LOGIN“อุ๊ย!” หญิงสาวหันไปมองมือของอีกฝ่ายอย่างตกใจ
“กินเพลิน ครีมเลอะที่ปากแล้ว” แก้มใสๆ แดงระเรื่อ ยามหันไปมองสบสายตาอันอ่อนโยนคู่นั้น จนเกิดเป็นภาพอันแสนโรแมนติกโดยไม่ตั้งใจ
แชะ!
นันทิการีบยกกล้องมือถือขึ้นเก็บบันทึกภาพความหวานไว้อย่างรวดเร็ว
“พี่แนน! ทำอะไรคะ”
“ก็ถ่ายรูปน้องเมรีกับพ่อเลี้ยงภูเป็นที่ระลึกไงคะ ดูนี่สิ สวีตสุดๆ” เจ้าแม่เซลฟี่รีบอวดผลงานให้นายแบบนางแบบจำเป็นดู
“อืม...คุณแนนถ่ายภาพสวยมากเลย ช่วยส่งเข้าไลน์ผมด้วยได้ไหมครับ จะได้เอามาตั้งเป็นภาพหน้าจอ เวลาใครถามว่าเมื่อไหร่จะยอมลงจากคานเสียทีจะได้เอาภาพนี้อวดเสียเลยว่ารอคนนี้ตอบตกลง”
เจ้าของไร่ชาหันมาหยอดทีเล่นทีจริง พลางส่งสายตาหวานฉ่ำไปทางเมรีอย่างมีความหมาย
“ไหนขอดูบ้างสิ” คนหน้าดุยื่นมือไปรับโทรศัพท์มาดู พอได้เห็นภาพสวีตนั่นก็พลันขุ่นมัว มือขยับยุกยิกก่อนส่งเครื่องคืนให้เจ้าของ
“อ้าว พี่ชิษลบรูปทำไม” นันทิกาเอะอะ เมื่อจะกดส่งรูปให้เจ้าของแต่รูปบนหน้าจอหายไปแล้ว
“ภาพมันเบลอน่ะ พี่ว่ามันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เลยช่วยลบน่ะ เก็บไว้ก็เปลืองเมมโมรี่เปล่าๆ”
นั่นมันใช่เหตุผลเรอะ! เมรีแอบค่อนขอดในใจ ส่วนหนุ่มเจ้าของไร่ขมวดคิ้วหรี่ตามองนิ่งอย่างกังขา
ไอ้หมอนี่มันยังไงนะ ตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้วแท้ๆ ยังจะมองน้องเมรีของเขาด้วยสายตาแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว หรือมันคิดจะจับปลาสองมือวะ
“ลบแล้วก็ไม่เป็นไร เราถ่ายกันใหม่ก็ได้” ภูตะวันหยิบสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของตัวเองออกมา พลางขยับกายเข้าไปใกล้น้องเมียของเพื่อนรัก และถือโอกาสโอบไหล่เธอเข้ามาใกล้อย่างสนิทสนมเพื่อจัดท่าทาง จนใครต่อใครแถวนั้นชี้ชวนกันดูความหวานของสองหนุ่มสาว ยกเว้นคนเดียวที่จ้องตาแทบถลน ในใจคิดหาเรื่องพาล
แล้วดูนั่น เป็นสาวเป็นแส้ลูกก็มีแล้วหนึ่ง ทำไมยอมให้ผู้ชายที่ไม่ใช่ผัว ไม่ใช่พ่อของลูกโอบไหล่ ไม่สิ ไม่น่าเรียกโอบได้ เรียกว่าอีกนิดจะสิงร่างกันแล้ว แล้วเสื้อนั่นมันอะไร เปิดไหล่ เอวลอยจะเห็นนมอยู่แล้ว จะอวดเนื้อหนังมังสาไปไหนวะ
เอ...คิดอีกที ชักสงสัยหรือคนนี้จะเป็นพ่อเด็กวะ!
ร่างสูงใหญ่ก็ผุดลุกขึ้นพรวดโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาคู่หมั้นสาวที่กำลังชื่นชมกับฉากหวานถึงกับสะดุ้งโหยง
“พี่ชิษเป็นอะไรไปคะ”
“แสบตา อะไรเข้าไม่รู้” ปากบอกแต่ดวงตากลับตวัดไปทางแม่สาวเนื้อหอมที่ไม่มีทีท่าจะสนใจกันสักนิด เพราะมัวแต่เซลฟี่กับไอ้หนุ่มเจ้าของไร่ชาอย่างหวานแหววชวนให้น่าคลื่นไส้
“อะไรเข้าคะ ไหน ขยับมาสิคะเดี๋ยวแนนดูให้” คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่รีบประคองใบหน้าหล่อเพื่อจะดูดวงตาให้
“เอ...ไม่มีนี่คะพี่ชิษ” นันทิกาเป็นห่วงเป็นใย ในขณะที่หญิงสาวอีกคนที่รู้แกวชักจะลำไย
พวกเรียกร้องความสนใจ ชิ...จะอ้อนคู่หมั้นตัวเองก็ไปทำที่อื่นสิ หมั่นไส้!
“เอาน้ำยาล้างตาหน่อยดีไหมครับ” เจ้าของสถานที่ถามเมื่อเห็นคนเป็นแขกชักจะอาการหนัก
“นั่นสิคะพี่ชิษ ล้างตาหน่อยดีกว่า”
“ก็ดี”
เอาเข้าไป มารยาเห็นๆ ยังจะหลงเชื่อ เฮ้อ...นี่ล่ะนะ เขาถึงว่า ความรักทำให้คนตาบอด แต่จะว่าไปเธอก็เคยบอดมาทีหนึ่งแล้วเหมือนกัน บอดสนิทจนชีวิตแทบพังพินาศ แต่ตอนนี้ตาสว่างใสแจ๋ว ใครจริงใจ ใครสตรอว์ หลอกกินนังเมรียาก บอกเลย โดยเฉพาะหมอนี่!
เมื่อพนักงานไปหยิบน้ำยาล้างทำความสะอาดตามายื่นให้จริงๆ ชายหนุ่มก็หันไปทางไกด์สาว
“เธอน่ะ!” เมรีแกล้งหันซ้ายหันขวา แกล้งทำหูทวนลม “เธอนั่นแหละ มาช่วยล้างตาให้พี่หน่อย”
“ฉันเนี่ยนะ” เมรีชี้ที่ตัวเองอย่างฉุนกึก
อ้าวกรรม ทำไมอยู่ดีๆ ฉันก็โดนใช้ คู่หมั้นตัวเองนั่นไง นั่งหัวโด่อยู่นั่นก็ให้ล้างกันเองสิเว้ยเฮ้ย
“ให้แนนทำให้ก็ได้นี่คะ” นันทิกาทักท้วง
“นั่นสิ ให้พี่แนนทำดีกว่า ฉันมือหนักจะตาย เผลอเทราดทั้งขวดเดี๋ยวจะยุ่ง”
“ราดหน่อยก็ดี เผื่อตาจะได้สว่างขึ้นบ้าง เร็วสิ แสบตาจะแย่แล้ว”
เหตุผลอะไรของเขาวะ ตาฉันสว่างมานานแล้วย่ะ ตาของแฟนนายต่างหากที่มันมืดบอด รักใครไม่รัก ดันมารักคนบ้าๆ บอๆ แบบนี้
เมรีหันไปส่งสายตากับเจ้าของไร่หนุ่มที่มองเหตุการณ์นิ่ง ส่วนนันทิกาก็หันรีหันขวางไม่ได้รู้ความนัยใดๆ นอกจากเป็นห่วงคู่หมั้น ดูแล้วก็ชักน่าสงสาร
“น้องเมรีคะ ช่วยพี่ชิษหน่อยเถอะนะคะ ถือว่าพี่ขอร้อง”
ไกด์สารพัดประโยชน์ปรายตามองคนสำออยอย่างรู้ทัน แต่เห็นแก่นันทิกาที่ขอร้อง เธอจึงยื่นมือไปรับขวดน้ำยาล้างตามาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“งั้นก็ได้ค่ะ ไหนคะ แสบตรงไหน”
“ตรงนี้ไง...ดูให้หน่อยว่าอะไรเข้า” ไม่ว่าเปล่ายังฉวยมือนุ่มนิ่มมาจับที่ใบหน้าตัวเองอีก
ยัง...ยังไม่เลิกสะตออีก คนบ้านี่ วอนตายเสียแล้ว...
“เล่นอะไรของคุณ ปล่อยมือฉันนะ” เมรีกัดฟันกระซิบโดยไม่ขยับปาก
“แล้วเธอล่ะ เล่นอะไร ลูกหนึ่งแล้วยังจะอ่อยผู้ชายไม่เลือก” ดวงตากลมโตขุ่นกระด้างพลันเมื่อได้ยินเขาแขวะใส่
“ก็เลือกแล้วนี่ไงถึงอ่อย แต่ไม่เลือกคุณ อุ๊ย!” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อนิ้วมือถูกบีบแน่น
คนบ้านี่แรงเยอะเหมือนเดิมเลย ถ้าไม่ติดว่ามีบุคคลที่สามที่สี่ คงมีตบดึงสติกันบ้าง
“โอ๊ะ! เจอแล้วค่ะ!” จู่ๆ เมรีก็แกล้งร้องออกมาเสียงดัง จนผู้ชมข้างสนามทั้งสองเกือบสะดุ้ง ส่วนคนป่วยแอบถลึงตาใส่ มองขวดน้ำยาในมืออีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ
“อยู่นิ่งๆ นะ เดี๋ยวฉันจัดให้...” เมรีว่าพลางยกขวดแล้วเท พรวด
“โอ๊ะ!”
“ไม่รักงั้นเหรอ!”“ครับ เราไม่ได้รักกัน ผมมีผู้หญิงที่รักและอยากแต่งงานด้วยอยู่แล้ว”“อ้าว แล้วทำไมลูกไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะ ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนล่ะ” คุณมาลินีซักด้วยน้ำเสียงพิศวง “หรือเราจะไปขอให้แม่หนูคนนั้นมาเข้าพิธีกับลูกดีไหม”“ผมก็อยากให้เป็นแบบนั้นครับแม่ แต่ว่าตอนนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกับลูกหนีผมไปอยู่ที่ไหน และถึงตามตัวเจอ เธอก็คงไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายอย่างผมอยู่ดี”“อ้าว! นี่แกไปหลงรักแม่หม้ายหรือเมียใครกัน มีลูกติดด้วยเนี่ยนะ โอย...ฉันจะเป็นลม” คนพูดรีบควักยาดมในกระเป๋ามาโบก ร้อนถึงสามีต้องหาพัดมาวีให้“ไม่ใช่ครับแม่ ไม่ใช่ลูกติดของใคร แต่เป็นลูกสาวของผมเองครับ หลานแท้ๆ ของคุณพ่อกับคุณแม่” ยิ่งฟังก็ยิ่งงุนงง“ว่าไงนะ แล้วนี่แกไปทำลูกสาวใครเขาท้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะตาชิษ ทำไมเพิ่งมาบอกพวกเราเอาตอนนี้”“สี่ปีที่แล้วครับ ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีลูกเมื่อไม่นานมานี้”“โอ๊ย ลูกหนอลูก ทำสาวท้องตั้งสี่ปีเพิ่งมารู้ ก็สมควรแล้วให้เขาพาลูกเต้าหนี แล้วนี่จะยังไง เจ้าสาวก็หนี เมียก็ยังมาหอบลูกหนีอีก งามหน้าไหมลูกชายฉัน”“ใจเย็นๆ ก่อนครับคุณแม่”
บรรยากาศในไร่สาธุคุณวันนี้คึกคักกว่าปกติ เพราะกำลังจะมีงานมงคลเกิดขึ้น คนงานในไร่ช่วยกันตกแต่งสถานที่กันอย่างขมีขมันเป็นพิเศษ เพราะเจ้าภาพของงานเป็นถึงน้องชายคนเดียวของเจ้าของไร่ แถมมีแม่เลี้ยงรจนาและสามีลงมาคุมงานด้วยตัวเองทุกขั้นตอนในขณะที่ใครต่อใครกำลังวุ่นวายทำหน้าที่ มีเพียงคนเดียวที่ไม่อยากให้งานนี้เกิดขึ้น ว่าที่เจ้าบ่าวของงานยืนทอดสายตามองที่ระเบียงห้องนอนปล่อยใจล่องลอยไปถึงใครบางคนป่านนี้เธอคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง อยู่ที่ไหน อยู่กับใครกัน สบายดีหรือเปล่า และจะรู้บ้างไหมว่ามีคนคิดถึงเธอมากแค่ไหน“อ้าว มาอยู่นี่เองเหรอเจ้าบ่าว”เสียงนั้นทำให้คนใจลอยได้สติ หันไปมองต้นเสียงด้วยสายตาที่ทำให้คนเป็นพี่ชายใจหาย เพราะมันคือสายตาของความสิ้นหวัง หม่นหมอง ผิดวิสัยของคนกำลังจะเข้าประตูวิวาห์ที่ควรมีความสุข ดวงตาเป็นประกายแวววาว ไม่ใช่ไร้วิญญาณเช่นนี้“อย่าบอกนะว่านายคิดจะโดดลงจากระเบียงฆ่าตัวตายหนีงานแต่งวันนี้” สาธุคุณแกล้งหยอกแรงๆ“หึ! ผมดูเหมือนคนคิดสั้นขนาดนั้นเลยหรือครับพี่”“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง นายลองไปส่องกระจกดูสิ หน้าตาไม่เหมือนคนจะเข้าหอ แต่เหมือนคนจะโดนประหารยังไงยังงั้น ทำไมวะ ไ
“พี่รจจะมาวันนี้ทำไมเห็นโทรมาบอกเลยล่ะจ๊ะ”“พอดีพี่รีบมากะทันหันน่ะ มีคนบอกว่าอยากเจอเธอ”เมรีชะงักกึก ชะเง้อมองไปข้างหลังที่มีใครอีกคนเพิ่งเปิดประตูลงมาจากรถก่อนอุทานลั่น“พี่แนน!”นันทิกามองสบตาหญิงสาวตรงหน้านิ่ง ก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมา“ไม่เจอกันนานเลยนะคะน้องเมรี”“เอ่อ...” เมรีมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างอึดอัดปนอยากรู้ในเจตนาของอีกฝ่าย เธอสู้อุตส่าห์หนีมาหลบกะว่าให้ผ่านพ้นงานแต่งของอีกฝ่ายเพราะเกรงจะเกิดปัญหาตามมา แต่ไม่คิดว่านันทิกาจะอยากพบหน้าเธออีกทำไมไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะตามมาตบเธอหน้าแหกใช่ไหม“เชิญเข้าบ้านก่อนสิคะ เดี๋ยวเมรีไปเอาน้ำมาให้”“อย่าลำบากเลยค่ะ พี่มีเรื่องอยากจะถามน้องเมรีนิดหน่อย ได้คำตอบแล้วพี่ก็จะไป”คำว่าไปของอีกฝ่ายทำให้เมรีแอบฉงน แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร“ไปเจ้าลูกหมู ไปดูการ์ตูนกับป้ารจดีกว่า” รจนาพาหลานเลี่ยงไปที่ห้องรับแขก ปล่อยให้สองสาวได้คุยกัน แต่ก็ไม่วายแอบดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆเมื่อได้อยู่ตามลำพังนันทิกาก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงตรงเข้าประเด็นทันที“พี่ขอถามน้องเมรีตรงๆ ได้ไหมว่าน้องเมรีรู้สึกยังไงกับพี่ชิษคะ”มาคำถามแรกก็ทำคนถูกถามอึ้งเสียแล้ว เมรีมองสบตาอี
ตึง!ขาเม้าท์ทั้งฝูงสะดุ้งโหยง หันมองต้นเสียงกันเลิ่กลั่ก พอเห็นว่าเป็นใครต่างก็หน้าเสียไปตามๆ กัน“รับอะไรดีจ๊ะพ่อหนุ่ม” เจ้าของร้านเปลี่ยนสีหน้ายิ้มแย้มรับลูกค้าทันใด“น้ำเย็นขวดหนึ่งครับป้า”“ได้จ้ะ รอเดี๋ยวนะ”“นั่นไงๆ ผัวเก่ายัยเมรี หูย...หน้าอย่างกับมหาโจร หนวดเครางี้ครึ้มเชียว”คนถูกนินทายังคงวางหน้านิ่ง“หน้าโหดแบบนี้ไงเล่าถึงโดนเมียทิ้งหอบลูกหอบเต้าหนีไปกับผัวใหม่”กร๊อบบบบเสียงขวดน้ำดื่มในมือถูกบีบจนแตกยับเยินคามือ ก่อนที่ดวงตาดุเข้มปรายมองฝูงไฮยีนากระหายเลือดอย่างเย็นชาและเหี้ยมเกรียม“ขอโทษนะครับป้า ผมขอแก้ข่าวหน่อย”“จ๊ะ...กะ แก้ข่าวอะไรหรือพ่อหนุ่ม”“ผมชื่อชิษณุกร ไม่ใช่ผัวเก่าของเมรีลูกแม่สีดา แต่เป็นผัวคนปัจจุบัน และผัวคนเดียวของเธอต่างหาก อ้อ! แล้วน้องเวียงพิงค์นั่นก็ลูกผมเอง ไม่ใช่เด็กไม่มีพ่อที่ไหน แล้วถ้าใครอยากเสือก เอ๊ย! สงสัยอยากรู้อะไรก็ไปถามผมได้ทุกเมื่อที่ไร่พี่สาธุ แต่ถ้าผมได้ยินว่ามีคนปากหมามาว่าลูกเมียผมในทางไม่ดีหรือไม่จริงอีกล่ะก็ รอรับหมายศาลถึงบ้านเลยก็แล้วกัน งานนี้ผมรับคำขอโทษเป็นเงินสดหกหลักขึ้นเท่านั้น หวังว่าป้าๆ ทุกคนคงเข้าใจนะครับ”พอพูดจบ ความ
เขาคิดถึงและเป็นห่วงเธอจะแย่แล้ว ไหนจะคิดถึงลูกสาวตัวน้อยที่ไม่ได้เจอหน้าตั้งหลายวัน หลังจากวันนั้นที่เขาบอกกับแม่ของเธอว่าจะมาหาในวันรุ่งขึ้น แต่พอมาถึงนางสีดาก็บอกว่าเธอไปทำงานแล้ว และหลังจากนั้นมาเขาก็ไม่ได้พบหน้าเธอและลูกสาวอีกเลยคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากอีกฝ่ายต้องการหลบหน้ากัน แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ยังแอบมาส่องหน้าบ้านเธอทุกคืน ไม่ได้เห็นหน้าขอเห็นหลังคาก็ยังดีแต่วันนี้เขาต้องพบเธอให้ได้ ก่อนที่อกจะแตกตายเพราะความอัดอั้นที่มีจนมากล้น แต่พอชายหนุ่มไปถึงบ้านของเมรีก็พบว่ามันปิดเงียบเชียบเหมือนไม่มีคนอยู่“มีใครอยู่ไหมครับ” ชิษณุกรตะโกนเรียก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา และไม่ว่าจะเรียกอย่างไรก็ไม่มีใครขานตอบจากในบ้าน ไหนว่าลาป่วย หรือว่าอาการหนักจนต้องไปโรงพยาบาลยิ่งคิดก็ยิ่งห่วง รออยู่นานจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แน่ๆ ชายหนุ่มจึงยอมถอยไปตั้งหลักที่บ้านพี่ชาย แต่ทว่าตอนที่เขากำลังจะเข้าบ้านนั้นเอง ก็มีใครบางคนเดินสวนออกมาเสียก่อน“น้าสีดา น้าแผน”ชิษณุกรเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ โดยไม่ทันสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายที่ดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร“ที่แท้ก็มาอยู่นี่เอง เมื่อกี้ผมไปหาที่บ้าน แต่เห็นปิดป
“สะดุดตกคันนามาน่ะแม่ ฉันมันโง่เองน่ะแม่ เดินไม่ระวัง ไม่สิจริงๆก็ระวังแล้วล่ะ แต่ก็ยังอุตส่าห์พลาดอีกจนได้” เมรียิ้มเยาะตัวเอง ทั้งที่ตอนนี้ขอบตาร้อนผ่าวแต่เธอพยายามสะกดกลั้นไม่ปล่อยให้ความรู้สึกที่กำลังเอ่อท้นล้นออกมาฟ้องความอ่อนแอให้ใครเห็นเธอไม่ต้องการให้พ่อแม่หรือใครต้องเป็นห่วงหรือสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น“พูดอะไรของแกน่ะ แม่งงไปหมดแล้ว”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่ อย่าสนใจเลย แล้วนี่เจ้าเวียงพิงค์ล่ะ ขึ้นนอนแล้วเหรอ”“อืม งอแงตั้งแต่หัวค่ำ บอกจะให้พาไปหาแกกับพ่อจ๋าที่ไร่โน้น แม่กับพ่อแกทั้งกล่อมทั้งปลอบอยู่ตั้งนานกว่าจะยอมนอนหลับได้”คำว่า ‘พ่อจ๋า’ ทำให้คนฟังสะอึก คงเป็นสายใยผูกพันทางสายเลือดที่ทำให้ลูกเธอติดเขา แม้ว่าจะพบกันไม่กี่หนลูกติดเขายังพออ้างได้ แต่เธอนี่สิหลงเชื่อเขาซ้ำๆ มากี่ครั้งกี่หนแล้วจะอ้างอะไรดี“งั้นฉันขึ้นไปดูลูกก่อนนะแม่”“อ้าว ไม่กินข้าวกินปลาก่อนเหรอ” คนเป็นแม่มองตามหลังแม่ลูกสาวที่เดินคอตกขึ้นบ้านไปเงียบๆ อย่างแปลกใจ“เป็นอะไรของมันไปอีกล่ะนั่น หรือว่า...”“เมรี! เมรี...” ยังไม่ทันได้คำตอบ ก็มีเสียงเรียกขึ้นที่หน้าบ้านอีกครั้ง“ใครกันมาตะโกนเรียกค่ำๆ มืดๆ” นางสีดา







