สตูดิโอเต็มไปด้วยทีมงานที่วิ่งวุ่นตลอดทั้งเช้า พรพระพายนั่งอยู่หน้ากระจกขนาดใหญ่ เธอสวมเพียงเสื้อคลุมผ้าซาตินบางเบาชุดจริงอยู่ข้างใน ชุดถ่ายโฆษณาโลชั่นที่เผยผิวเนียนเปลือยช่วงไหล่และแผ่นหลังอย่างเย้ายวน
“พร้อมนะ” เสียงตากล้องเอ่ยขึ้นเมื่อทุกอย่างพร้อม นางแบบสาวยิ้มบาง ลุกขึ้นจัดเสื้อคลุมให้เผยร่องไหล่พอดีแล้วก้าวเข้าไปกลางฉากสีขาว
เธอเริ่มโพสต์ท่าลูบไล้โลชั่นลงบนผิวอย่างอ่อนช้อย นิ้วเรียวยาวแตะเนื้อครีมสีขาวมุกก่อนจะแตะลงบนต้นขาเนียนแน่น แล้วลากขึ้นถึงช่วงสะโพก ตากล้องกดชัตเตอร์รัว ใบหน้าพรพระพายยิ้มบาง ดวงตาออดอ้อนส่งให้กล้องอย่างมืออาชีพ แต่กลับไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ กำลังยืนมองอยู่หลังม่านด้านหลังทีมงาน
ไทเกอร์ยืนกอดอกดวงตาดุดันจ้องไปที่หญิงสาวคนเดียวในฉาก ดวงหน้าเข้มเครียดขณะมองพรพระพายยิ้มหวาน ลูบไล้เนื้อโลชั่นลงบนต้นแขนเนียนนุ่มแล้วหันไปยิ้มให้ตากล้องที่ส่งเสียงชมไม่ขาดปาก
“สุดยอดเลยน้องพายสวยมาก เซ็กซี่มาก!”
คำพูดนั้นทำให้เขากัดกรามแน่น หัวใจเขาเต้นแรง ไม่ใช่เพราะความงามของเธอ แต่เพราะความรู้สึกอยากเป็นคนเดียวที่ได้เห็นแบบนี้
ผู้ชายทั้งหมดในห้องนี้มองเธอเหมือนเหยื่อบนจาน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ช่วยตากล้องหน้าใหม่ที่แอบกลืนน้ำลายระหว่างปรับไฟ
เขาแค่อยากพูดคุยเรื่องแต่งงานก่อนที่จะเกิดขึ้นจริงไม่คิดว่าจะต้องมาเห็นภาพบาดตาแบบนี้ ไทเกอร์หันขวับไปหาผู้จัดการที่ยืนใกล้ๆ
“บอกเธอให้มาเจอฉันที่ห้องรับรองเดี๋ยวนี้”
“แต่คุณพายทำงานอยู่นะครับ” พายุเอ่ยขึ้นตอนเช้ามาก็วุ่นวายกันครั้งหนึ่งแล้ว หากให้อีกฝ่ายไปพบเจ้านายเลยเกรงว่าจะลำบาก
“ฉันจะคุยกับผู้หญิงคนนั้น เดี๋ยวนี้!” นี้คือคำสั่งแบบเด็ดขาด เขาหันหลังเดินออกไปนั่งรออีกฝ่ายที่ห้องรับรอง พอคิดถึงภาพนั้นทำให้เขาถอนหายใจ
“ผู้หญิงเต้นกินรำกินทำไมคุณแม่ถึงอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้วะ” เขานั่งดูดบุหรี่แบบไม่เกรงใจสถานที่ พ่นควันออกจากปากอย่างสบายใจ
ผู้จัดการหน้าซีดรีบก้มหน้ารับคำแล้วเดินลนลานไปกระซิบกับพรพระพายกลางกองถ่าย เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลแค่ไหน
“น้องพายมีแขกอยากพบด่วน”
“ใครเหรอคะพายขอไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม” เกรงว่าชุดนี้จะไม่สุภาพเท่าไร
“พี่ว่าไปตอนนี้เลยดีกว่าค่ะ” ลิลลี่แทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ เมื่ออีกฝ่ายเห็นสีหน้าที่กังวล พรพระพายจึงพยักหน้าและเดินไปที่ห้องรับรอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เธอเคาะประตูสามครั้งและเปิดเข้ามา เห็นเขานั่งหันหลังให้ประตู เมื่อรู้ว่าในห้องนี้มีแค่เธอกับเขาพรพระพายจึงกระชับเสื้อคลุมไว้แน่น
“พี่ลิลลี่บอกว่าคุณอยากเจอพาย” เธอเอ่ยเสียงเรียบ แม้แววตาจะเริ่มฉายแววไม่พอใจที่เขาบุกมาถึงกองถ่ายโดยพลการ
ไทเกอร์นั่งมองวิวตรงหน้า เขาหันหลังให้เธอมือข้างหนึ่งกำลังคีบบุหรี่ ใบหน้าเย็นชาเมื่อมองลงไปยังวิวตึกสูงเบื้องล่าง เขาสูดลมหายใจลึกครั้งสุดท้าย ก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงในถาดแก้วอย่างเฉยชา
ดวงตาคมเข้มสบเข้ากับดวงตาสีอำพันของหญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึงทุกลมหายใจ แต่สิ่งที่พรพระพายได้เห็นมันคือความเย็นชาเหยียดหยามแฝงแววโกรธเกรี้ยว เขาก้าวเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ แต่หนักแน่น
“คุณ...” เธอไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว เรียกว่าไม่เคยคุยกันเลยก็ว่าได้
“มีดีอะไรนักหนา ถึงได้กล้าโชว์เนื้อโชว์ตัวต่อหน้าผู้ชายเป็นสิบ” เขาเอ่ยเสียงต่ำจ้องเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“นั่นมันงานของพาย คุณก็รู้ว่าพายเป็นนางแบบอีกอย่างพายไม่รู้จักคุณ กรุณาพูดจาให้เกียรติให้กันด้วย” เธอกำหมัดแน่นเขาเป็นใครถึงกล้าพูดจาแบบนี้กับคนที่ไม่รู้จัก
“หึ นางแบบ? เธอมีดีอะไรถึงได้ให้พ่อแม่คิดอยาก ขายลูกสาวตัวเองเพื่อใช้หนี้หลายร้อยล้าน” เขาหัวเราะในลำคอ แสยะยิ้มก่อนจะก้มลงมาจ้องใบหน้าสวยระยะประชิด ดวงตาของเขาคมจนเหมือนจะแทงทะลุจิตใจเธอ
คำพูดนั้นฟาดเข้าใส่พรพระพายเหมือนตบหน้ากลางแรง เธอชะงักเล็กน้อยก่อนกัดฟันแน่นความอับอาย และความโกรธเริ่มปะทุขึ้นในอก
“พูดให้มันดี ๆ นะคุณ อย่าลามปามกับครอบครัวฉัน!”
“แล้วฉันพูดผิดตรงไหน หรือว่าเธอเองก็เต็มใจ อยากแลกชีวิตหรูๆ กับการเป็นสินค้าประมูลให้เจ้าหนี้แบบฉัน” เขาตอบกลับรวดเร็วเหมือนกระสุนปืน
เธอกำมือแน่นดวงตาร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขาพูดแบบนี้แสดงว่าคือคนที่เธอต้องแต่งงานด้วย
“...”
“โกรธเหรอที่ฉันพูดแทงใจ” เขาเดินเข้ามาเชยปลายคางอีกฝ่ายขึ้นมองสบตาเขา แต่หัวใจเจ้ากรรมมันดันเต้นระรัวเมื่อได้อยู่ใกล้หญิงสาว
“เอาสกปรกของคุณออกไปจากตัวฉัน” เสียงหวานสั่นด้วยโทสะ พรพระพายผลักหน้าอกเขาเต็มแรงจนไทเกอร์ผงะไปก้าวหนึ่ง
“หึ สกปรกยังไงสุดท้ายเธอก็ต้องแต่งงานกับฉันอยู่ดี” เขาก้าวกลับเข้ามาใกล้ ดวงตาคมกริบจ้องราวจะเผาเธอเป็นจุณ
“หรือว่าที่จริงแล้วเธอกลัวฉัน กลัวจะถูกจับได้ว่ากว่าจะมีวันนี้ได้ เธอต้องยอมนอนกับผู้ชายมากหน้าหลายตา”
วงการบันเทิงผู้ใหญ่จะรู้กันดีว่าคนสวยๆ ส่วนมากใช้ร่างกายในการไต่เต้าขึ้นมา เพื่อจะเป็นที่รู้จักของทุกคนและเขาคิดว่าพรพระพายคือหนึ่งในนั้น
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบแก้มดังสนั่น ปลายนิ้วของเธอแดงร้อนขณะมือยังลอยอยู่กลางอากาศ ไทเกอร์หันหน้าตามแรงตบ แต่ไม่ได้โต้ตอบในทันทีเขาเงียบอยู่เพียงครู่ ริมฝีปากแสยะยิ้มช้าๆ
“เธอกล้าตบฉัน” แววตาของเขาดูโกรธมากเพราะไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าเขา นอกจากพ่อไลอ้อน
“แค่นี้ยังน้อยไป!” เธอสวนกลับเสียงสั่น แม้หัวใจจะเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอก
ยังไม่ทันที่เธอจะตั้งหลัก ไทเกอร์ก็คว้าแขนเธอฉุดเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว แขนแกร่งล็อกเอวบางแน่นจนเธอสะดุ้ง
“ดี รับผลการกระทำตัวเองให้ได้!”
“ปล่อย” เธอดิ้นเมื่อเขารวบเอวเธอแล้วดันให้เข้าใกล้มากขึ้น จนหน้าของเธอปะทะกับเขายังไม่ทันจะได้ต่อว่าริมฝีปากหยาบกร้านบดขยี้ลงมาอย่างรุนแรง
จูบของเขาไม่อ่อนโยนไม่มีความอ่อนหวาน มีเพียงความเคียดแค้นและแรงปรารถนาระเบิดออกมาจากความหึงหวงสะสมกดทับทุกคำด่า ทุกความโกรธที่ทั้งคู่ซ่อนไว้
พรพระพายพยายามดิ้นร่างบางผลักอกเขาเต็มแรง ทุบตีด้วยกำปั้นเล็กๆ ทั้งที่ใจตัวเองสั่นสะท้านและสับสนจนน้ำตาเอ่อคลอโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่หยุด
และเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองเริ่มสั่นเพราะความกลัวหรือเพราะอะไรบางอย่างในอกที่เริ่มลุกเป็นไฟ
“ไอ้บ้า!”
“ถ้าตบฉันอีกรอบคราวนี้ฉันจะเอาเธอในห้องนี้แหละ”
“ฮึก~ ไอ้คนเลว” พรพระพายเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เตรียมจะหันหลังแล้ววิ่งออกไป แต่ไทเกอร์จับบ่าของเธอไว้เสีย
“เธอจำฉันไว้ให้ดีนะพรพระพายว่าฉันเป็นใคร” เขากระซิบข้างใบหู
พรพระพายเกลียดเขามาก เพิ่งเจอกันครั้งแรกมารยาทก็ไม่มี เธอเห็นแก้วน้ำวางอยู่ไม่ไกลจึงรีบโน้มตัวไปหยิบและสาดใส่หน้าเขา
ซ่า!
“นายน้อยที่ครับ...” แจ็คสันพูดไม่ออกเมื่อเห็นภาพตรงหน้า สภาพเจ้านายดูไม่ได้เลย
น้ำกระเซ็นเปียกเสื้อเชิ้ตแบรนด์หรูของเขา ใบหน้าคมเข้มของไทเกอร์เปียกชุ่ม ละอองน้ำไหลตามกรอบหน้าเปื้อนแรงอารมณ์
“นี่เธอ!”
พรพระพายไม่รอให้เขาให้เขาพูดจบเธอรีบวิ่งออกมาทันที สวนกับลูกน้องของเขาในอนาคตไม่รู้ว่าจะรับมือกับเขายังไง หนี้ต้องชดใช้ยังมาเจอกับคนแบบเขาอีก
“ผมไม่เห็นอะไรเลยครับ” แจ็คสันทำเป็นยิ้มแห้งๆ ไม่คิดว่าจะกล้ามีผู้หญิงทำแบบนี้กับเจ้านายตัวเอง
“ไป!” เขาพูดจบเดินออกมาไม่ลืมเช็ดใบหน้า
จากที่เคยคิดว่าจะเลื่อนงานแต่งออกไป เขากลับเปลี่ยนใจทันทีไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากเอาชนะพรพระพาย และวิธีเดียวที่จะทำให้เธอไม่มีทางหนีไปไหนได้ก็คือการเลื่อนงานแต่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
เสียงร้องไห้ลั่นบ้านดังแข่งกันราวกับวงดนตรีประสานเสียงยามบ่าย เสียงเด็กน้อยร้องลั่นพร้อมกันจนทำให้คนเป็นพ่อที่ได้ยินถึงกับตกใจ“แง๊งงงงงงงงงงง!!”“อ๊าาาาาาาา!!”ไทเกอร์รีบวิ่งพรวดเข้ามาในห้องนอนลูก เห็นภาพลูกชายฝาแฝดวัยหนึ่งขวบร้องพร้อมกันจนหน้าแดงก่ำ เขารีบอุ้มคนพี่ขึ้นมาก่อน น้องไทก้าตัวโยนเกาะคอพ่อไว้แน่นร้องเสียงดังไม่ยอมเงียบแม้แต่วินาทีเดียว“โอ๋ๆๆๆ ไทก้าใจเย็นลูก ใจเย็นนะครับ” ไทเกอร์พยายามกล่อม แต่เสียงร้องกลับยิ่งดังขึ้นเหมือนตั้งใจแข่งกับพ่อขณะเดียวกัน น้องจากัวร์ที่นอนอยู่ในเปลก็ไม่ยอมแพ้ ร้องจ้าตามพี่ชายน้ำตาคลอจนแก้มเปียกชุ่มไปหมดเขาถึงกับปวดขมับยกมืออีกข้างกุมหัวตัวเอง นี่มันนรกดนตรีเสียงเด็กเวอร์ชันฝาแฝดชัดๆ ไม่น่าอยากได้ลูกหลายคนเลย เหมือนสวรรค์จะได้ยินในสิ่งที่เขาพูดส่งลูกชายมาพร้อมกันถึงสองคน“โธ่เมียจ๋าช่วยพี่ที!!” เสียงทุ้มตะโกนลั่นบ้านเหมือนขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน เขาพยายามโยกตัวปลอบ แต่ยิ่งอุ้มไทก้าเสียงก็ยิ่งแหลมสูงขึ้น ส่วนจากัวร์ก็กระแทกเปลเหมือนประท้วงว่า ไม่ยอมให้พ่ออุ้มแต่พี่คนเดียว สุดท้ายไทเกอร์ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนบ่นเสียงอ่อย “ให้ตายเถอะจะไปทำหมันเ
บนโซฟาหนังสีเข้มกลางห้องรับแขก ชายหนุ่มร่างสูงที่เคยชินกับการเป็นมาเฟีย กลับต้องนอนพาดแขนอย่างหมดแรงเพราะกำลังถูกเจ้านายตัวน้อยเล่นงานอยู่“อื้อออ ทิกเกอร์...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาแผ่วๆ พร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อร่างเล็กวัย 10 เดือนของน้องทิกเกอร์ กำลังปีนป่ายจากท้องพ่อขึ้นไปบนอกอย่างเอาเป็นเอาตายสองมือเล็กเกาะเสื้อพ่ออย่างมั่นคง ก่อนจะหัวเราะคิกคัก แล้วลงไปนั่งเต็มแรงบนหน้าไทเกอร์พอดี“โอ๊ยยย ลูกกก! นั่นหน้าป๊านะไม่ใช่เบาะเด้งดึ๋งสักหน่อย” แต่เจ้าเด็กน้อยกลับหัวเราะลั่น น้ำลายยืดเล็กๆ หยดลงบนแก้มพ่อเหมือนของฝากพิเศษไทเกอร์นอนตัวเกร็งไม่กล้าขยับแรง กลัวลูกจะหงายหลังตกไป เจ็บแค่ไหนก็ต้องทน ทั้งที่ในใจได้แต่พร่ำบ่นเรียกชื่อภรรยาซ้ำๆ“พายเมื่อไหร่จะกลับมา ซื้อของนี่นานจังเลยใจพี่จะขาดแล้วเนี่ย” เขายอมรับคนที่เลี้ยงลูกเองยี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นคนที่เกร็งมากทิกเกอร์ยังคงหัวเราะคิกๆ พลางกระดึ๊บตัวขึ้นไปนั่งคร่อมหน้าพ่ออีกครั้ง คราวนี้ถึงกับดีดขาเล็กๆ เหมือนจะกระโดดต่อย้ำๆ“โธ่เว้ยป๊าเป็นมาเฟียที่ใครๆ ก็เกรงขาม ทำไมวันนี้ถึงต้องมาถูกลูกชายจับกดอยู่บนหน้าแบบนี้นะ” เขาพึมพำในใจอย่างปลงตกสุดท้าย
เมื่อกลับมาถึงบ้านพรพระพายสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเดินเข้าไปแล้วโผกอดเขาแน่นเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยมือความรู้สึกนี้จะหายไป“หายไม่คิดเลยว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย แขนแข็งแรงของเขาคลายความเกร็งลง กอดตอบเธอแน่นขึ้น ความเงียบแผ่วผ่านไปชั่วอึดใจ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้นข้างหู“ต้องเป็นพี่มากกว่าที่ต้องพูดประโยคนั้น” เขาเอ่ยช้าๆ ราวกับกลั่นออกมาจากหัวใจ พรพระพายเงยหน้ามองเขา ดวงตาคู่สวยพราวด้วยน้ำตาแต่เต็มไปด้วยความสุข“พี่จะไม่สัญญา เพราะสัญญามันอาจไม่มีค่าอะไรเลย แต่พี่จะทำให้พายเห็นด้วยตาของพายเอง ว่าพี่รักพายมากแค่ไหน และพี่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้พายเสียใจอีก” ไทเกอร์ยกมือขึ้นลูบแก้มเธอเบาๆ ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากอย่างแผ่วอ่อน“พายรักพี่ไทเกอร์นะคะ”ไทเกอร์โน้มตัวลงช้าๆ ปลายนิ้วสากประคองใบหน้าหญิงสาวให้แหงนรับสัมผัส ก่อนริมฝีปากร้อนจะกดลงบนกลีบปากนุ่มของพรพระพายจูบครั้งนี้ไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น เขาต้องการบอกทุกสิ่งผ่านสัมผัสเดียวว่ารักและหวงแค่ไหน เธอเผลอหลับตารับความอบอุ่นนั้นอย่างเต็มหัวใจ“เอ่อ...นายน้อยครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหว
พรพระพายนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงมาตลอดทั้งคืน ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องไห้และไม่ได้นอน แต่เธอไม่แม้แต่จะกะพริบตานานๆ เพราะกลัวจะพลาดช่วงเวลาที่เขาฟื้นกระทั่งนิ้วมือหนาที่วางอยู่บนเตียงขยับเล็กน้อย เปลือกตาของไทเกอร์ค่อยๆ เปิดขึ้นดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งแม้จะอ่อนแรงจากบาดแผลก็ยังคงเหมือนเดิม“พาย” เสียงแหบพร่าดังขึ้นแผ่วเบาพรพระพายชะงักหันขวับไปมอง พอเห็นเขาลืมตา น้ำตาก็ไหลพรากทันทีร่างบางโผเข้าหา จับมือหนาขึ้นมากุมแน่น“พี่ไทเกอร์! ฮึก พี่ฟื้นแล้วพายกลัวเหลือเกิน กลัวว่าพี่จะไม่ตื่นขึ้นมาอีก” เสียงของเธอสะอื้นปนสั่น เธอก้มลงซบอกเขาอย่างไม่อายใครน้ำตาเปียกซึมเสื้อคนเจ็บแม้ร่างกายยังอ่อนแรง แต่ไทเกอร์ก็พยายามยกมืออีกข้างขึ้นลูบเส้นผมของเธอช้าๆ สายตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความห่วงใย“ไม่ร้องนะ พี่ไม่เป็นอะไรแล้วพี่อยู่ตรงนี้แล้วพายทำไมไม่กลับบ้านแล้วเจ้าตัวเล็กเป็นยังไงบ้าง”“ลูกปลอดภัยดีค่ะ”“ทุกอย่างเป็นเพราะพาย ถ้าไม่ใช่เพราะพายพี่คงไม่ต้องมาเจ็บหนักแบบนี้”ไทเกอร์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนบีบมือเธอเบาๆ ดวงตาคมแน่วแน่เต็มไปด้วยความจริงจัง“ฟังพี่นะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพาย คนที่ผิดคือไอ้พว
แสงอาทิตย์ยามเย็นคล้อยต่ำท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจาก ถนนที่พรพระพายขับรถกลับบ้านมีเพียงรถวิ่งสวนมาเป็นระยะๆ หญิงสาวเพิ่งแยกจากเพื่อนสนิทและตั้งใจจะรีบกลับไปพักผ่อน แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็รู้สึกถึงสายตาที่มองตามมาเธอสังเกตผ่านกระจกมองหลัง รถกระบะสีดำคันหนึ่งขับตามมาติดๆ ระยะห่างไม่มากนักหัวใจของพรพระพายเริ่มเต้นแรงขึ้น“หรือเราคิดไปเอง” เธอพยายามปลอบตัวเอง แต่เมื่อเลี้ยวเข้าซอยรถคันนั้นก็เลี้ยวตามเธอใจหายวาบ ความรู้สึกไม่ปลอดภัยท่วมท้นพรพระพายเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว พยายามหาทางหนี แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถอีกคันพุ่งตัดหน้าอย่างจงใจ เธอตกใจจนแทบหยุดหายใจรีบเหยียบเบรกสุดแรง ล้อเสียดสีกับพื้นถนนดังเอี๊ยดกลิ่นไหม้ลอยขึ้นมา รถหยุดลงได้อย่างหวุดหวิดมือเรียวสั่นเทากำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด หัวใจเต้นโครมครามพรพระพายพยายามตั้งสติ ก่อนรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไปหาเพียงคนเดียวที่เธอไว้ใจ“คุณไทเกอร์ ฮึก ช่วยพายด้วย...” เสียงของเธอสั่นเครือแทบขาดใจ“อยู่ไหน ตอนนี้พายอยู่ตรงไหน บอกมาเดี๋ยวนี้!” ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนตามมาด้วยเสียงทุ้มจริงจังเธอรีบแจ้งตำแหน่งด้วยเสียงสะอื้น ไ
ค่ำคืนที่เงียบสงัดบรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง ไทเกอร์นั่งอยู่หน้าบ้านไม่ยอมไปไหน ดวงตาคมจับจ้องไปยังประตูเหมือนเฝ้ารอใครบางคนอย่างไม่ยอมแพ้พรพระพายยืนนิ่งอยู่หลังบานประตูไม้ เธอสูดหายใจเข้าลึก ความลังเลปนความเจ็บปวดกดทับอยู่เต็มอก สุดท้ายก็ตัดสินใจบิดกลอนออกมา เธอก้าวออกไปช้าๆ แววตานิ่งสงบแต่ภายในกลับสั่นคลอน “พาย...”“ที่พายขอหย่า มันแปลว่าพายไม่ต้องการความรับผิดชอบอะไรจากคุณอีกแล้ว ขอแค่คุณยอมปล่อยพายไปโดยดีแค่นั้นพอ” เธอเอ่ยเสียงเรียบแต่ภายในหัวใจนั้นเจ็บปวดแค่ไหนหัวใจของไทเกอร์สะท้านเขาก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว ดวงตาสั่นไหวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน เขาคุกเข่าลงต่อหน้าหญิงสาว“พายพี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม ที่ผ่านพี่มันละ...” เสียงทุ้มต่ำแฝงความสั่นเครือ พูดไม่ทันถูกหญิงสาวเอ่ยขึ้นเสียก่อน“พายไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว พายไม่เข้าใจทำไมต้องรักผู้ชายแบบคุณด้วย” คำตอบของเธอเหมือนคมมีดกรีดลึกลงในหัวใจไทเกอร์ พรพระพายหลับตาแน่นหยดน้ำใสเอ่อคลอ เธอส่ายหน้าเบาๆ“พายพี่...”“คุณอย่าทำเหมือนรักได้ไหมพายเจ็บ ฮือ” เธอร้องไห้โฮ เพราะการกระทำของเขาเขานิ่งร