แต่วันนี้พี่รุตพาเธอไปทำความรู้จักกับพนักงานในหลายแผนกที่บางคนยังไม่เคยแม้จะเห็นหน้ากันสักครั้ง รอยยิ้มหวานที่ส่งยิ้มให้พนักงานยามเมื่อถูกแนะนำ เธอฉีกยิ้มจนปากแห้ง กว่าจะครบทุกแผนก มันไม่ง่ายสักนิดเลยนะเนี่ยไอ้การเริ่มงานเนี่ย
เธอแทบลากสังขารกลับบ้านด้วยความเมื่อยล้า เดินวนในโรงแรมอยู่หลายรอบขึ้นลิฟต์ลงลิฟต์อยู่หลายเที่ยว กลับมาถึงก็ทิ้งตัวนอนด้วยความหมดแรง JaJa : เป็นไงบ้าง พี่รุตกลับยัง เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า พร้อมข้อความที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความของใคร เธอก็รีบเปิดอ่านทันที Sirada : ยังเลย Sirada : (สติกเกอร์รูปหมาหมดแรง นอนลิ้นห้อย) JaJa : ขนาดนั้นเลย Sirada : เมื่อยขามาก แถมพรุ่งนี้ต้องเข้าไปทำงานที่โรงแรมด้วย JaJa : ว่าจะชวนเที่ยวสักหน่อย งั้นพักผ่อนเถอะ สู้ๆ นะ แม้จะไม่อยากตื่นเช้าเพื่อมาเริ่มงานที่โรงแรมสักเท่าไร แต่เพราะคำขู่ของพี่ชายเมื่อวานหลังอาหารค่ำ ทำให้เธอต้องลุกขึ้นแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย และต้องให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถืออีกด้วย เมื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองจนดูดีแล้ว เธอก็ต้องรีบลงมาที่ห้องอาหารให้ทันพี่ชาย ลงมาถึงก็เห็นพี่รุตกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่กับคุณพ่อ โดยมีคุณรำไพเดินวนเวียนตักข้าวต้มเสิร์ฟให้ผู้เป็นสามี "แต่งตัวสวยเชียวลูกแม่ พร้อมไหม" "พร้อมมากค่ะ" แม้คำตอบจะดูน่าฟัง แต่ท่าทางอ่อนแรงนั้นทำให้มีสายตาอีกสองคู่จ้องมองมา จนเธอต้องทำท่าทางให้ดูกระตือรือร้นขึ้นทันที ศิรดานั่งรถตู้คันหรูไปพร้อมกับพี่ชาย ส่วนพ่อไปพร้อมกับแม่อีกคัน ในช่วงเช้าของวันนี้เธอยังไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ได้แต่เดินตามพี่ชายต้อยๆ นั่งฟังเรื่องที่ชวนจะให้เคลิ้มหลับเสียอยู่หลายครั้ง จนเวลาเกือบจะเที่ยงเรื่องที่ได้ฟังทำให้ตาสว่างขึ้น แค่เป็นเรื่องของคนบ้านข้างๆ ไม่ว่าจะเป็นใครที่เกี่ยวข้องกับเขา ก็ทำให้เธอสนใจได้ทุกเรื่อง และวันนี้ก็เช่นกัน เมื่อเธอได้ยินพี่ชายคุยโทรศัพท์กับพี่นที พี่ใหญ่ของบ้านราชศิริโสภณที่จะเข้ามาคุยเรื่องห้องพักที่เธอได้ยินเมื่อวาน ก็เผลอทำเธอแอบตื่นเต้นขึ้นมา พี่รุตนัดคุยกับพี่นทีที่ห้องอาหารของโรงแรมและก็ทำให้เธอได้ติดสอยห้อยตามไปด้วยนั่นแหละ "อ้าว โดยพี่ชายเราลากมาทำงานด้วยนี่เอง ถึงว่ายายจ๋า นั่งเป็นหมาหงอยเลย" คำทักทายของพี่นทีทำให้เธอแทบจะทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้ พลางแอบเหลือบสายตาไปมองพี่รุต "ขืนไม่พามาทำงานด้วย คงจะเกเรอีกนานแน่ครับ" น้ำเสียงของพี่รุตยามเมื่อคุยกับพี่นที ดูออกจะน่าฟังกว่าที่เอ่ยถึงพี่ชายอีกคนของยายจ๋าเป็นไหนๆ ถ้าเอ่ยถึงลูกชายคนรองบ้านนั้น อย่างชลันธร น้ำเสียงออกจะคล้ายคนไม่ชอบขี้หน้ากันอย่างนั้นแหละ ถ้าเป็นเมื่อก่อนแม้จะไม่เข้าใจแต่ก็ยังรู้สึกได้ แต่ตอนนี้หลังจากที่เธอได้รู้เรื่องของอดีตแฟนพี่ชาย ว่าครั้งหนึ่งพี่พิมพ์ก็เคยเป็นแฟนของเขา เธอจึงเริ่มพอจะเข้าใจที่คนสองคนดูไม่ชอบหน้ากัน และคนทางนั้นเหมือนจะพลอยไม่ชอบหน้าเธอไปด้วยอีกคน "สงสัยพี่ต้องให้ยายจ๋าไปทำงานบ้างแล้ว รายนั้นดื้อด้านกว่ารดาเยอะ พูดไม่มีฟัง ดีแล้วที่รุตดึงรดามาทำงานด้วย พี่ล่ะกลัวยายจ๋าจะพารดาเสียคนเอา" "ยายจ๋าไม่ได้ดื้อขนาดนั้นสักหน่อย พี่นทีใส่ร้าย" เธอได้แต่เถียงแทนเพื่อนเสียงอ่อยๆ "ยังจะเถียง" เสียงขุ่นของพี่รุตที่เอ่ยแกมดุ ทำให้เธอต้องหุบปากสนิท จนแทบจะไม่กล้าทานอาหารบนโต๊ะนั้นเลย จนเมื่อพี่รุตกับพี่นทีคุยเรื่องงานกันนั่นแหละ เธอจึงได้แต่นั่งทานข้าวไปอย่างเงียบๆ ฟังเรื่องงานที่พอเข้าใจได้ไปพลางๆ แล้วก็พยายามนึกถึงงานที่ตัวเองจะสามารถช่วยได้ ลูกค้าจากต่างประเทศ เด็กนักเรียนอินเตอร์อย่างเธอก็ไม่ด้อยภาษา อย่างน้อยคงพอช่วยพี่ชายได้เยอะอยู่หรอก "ไปที่แผนกแม่บ้าน คุณนภารออยู่" หลังเสร็จจากอาหารเที่ยง พี่นทีกลับไปแล้ว เธอจึงได้ขึ้นมาที่ห้องทำงานของพี่รุตอีกครั้ง เสียงเข้มเอ่ยสั่งของพี่ชาย ทำให้เธอขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจนัก พี่รุตจะให้เธอไปทำอะไรที่แผนกแม่บ้าน "คะ" ทนความสงสัยไว้ไม่ได้ เธอจึงได้เอ่ยถาม "ไปทำงานที่แผนกแม่บ้าน คุณนภาจะสอนงานให้" "คะ" เธออุทานเสียงหลง ฟังเข้าใจ แต่เหมือนไม่เข้าใจ "ทำไม จะดูแลโรงแรมได้ ก็ต้องรู้ทุกแผนกในโรงแรม ไปอยู่แผนกแม่บ้านสามเดือน" "สามเดือน" ศิรดาสบสายตาคมของพี่ชายที่หรี่ตามองด้วยความหงุดหงิด ก็ทำให้เธอต้องรีบรับปากแล้วออกจากห้องมาทันที เดินตรงไปหาคุณนภาตามคำสั่งคุณแม่มือใหม่นอนหลับไปพร้อมกับเจ้าตัวอ้วนที่กินนมอิ่มก็หลับ ศิรดาจะได้หลับก็ต่อเมื่อเจ้าตัวน้อยหลับ เพราะเธอเลือกให้นมลูกจากเต้า การต้องตื่นทุกสองชั่วโมงเพื่อให้นมดูจะทำให้เธอเพลียไม่น้อย หลังจากจากคุณแม่ต้องพักผ่อน ทุกคนจึงแยกย้ายออกมาจากห้องนั่งเล่นใหญ่ที่กลายเป็นห้องเลี้ยงเด็ก คุณพรรณีจึงได้เข้าครัวสำหรับเตรียมอาหารเย็นโดยมียายจ๋าตามเข้าไปช่วย พี่เลี้ยงเจ้าตัวเล็กก็จะใช้เวลานี้จัดการทำความสะอาดกับพวกเสื้อผ้าหรือของใช้เด็ก และรอเวลามาช่วยตอนที่เจ้าตัวเล็กตื่นนอน ชลันธรกับวรุตจึงได้หลบมานั่งคุยกันอยู่ที่สระว่ายน้ำ ปรึกษากับตามประสาคู่เขยไม่ว่าจะเรื่องธุรกิจ หรือเรื่องภรรยาของตัวเอง รวมถึงอีกหลายๆ เรื่อง "พวกไอ้พงษ์เทพ มันยังมายุ่งกับมึงอีกหรือเปล่า" วรุตเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "ไม่แล้วแหละ ตั้งแต่ขู่พิมพ์พิมลไปก็เงียบไปเลย" "กูว่าไม่รอดศาลฎีกาแน่ ยังไงก็ต้องยืนตามอุทธรณ์" วรุตให้ความเห็น "ไม่น่ารอด แต่คดีรับสินบนน่าจะสืบอีกนาน แต่ให้มันโดนสักคดีก็ยังดี มึงรู้เรื่องพิมพ์พิมลแล้วใช่เปล่า" "รู้ว่า" วรุตไม่แน่ใจว่าหมายถึงเรื่องไหน "เรื่องที่เมียหลวงรัฐมนตรีจับได้น
และในอีกหลายๆ ครั้งที่ยายจ๋าต้องไปคุยเรื่องงานกับบริษัทก่อสร้างที่กำลังเริ่มงาน จะต้องมีคนตัวสูงเดินเคียงคู่ไปด้วยทุกครั้ง และในหลายๆ ครั้งที่การตัดสินใจมาจากเขา ถ้ายิ่งต้องไปดูไซต์งานก่อสร้างเธอจะถูกจำกัดบริเวณให้อยู่แค่ในออฟฟิศชั่วคราวเท่านั้น จะมีเพียงเขาและไตรฉัตรที่เดินตากแดดออกไปที่ไซต์ แต่ก็ยังมีบางครั้งที่คนตัวเล็กดื้อดึงจะออกไปดูเองให้ได้ ก็จะต้องมีวรุตที่คอยกางร่มให้อยู่ข้างๆ ตลอด งานก่อสร้างที่กำลังเริ่มต้นก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ตามแพลนที่วางไว้เช่นเดียวกับงานแต่งงานที่กำหนดไว้ในเวลาไล่เลี่ยกันก็ดำเนินไปตามกำหนดภายในงานแทบจะไม่ต่างกับงานของชลันธรกับศิรดามากนัก แม้แต่สินสอดทองหมั้นก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่ากัน ที่จะมีขัดใจก็คงเป็นตอนที่ชลันธรคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแกล้งมาป่วนในตอนที่เขาเหลือเวลาว่างเพียงนิดพอจะได้พักผ่อนเสียหน่อย หลังงานแต่งเพียงไม่กี่วันทั้งคู่ก็กลับไปใช้ชีวิตที่เชียงใหม่ ระหว่างที่รีสอร์ตของยายจ๋ากำลังก่อสร้าง เธอก็มักจะมาอยู่ที่ห้องทำงานของสามี เพื่อจะได้ศึกษาข้อมูลจากเขาและมันก็ทำให้เธอเข้าใจระบบงานโรงแรมได้เป็นอย่างดี การก่อสร้างเริ่มเข้าในระยะที่สองแล้ว
คุณจ๋าที่ดูร่าเริงพูดเยอะอยู่เมื่อครู่ แต่พอนั่งข้างกับคนหน้าตึง ก็ทำเธอกลายเป็นคนพูดน้อยไปเสียอย่างนั้น ไตรฉัตรมองสายตาของคนทั้งสองคงมากกว่าคนรู้จักกันแน่นอน แต่ไม่รู้ทั้งคู่จะงอนกันหรือเพราะอะไรจึงดูเงียบๆ แปลกๆ "คุณจ๋าทานเยอะๆ นะครับ อาหารโรงแรมของคุณวรุตนี่อร่อยมากเลย สงสัยผมจะได้บินมาเชียงใหม่บ่อยๆ ซะแล้ว" ไตรฉัตรตักอาหารใส่จานให้คุณจ๋า พูดจบก็แอบมองหน้าเจ้าของโรงแรม ใบหน้าเรียบดูจะตึงขึ้นอีกไม่น้อย จนไตรฉัตรแอบยิ้ม "ที่กรุงเทพก็มีสาขาครับ ถ้าติดใจรสชาติอาหารทานที่กรุงเทพก็ได้ครับ รับรองสูตรเดียวกันแน่นอนครับ" "ก็ดีนะครับ แต่ถ้าได้มาเชียงใหม่ คงไม่พลาดแน่นอนครับ" ในมื้ออาหารเที่ยงที่กำลังจะผ่านพ้นไป เธอแทบจะไม่ได้เอ่ยอะไร ปล่อยให้ผู้ชายสองคนคุยกัน เสียงคุณไตรฉัตรเอ่ยถามเสียมากกว่า คนตอบก็ตอบบ้าง ตอบปัดๆ ให้ผ่านไปบ้าง "เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ มีประชุมตอนบ่ายโมง" วรุตเอ่ยบอกตอนที่มื้ออาหารเที่ยงผ่านพ้นไปแล้ว "ครับ ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยนะครับ" "คุณไตรฉัตรจะกลับวันไหนหรือครับ" "อ๋อ วันนี้แหละครับ พอดีผมต้องขึ้นเชียงรายต่อ" "เสียดายนะครับ ไม่งั้นจะชวนให้พัก
"พี่รุตคะ แม่บอกว่าฤกษ์แต่งงานต้องอีกสองเดือนข้างหน้านะ" "ก็ตามนั้นแหละ" "ค่ะ" ยายจ๋าได้แต่ตอบรับเสียงอ่อยๆ มองคนที่ลุกเดินจากโซฟารับแขกในห้องทำงานกลับไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ เธอลุกตามไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ จ้องมองคนที่กำลังเปิดแฟ้มเอกสารตรงหน้า "พี่รุต เราแต่งฤกษ์สะดวกดีไหมคะ เพราะอีกสองเดือนบริษัทก่อสร้างน่าจะเริ่มงานแล้ว จ๋ากลัวจะยุ่ง" "พวกแม่ๆ จะฟังเธอไหมล่ะ วันไหนก็วันนั้นแหละ" "ก็ได้ค่ะ จ๋ามีนัดกับบริษัทก่อสร้างที่ห้องอาหารโรงแรมนี่แหละค่ะ ออฟฟิศที่จ๋าเช่าไว้ยังตกแต่งไม่เสร็จเลยพี่รุตจะลงไปด้วยไหมคะ" "กี่โมง" "สิบโมงค่ะ" "พี่มีประชุม" "ค่ะ งั้นจ๋าขอตัวก่อนนะคะ" เธอได้แต่รับคำเสียงอ่อยๆ เพราะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีที่จะถึงเวลานัด เมื่อวรุตไม่ว่างที่จะลงมาคุยกับบริษัทก่อสร้าง เธอจึงได้แต่ลงมารอสถาปนิกออกแบบที่พี่นทีพี่ชายคนโตแนะนำมาให้ เธอลงมาถึงห้องอาหารก่อนเวลาเพียงสิบนาที และก็พอดีกับที่สถาปนิกมาถึง เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น พอกดรับสาย "คุณจ๋า ใช่ไหมครับ ผมมาถึงแล้วนะครับ" "ค่ะ คุณไตรฉัตร..." "อ้าว..." เธอยังพูดไม่ทันได้จบประ
เธอได้แต่เรียกคนตัวสูงให้มานั่งข้างๆ บังคับให้เขาเปิดอ่านเกี่ยวกับการตั้งครรภ์การดูแลต่างๆ จากแหล่งค้นหาข้อมูลที่ชื่อว่ากูเกิล ชลันธรจึงได้แต่นั่งอ่านข้อมูลในโทรศัพท์อยู่พักใหญ่ "แล้วนั่นจะไปไหนอีกล่ะครับ" "รดาจะไปหยิบผลไม้ในครัวค่ะ" เธอได้แต่ถอนหายใจหนักๆ สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายเดินไปหยิบมาให้ ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์แม้จะล่วงเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย อีกเพียงไม่ถึงสองเดือนเจ้าหนูน้อยทายาทคนแรกของเจ้าสัวทินกรก็จะได้ออกมาดูโลกกว้าง ทั้งสองบ้านดูจะเห่อหลานชายคนแรกกันไม่น้อย ส่วนคู่แต่งงานที่แต่งหลังเธอก็ตกอยู่ในภาวะที่ถูกครอบครัวกดดันอย่างหนัก เมื่อยังไม่เห็นวี่แววว่าทั้งคู่จะมีทายาทคนต่อไปให้ครอบครัว ยายจ๋าให้เหตุผลขอทำรีสอร์ตให้เสร็จก่อน ส่วนฟาร์มของพี่รุตก็ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้ว ทั้งคู่จึงยังใช้ชีวิตที่เชียงใหม่เป็นส่วนใหญ่ "ท้องที่สอง พี่ว่าเราทำลูกแฝดดีกว่าไหม จะได้เจ็บทีเดียว" ชลันธรเอ่ยบอกภรรยาที่ยังท้องโย้เอนตัวนอนอยู่บนโซฟาเบดตัวใหญ่ โดยมีเขาที่นอนกอดท้องใหญ่ๆ ของเธอไว้ "พี่ธรจะทำได้หรือคะ" "ใครมันจะทำได้เองล่ะ พูดเข้า ก็ต้องใช้การแพทย์ช่วยซิ" ฟังคำถามนั้
เพราะข่าวในทีวีที่เธอเปิดทิ้งไว้ภายในห้องนั่งเล่นไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไร แต่นักข่าวชื่อดังที่กำลังเล่าข่าวอย่างออกรสเอ่ยชื่อถึงนายพงษ์เทพเท่านั้น อาหารตรงหน้าจึงถูกลดความสนใจลงทันที "ตื่นเต้นกับข่าวอะไรแต่เช้าครับ" ชลันธรแกล้งทำลากเสียงยาวในท้ายประโยค เพราะเพิ่งออกจากห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กยังเช็ดผมที่หมาดอยู่ เดินมานั่งข้างภรรยาคนสวย ข่าวการตัดสินคดีพรากผู้เยาว์เด็กอายุต่ำกว่าอายุสิบแปดปีของนายพงษ์เทพและพวก ที่ศาลตัดสินจำคุกแปดปีไม่รอลงอาญา และปรับสองแสนบาท "สมน้ำหน้า" นักข่าวยังอ่านข่าวไม่ทันจบดีด้วยซ้ำ แค่พอจับใจความได้ ศิรดาก็เอ่ยเน้นเสียงขึ้นมาด้วยความสะใจ "ท่าจะหลุดยาก ถึงจะประกันตัวไปสู้คดีต่อก็เถอะ" ชลันธรได้แต่ให้ความเห็น "กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอค่ะ ถึงจะรอนานสักหน่อย แต่เสียดายยายคุณพี่พิมพ์นั่นน่าจะโดนอะไรสักหน่อย คิดแล้วก็แค้นนัก" พอพูดถึงพิมพ์พิมลอดไม่ได้ที่เธอจะเหลือบตามองสามีตัวเอง ด้วยสายตาที่ทำให้คนถูกมองต้องรีบแก้ต่างให้ตัวเอง "อย่ามองพี่แบบนั้นนะ" "รดายังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่คะ ร้อนตัว" "ก็สายตาเธอ" "สายตารดาทำไมคะ" "ไม่ทำไมจ้า เมียจ๋า