เข้าสู่ระบบทุกคราที่เดินทางกลับมาจากภารกิจรักษาดินแดน แทนที่จ้าวฉีเสวียนจะรีบกลับจวนชินอ๋อง
เขากลับส่งขบวนยิ่งใหญ่พร้อมลูกน้องคนสนิทล่วงหน้าไปส่งรายงานก่อน ส่วนตัวเองก็แยกตัวออกมาคนเดียวไร้ใครสังเกตเข้ามาที่คฤหาสน์หนิงเทียน
คฤหาสน์แห่งนี้ตั้งตระหง่านฝั่งทิศใต้ของเมืองใหญ่ผิงโจว เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ อยู่ใกล้สำนักยวี้จู๋เพียงเชิงเขาร้อยหลี่กั้น
ในเรือนลับหลังใหญ่เร้นหญิงงามผู้หนึ่งเอาไว้
นางกำลังนั่งสางผมรอจ้าวฉีเสวียนอยู่ที่หน้าคันฉ่อง
หวงลี่ฟาง...
แท้ที่จริงแล้วตำแหน่งภรรยาลับนี้มิใช่ความต้องการของจ้าวฉีเสวียนแต่เป็นความปรารถนาของหวงลี่ฟางเอง
แน่นอนว่าบุรุษหนุ่มผู้ร้อนรุ่มคนหนึ่งย่อมไม่คิดขัดศรัทธา เขาไม่เสียประโยชน์อันใดกับความลับนี้จึงไม่จำเป็นต้องทัดทาน
“รอนานแล้วกระมัง?”
ร่างสูงสง่าถามขณะยืนกอดอกอิงขอบประตูด้วยท่วงทีที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับยามอยู่หลังบนอาชาเหนือขบวนกลางเมือง ยามนั้นเขาสุขุมนุ่มลึกและเย่อหยิ่งเย็นชา หากแต่ยามนี้ แม้ยังคงสูงส่งเกินเอื้อมคว้า ทว่าสีหน้าแววตากลับกรุ้มกริ่มยียวน
หวงลี่ฟางลุกขึ้นคำนับเขา “ข้ารอซื่อจื่อมาตลอด...”
คำกล่าวนี้มิได้เกินจริง หลายปีที่หวงลี่ฟางรอจ้าวฉีเสวียน เพียงแต่เรื่องราวของสองเราช่างน่าเศร้า ผ่านเหตุการณ์พลิกผันครั้งแล้วครั้งเล่า จนสุดท้าย นางกลับกลายจำต้องอยู่ในจุดนี้ จุดที่มิอาจเปิดเผยตัวตน แม้ใจจริงปรารถนากู่ก้องว่าเป็นคนของเขา ทว่ากลับทำไม่ได้ มิอาจทำได้
จ้าวฉีเสวียนไม่สนใจแววตาซุกซ่อนเร้นนัย เขาไม่เคยใส่ใจ เพียงก้าวเท้าเข้ามาในห้องของหวงลี่ฟางแล้วปิดประตูลง
ร่างสูงเคลื่อนกายเนิบช้าเข้าหาร่างนุ่มนิ่ม มือใหญ่โอบกระชับเอวเล็กคอดกิ่วเข้าประชิด จนเนินอกหยุ่นนุ่มปะทะอกแกร่ง ให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด
ร่างกายของนางมีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว กลายเป็นกลิ่นพิเศษที่เขาชอบ
ปลายจมูกโด่งซุกที่ซอกคอขาว สูดดมกลิ่นเนื้อนวลนางอย่างเพลิดเพลิน
แม้มีเสื้อผ้ากางกั้นแต่กระไออุ่นจากเนินเนื้อนุ่มนิ่มนั้นกลับแผ่ซ่านเข้ามาถึงเนื้อแท้ที่มีมัดกล้ามแข็งแกร่ง ทำคนร้อนกรุ่นทันที
“ข้าคิดถึงเจ้าแทบคลั่ง” จ้าวฉีเสวียนเอียงหน้าเม้มติ่งหูขาว กระซิบแหบพร่า “เร่งทำศึกก็เพื่อกลับมาร่วมรักกับเจ้า”
วาจาเขาช่างเถรตรง ไม่มีหรอกเก็บข่มเฉกสุภาพชน
หวงลี่ฟางหลับตา เอียงลำคอให้จมูกโด่งสันที่เริ่มซุกไซ้อย่างเอาแต่ใจ “ร่างกายข้าพร้อมเสมอเพื่อซื่อจื่อเจ้าค่ะ”
ด้วยความไร้เดียงสาหรือไร้ยางอายก็ช่าง นางพร้อมเพื่อเขาอย่างไม่คิดบิดพลิ้วสักครา วาจาต่อขานก็เช่นกัน
สาบเสื้อแบะอ้า ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนจากซอกคอขาวซุกลงตรงเนินอกสล้าง ขบเม้มยอดปทุมถันสีชมพูหวาน ดูดดึงคล้ายหิวกระหาย เรียวนิ้วยาวลากไล้ล้วงใต้กระโปรงแล้ววนเวียนที่กลีบบุปผาจนฉ่ำชื้นผ่านผ้าซับด้านใน
“เจ้าร้อนเร็ว”
เสียงทุ้มแผ่วพร่าว่ายามลากปลายลิ้นต้อนยอดทรวงงามเข้าโพรกปากแล้วดูดกลืนราวกับทารกดื่มนมมารดา
หวงลี่ฟางปรือตากัดปาก นางร้อนเร็วจริงดั่งเขากล่าวหา ช่วยมิได้ที่ร่างกายนี้ตอบสนองได้ดียามถูกเขาแตะต้อง
“ทำตรงนี้เลยนะ”
จ้าวฉีเสวียนเอื้อมมือกวาดสิ่งของบนโต๊ะออกไปจนเกลี้ยง จับสะโพกมนขึ้นวาง จับนางแยกขา เลิกกระโปรงเปิดเปลือย เรียวนิ้วร้อนร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ
“อื้อ...ซื่อจื่อ”
เพราะซาบซ่านด้านล่างจนกลีบเนื้อฉ่ำเยิ้ม เนินอกจึงกระเพื่อมแอ่นขึ้นจนเต่งตึงชูชันสั่นไหว “อา...”
ความหวานแผ่ซ่านไปทั้งโพรงปาก ความหยุ่นนุ่มที่สัมผัสในตอนนี้ส่งผลให้เลือดในกายสูบฉีดทั่วร่าง กลิ่นหอมรวยรินจากกายสาวทำให้ความปรารถนาพลุ่งพล่าน จ้าวฉีเสวียนรู้สึกดีมาก อยากผละจากร่างนุ่มนิ่มก่อนฟ้าสางแต่มือกลับไม่ยอมปล่อย ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาไม่ค้างแรมกับนาง ร่วมรักกันครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับไม่ถ้วน
ตั้งแต่พลาดท่าเสียทีเป็นคนแรกของกันและกัน ไม่มีวันใดที่ไม่ต้องการครั้งที่สองที่สามตามมา
เสียงขาโต๊ะโยกโยนกระทบกับพื้นห้องดังเป็นจังหวะน่าอาย เสื้อผ้าชายหญิงหลุดลุ่ยไปกว่าครึ่ง
บุรุษเผยบ่ากว้างแผงกล้ามแน่นตึงทรงเสน่ห์แห่งชายชาญ สตรีเผยนวลเนื้อฉ่ำเย็นที่เพียงเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าหวานล้ำเพียงใด
หวงลี่ฟางปรือตาฉ่ำน้ำมองแผ่นอกหนาแน่นที่แผ่ซ่านความทรงพลังทะลุเสื้อผ้าจนสตรีทั้งหลายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเปี่ยมเสน่ห์มากล้นจนคนมองต่างรู้สึกร้อนรุ่มปานใด
ยามนี้ ไม่มีเสื้อผ้ากั้นเอาไว้ นางให้รู้สึกใกล้หลอมละลายทั้งตัวและหัวใจ ยิ่งกว่าเพลิงผลาญก็คือไฟร้อนจากกายเขา
หญิงสาวอดใจไม่ไหวจึงเอื้อมมือขึ้นจิกเล็บครูดมัดกล้ามกร้าวแกร่งนั้นอย่างหลงใหล
เสียงโต๊ะโยกคลอนดังสนั่นห้องกว่าเดิม หวงลี่ฟางครางเสียงเครือ ไม่นานร่างบางก็กระตุกอีกรอบ“อ๊า...”พร้อมกับร่างสูงที่เกร็งไปทั้งตัว แก่นกายกระตุกรุนแรงอยู่ในร่างนางหลังซุกซบซอกคอหอมจนลมหายใจหอบหนักกลับมาปกติ จ้าวฉีเสวียนก็พรมจูบทั่วขมับขาวปลอบประโลมจนตัวเองพอใจ จากนั้นพลันจับนางลอกคราบที่เหลือ จากเนินเนื้อที่เปิดเปลือยแค่สาบเสื้อแบะอ้า บัดนี้เสื้อผ้าทุกชั้นพลันกระจัดกระจายอยู่แทบเท้าชายหนุ่มจับร่างเปลือยเปล่านุ่มนิ่มขึ้นอุ้มแนบอกอุ่น ก้าวยาวๆ ไม่กี่ครั้งก็ถึงเตียงนอนขนาดใหญ่ด้านใน อาภรณ์สูงค่าบนร่างหนาก็ถูกถอดโยนทิ้งไร้ทิศทางเช่นกันคนตัวขาวผ่องมีน้ำมีนวลอมชมพูระเรื่อถูกจับนอนหงายในท่วงท่าทอดกายเชิญชวน จากนั้นคนตัวสูงก็ขึ้นคร่อมทับอีกครั้ง ฝ่ามือร้อนผ่าวจับข้อเท้าเล็กยกเรียวขาขึ้นมอบท่วงท่าน่าอายให้นาง กลางกายที่มีตัวตนกร้าวแกร่งผงาดกล้าก็ไม่น้อยหน้า ตรงเข้าจัดการมอบจังหวะอันแสนสุขสมอีกคราหวงลี่ฟางครางหวิวปรือตาฉ่ำน้ำมองภาพบุรุษผู้ดิบเถื่อน เขาดูน่าหลงใหล เร้าใจ เป็นภาพที่นางแน่ใจว่าไม่เคยมีหญิงใดได้เห็นจ้าวฉีเสวียนทำการแนบชิดสนิทเนื้อซ้ำรอบแล้วรอบเล่า ทั้งเขาทั้งนางเรื
จ้าวฉีเสวียนแทรกกายเข้ากลางหว่างขาเรียวขาวที่อ้ารับ ขยับเอวสอบเล็กน้อย จดจ่อปากทางร่องสาว ถูไถเปิดทางเบาๆ ค่อยๆ สอดใส่เนิบช้า“อา...” หวงลี่ฟางเผยอปากหลุดเสียงครางหวิวแม้ร่างกายคุ้นเคยแต่เส้นทางคับแคบนี้กลับไม่ค่อยคุ้นชิน ขนาดความเป็นชายของจ้าวฉีเสวียนใหญ่เกินไป นางที่ตัวเล็กเท่านี้ มีหรือจะขยายได้ดังใจ“ซื่อจื่อ เจ็บ...” หญิงสาวจิกเล็บกับบ่ากว้างชายหนุ่มพลันชะงัก ตัวตนที่สอดใส่ได้เพียงครึ่งหยุดลง มือหนึ่งเอื้อมมาใกล้บุปผาฉ่ำ ไล้นิ้วเรียวเวียนวนละเล่นเกสรงามหวงลี่ฟางเริ่มบิดกายสะโพกโยกย้าย อาการเจ็บจุกถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกดีและผ่อนคลาย“เจ็บแค่เริ่มต้นรอบแรกรอบเดียว รอบต่อไปย่อมเสียว...”เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยวาจาน่าอายออกมาอย่างไม่เก็บข่ม มีเพียงอยู่กับหวงลี่ฟางเท่านั้นที่จ้าวฉีเสวียนจะเผยตัวตนด้านนี้“เจ้าอ้าขาออกอีก ข้าอยากรักเจ้าลึกๆ”ชายหนุ่มขยับท่อนกายแข็งขึงกับช่องทางแคบนุ่มเนิบช้า โยกเอวสอบไปมา เริ่มแปรเปลี่ยนความแสบสันให้กลายเป็นความรู้สึกหฤหรรษ์อย่างบรรจง ค่อยๆ ขยับเข้าออกเบาๆ“รู้สึกดีขึ้นหรือไม่?”“อ่ะ...อืม”เมื่อสอดลึกดังใจปรารถนาจึงขยับเป็นจังหวะเร็วขึ้น
ทุกคราที่เดินทางกลับมาจากภารกิจรักษาดินแดน แทนที่จ้าวฉีเสวียนจะรีบกลับจวนชินอ๋อง เขากลับส่งขบวนยิ่งใหญ่พร้อมลูกน้องคนสนิทล่วงหน้าไปส่งรายงานก่อน ส่วนตัวเองก็แยกตัวออกมาคนเดียวไร้ใครสังเกตเข้ามาที่คฤหาสน์หนิงเทียนคฤหาสน์แห่งนี้ตั้งตระหง่านฝั่งทิศใต้ของเมืองใหญ่ผิงโจว เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ อยู่ใกล้สำนักยวี้จู๋เพียงเชิงเขาร้อยหลี่กั้นในเรือนลับหลังใหญ่เร้นหญิงงามผู้หนึ่งเอาไว้นางกำลังนั่งสางผมรอจ้าวฉีเสวียนอยู่ที่หน้าคันฉ่องหวงลี่ฟาง...แท้ที่จริงแล้วตำแหน่งภรรยาลับนี้มิใช่ความต้องการของจ้าวฉีเสวียนแต่เป็นความปรารถนาของหวงลี่ฟางเองแน่นอนว่าบุรุษหนุ่มผู้ร้อนรุ่มคนหนึ่งย่อมไม่คิดขัดศรัทธา เขาไม่เสียประโยชน์อันใดกับความลับนี้จึงไม่จำเป็นต้องทัดทาน“รอนานแล้วกระมัง?”ร่างสูงสง่าถามขณะยืนกอดอกอิงขอบประตูด้วยท่วงทีที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับยามอยู่หลังบนอาชาเหนือขบวนกลางเมือง ยามนั้นเขาสุขุมนุ่มลึกและเย่อหยิ่งเย็นชา หากแต่ยามนี้ แม้ยังคงสูงส่งเกินเอื้อมคว้า ทว่าสีหน้าแววตากลับกรุ้มกริ่มยียวนหวงลี่ฟางลุกขึ้นคำนับเขา “ข้ารอซื่อจื่อมาตลอด...”คำกล่าวนี้มิได้เกินจริง หลายปีที่หวงลี
ฤดูเหมันต์หิมะโปรยปราย แม้หนาวเย็นเสียดแทงกระดูกแต่น่าแปลกกลับรู้สึกอบอุ่นอ่อนละมุนในหัวใจอย่างประหลาดอาจเป็นเพราะภาพของบุรุษหนุ่มผู้องอาจบนหลังอาชาเขาผู้นั้นงามสง่าอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่ตบเท้ามารอรับการกลับมาของเขาอย่างคับคั่งยามอาชาเยื้องย่างพาบุรุษผ่านทางเข้ามาใกล้ระยะสายตาทำให้มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆและยิ่งเด่นชัดถึงคำว่า ‘สูงค่าเกินเอื้อม’ใบหน้าคมคายดุดันน่ายำเกรง ทั่วเรือนกายแลดูแกร่งกร้าวและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของเอกบุรุษสตรีหลายคนชี้ชวนมองเขาพลางกระซิบกระซาบด้วยสายตาชื่นชมหลงใหล เมื่อชายหนุ่มปรายตามองอย่างไม่ตั้งใจ สตรีเหล่านั้นก็เอียงอาย บิดผ้าเช็ดหน้าแทบขาดเสียงสรรเสริญต้อนรับการกลับมาของเขาดังลั่นไม่ขาดสายหวงลี่ฟางเองก็ออกมาจากคฤหาสน์หนิงเทียนเพื่อมายืนรอต้อนรับเขาเช่นกันบุรุษหนุ่มผู้สุขุมเย็นชาแต่หล่อเหลาเป็นเอก จ้าวฉีเสวียนชินอ๋องซื่อจื่อผู้นี้เดินทางกลับจากสงครามกับพวกป่าเถื่อนรุกรานดินแดน ชาวบ้านเมื่อเห็นเขาต่างกู่ก้องสรรเสริญทั้งสองฝั่งนอกจากเสียงสรรเสริญของเหล่าชายหญิงวัยกลางคนยังมีเสียงดรุณีอายุราวสิบห้าสิบหกที่ยืนด้านข้างหวงลี่ฟางกล
จ้าวฉีเสวียนชินอ๋องซื่อจื่อ เป็นที่หมายปองของเหล่าสตรี เป็นบุรุษที่เอาแต่ใจ ไม่ค่อยใส่ใจใครเท่าที่ควรหวงลี่ฟางคุณหนูตระกูลใหญ่ที่โชคชะตาพลิกผัน กลายเป็นสาวงามอุ่นเตียงของชินอ๋องซื่อจื่อ นิสัยเรียบง่าย สงบสุภาพ นุ่มนวลอ่อนหวาน ยอมรับทุกชะตากรรมนำพาจ้าวเฟิงฉีท่านประมุขสำนักยวี้จู๋อันยิ่งใหญ่รุ่ยเหยียนนายหญิงใหญ่แห่งหูเตี๋ย อดีตคือหญิงแพศยา ทิ้งลูกทิ้งสามี หนีตามชายชู้จ้าวเล่อเสียน้องสาวของจ้าวฉีเสวียน นิสัยใจร้อนวู่วาม ยึดมั่นคุณธรรม********************************ปฐมบท พรหมจรรย์ข้า? ผู้ใดกัน? สำนักยวี้จู๋เพราะต้องการฝึกสุดยอดวิชา ซื่อจื่อน้อย จ้าวฉีเสวียน จึงเร่งเดินทางจากจวนชินอ๋องตั้งแต่เมื่อวานขึ้นมายังหุบเขาผนึกมาร การกักตนฝึกฝนเริ่มต้นขึ้นทันทีที่ฝ่าเท้าเหยียบพื้นดินที่นี่ทว่ามิคาด เกิดเหตุผิดพลาดประการใดก็สุดรู้ หรืออาจเพราะคลั่งไคล้วิชายุทธ์แบบสุดกู่ก็เป็นได้จึงทำให้จ้าวฉีเสวียนที่คร่ำเคร่งเคี่ยวกรำตนจนเกือบจะฝึกฝนถึงขั้นสุดท้ายกลับกลายเป็นร้อนรุ่มไปทั้งกาย คล้ายถูกไฟแผดเผาจนร่างแทบมอดไหม้เขาพาเรือนกายกำยำของตนที่รู้สึกเสมือนกำลังจะปริแตกเพราะถูก
บุรุษหากยังไม่แต่งงานจะใช้ชีวิตสำราญปานใดล้วนทำได้ บุปผางามตระการล้วนมากมี พึงเชยชมได้เต็มที่ เสพสมให้ทั่วถึง แต่เมื่อใดที่มีภรรยาเป็นตัวเป็นตน คนต้องรักเดียวใจเดียว มิอาจข้องเกี่ยวหญิงใดอีก ดังนั้นบุรุษสำราญเช่นเราอย่าเผลอใจไปกับสตรีที่เพียงร่วมสำราญแต่มิได้แต่งงานด้วยเด็ดขาดอี้หาน[1]ปรมาจารย์ศาสตร์บนเตียงของจ้าวฉีเสวียน***สตรีหากเป็นแค่เครื่องมือปรนเปรอความสำราญแก่บุรุษแล้วอย่างไร ขอเพียงเขายังไม่แต่งงาน เราจะเรียกร้องสัมผัสรักใคร่จากเขาเท่าใดก็ได้ ใช่ว่าเขาสุขสมฝ่ายเดียว ดังนั้น สตรีผู้ช่ำชองต้องกอบโกยพลังหยางเอาไว้ แต่ห้ามเผลอใจรักเด็ดขาด เสี่ยวเหยา[2]ปรมาจารย์ศาสตร์บนเตียงของหวงลี่ฟาง******************อารัมภบทงานชุมนุมชาวยุทธ์ประจำปีนี้พิเศษกว่าทุกปี เหตุเพราะท่านอ๋องน้อยให้เกียรติมาร่วมการประชันเขานั่งโดดเด่นอยู่เหนือสุดบนแท่นประธานการชุมนุม เด็กหนุ่มผู้นี้อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ เพียงเขานั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นกลับชวนให้คนลุ่มหลงมัวเมาอย่างที่สุด เพียงได้เห็นแค่ไกลๆ ก็ยังปิดความกร้าวแกร่งทรงพลังแห่งบุรุษเพศไว้ไม่มิดทั้งหล่อเหลาคมคาย เรือนกายสง่างาม ผิวขาวราวแท่งหยก เ







![จะไม่ทนกับบทบาทนางร้าย [รีไรท์ตอนจบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)