ในจุดเดียวกันนั้นแต่ในตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้กลับแต่งหน้าสวยงาม สวมเสื้อผ้าราคาแพง นั่งอยู่ในรถหรูด้วยท่าทีสูงส่ง กำลังตัดสินเธออย่างเย็นชาเหมือนอยู่กันคนละชั้น เลือดทั่วร่างของเจียงหยวนพลุ่งพล่านอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับมีบางอย่างคำรามอยู่ในเส้นเลือด พร้อมจ

  • เธอยั่วเกินต้าน ท่านประธานคลั่งรัก   บทที่ 39 เธอร้อนเงินนักหรือไง?

    “เหยียนอี้หรู ฉันเคยพลาดมาแล้ว ตอนนี้ฉันแค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้านายไม่อยากเห็นฉันถูกเซวียซานเล่นงานจนตาย ตั้งแต่นี้ไปออกไปจากชีวิตฉันซะ”ดวงตาเจียงหยวนแดงก่ำ “ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ”แม้เสียงของเธอจะเรียบนิ่ง แต่ทุกคำที่พูดกลับดังชัดเจนในหูของเหยียนอี้หรู ทำให้เขารู้สึกจุกแน่นที่ลำคอ เหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่ตรงนั้นเขาจ้องหน้าเธอด้วยแววตาเหม่อลอยมองตั้งแต่คิ้ว ดวงตา ไล่ลงไปถึงมุมปากของเธอ นี่คือใบหน้าที่เขาคิดถึงอยู่ทุกคืน เคยมีช่วงเวลาที่เขาหลับไปพร้อมใบหน้าของเธอที่อยู่ในอ้อมแขน เขาหลงใหลท่าทางออดอ้อนของเธอเวลาซุกอยู่ในอกเขา แต่ตอนนี้ เธอมองเขาราวกับเป็นศัตรูเหยียนอี้หรูไม่รู้ว่าทำไมเรื่องทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ เขาควรเกลียดใครกันแน่?ควรเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ เกลียดเซวียซานที่ใจดำอำมหิต หรือเกลียดเจียงหยวนที่ตัดใจจากเขาได้อย่างเลือดเย็นกันแน่?เจียงหยวนพยายามจะผลักเขาออก แต่เหยียนอี้หรูกลับคว้าเธอไว้แน่นอีกครั้งเขาโกรธจนขบฟันแน่น “เธอร้อนเงินมากเลยเหรอ? ทำไมต้องมาทำงานแบบนี้ด้วย?”“เธอไม่ใช่ทำงานในตงจิ่นแล้วเหรอ? ทำไมยังทำตัวตกต่ำแบบนี้อีก?”เจียงหยวนใจห

  • เธอยั่วเกินต้าน ท่านประธานคลั่งรัก   บทที่ 38 เลวแล้วยังบ้าอีก

    เจียงหยวนก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ก็โทรออกไม่ได้เช่นกันห้องที่ปิดสนิท แสงไฟก็สลัว ๆ หน้าต่างฝั่งตรงข้ามก็ถูกขึงตาข่ายแน่นหนา ต่อให้มีปีกก็หนีไปไหนไม่ได้สวี่ฮุยด่าตัวเองว่าโง่ที่หลงกดจนได้ พลางเตะประตูเต็มแรงซ้ำ ๆ อย่างไม่ยั้งเจียงหยวนพยายามตั้งสติคิดให้ได้ ว่าวันนี้ใครกันแน่ที่วางกับดัก จะเล่นงานเธอหรือพี่ฮุยกันแน่?ชื่อแรกที่แวบขึ้นมาในหัวคือฉินเป้า แต่พอคิดอีกทีก็ไม่น่าเป็นไปได้ เขาก็แค่นักเลงข้างถนน ฉินเป้าเคยโดนเหลียงโจวเหิงเล่นงานจนสาหัส คงไม่กล้ากลับมาก่อเรื่องซ้ำอีกแต่ถ้าไม่ใช่เขา แล้วพวกเธอยังเคยไปล่วงเกินใครอีกล่ะ?ในหัวของเจียงหยวนค่อย ๆ ผุดชื่อหนึ่งขึ้นมา แค่นึกถึงชื่อผู้หญิงคนนั้น ร่างกายเธอก็เย็นชาไปหมดจู่ ๆ ก็มีเสียงไขกุญแจดังมาจากด้านนอกประตูเสียงชายคนหนึ่งถามขึ้น “เธออยู่ข้างในใช่ไหม?”“ใช่” พร้อมกันนั้นเอง ประตูก็ถูกคนเปิดออกจากข้างนอกแสงจ้าจากทางเดินสาดเข้ามาในห้องสลัวจนต้องหรี่ตาลงเจียงหยวนขมวดคิ้วแน่น พยายามฝืนลืมตา สบตากับชายร่างสูงที่เพิ่งก้าวเข้ามาที่แท้คือเหยียนอี้หรูเจียงหยวนจ้องหน้าเขาเขม็ง กำหมัดแน่น ความโกรธแล่นพล่านจากอกขึ้นถึงหัว

  • เธอยั่วเกินต้าน ท่านประธานคลั่งรัก   บทที่ 37 มีของดีไม่รู้จักใช้

    อินตงไม่สนใจคำพูดของเหลียงโจวเหิงเหลียงโจวเหิงเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงาน จ้องมองอินตงแล้วถามว่า “นายคิดยังไงกันแน่? ถ้านายรำคาญเธอจริง ๆ ด้วยนิสัยของนาย ป่านนี้คงไล่เธอออกไปนานแล้ว ทำไมถึงยังเก็บเธอไว้ให้เดินวุ่นวายอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้?”“นายก็รู้ว่าเธอตั้งใจจะเข้าหานาย นายก็เก็บเธอไว้แต่ก็ไม่คิดเล่นด้วย รู้ไหม? แบบนี้มันเรียกว่าของดีอยู่ในมือแต่ไม่รู้จักใช้ชัด ๆ”อินตงเงยตามามองสบตาเขาครู่หนึ่ง “มันขัดหูขัดตานักเหรอ??”เหลียงโจวเหิงยิ้มมุมปาก “ฉันหมายถึง ถ้านายไม่คิดจะเอาจริง ก็อย่ากั๊กไว้ให้คนอื่นเสียเวลา ฉันบอกนายตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเห็นยัยนี่ครั้งแรกก็ถูกชะตา นายเคยเห็นฉันอดทนกับผู้หญิงคนไหนได้นานขนาดนี้ไหมล่ะ? ฉันกลัวว่าสุดท้ายจะอดใจไม่ไหวจริง ๆ เว้นแต่นายจะพูดมาตามตรงว่า ผู้หญิงคนนี้ นายเองก็ชอบเธอ”อินตงก้มหน้าลงด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “งั้นนายก็ลองดูสิ”เหลียงโจวเหิงยังไม่แน่ใจนัก ว่าคำพูดของเขาเมื่อครู่เป็นคำขู่หรือเปล่า เขาจึงจ้องมองใบหน้าของอินตงอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็ยิ้มกว้างออกมา “โอเค เข้าใจแล้วล่ะ”เจียงหยวนตั้งใจหลีกเลี่ยงที่จะยุ่งเกี่ยวกับอินตงให้มากที่สุด กลางวันเธอทุ

  • เธอยั่วเกินต้าน ท่านประธานคลั่งรัก   บทที่ 36 ไม่มีผู้หญิงกินข้าวไม่ลง

    จู่ ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอแวบหนึ่งเจียงหยวนรักษาสีหน้าให้เรียบเฉย ก้มตัวเล็กน้อย แล้ววางแฟ้มรายงานลงบนโต๊ะตรงหน้าเขาอินตงหยิบรายงานขึ้นมาดูผ่าน ๆ พลางก้มหน้าถามเสียงเรียบว่า “ใครใช้ให้เธอมา?”เจียงหยวนตอบตามตรง “ผู้อำนวยการหยาง เขาบอกว่าคุณต้องการดูรายงานค่ะ”เขายังคงไม่เงยหน้าขึ้น “ฝ่ายการเงิน ไม่มีคนอื่นแล้วหรือไง?”เจียงหยวน “ฉันไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งของหัวหน้า ถ้าคุณไม่พอใจขนาดนี้ หวังว่าคุณจะบอกผู้อำนวยการหยางเอง ให้เรียกคนอื่นมาแทนในครั้งหน้า”เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดต่อ “ฉันเองก็จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับคุณ แต่ถ้าบังเอิญเจอกันขึ้นมา ฉันก็จนปัญญา ถ้าคุณรำคาญจนทนไม่ไหว จะไล่ฉันออกก็เชิญ แต่เงินชดเชยตามสิทธิ์ ฉันจะเอาครบทุกบาท” เธอพูดจบก็หมุนตัวจะเดินออกไปทันที“หยุดเดี๋ยวนี้”เสียงเขาดังขึ้นจากข้างหลังเจียงหยวนยืนรอฟังโดยแทบไม่กล้าหายใจเสียงของเขาดังมาแบบเรียบเฉย “เธอลาออกเองไม่ง่ายกว่าหรือไง?”แรงอัดจากปอดพุ่งขึ้นถึงลำคอ เจียงหยวนหันขวับ ถามกลับด้วยความโมโห “แล้วทำไมต้องเป็นฉันที่ต้องลาออกด้วย?”สีหน้าเขายังเรียบเฉย ไม่ทุกข์ไม่ร้อนแม

  • เธอยั่วเกินต้าน ท่านประธานคลั่งรัก   บทที่ 35 สองขาเดินไปพร้อมกัน

    หยางหมิงวางสาย แล้วจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงโทรหาเจียงหยวนอีกครั้งเจียงหยวนรับสายด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกว่าหยางหมิงจะโทรกลับมาอีก แต่ที่น่าตกใจกว่าคือ หยางหมิงเสนอให้เธอได้บรรจุเป็นพนักงานประจำทันที แถมยังปรับเงินเดือนเป็นสองแสนห้าหมื่นบาทต่อเดือนในความเป็นจริง ถ้าตัดปัจจัยอื่น ๆ ออกไป งานที่เธอทำตอนนี้ตรงกับสาขาที่เรียนมา แถมตงจิ่นก็เป็นบริษัทที่มีศักยภาพสูงมาก สำหรับเส้นทางอาชีพในอนาคตแล้ว จุดเริ่มต้นแบบนี้ถือว่าสูงมากเลยทีเดียวสำหรับเด็กจบใหม่จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ เงินเดือนระดับนี้ถือว่าไม่น้อยเลย เจียงหยวนจึงตอบกลับไปในสายว่า ขอกลับไปคิดดูก่อนพอสวี่ฮุยกลับมาถึงบ้าน เจียงหยวนก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่า “พี่ฮุย ถ้าหนูทำงานประจำตอนกลางวัน แล้วรับงานนอกตอนกลางคืน เดือนหนึ่งจะหาเงินได้ครบหนึ่งล้านห้าแสนบาทไหมคะ?”สวี่ฮุยจ้องเธออยู่พักใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้น “พี่เข้าใจว่าเธอรีบหาเงินใช้หนี้ แต่ในสายงานนี้น่ะ ถ้าเธอก้าวขาเข้ามาครบสองข้างเมื่อไหร่ วันข้างหน้าจะถอนตัวออก มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย เธอจบจากมหาวิทยาลัยดัง ในเมื่อมีทางเลือกดี ๆ ตั้งเยอะ ก็อย่าไปตัดทางเดินอนาคต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status