สตูดิโอเต็มไปด้วยทีมงานที่วิ่งวุ่นตลอดทั้งเช้า พรพระพายนั่งอยู่หน้ากระจกขนาดใหญ่ เธอสวมเพียงเสื้อคลุมผ้าซาตินบางเบาชุดจริงอยู่ข้างใน ชุดถ่ายโฆษณาโลชั่นที่เผยผิวเนียนเปลือยช่วงไหล่และแผ่นหลังอย่างเย้ายวน
“พร้อมนะ” เสียงตากล้องเอ่ยขึ้นเมื่อทุกอย่างพร้อม นางแบบสาวยิ้มบาง ลุกขึ้นจัดเสื้อคลุมให้เผยร่องไหล่พอดีแล้วก้าวเข้าไปกลางฉากสีขาว
เธอเริ่มโพสต์ท่าลูบไล้โลชั่นลงบนผิวอย่างอ่อนช้อย นิ้วเรียวยาวแตะเนื้อครีมสีขาวมุกก่อนจะแตะลงบนต้นขาเนียนแน่น แล้วลากขึ้นถึงช่วงสะโพก ตากล้องกดชัตเตอร์รัว ใบหน้าพรพระพายยิ้มบาง ดวงตาออดอ้อนส่งให้กล้องอย่างมืออาชีพ แต่กลับไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ กำลังยืนมองอยู่หลังม่านด้านหลังทีมงาน
ไทเกอร์ยืนกอดอกดวงตาดุดันจ้องไปที่หญิงสาวคนเดียวในฉาก ดวงหน้าเข้มเครียดขณะมองพรพระพายยิ้มหวาน ลูบไล้เนื้อโลชั่นลงบนต้นแขนเนียนนุ่มแล้วหันไปยิ้มให้ตากล้องที่ส่งเสียงชมไม่ขาดปาก
“สุดยอดเลยน้องพายสวยมาก เซ็กซี่มาก!”
คำพูดนั้นทำให้เขากัดกรามแน่น หัวใจเขาเต้นแรง ไม่ใช่เพราะความงามของเธอ แต่เพราะความรู้สึกอยากเป็นคนเดียวที่ได้เห็นแบบนี้
ผู้ชายทั้งหมดในห้องนี้มองเธอเหมือนเหยื่อบนจาน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ช่วยตากล้องหน้าใหม่ที่แอบกลืนน้ำลายระหว่างปรับไฟ
เขาแค่อยากพูดคุยเรื่องแต่งงานก่อนที่จะเกิดขึ้นจริงไม่คิดว่าจะต้องมาเห็นภาพบาดตาแบบนี้ ไทเกอร์หันขวับไปหาผู้จัดการที่ยืนใกล้ๆ
“บอกเธอให้มาเจอฉันที่ห้องรับรองเดี๋ยวนี้”
“แต่คุณพายทำงานอยู่นะครับ” พายุเอ่ยขึ้นตอนเช้ามาก็วุ่นวายกันครั้งหนึ่งแล้ว หากให้อีกฝ่ายไปพบเจ้านายเลยเกรงว่าจะลำบาก
“ฉันจะคุยกับผู้หญิงคนนั้น เดี๋ยวนี้!” นี้คือคำสั่งแบบเด็ดขาด เขาหันหลังเดินออกไปนั่งรออีกฝ่ายที่ห้องรับรอง พอคิดถึงภาพนั้นทำให้เขาถอนหายใจ
“ผู้หญิงเต้นกินรำกินทำไมคุณแม่ถึงอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้วะ” เขานั่งดูดบุหรี่แบบไม่เกรงใจสถานที่ พ่นควันออกจากปากอย่างสบายใจ
ผู้จัดการหน้าซีดรีบก้มหน้ารับคำแล้วเดินลนลานไปกระซิบกับพรพระพายกลางกองถ่าย เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลแค่ไหน
“น้องพายมีแขกอยากพบด่วน”
“ใครเหรอคะพายขอไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม” เกรงว่าชุดนี้จะไม่สุภาพเท่าไร
“พี่ว่าไปตอนนี้เลยดีกว่าค่ะ” ลิลลี่แทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ เมื่ออีกฝ่ายเห็นสีหน้าที่กังวล พรพระพายจึงพยักหน้าและเดินไปที่ห้องรับรอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เธอเคาะประตูสามครั้งและเปิดเข้ามา เห็นเขานั่งหันหลังให้ประตู เมื่อรู้ว่าในห้องนี้มีแค่เธอกับเขาพรพระพายจึงกระชับเสื้อคลุมไว้แน่น
“พี่ลิลลี่บอกว่าคุณอยากเจอพาย” เธอเอ่ยเสียงเรียบ แม้แววตาจะเริ่มฉายแววไม่พอใจที่เขาบุกมาถึงกองถ่ายโดยพลการ
ไทเกอร์นั่งมองวิวตรงหน้า เขาหันหลังให้เธอมือข้างหนึ่งกำลังคีบบุหรี่ ใบหน้าเย็นชาเมื่อมองลงไปยังวิวตึกสูงเบื้องล่าง เขาสูดลมหายใจลึกครั้งสุดท้าย ก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงในถาดแก้วอย่างเฉยชา
ดวงตาคมเข้มสบเข้ากับดวงตาสีอำพันของหญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึงทุกลมหายใจ แต่สิ่งที่พรพระพายได้เห็นมันคือความเย็นชาเหยียดหยามแฝงแววโกรธเกรี้ยว เขาก้าวเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ แต่หนักแน่น
“คุณ...” เธอไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว เรียกว่าไม่เคยคุยกันเลยก็ว่าได้
“มีดีอะไรนักหนา ถึงได้กล้าโชว์เนื้อโชว์ตัวต่อหน้าผู้ชายเป็นสิบ” เขาเอ่ยเสียงต่ำจ้องเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“นั่นมันงานของพาย คุณก็รู้ว่าพายเป็นนางแบบอีกอย่างพายไม่รู้จักคุณ กรุณาพูดจาให้เกียรติให้กันด้วย” เธอกำหมัดแน่นเขาเป็นใครถึงกล้าพูดจาแบบนี้กับคนที่ไม่รู้จัก
“หึ นางแบบ? เธอมีดีอะไรถึงได้ให้พ่อแม่คิดอยาก ขายลูกสาวตัวเองเพื่อใช้หนี้หลายร้อยล้าน” เขาหัวเราะในลำคอ แสยะยิ้มก่อนจะก้มลงมาจ้องใบหน้าสวยระยะประชิด ดวงตาของเขาคมจนเหมือนจะแทงทะลุจิตใจเธอ
คำพูดนั้นฟาดเข้าใส่พรพระพายเหมือนตบหน้ากลางแรง เธอชะงักเล็กน้อยก่อนกัดฟันแน่นความอับอาย และความโกรธเริ่มปะทุขึ้นในอก
“พูดให้มันดี ๆ นะคุณ อย่าลามปามกับครอบครัวฉัน!”
“แล้วฉันพูดผิดตรงไหน หรือว่าเธอเองก็เต็มใจ อยากแลกชีวิตหรูๆ กับการเป็นสินค้าประมูลให้เจ้าหนี้แบบฉัน” เขาตอบกลับรวดเร็วเหมือนกระสุนปืน
เธอกำมือแน่นดวงตาร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขาพูดแบบนี้แสดงว่าคือคนที่เธอต้องแต่งงานด้วย
“...”
“โกรธเหรอที่ฉันพูดแทงใจ” เขาเดินเข้ามาเชยปลายคางอีกฝ่ายขึ้นมองสบตาเขา แต่หัวใจเจ้ากรรมมันดันเต้นระรัวเมื่อได้อยู่ใกล้หญิงสาว
“เอาสกปรกของคุณออกไปจากตัวฉัน” เสียงหวานสั่นด้วยโทสะ พรพระพายผลักหน้าอกเขาเต็มแรงจนไทเกอร์ผงะไปก้าวหนึ่ง
“หึ สกปรกยังไงสุดท้ายเธอก็ต้องแต่งงานกับฉันอยู่ดี” เขาก้าวกลับเข้ามาใกล้ ดวงตาคมกริบจ้องราวจะเผาเธอเป็นจุณ
“หรือว่าที่จริงแล้วเธอกลัวฉัน กลัวจะถูกจับได้ว่ากว่าจะมีวันนี้ได้ เธอต้องยอมนอนกับผู้ชายมากหน้าหลายตา”
วงการบันเทิงผู้ใหญ่จะรู้กันดีว่าคนสวยๆ ส่วนมากใช้ร่างกายในการไต่เต้าขึ้นมา เพื่อจะเป็นที่รู้จักของทุกคนและเขาคิดว่าพรพระพายคือหนึ่งในนั้น
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบแก้มดังสนั่น ปลายนิ้วของเธอแดงร้อนขณะมือยังลอยอยู่กลางอากาศ ไทเกอร์หันหน้าตามแรงตบ แต่ไม่ได้โต้ตอบในทันทีเขาเงียบอยู่เพียงครู่ ริมฝีปากแสยะยิ้มช้าๆ
“เธอกล้าตบฉัน” แววตาของเขาดูโกรธมากเพราะไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าเขา นอกจากพ่อไลอ้อน
“แค่นี้ยังน้อยไป!” เธอสวนกลับเสียงสั่น แม้หัวใจจะเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอก
ยังไม่ทันที่เธอจะตั้งหลัก ไทเกอร์ก็คว้าแขนเธอฉุดเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว แขนแกร่งล็อกเอวบางแน่นจนเธอสะดุ้ง
“ดี รับผลการกระทำตัวเองให้ได้!”
“ปล่อย” เธอดิ้นเมื่อเขารวบเอวเธอแล้วดันให้เข้าใกล้มากขึ้น จนหน้าของเธอปะทะกับเขายังไม่ทันจะได้ต่อว่าริมฝีปากหยาบกร้านบดขยี้ลงมาอย่างรุนแรง
จูบของเขาไม่อ่อนโยนไม่มีความอ่อนหวาน มีเพียงความเคียดแค้นและแรงปรารถนาระเบิดออกมาจากความหึงหวงสะสมกดทับทุกคำด่า ทุกความโกรธที่ทั้งคู่ซ่อนไว้
พรพระพายพยายามดิ้นร่างบางผลักอกเขาเต็มแรง ทุบตีด้วยกำปั้นเล็กๆ ทั้งที่ใจตัวเองสั่นสะท้านและสับสนจนน้ำตาเอ่อคลอโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่หยุด
และเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองเริ่มสั่นเพราะความกลัวหรือเพราะอะไรบางอย่างในอกที่เริ่มลุกเป็นไฟ
“ไอ้บ้า!”
“ถ้าตบฉันอีกรอบคราวนี้ฉันจะเอาเธอในห้องนี้แหละ”
“ฮึก~ ไอ้คนเลว” พรพระพายเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เตรียมจะหันหลังแล้ววิ่งออกไป แต่ไทเกอร์จับบ่าของเธอไว้เสีย
“เธอจำฉันไว้ให้ดีนะพรพระพายว่าฉันเป็นใคร” เขากระซิบข้างใบหู
พรพระพายเกลียดเขามาก เพิ่งเจอกันครั้งแรกมารยาทก็ไม่มี เธอเห็นแก้วน้ำวางอยู่ไม่ไกลจึงรีบโน้มตัวไปหยิบและสาดใส่หน้าเขา
ซ่า!
“นายน้อยที่ครับ...” แจ็คสันพูดไม่ออกเมื่อเห็นภาพตรงหน้า สภาพเจ้านายดูไม่ได้เลย
น้ำกระเซ็นเปียกเสื้อเชิ้ตแบรนด์หรูของเขา ใบหน้าคมเข้มของไทเกอร์เปียกชุ่ม ละอองน้ำไหลตามกรอบหน้าเปื้อนแรงอารมณ์
“นี่เธอ!”
พรพระพายไม่รอให้เขาให้เขาพูดจบเธอรีบวิ่งออกมาทันที สวนกับลูกน้องของเขาในอนาคตไม่รู้ว่าจะรับมือกับเขายังไง หนี้ต้องชดใช้ยังมาเจอกับคนแบบเขาอีก
“ผมไม่เห็นอะไรเลยครับ” แจ็คสันทำเป็นยิ้มแห้งๆ ไม่คิดว่าจะกล้ามีผู้หญิงทำแบบนี้กับเจ้านายตัวเอง
“ไป!” เขาพูดจบเดินออกมาไม่ลืมเช็ดใบหน้า
จากที่เคยคิดว่าจะเลื่อนงานแต่งออกไป เขากลับเปลี่ยนใจทันทีไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากเอาชนะพรพระพาย และวิธีเดียวที่จะทำให้เธอไม่มีทางหนีไปไหนได้ก็คือการเลื่อนงานแต่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ร้านอาหารหรูที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม วันนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองครอบครัวนัดเจอกัน แต่เสียดายที่พรพระพายติดงานถ่ายแบบเลยมาด้วยไม่ได้ ทุกคนกำลังนั่งรอไทเกอร์อย่างใจจดใจจ่อ “เดี๋ยวเอวาโทรตามพี่ไทเกอร์เองค่ะ” เอวารินทร์ลุกไปจากโต๊ะอาหาร รู้ว่าพี่ชายตั้งใจมาช้า ที่ชั้นบนสุดของกาสิโนสุดหรู กลางห้องทำงานที่เต็มไปด้วยจอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดและเอกสารกองพะเนิน ไทเกอร์กำลังนั่งตรวจสัญญาการเงินด้วยสายตาเย็นเฉียบ สองมือถือแฟ้มและปากกาดูตัวเลขอย่างแม่นยำ “ว่ายังไง...” เขายังพูดไม่ทันจบ “พี่ไทเกอร์เมื่อไหร่จะมาคะ ผู้ใหญ่รอนานแล้ว” “รอไม่ไหวก็ให้เขากลับไปยังไงก็ต้องแต่งอยู่ดี” จะอะไรกันนักกันหนาแค่เรื่องแต่งงาน “วันนี้น้องพายสวยมากเลยนะคะถ้าไม่มาเห็นจะไม่มีบุญตาแน่” เอวารินทร์วางสายทันที หมั่นไส้พี่ชายตัวเองทีกับผู้หญิงร้ายๆ กลับเดินเข้าหา “นายหญิงบอกว่าถ้าไม่ไปตอนนี้จะให้นายใหญ่จัดการเจ้าพยัคฆ์ขั้นเด็ดขาด” พายุเข้ามารายงานไทเกอร์เงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาคมดุสบตากับคนพูดนิ่งสนิทเขาไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงเสี้ยววินาทีถัดมา เขาก็วางแฟ้มในมือลงบ
ไทเกอร์เดินตามพรพระพายเข้ามาในร้าน สายตาของพนักงานต่างพากันจ้องมองพรพระพาย บางคนก็เดินเข้ามาขอถ่ายรูป สิ่งที่เขากลัวคือจะมีข่าวของเขาหลุดออกไป “หากว่ามีข่าวของผมหลุดออกไปร้านของคุณจะเหลือไว้แต่ชื่อ!” เขาข่มขู่พร้อมลากหญิงสาวเข้าไปในห้องลองชุด ซึ่งเขาไม่คิดจะเลือกชุดด้วยซ้ำ “ชุดนี้หล่อดีนะครับ” พายุบอกเจ้านายที่นั่งทำหน้าไม่ทุกข์ร้อนอะไร “พวกนายเลือกมาสิว่าอันไหนดี” เขาเปิดแท็บเล็ตนั่งอ่านงาน โดยไม่ยอมหันมองชุดที่ลูกเลือก “ผมว่านายน้อยมาลองใส่ดีกว่าครับ จะได้รู้ว่าเหมาะมั้ย” “มึงว่ากูไม่หล่อเหรอ?” เขาใส่อะไรก็เหมาะทั้งนั้น “เปล่าครับผมไม่ได้หมายถึงแบบนี้” เขาหมายถึงว่าชุดจะเหมาะกับชุดของเจ้าสาวหรือไม่ “เอาสีดำนั่นแหละเลือกๆ มา” เขาไม่สนใจสักพักประตูอีกห้องก็เปิด พร้อมกับร่างคนตัวเล็กกว่าเขาเดินออกมาในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด พรพระพายก้าวออกมาช้าๆ ด้วยท่าทีสง่างาม ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ แต่กลับทำให้เธอดูโดดเด่นราวกับเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายดวงตาของไทเกอร์หยุดอยู่ตรงหน้าเธอทันทีแน่นิ่ง ไม่มีแม้แต่การ
คฤหาสน์หลังใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้สดที่ประดับไว้รอบบ้านอย่างประณีต พรพระพายก้าวลงจากรถด้วยหัวใจที่เต้นแรง ไม่ใช่เพราะความร้อนจากแดด แต่เป็นเพราะความรู้สึกประหม่าเมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีจะต้องเผชิญหน้ากับแม่ของว่าที่เจ้าบ่าวหญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้า ก่อนเดินเข้าไปในห้องรับรองของบ้านหลังนั้นอัญญากำลังนั่งจิบชารออยู่บนโซฟาไม้สัก แววตาเฉียบคมแต่นิ่งสงบพรพระพายเดินเข้าไปหา ก่อนจะยกมือไหว้อย่างสุภาพ“สวัสดีค่ะคุณป้าพายขอโทษด้วยนะคะที่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้มาด้วย” พรพระพายส่งยิ้มให้แม่ของเขา ซึ่งแววตาของอีกฝ่ายนั้นดูอ่อนโยนมาก ซึ่งแตกต่างกับไทเกอร์อัญญารับไหว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ ใบหน้าหญิงสูงวัยดูเคร่งขรึมในตอนแรก แต่แววตาไม่ได้แฝงความรังเกียจแม้แต่น้อย“ไม่เป็นไรลูกเรียกแม่ว่าคุณแม่ก็ได้ ถ้าไม่รังเกียจ”“ค่ะคุณแม่” พรพระพายยิ้มเก้อ ๆ นิดหน่อย แต่ก็พยักหน้าเสียงฝีเท้าเล็กๆ ดังมาจากด้านหลัง ก่อนหญิงสาววัยรุ่นร่างโปร่งจะวิ่งเข้ามาแล้วโผเข้ากอดแม่อัญญาอย่างสนิทสนม“ขอโทษค่ะเอวาไปเปลี่ยนเสื้อช้านิดหน่อย พี่เอวาค่ะยินดีที่ได้รู้จักว่าที่พี่สะใภ้”พรพระพายหันไปมองยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า
สตูดิโอเต็มไปด้วยทีมงานที่วิ่งวุ่นตลอดทั้งเช้า พรพระพายนั่งอยู่หน้ากระจกขนาดใหญ่ เธอสวมเพียงเสื้อคลุมผ้าซาตินบางเบาชุดจริงอยู่ข้างใน ชุดถ่ายโฆษณาโลชั่นที่เผยผิวเนียนเปลือยช่วงไหล่และแผ่นหลังอย่างเย้ายวน“พร้อมนะ” เสียงตากล้องเอ่ยขึ้นเมื่อทุกอย่างพร้อม นางแบบสาวยิ้มบาง ลุกขึ้นจัดเสื้อคลุมให้เผยร่องไหล่พอดีแล้วก้าวเข้าไปกลางฉากสีขาวเธอเริ่มโพสต์ท่าลูบไล้โลชั่นลงบนผิวอย่างอ่อนช้อย นิ้วเรียวยาวแตะเนื้อครีมสีขาวมุกก่อนจะแตะลงบนต้นขาเนียนแน่น แล้วลากขึ้นถึงช่วงสะโพก ตากล้องกดชัตเตอร์รัว ใบหน้าพรพระพายยิ้มบาง ดวงตาออดอ้อนส่งให้กล้องอย่างมืออาชีพ แต่กลับไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ กำลังยืนมองอยู่หลังม่านด้านหลังทีมงานไทเกอร์ยืนกอดอกดวงตาดุดันจ้องไปที่หญิงสาวคนเดียวในฉาก ดวงหน้าเข้มเครียดขณะมองพรพระพายยิ้มหวาน ลูบไล้เนื้อโลชั่นลงบนต้นแขนเนียนนุ่มแล้วหันไปยิ้มให้ตากล้องที่ส่งเสียงชมไม่ขาดปาก“สุดยอดเลยน้องพายสวยมาก เซ็กซี่มาก!”คำพูดนั้นทำให้เขากัดกรามแน่น หัวใจเขาเต้นแรง ไม่ใช่เพราะความงามของเธอ แต่เพราะความรู้สึกอยากเป็นคนเดียวที่ได้เห็นแบบนี้ผู้ชายทั้งหมดในห้องนี้มองเธอเหมื
ไทเกอร์นั่งเอนตัวพิงเก้าอี้หนังแท้ สีดำเข้ากับบุคลิกดุดันของเขา แสงไฟสลัวทำให้รอยสักใต้ปลายแขนเสื้อดูน่ากลัวกว่าปกติ สายตาคมกริบดั่งเหยี่ยวไล่ไถ่ตัวเลขบนกระดาษบัญชี รายได้ของกาสิโนประจำเดือน ไม่มีอะไรหลุดจากสายตาเขาได้ติ๊ง... ติ๊ง...เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแผ่วเบา หน้าจอส่องแสงวูบวาบ แต่เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองปล่อยให้เสียงนั้นดังไปอย่างน่ารำคาญ“จะโทรอะไรนักหนา” เขาสบถเบาๆ ในลำคอ ขณะยังจดจ่ออยู่กับตัวเลขตรงหน้า ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดอย่างนอบน้อม ร่างสูงของมือขวาคนสนิทของไทเกอร์ ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“นายน้อยครับ...” เขาเดินตรงเข้ามาแล้วยื่นโทรศัพท์อีกเครื่องให้ แต่ไทเกอร์ไม่รับปรายตามอง“บอกนายใหญ่ไปว่าฉันไม่ว่าง!” เจ้าพ่อมาเฟียถอนหายใจหนักๆ ราวกับถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ขัดใจ“แต่...”“ไทเกอร์นี่แม่เอง! ไม่ใช่ป๊า” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ผู้หญิงที่เขากลัวที่สุดคือแม่“ครับคุณแม่ ผมคิดถึงที่สุดเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นอกจากแม่ก็มีน้องสาวที่เขารักมากที่สุด รองลงมาก็เป็นพ่อที่ไม่ค่อยถูกกับเขาเท่าไรนัก“ไทเกอร์กลับบ้านเดี๋ยวนี้เป็นคำสั่ง”“ครับผมจะกลับ...” เขายังพูดไม
ห้องใต้ดินลับในกาสิโนหรูหราใจกลางเมือง ถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัดและแสงสลัวจากหลอดไฟเพียงดวงเดียวที่แกว่งไกวเหนือเพดาน สายโซ่ที่ถูกพันไว้แน่นหนาบนข้อมือเปื้อนเลือดของชายหนุ่มคนหนึ่งส่งเสียงกระทบพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ ดวงตาเขาเบิกกว้างอย่างหวาดกลัว เหงื่อกาฬไหลอาบขมับทั้งที่อากาศเย็นยะเยือกเสียงรองเท้าหนังราคาแพงก้าวลงบันไดอย่างหนักแน่นเป็นจังหวะทีละขั้น ราวกับเสียงของยมทูตที่กำลังจะเดินเข้ามาเอาวิญญาณเงาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทดำสนิทปรากฏขึ้นจากเงามืด ผิวเข้มดุดัน ใบหน้าคมสันไร้รอยยิ้ม ดวงตาคมกริบเปรียบเหมือนเสือที่พร้อมขย้ำทุกอย่างที่ขวางทางเขาคือ ไทเกอร์ หรือที่คนในวงการใต้ดินเรียกเขาว่า เสือดำแห่งกรุง มาเฟียผู้ควบคุมอำนาจเหนือทุกอย่างตั้งแต่กาสิโนสนามแข่งรถ ไปจนถึงตลาดค้าอาวุธระดับโลกแต่สิ่งเดียวที่ไทเกอร์ไม่แตะต้องคือยาเสพติดและการค้ามนุษย์ เพราะเขามีน้องสาวและแม่ที่เขารักที่สุด เขาทำใจไม่ได้หากจะเห็นผู้หญิงถูกย่ำยีแบบไม่เต็มใจ“ขอร้องผมผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ!” เสียงชายที่นั่งกองอยู่บนพื้นร้องโหยหวน ร่างกายเขาสั่นสะท้านทั้งจากความหนาวและความหวาดกลัวไทเกอร์หยุดยืนตรงหน้าชายคนน