เข้าสู่ระบบ“ก็นึกว่านายจะไปร้านเลย ทำงานเสร็จแล้วหรือไง”
“เสร็จแล้ว อีกหลายชั่วโมงเลยกว่าจะได้ร้องค่อยไปตอนทุ่มกว่า”
“ออ”
“รบกวนพี่หรือเปล่า” เจ๋งถามขณะที่เราสองคนเดินเข้ามาในลิฟต์แล้วมันก็มีแค่เราสองคน
วันนี้เขาแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนยาวขากระบอกเก่าๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตกอับหรือมันเป็นแนวของเขากันแน่ แต่เสื้อผ้าธรรมดาแค่นี้ ก็ทำให้เขาดูดีเหลือเกิน สงสัยนักว่าเขาไม่มีแฟนหรือมีผู้หญิงมาชอบบ้างหรือไง ทำไมถึงคิดที่จะมาอาศัยฉัน
“ไม่หรอก เพิ่งตื่นต้องอาบน้ำแต่งตัวอีกนายต้องรอนาน”
“นอนกลางวัน เดี๋ยวก็อ้วน”
” นั่นปาก?”
เจ๋งหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถอยไปพิงกับผนังแล้วยกแขนขึ้นมากอดอก ใบหน้าหล่อเหลานั้นก็ยังมีรอยยิ้มติดอยู่ตรงมุมปาก
“คิดยังไงจะออกไปเที่ยว”
” เบื่อ”
“ปกติพี่ก็เที่ยวคนเดียวแบบนี้เหรอ” เจ๋งถามแล้วมองฉันผ่านประตูลิฟต์ที่สะท้อนภาพของเราสองคน
“ไม่หรอก ปกติก็ไปกับเพื่อน แต่พอย้ายงานเพื่อนก็เริ่มห่างกัน พวกมันมีแฟนกันหมด ไม่ค่อยได้ออกเที่ยวเท่าไหร่”
เจ๋งไม่พูดอะไรต่อ เขาเงียบ ฉันเองก็เงียบ จนกระทั่งมาถึงชั้นสิบห้าประตูลิฟต์ก็เปิดเพราะมีคนรอเข้า พร้อมกันนั้นก็เห็นสีหน้าตกใจของผู้หญิงที่รอลิฟต์อยู่
“พี่เจ๋ง!”
“ก็เหี้ยละ”
ฉันได้ยินเสียงสบถของเขาอยู่ด้านหลัง ก่อนที่สาวคนนั้นจะยิ้มกว้างเดินเขามายืนชิดกับตัวเขา เหมือนมองไม่เห็นฉันที่ยืนอยู่ในนี้ด้วย
“พี่เจ๋งมาทำอะไร หรือว่า...”
“มาหาเพื่อน” เขารีบตอบ น้ำเสียงก็ไม่ได้น่าฟังนัก ออกทางรำคาญมากกว่า
ต้องหล่อขนาดไหนเนี่ยถึงจะเมินสาวแบบนี้ได้
แต่เขาโกหกสาวคนนั้นที่ฉันคิดว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง ดูท่าทางแล้วอาจจะมีความสัมพันธ์พิเศษ ดูจากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น แม่นี่คงชอบเจ๋ง ส่วนเจ๋งที่หล่อเลือกได้ก็รู้สึกฉิบหายที่มาเจอเธอ
แต่เขาโกหกผู้หญิง แปลว่าไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่ารู้จักกับฉัน ไม่แน่เจ๋งอาจมีใจด้วยเหมือนกัน เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันจะรับบทป้าข้างบ้านไปแล้วกัน
“ออ เพื่อนคนไหน มี่ไม่เห็นรู้เลยว่าเพื่อนพี่อยู่คอนโดเดียวกัน”
“เธอต้องรู้ทุกเรื่องเลยหรือไง”
เจ๋งก็คือเจ๋ง ปากเสียไม่น่าฟังยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น เล่นเอามี่คนนั้นเงียบไปเลย แต่ฉันว่าสาวเธอไม่ยอมแพ้
“อยากรู้เพราะมี่จะได้เจอพี่บ่อยๆ ไง เดี๋ยวถามพี่เมฆก็ได้”
ฉันได้ยินเสียงพ่นลมหายใจมาจากด้านหลัง แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ถึงชั้นยี่สิบแปดซึ่งเป็นชั้นของห้องฉันพอดี ฉันก้าวเท้าออกมาก็ต้องแปลกใจที่เจ๋งไม่ยอมเดินออกมาด้วย
“เหอะ”
หมดคำจะพูดเลย ทำเป็นไม่สนใจเพราะอายฉันใช่ไหม โถ ไอ้เด็กรุ่นน้อง คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าเขาคิดอะไร สรุปเหตุผลก็คือเขาไม่อยากให้ผู้หญิงอีกคนรู้ว่ามาอยู่ห้องเดียวกับฉัน
ก็ถ้ามีสาวชอบเขาเยอะแยะทำไมไม่เลือกอยู่กับใครสักคนเลยล่ะ ได้ทั้งห้อง ได้ทั้งเมียไปฟรีๆ
“เฮ้ย! เดี๋ยว รอด้วยดิ”
ขณะที่กำลังก่นด่าเขาอยู่ในใจเพราะความหมั่นไส้ เสียงบางอย่างก็ดังขึ้นตอนที่ฉันกำลังจะปิดประตู
ฉันขมวดคิ้วมองคนที่อยู่ตรงริมสุดของทางเดิน ท่าทางเหนื่อยหอบของเขาดูก็รู้ว่าวิ่งลงมาจากบันได ก็ยังไม่เข้าใจว่าเจ๋งมันเล่นอะไรอยู่
“อะไร ก็นึกว่าจะไปกับผู้หญิง”
“ไปทำไม หนีแทบตายเนี่ย”
เสียงหอบของเขาทำให้ฉันอดขำไม่ได้ แต่กลับถูกเจ๋งมองค้อนทำท่าจะเอากำปั้นทุบลงมาจนต้องหลบ ก่อนจะรู้ตัวว่าเสียมาดให้เด็กมันหมด ก็ต้องแกล้งปั้นหน้านิ่งต่อ
“ก็เห็นขึ้นไปด้วยกัน แอบส่งท้ายให้กันหรือเปล่า” ฉันพูดออกไปอย่างไม่จริงจังพร้อมกับเสียงกลั้วหัวเราะ แต่กลับถูกคว้าข้อมือไว้แล้วกระตุกเข้าหาจนเซไปกระแทกกับแผงอกแกร่งเข้าอย่างจัง “อะ อะไร”
“ส่งท้ายที่พี่คิดนี่มันแบบไหน ลองทำให้ดูหน่อย”
“...จะบ้าหรือไง ปล่อยเลยนะ อย่ามาลามปาม”
อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายวันเราไม่เคยแตะต้องตัวกันเลย แต่ตอนนี้เจ๋งเล่นแรงเสียจนฉันตกใจ ที่รู้ว่าเล่นก็เพราะรอยยิ้มกวนๆ ของเขา กับสายตาที่หลุบมองลงมาตรงหน้าฉันซึ่งตัวเล็กกว่าเขามาก เราสบตากันครู่หนึ่งแล้วก็กลายเป็นฉันที่ต้องเบือนหน้าหนีก่อนจะผลักเขาออก
“คิดไปเรื่อย เลิกดูเถอะซีรีส์บ้าบ้อปัญญาอ่อน”
“ก็เห็นตามขึ้นไปใครจะไปรู้ล่ะ นึกว่าจะไปขออยู่ห้องสาวนายแล้ว”
“แล้วโมโหผมทำไม”
“ก็” ฉันเอ่ยออกมาแค่นั้นแล้วก็เงียบเพราะไม่รู้ว่าทำไมต้องเสียงดัง แล้วมันจะเป็นเพราะอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา “นายมาเล่นอะไรแบบนี้ล่ะ ทำตัวน่ากลัว”
เจ๋งหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินผ่านฉันไปนั่งที่ประจำของตัวเองที่เป็นทั้งที่หลับที่นอน รวมไปถึงห้องนั่งเล่น โซฟาของฉันที่ยกให้เป็นเตียงนอนของเขา
“อย่ามาเล่นแบบนี้อีก ขอเตือน”
เขาก็ไม่ตอบอีกตามเคย แค่มองตามฉันแล้วทำหน้านิ่ง จนฉันชักจะเดาใจไม่ออกว่าเจ๋งคิดอะไรอยู่กันแน่ เดี๋ยวอารมณ์ดี เดี๋ยวนิ่ง เดี๋ยวก็ทำตัวน่ากลัว
“ออกไปกินข้าวด้วยกันดิ รีบอาบน้ำแต่งตัวเลย”
ไม่รู้ว่าเป็นคำชวนหรือคำสั่งเพราะเจ๋งไม่ได้หันมามองกันด้วยซ้ำ ฉันไม่ได้ตอบอะไรรีบเดินไปหยิบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไม่ให้เขาต้องรอนาน
วันนี้ฉันเลือกใส่เป็นกางเกงขาสั้นเอวสูงสีดำกับเสื้อสายเดี่ยวขนมิ้งสีครีม ไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อคลุมแบบบางมาใส่เพิ่มเพราะไม่อยากโดนใครบางคนแซว พอถึงร้านค่อยถอดมันแล้วกัน ปากเจ๋งใช่ว่าจะรื่นหู เดี๋ยวพากันเสียความมั่นใจหมด
“ชั่วโมงกว่า ได้แค่เนี่ย”
นินทาในใจยังไม่ทันลืมก็โดนสายตาและคำพูดดูถูกของอีกฝ่ายทันที ฉันกอดอกมองเขาอย่างเอาเรื่อง แต่เจ๋งกลับหัวเราะในลำคออย่างชอบใจที่ได้เห็นว่าฉันไม่พอใจคำพูดเขา
“แค่นี่มันคือไร”
“พี่ก็คิดเอาเองแล้วกัน” เขาว่าแล้วก็เดินไปหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซด์ของตัวเอง “พร้อมยัง”
“อืม”
ตอนที่ 7 หวั่นไหวตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วที่ฉันไม่ชอบเสียงฟ้าร้องและไฟดับแบบนี้ ยิ่งเสียงฟ้าผ่ามันทำเอาฉันกลัวจนต้องวิ่งไปหาสิ่งที่พึ่งพิงได้ แล้วมันก็เป็นสิ่งเดียวที่มีอยู่ในห้องนี้“กลัวอะไรขนาดนั้น”สิบสี่ปีก่อนคุณตาของฉันถูกฟ้าผ่าจนเสียชีวิตเพราะยืนอยู่กลางทุ่งนา เป็นวันที่ฉันตามติดตาไปด้วยเพราะอยากไปเที่ยวเล่นช่วงปิดเทอม นานครั้งถึงจะไปที่นั่นไปอยู่กับตาและยาย ภาพนั้นมันยังจำไม่เคยลืมเลย สายฟ้าที่ฟาดลงมาสู่ร่างของตาวันนั้นจนท่านล้มลง อยู่ในระยะสายตาที่ฉันมองเห็น ความสว่างสไวนั้นทำให้เห็นความเจ็บปวดในเสี้ยววินาทีของคนที่ฉันรักมันกลายเป็นเหตุการณ์ที่ถูกฝังลงในจิตใจ ทำให้กลัวเสียงฟ้าร้อง เสียงฟ้าผ่า มาตั้งแต่ตอนนั้น หัวใจของฉันมันสั่นไหวทุกครั้งที่ได้ยินมันรู้ตัวอีกทีฉันก็นั่งอยู่บนตักเจ๋ง กอดคอซบหน้าลงกับบ่าแกร่งจนลืมทุกความอึดอัดที่เคยมีต่อเขา เวลานี้มันแทนที่ด้วยความกลัวไปแล้ว“กลัว”เจ๋งไม่ได้พูดอะไรอีก เขาใช้แขนแข็งแรงนั้นโอบกอดฉันเอาไว้ มือหนาลูบลงกลางหลังราวกับต้องการให้ฉันรู้สึกปลอดภัยขึ้น แล้วมันก็ได้ผล ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกดีขึ้นได้ขนาดนี้หรือเพราะอ้อมกอดของเขามันกว้างและอบ
บริษัทมีเวลาเลิกงานที่สี่โมงเย็น ฉันใช้รถส่วนตัวในการเดินทางไปกลับ ถึงแม้ว่าจะเจอรถติดบ้างแต่ก็สะดวกกว่า ไม่ต้องไปเบียดผู้คนมากมายระหว่างที่รอรถติดก็เพิ่งเห็นข้อความจากเจ๋งที่ส่งมาเมื่อกลางวัน เพราะไม่ได้เปิดดูเลย มีงานเข้าตั้งแต่ช่วงบ่าย ที่แจ้งเตือนมาก็คิดว่าเป็นครามนั่นแหละ จึงไม่ได้สนใจเปิดอ่าน เดี๋ยวเขาจะรู้กันว่าฉันแอบเล่นมือถือตลอดเจ๋ง : เลิกกี่โมง ผมรอที่ล็อบบี้นะตั้งแต่เมื่อคืนที่เกิดเรื่องฉันก็ไม่ได้คุยกับเจ๋งเลย คิดว่าเขาโกรธฉันเสียอีก เพราะปกติเขาจะส่งข้อความมาวอแวกวนประสาทกันไม่เลิกแม้กระทั่งเวลาทำงานมีนา : ใกล้ถึงแล้วฉันตอบแค่นั้นแล้วก็เคลื่อนรถไปข้างหน้า ใช้เวลาจากบริษัทกลับถึงคอนโดก็คงประมาณหนึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าเขารออยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ส่งข้อความาหากัน ถ้าเป็นอย่างนั้นคงเกือบสี่ชั่วโมงแล้วเจ๋งมันบ้าหรือเปล่านะ จะรีบกลับมาทำไมทั้งที่รู้ว่าขึ้นห้องไม่ได้“จะรีบกลับมาทำไม” พอเดินเข้ามาที่ล็อบบี้ก็เห็นเจ๋งนั่งรออยู่พร้อมกับโน้ตบุ๊คค่ใจของเขาที่น่าจะใช้ทำงานไปด้วยระหว่างรอฉันจะว่าไปอยู่ตรงนี้รอมันก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียวเพราะมีห้องสำหรับให้นั่งเล่น
ตอนที่ 6 เว้นระยะห่างฉันออกมาทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงกว่า ส่วนเจ๋งนั้นยังไม่ตื่น ไม่รู้ว่าเขาหลับอยู่จริงๆ หรือแกล้งหลับเพราะไม่อยากคุยกับฉันกันแน่ เพราะปกติถ้าฉันตื่นมาต้องเห็นเขาตื่นรอแล้ว เท่าที่เห็นเขามาเกือบครึ่งดือน เจ๋งไม่ใช่คนตื่นสายเลย“มีนา”เสียงของใครบางคนเรียกฉันไว้ พอหันไปมองก็ต้องแปลกใจที่เป็นคราม ผู้ชายเมื่อคืนนี้ ทั้งที่ปกติไม่เคยเห็นเขาอยู่ในบริษัทมาก่อน“คราม”“นึกว่าจะลาป่วย” เขาแซว คงเป็นเพราะเห็นฉันกลับดึกเมื่อคืน“ไม่ขนาดนั้น คอเกรดเอ” ฉันตอบพลางขำ ทั้งที่เมื่อคืนก็เมาเอาเรื่องแต่ก็พอมีสติถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาไปดื่มกับเพื่อนรับรองว่าถึงไหนถึงกันแน่นอน แต่มีผู้ชายอยู่ด้วยในห้องอีกคนฉันก็ไม่กล้าเมาขนาดนั้น ถึงแม้ว่าเจ๋งจะเอ่ยปากบอกว่าฉันมันไม่สวย ไม่ทำอะไรฉันก็เถอะ มันก็ไม่แน่หรอกนะ“สรุปเมื่อคืน เพื่อนหรือแฟน” ครามถามกันตรงๆ แต่ก็สื่อทางสายตาว่าเขาแค่แซว“น้องน่ะ”“ใช่เหรอ เขามองเราตาขวางขนาดนั้น แถมยังร้องเพลงให้อีก” ครามหัวเราะเบาๆ“จริงๆ ไม่ใช่แฟน” ฉันตอบแล้วยิ้ม เราทั้งคู่เดินเข้าลิฟต์มาด้วยกันเวลานี้มีคนทยอยเข้ามาเรื่อย จนคุยกันเหมือนเดิมไม่ได้ กระทั่งถึงชั้นสาม
เจ๋งพาซ้อนมอเตอร์ไซด์ออกจากร้านแล้วขับช้าๆ รับลมเย็นยามค่ำคืนบนท้องถนนที่เวลานี้รถราบางตากว่าตอนกลางวัน มีแสงไฟเรียงรายอยู่ด้านข้างเพราะมีร้านข้างทางมาเปิดเพื่อรับลูกค้าที่กลับมาจากการท่องราตรี บางร้านเปิดตั้งแต่ดึกถึงเช้ากันเลย“หิวข้าว ขอแวะซื้อแป๊บนึงได้ไหม”“ทานนี่ก็ได้ เดี๋ยวนั่งรอ”“พี่กินไหม”“ไม่ กินเข้าไปคงอ๊วกแตก”บอกตามตรงตอนนี้ฉันก็เมาแล้วเพียงแต่พยายามทำตัวเหมือนไม่เมามาก ให้เจ๋งต้องเยอะเย้ยกัน ถ้าไอ้เด็กนี่รู้เข้ามีหวังหัวเราะเยาะแน่ แต่จะทำยังไงไม่ให้เขารู้นี่สิ แค่จะก้าวขาลงจากรถก็คิดว่าคงได้ล้ม“ลงมาสิ” เจ๋งยืนมองฉันที่ไม่ยอมลงจากรถมอเตอร์ไซด์เสียที“นั่งรอ ตรงนี้แหละ”“พี่เป็นไร” เจ๋งไม่ยอมง่ายๆ เขาขยับเข้ามาใกล้แล้วขมวดคิ้วมองหน้ากันจนฉันต้องรีบหันหน้าหนีเพราะตอนนี้ตาปรือมาก เรียกสติกลับมาหลายรอบแล้วด้วย“เปล่า ไม่อยากลงไป จะนั่งรอตรงนี้แหละ” ว่าแล้วก็ขยับแขนขึ้นมากอดอก มองนั่นมองนี่เรื่อยเปื่อย แต่ไม่มองหน้าเจ๋งหรอก“เมา?”“บ้า!”“งั้นก็ลงมา ไปนั่งตรงนั้น”“บอกว่าจะนั่งตรงนี้”“ดื้อจังวะ” เจ๋งไม่พูดเปล่า เขาก้าวเท้าเข้ามาใกล้แล้วตวัดแขนรวบเอวฉันก่อนจะอุ้มลงไปยืนบน
ตอนที่ 5 อย่ามายุ่งกับเมียชาวบ้านเจ๋งขึ้นร้องเพลงแล้ว เพิ่งรู้ว่าเวลาเขาร้องเพลงอยู่บนนั้นมันมีเสน่ห์มากมายขนาดนี้ ทั้งหน้าตา ทั้งเสียงร้อง ทำเอาสาวๆ หลงกันทั้งร้าน ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะมีคนชอบมากมาย เดินไปทางไหนกับเขาฉันก็ต้องเจอกับแรงอาฆาตแค้นเจ๋งถนัดร้องเพลงช้า ส่วนมากจะเป็นเพลงเศร้าซึ้งๆ ซึ่งมันยิ่งสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่ชวนให้หลงใหลของเขา ระดับเจ๋งไปเป็นดาราหรือนักร้องได้เลย จะไม่มีแมวมองมาเห็นบ้างเลยหรือ น่าแปลกแต่ความเป็นเจ๋งก็ทำให้ฉันคาดไม่ถึงมาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่เรื่องเพื่อนที่เยอะมากมาย ไหนจะเรื่องผู้หญิงที่ฉันคิดมาตลอดว่าคนปากหมาแบบนี้คงไม่มีใครคบ สุดท้ายเป็นยังไงล่ะ นี่มันหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยชัดๆ“ขอโทษนะครับ”“คะ”ขณะที่นั่งมองคนหน้าเวทีกำลังร้องเพลงอยู่ จนลืมสนใจสิ่งรอบข้างเพราะเคลิ้มกับเพลงที่เจ๋งกำลังร้อง ปลายนิ้วของใครบางคนก็มาสะกิดที่ไหล่ซ้าย เล่นเอาฉันตกใจรีบหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังโน้มหน้าลงมาแล้วส่งยิ้มให้“มาคนเดียวเหรอ”“คือ เปล่าค่ะ มากับเพื่อน”“ออ ขอชนแก้วได้ไหม”ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ก็แค่ชนแก้ว จึงพย
“หมดธุระมึงยัง” เจ๋งถามต่อ“เออ ไปก็ได้วะ แล้วมึงไม่ไปร้องเพลงเหรอวันนี้” เพื่อนลุกออกไปนั่งโต๊ะข้างกันซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างจากนั่งตรงนี้เลย โต๊ะติดกันจนกระซิบยังได้ยิน“กำลังจะไป”“โอ้ว พาสาวไปเฝ้า” เพื่อนอีกคนแซวอีกสองสามคนก็แซวกันจนฉันเขิน“เรื่องของกู”“เจ๋งมันไม่น่ารักเลยเนอะพี่”เพื่อนเขาคนหนึ่งยื่นหน้ามาคุยกับฉัน ที่เวลานี้แทบจะไม่กล้ากินก๋วยเตี๋ยวแล้ว ก็มาแซวกันขนาดนี้ใครมันจะไปกล้าคีบเส้นแล้วอ้าปากกินได้ ฉันก็อายเป็นเหมือนกัน เลยได้แต่ยิ้มแห้งเป็นคำตอบ รับบทแฟนเจ๋งคนปากหมาไปเลยยายมีนาดีนะที่ฉันกินลูกชิ้นไปแล้วไม่อย่างนั้นคงเสียดายแย่ นี่ไงล่ะคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องกินของที่อร่อยที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก“กินไหม”เจ๋งไม่สนใจคำพูดเพื่อนเขาอีก คีบลูกชิ้นลูกใหญ่มาตรงหน้าก่อนจะวางมันในชามของฉันที่เหลือแต่เส้นเล็กขาวๆ อืดๆ กับผักใบเขียวที่ถูกเขี่ยไปด้านข้าง สร้างความแปลกใจให้ฉันไม่น้อยเลย“ไม่กินเหรอ”“แลกกัน” ว่าแล้วเจ๋งก็คีบเส้นฉันไปใส่ในจานตัวเอง แล้วคีบลูกชิ้นอีกสองลูกกลับมาให้กันอีก“คนอะไรไม่ชอบลูกชิ้น”เจ๋งไม่ตอบ เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วคีบเส้นเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ แม้แต่ผั







