ログインเสียงโต๊ะโยกคลอนดังสนั่นห้องกว่าเดิม หวงลี่ฟางครางเสียงเครือ ไม่นานร่างบางก็กระตุกอีกรอบ
“อ๊า...”
พร้อมกับร่างสูงที่เกร็งไปทั้งตัว แก่นกายกระตุกรุนแรงอยู่ในร่างนาง
หลังซุกซบซอกคอหอมจนลมหายใจหอบหนักกลับมาปกติ จ้าวฉีเสวียนก็พรมจูบทั่วขมับขาวปลอบประโลมจนตัวเองพอใจ จากนั้นพลันจับนางลอกคราบที่เหลือ จากเนินเนื้อที่เปิดเปลือยแค่สาบเสื้อแบะอ้า บัดนี้เสื้อผ้าทุกชั้นพลันกระจัดกระจายอยู่แทบเท้า
ชายหนุ่มจับร่างเปลือยเปล่านุ่มนิ่มขึ้นอุ้มแนบอกอุ่น ก้าวยาวๆ ไม่กี่ครั้งก็ถึงเตียงนอนขนาดใหญ่ด้านใน อาภรณ์สูงค่าบนร่างหนาก็ถูกถอดโยนทิ้งไร้ทิศทางเช่นกัน
คนตัวขาวผ่องมีน้ำมีนวลอมชมพูระเรื่อถูกจับนอนหงายในท่วงท่าทอดกายเชิญชวน จากนั้นคนตัวสูงก็ขึ้นคร่อมทับอีกครั้ง ฝ่ามือร้อนผ่าวจับข้อเท้าเล็กยกเรียวขาขึ้นมอบท่วงท่าน่าอายให้นาง กลางกายที่มีตัวตนกร้าวแกร่งผงาดกล้าก็ไม่น้อยหน้า ตรงเข้าจัดการมอบจังหวะอันแสนสุขสมอีกครา
หวงลี่ฟางครางหวิวปรือตาฉ่ำน้ำมองภาพบุรุษผู้ดิบเถื่อน เขาดูน่าหลงใหล เร้าใจ เป็นภาพที่นางแน่ใจว่าไม่เคยมีหญิงใดได้เห็น
จ้าวฉีเสวียนทำการแนบชิดสนิทเนื้อซ้ำรอบแล้วรอบเล่า ทั้งเขาทั้งนางเรือนร่างเกร็งกระตุกไม่รู้กี่ครา จนหวงลี่ฟางอดมิได้ที่ต้องเผลอปากหลุดคำประท้วงอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง
“ซื่อจื่อ พอก่อน พรุ่งนี้ค่อยทำต่อเถิด...”
แต่คนหนุ่มแน่นผู้ร้อนแรงมีหรือจะยอม เขาข่มขู่ดุดันว่า “เจ้ากล้ายั่วยวนข้า ต้องรับผิดชอบ!”
บนเตียงนอนยับย่น ภายใต้ม่านมุ้งพลิ้วไหว คนสองคนรู้ดีแก่ใจว่าต่างฝ่ายต่างเป็นคนแรกของกันและกัน
แต่จะเป็นคนสุดท้ายหรือไม่นั้น ยังคงเป็นปริศนา...
ในถังไม้ขนาดใหญ่น้ำอุ่นเริ่มเย็นแล้ว ทว่าสองร่างเปลือยในถังกลับยังคงกรุ่นร้อนทั่วอณูผิวกาย
หลังจากเสร็จสมรอบสุดท้ายตรงขอบเตียงนอนในท่วงท่าคุกเข่าซ้อนหลังและต่อด้วยท่าอุ้มแตง หวงลี่ฟางก็ถูกจ้าวฉีเสวียนพามานั่งในถังอาบน้ำให้นางอิงอกกว้างอย่างหมดเรี่ยวแรงตรงนี้
ทั้งสองมีสภาพไม่ต่างกันคือทั่วตัวปรากฏริ้วรอยหลายสาย ฝ่ายชายมีรอยเล็บจนเลือดซึม ฝ่ายหญิงมีรอยขบกัดดูดเม้มจนผิวช้ำ
บุรุษก้มหน้าพรมจูบขมับสตรีพลางลูบไล้เนินอกอิ่มอย่างเพลิดเพลิน
หวงลี่ฟางได้แต่ปรือตามอง “ข้าสมควรช่วยซื่อจื่ออาบน้ำ บีบนวดคลายความเมื่อยล้าและขัดหลังให้ท่านจึงจะถูก”
“ข้านวดและขัดด้านหน้าให้เจ้าดีกว่า”
ว่าแล้วก็จับร่างนุ่มเนียนพลิกหันตัวเข้าหา กระชับเอวกิ่ว ยกสะโพกมนขึ้นคร่อมเอวสอบ จมูกโด่งสันจรดลงบนถันชูชัน
“อื้อ...ซื่อจื่อ”
การเปลี่ยนท่วงท่ากะทันหันทำหวงลี่ฟางครางประท้วง ทว่าเพราะเรียวลิ้นหรือเรียวนิ้วก็สุดรู้ เพียงครู่เดียวนางก็เอื้อมแขนโอบกอดลำคอหนา สองมือเกาะเกี่ยวบ่ากว้าง แอ่นอกยกบั้นท้าย แนบเนื้อสนิทแน่น
ปฏิกิริยากึ่งอ่อนโอนกึ่งผลักไสเช่นนี้ย่อมส่งผลให้คนบังเกิดอารมณ์กระสัน จ้าวฉีเสวียนจึงจับมือนุ่มลงเบื้องล่าง ให้นางสัมผัสตัวตนฝ่าม่านน้ำในถังไม้
หวงลี่ฟางสะดุ้งน้อยๆ ด้วยไม่ชินเสียทีกับความใหญ่โตที่สัมผัส จ้าวฉีเสวียนกอบกุมมือน้อยไว้ สะกดนางด้วยสายตาคมกล้าที่แฝงเปลวไฟด้านใน หญิงสาวร้อนผ่าวไปทั้งตัว
“ขยับให้หน่อย”
เขาสั่งเสียงทุ้มพร่า ซึ่งนางรู้ว่าขยับอะไร
มือเล็กกระชับแน่นขึ้นยามกอบกุมและรูดขึ้นรูดลง ยิ่งขยับ ตัวตนของเขาก็ยิ่งใหญ่โตขึ้น
“จับใส่เลย”
แน่นอนว่าหวงลี่ฟางรู้ว่าต้องจับอะไรใส่อะไร นางรู้ใจเขา หญิงสาวยกกายขึ้นสอดใส่แก่นกายแข็งขึงเข้าเนินบุปผาที่ฉ่ำชื้นพร้อมเบ่งบานเพื่อเขา
การโยกโยนไร้เสียงกระทบเนื้อมีเพียงเสียงน้ำกระฉอกเกิดขึ้นในจังหวะรัญจวน
เสียงครวญครางแว่วหวานผสานเสียงครางกระหึ่มทุ้มต่ำขณะสองกายพัวพันไม่สิ้นสุด
ลิ้นเล็กบางเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากหนา เมื่อนางเป็นฝ่ายดูดดึงอย่างทนไม่ไหวจึงสร้างความพึงพอใจให้จ้าวฉีเสวียน เขาได้รับการตอบสนองที่น่ารักน่าใคร่เช่นนี้มีหรือจะอดใจไหว
มือใหญ่จับบั้นท้ายนางโยกขึ้นกดลงเร็วขึ้นแรงขึ้น ส่งตัวตนแข็งแกร่งเข้าออกช่องทางบุปผาฉ่ำรักอย่างร้อนแรงไม่มีผ่อนปรน
การอาบน้ำที่มิใช่อาบน้ำจึงดำเนินเนิ่นนานไม่เสร็จง่าย
เสียงโต๊ะโยกคลอนดังสนั่นห้องกว่าเดิม หวงลี่ฟางครางเสียงเครือ ไม่นานร่างบางก็กระตุกอีกรอบ“อ๊า...”พร้อมกับร่างสูงที่เกร็งไปทั้งตัว แก่นกายกระตุกรุนแรงอยู่ในร่างนางหลังซุกซบซอกคอหอมจนลมหายใจหอบหนักกลับมาปกติ จ้าวฉีเสวียนก็พรมจูบทั่วขมับขาวปลอบประโลมจนตัวเองพอใจ จากนั้นพลันจับนางลอกคราบที่เหลือ จากเนินเนื้อที่เปิดเปลือยแค่สาบเสื้อแบะอ้า บัดนี้เสื้อผ้าทุกชั้นพลันกระจัดกระจายอยู่แทบเท้าชายหนุ่มจับร่างเปลือยเปล่านุ่มนิ่มขึ้นอุ้มแนบอกอุ่น ก้าวยาวๆ ไม่กี่ครั้งก็ถึงเตียงนอนขนาดใหญ่ด้านใน อาภรณ์สูงค่าบนร่างหนาก็ถูกถอดโยนทิ้งไร้ทิศทางเช่นกันคนตัวขาวผ่องมีน้ำมีนวลอมชมพูระเรื่อถูกจับนอนหงายในท่วงท่าทอดกายเชิญชวน จากนั้นคนตัวสูงก็ขึ้นคร่อมทับอีกครั้ง ฝ่ามือร้อนผ่าวจับข้อเท้าเล็กยกเรียวขาขึ้นมอบท่วงท่าน่าอายให้นาง กลางกายที่มีตัวตนกร้าวแกร่งผงาดกล้าก็ไม่น้อยหน้า ตรงเข้าจัดการมอบจังหวะอันแสนสุขสมอีกคราหวงลี่ฟางครางหวิวปรือตาฉ่ำน้ำมองภาพบุรุษผู้ดิบเถื่อน เขาดูน่าหลงใหล เร้าใจ เป็นภาพที่นางแน่ใจว่าไม่เคยมีหญิงใดได้เห็นจ้าวฉีเสวียนทำการแนบชิดสนิทเนื้อซ้ำรอบแล้วรอบเล่า ทั้งเขาทั้งนางเรื
จ้าวฉีเสวียนแทรกกายเข้ากลางหว่างขาเรียวขาวที่อ้ารับ ขยับเอวสอบเล็กน้อย จดจ่อปากทางร่องสาว ถูไถเปิดทางเบาๆ ค่อยๆ สอดใส่เนิบช้า“อา...” หวงลี่ฟางเผยอปากหลุดเสียงครางหวิวแม้ร่างกายคุ้นเคยแต่เส้นทางคับแคบนี้กลับไม่ค่อยคุ้นชิน ขนาดความเป็นชายของจ้าวฉีเสวียนใหญ่เกินไป นางที่ตัวเล็กเท่านี้ มีหรือจะขยายได้ดังใจ“ซื่อจื่อ เจ็บ...” หญิงสาวจิกเล็บกับบ่ากว้างชายหนุ่มพลันชะงัก ตัวตนที่สอดใส่ได้เพียงครึ่งหยุดลง มือหนึ่งเอื้อมมาใกล้บุปผาฉ่ำ ไล้นิ้วเรียวเวียนวนละเล่นเกสรงามหวงลี่ฟางเริ่มบิดกายสะโพกโยกย้าย อาการเจ็บจุกถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกดีและผ่อนคลาย“เจ็บแค่เริ่มต้นรอบแรกรอบเดียว รอบต่อไปย่อมเสียว...”เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยวาจาน่าอายออกมาอย่างไม่เก็บข่ม มีเพียงอยู่กับหวงลี่ฟางเท่านั้นที่จ้าวฉีเสวียนจะเผยตัวตนด้านนี้“เจ้าอ้าขาออกอีก ข้าอยากรักเจ้าลึกๆ”ชายหนุ่มขยับท่อนกายแข็งขึงกับช่องทางแคบนุ่มเนิบช้า โยกเอวสอบไปมา เริ่มแปรเปลี่ยนความแสบสันให้กลายเป็นความรู้สึกหฤหรรษ์อย่างบรรจง ค่อยๆ ขยับเข้าออกเบาๆ“รู้สึกดีขึ้นหรือไม่?”“อ่ะ...อืม”เมื่อสอดลึกดังใจปรารถนาจึงขยับเป็นจังหวะเร็วขึ้น
ทุกคราที่เดินทางกลับมาจากภารกิจรักษาดินแดน แทนที่จ้าวฉีเสวียนจะรีบกลับจวนชินอ๋อง เขากลับส่งขบวนยิ่งใหญ่พร้อมลูกน้องคนสนิทล่วงหน้าไปส่งรายงานก่อน ส่วนตัวเองก็แยกตัวออกมาคนเดียวไร้ใครสังเกตเข้ามาที่คฤหาสน์หนิงเทียนคฤหาสน์แห่งนี้ตั้งตระหง่านฝั่งทิศใต้ของเมืองใหญ่ผิงโจว เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ อยู่ใกล้สำนักยวี้จู๋เพียงเชิงเขาร้อยหลี่กั้นในเรือนลับหลังใหญ่เร้นหญิงงามผู้หนึ่งเอาไว้นางกำลังนั่งสางผมรอจ้าวฉีเสวียนอยู่ที่หน้าคันฉ่องหวงลี่ฟาง...แท้ที่จริงแล้วตำแหน่งภรรยาลับนี้มิใช่ความต้องการของจ้าวฉีเสวียนแต่เป็นความปรารถนาของหวงลี่ฟางเองแน่นอนว่าบุรุษหนุ่มผู้ร้อนรุ่มคนหนึ่งย่อมไม่คิดขัดศรัทธา เขาไม่เสียประโยชน์อันใดกับความลับนี้จึงไม่จำเป็นต้องทัดทาน“รอนานแล้วกระมัง?”ร่างสูงสง่าถามขณะยืนกอดอกอิงขอบประตูด้วยท่วงทีที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับยามอยู่หลังบนอาชาเหนือขบวนกลางเมือง ยามนั้นเขาสุขุมนุ่มลึกและเย่อหยิ่งเย็นชา หากแต่ยามนี้ แม้ยังคงสูงส่งเกินเอื้อมคว้า ทว่าสีหน้าแววตากลับกรุ้มกริ่มยียวนหวงลี่ฟางลุกขึ้นคำนับเขา “ข้ารอซื่อจื่อมาตลอด...”คำกล่าวนี้มิได้เกินจริง หลายปีที่หวงลี
ฤดูเหมันต์หิมะโปรยปราย แม้หนาวเย็นเสียดแทงกระดูกแต่น่าแปลกกลับรู้สึกอบอุ่นอ่อนละมุนในหัวใจอย่างประหลาดอาจเป็นเพราะภาพของบุรุษหนุ่มผู้องอาจบนหลังอาชาเขาผู้นั้นงามสง่าอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่ตบเท้ามารอรับการกลับมาของเขาอย่างคับคั่งยามอาชาเยื้องย่างพาบุรุษผ่านทางเข้ามาใกล้ระยะสายตาทำให้มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆและยิ่งเด่นชัดถึงคำว่า ‘สูงค่าเกินเอื้อม’ใบหน้าคมคายดุดันน่ายำเกรง ทั่วเรือนกายแลดูแกร่งกร้าวและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของเอกบุรุษสตรีหลายคนชี้ชวนมองเขาพลางกระซิบกระซาบด้วยสายตาชื่นชมหลงใหล เมื่อชายหนุ่มปรายตามองอย่างไม่ตั้งใจ สตรีเหล่านั้นก็เอียงอาย บิดผ้าเช็ดหน้าแทบขาดเสียงสรรเสริญต้อนรับการกลับมาของเขาดังลั่นไม่ขาดสายหวงลี่ฟางเองก็ออกมาจากคฤหาสน์หนิงเทียนเพื่อมายืนรอต้อนรับเขาเช่นกันบุรุษหนุ่มผู้สุขุมเย็นชาแต่หล่อเหลาเป็นเอก จ้าวฉีเสวียนชินอ๋องซื่อจื่อผู้นี้เดินทางกลับจากสงครามกับพวกป่าเถื่อนรุกรานดินแดน ชาวบ้านเมื่อเห็นเขาต่างกู่ก้องสรรเสริญทั้งสองฝั่งนอกจากเสียงสรรเสริญของเหล่าชายหญิงวัยกลางคนยังมีเสียงดรุณีอายุราวสิบห้าสิบหกที่ยืนด้านข้างหวงลี่ฟางกล
จ้าวฉีเสวียนชินอ๋องซื่อจื่อ เป็นที่หมายปองของเหล่าสตรี เป็นบุรุษที่เอาแต่ใจ ไม่ค่อยใส่ใจใครเท่าที่ควรหวงลี่ฟางคุณหนูตระกูลใหญ่ที่โชคชะตาพลิกผัน กลายเป็นสาวงามอุ่นเตียงของชินอ๋องซื่อจื่อ นิสัยเรียบง่าย สงบสุภาพ นุ่มนวลอ่อนหวาน ยอมรับทุกชะตากรรมนำพาจ้าวเฟิงฉีท่านประมุขสำนักยวี้จู๋อันยิ่งใหญ่รุ่ยเหยียนนายหญิงใหญ่แห่งหูเตี๋ย อดีตคือหญิงแพศยา ทิ้งลูกทิ้งสามี หนีตามชายชู้จ้าวเล่อเสียน้องสาวของจ้าวฉีเสวียน นิสัยใจร้อนวู่วาม ยึดมั่นคุณธรรม********************************ปฐมบท พรหมจรรย์ข้า? ผู้ใดกัน? สำนักยวี้จู๋เพราะต้องการฝึกสุดยอดวิชา ซื่อจื่อน้อย จ้าวฉีเสวียน จึงเร่งเดินทางจากจวนชินอ๋องตั้งแต่เมื่อวานขึ้นมายังหุบเขาผนึกมาร การกักตนฝึกฝนเริ่มต้นขึ้นทันทีที่ฝ่าเท้าเหยียบพื้นดินที่นี่ทว่ามิคาด เกิดเหตุผิดพลาดประการใดก็สุดรู้ หรืออาจเพราะคลั่งไคล้วิชายุทธ์แบบสุดกู่ก็เป็นได้จึงทำให้จ้าวฉีเสวียนที่คร่ำเคร่งเคี่ยวกรำตนจนเกือบจะฝึกฝนถึงขั้นสุดท้ายกลับกลายเป็นร้อนรุ่มไปทั้งกาย คล้ายถูกไฟแผดเผาจนร่างแทบมอดไหม้เขาพาเรือนกายกำยำของตนที่รู้สึกเสมือนกำลังจะปริแตกเพราะถูก
บุรุษหากยังไม่แต่งงานจะใช้ชีวิตสำราญปานใดล้วนทำได้ บุปผางามตระการล้วนมากมี พึงเชยชมได้เต็มที่ เสพสมให้ทั่วถึง แต่เมื่อใดที่มีภรรยาเป็นตัวเป็นตน คนต้องรักเดียวใจเดียว มิอาจข้องเกี่ยวหญิงใดอีก ดังนั้นบุรุษสำราญเช่นเราอย่าเผลอใจไปกับสตรีที่เพียงร่วมสำราญแต่มิได้แต่งงานด้วยเด็ดขาดอี้หาน[1]ปรมาจารย์ศาสตร์บนเตียงของจ้าวฉีเสวียน***สตรีหากเป็นแค่เครื่องมือปรนเปรอความสำราญแก่บุรุษแล้วอย่างไร ขอเพียงเขายังไม่แต่งงาน เราจะเรียกร้องสัมผัสรักใคร่จากเขาเท่าใดก็ได้ ใช่ว่าเขาสุขสมฝ่ายเดียว ดังนั้น สตรีผู้ช่ำชองต้องกอบโกยพลังหยางเอาไว้ แต่ห้ามเผลอใจรักเด็ดขาด เสี่ยวเหยา[2]ปรมาจารย์ศาสตร์บนเตียงของหวงลี่ฟาง******************อารัมภบทงานชุมนุมชาวยุทธ์ประจำปีนี้พิเศษกว่าทุกปี เหตุเพราะท่านอ๋องน้อยให้เกียรติมาร่วมการประชันเขานั่งโดดเด่นอยู่เหนือสุดบนแท่นประธานการชุมนุม เด็กหนุ่มผู้นี้อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ เพียงเขานั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นกลับชวนให้คนลุ่มหลงมัวเมาอย่างที่สุด เพียงได้เห็นแค่ไกลๆ ก็ยังปิดความกร้าวแกร่งทรงพลังแห่งบุรุษเพศไว้ไม่มิดทั้งหล่อเหลาคมคาย เรือนกายสง่างาม ผิวขาวราวแท่งหยก เ







