LOGINตอนที่ 4 น้องคนนี้แฟนเจ๋ง
เจ๋งพาซ้อนมอเตอร์ไซค์จากคอนโดมายังย่านมหาวิทยาลัย เป็นฝั่งด้านหลังที่อยู่ติดกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ทำให้คนไม่หนาตาอย่างที่เคยเห็น ซึ่งปกติหลังจากเรียนจบฉันก็ไม่ได้มาทานข้าวแถวนี้อีกเพราะคนเยอะ
เจ๋งเอี้ยวหน้ามาถามอะไรสักอย่าง เสียงของเขาที่แทรกผ่านลมแรงๆ นั้นทำให้ฟังไม่ได้ศัพท์จนต้องเลื่อนหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ แล้วรอฟัง
“ว่าไงนะ”
“อยากกินไร”
“อะไรก็ได้ แล้วแต่นาย”
พูดจบฉันก็ต้องขยับใบหน้ากลับมาที่เดิม นั่งหลบอยู่หลังเขาที่ตัวใหญ่กว่ากันจนเกือบจะบังลมจนมิด นี่คงเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ได้กลิ่นหอมๆ จากตัวเขาเพราะความใกล้ชิดกัน ถ้าไม่นับครั้งแรกที่ตื่นมาเจอกันวันนั้น
คนอะไร ตัวหอมทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ พระเจ้าก็ช่างลำเอียงเหลือเกิน
เจ๋งเป็นผู้ชายในแบบฉบับที่สาวหลายคนต้องตกหลุมรัก แต่นั่นไม่รวมฉันที่ไม่ชอบผู้ชายปากหมาแบบเขา เรื่องอื่นเขาใช่ทั้งนั้น ตั้งแต่คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่งเป็นสันแบบลูกครึ่ง สูงร้อยแปดสิบอัพ เล่นกีฬา ร้องเพลงเพราะ มีซิกแพก ตอนถอดเสื้อก็ดูดีตอนใส่ช็อปก็ดูเท่
ติดอยู่ที่ปากอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าพูดอะไรดีๆ กับฉันบ้างล่ะก็...
“ร้านนี้อร่อย”
“...”
“มีนา”
“หา”
ฉันสะบัดหน้าเพื่อเรียกสติของตัวเองที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยให้กลับคืนมา เห็นไอ้หน้าหล่อนั่นทำคิ้วขมวดใส่แถมยังมองมาด้วยความสงสัยก็เพิ่งรู้ตัวว่าทำตัวประหลาดต่อหน้าเขาอยู่ ถ้าเจ๋งมันรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ในหัวคงหัวเราะเยาะตายแน่
ยายป้านี่คิดว่ากูจะเอา?
นั่นแหละคือความคิดไอ้เจ๋งคนปากเสีย ฉันเดาไม่ผิดหรอก
“เหม่ออะไร”
“เปล่า สงสัยนอนเยอะไป” ฉันหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะตวัดขาลงจากรถ ส่วนเจ๋งไปยืนอยู่บนฟุตพาทรอแล้ว
“เตี๋ยวเหรอ”
“อืม น่าจะเคยมากินนะ”
“ก็เคย สมัยเรียน” ฉันบอกแล้วก็ยิ้มบางๆ เพราะคิดถึงสมัยเรียน มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกและมีความสุขกับชีวิตที่สุดแล้ว
พอย่างเข้าสู่ชีวิตวัยทำงานความกดดัน ความเครียดมันก็เริ่มมีมากขึ้น สิ่งที่ลดลงก็คงเป็นเวลาเที่ยว เวลานอน เวลาพักผ่อน เชื่อเถอะว่าใครก็อยากย้อนเวลากลับมาช่วงอยู่มหาวิทยาลัยกันทั้งนั้น
“จะกินไร”
ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ชี้ไปที่เมนูประจำสมัยเรียน ซึ่งคนอย่างมีนาเวลาชอบอะไรก็จะทานอันนั้นไปตลอด ไม่มีทางเปลี่ยน ไม่มีเบื่อเลย
“แฟนพี่เจ๋งเหรอแก”
“ใช่เหรอแก แต่ก็สวยอยู่นะ”
“ตรงไหน”
ตอนแรกเสียงนินทานั้นก็ไม่ได้ดังอะไรมาก แต่ก็พอให้ฉันได้ยินบ้าง ฉันไม่ได้อยากสนใจจนกระทั่งคนสุดท้ายที่พูดแบบนั้นมันทำให้อยากรู้ว่าเป็นใคร
ฉันเบือนหน้าไปมองก็รู้เลยว่าเป็นคนไหน เพราะสายตาของผู้หญิงสามคนนั้นมันมีแค่แม่นั่นคนเดียวที่มองฉันอย่างกับไม่ชอบหน้ากันมาก่อน หล่อนดูเป็นคนแรงๆ ไม่กลัว ไม่เกรงใจใครทั้งนั้น
“มีอะไร”
เสียงของเจ๋งดังขึ้นตอนที่เขาเดินกลับมา หลังจากเดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวกับคนขาย เขาคงเห็นว่าฉันมองไปหาสาวโต๊ะนั้นนานแล้วก็เลยสงสัย
“เปล่า”
ฉันมองไปยายนั่นก็มองตอบ ชักสีหน้าใส่ฉันแบบนั้น
“โต๊ะนั้นเหรอ”
“อืม เด็กนายหรือเปล่า”
“เด็กอะไร ไม่มี”
ฉันเบะปากมองบน วันนี้ฉันเจอคนพวกนี้ไปเท่าไรแล้ว สองคนแล้วนะในเวลาแค่วันเดียวที่ได้อยู่กับเจ๋ง ออกมาข้างนอกด้วยกันแค่แป๊บเดียวก็เจอสายตาประหลาดจากพวกสาวๆ ทำให้รู้ว่าเขามันฮอตขนาดไหน
ไม่ใช่ไอ้เจ๋งที่ปากหมาและไม่มีใครคบแบบที่ฉันคิด
“ไม่ใช่ว่าฉันจะโดนใครตบเพราะนายนะ” ฉันพูดอย่างมีน้ำโห เกลียดพวกที่มันไร้เหตุผล ชอบผู้ชายแต่มาหาเรื่องผู้หญิงคนอื่นอย่างฉันแบบแม่นั่น
บอกเลยว่ายายมีนามันไม่ให้ใครมาหาเรื่องฝ่ายเดียวหรอกนะ ตบมาตบกลับไม่โกงหรอกแม่คุณ!
“ใครตบพี่ ผมจะต่อยมันกลับ โอเคไหม”
สบายใจฉิบหายเลยเจ๋งเอ๊ย โคตรสบายใจ
ฉันพ่นลมหายใจเพราะคำพูดทีเล่นทีจริงของเขา ไม่กี่นาทีเมนูที่สั่งก็มาเสิร์ฟ เราต่างคนต่างทานของตัวเองไปจนกระทั่งมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทัก
“ไอ้เจ๋ง ไงมึง”
เจ๋งเงยหน้าขึ้นมองปากก็เคี้ยวลูกชิ้นเนื้อที่ขึ้นชื่อของร้านไป นิสัยของเขาต่างกับฉันเรื่องนี้ตรงที่ ฉันจะกินลูกชิ้นก่อนอันดับแรกขณะที่เจ๋งเก็บมันไว้กินเป็นอันสุดท้าย แล้วตอนนี้เขาก็มีลูกชิ้นอยู่ในถ้วยอีกสามลูก ส่วนอย่างอื่นหมดเกลี้ยงไปแล้ว
ไวอะไรขนาดนั้น หิวมากหรือไง
“ไรมึง”
“ใครเนี่ย เพื่อนลืมเล่าอะไรหรือเปล่า”
เพื่อนของเจ๋งแซว แล้วยังนั่งลงข้างเขาซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับฉัน หันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร เพื่อนคนอื่นก็พากันนั่งโต๊ะข้างๆ แล้วแซวมาไม่หยุด
โอเค ตอนนี้ฉันรับบทคนรักใหม่ของเจ๋งไปแล้ว
“กูต้องเล่า? มึงเป็นพ่อกูหรือไง”
“เนี่ย ปากหมาแบบนี้เธอคบกับมันได้ไง”
“เอ่อ” ฉันยิ้มแห้ง ไม่รู้จะบอกยังไงก็เพื่อนเขาเอาแต่พูดไม่หยุด เจ๋งก็ไม่ได้ปฏิเสธเสียทีเดียว อยากจะเอามือข่วนหน้าด้วยความหมั่นไส้
“เสือก”
“พี่ชื่อปริ้นซ์นะครับ น้องชื่ออะไร”
ฉันที่อ้าปากจะตอบแล้วบอกว่า ไม่ใช่รุ่นน้อง ก็ถูกเจ๋งพูดแทรกจนต้องอ้าปากพะงาบ งับอากาศลงท้องไป
“เรื่องของเขา มึงไม่ต้องอยากรู้ ไปนั่งที่ของมึงไป”
“ไอ้เหี้ย ขี้หวงสัส ๆ แค่ถามชื่อมึงต้องหวงด้วยเหรอไอ้เจ๋ง กูก็เห็นเป็นแฟนเพื่อนถึงอยากทำความรู้จัก” ปริ๊นซ์แกล้งทำสีหน้าจริงจัง แต่ก็ดูออกว่าเขาเล่นกันแบบเพื่อน
“ชื่อมีนา มึงรู้แล้วก็ไป”
เจ๋งเป็นคนบอกทั้งหมด แต่ไม่ได้บอกว่าฉันไม่ใช่น้องแล้ว และที่แปลกใจคือเขาไม่บอกล่ะ ว่าฉันไม่ใช่แฟนเขา จะปล่อยให้เพื่อนเข้าใจผิดไปทำไม
“ไม่เคยเห็นหน้า ซุ่มเหรอ”
“ซุ่มพ่อมึง”
“คำก็พ่อ สองคำก็พ่อ ถามจริง น้องคบกับมันได้ไงอะ”
“เขาพี่มึง” เจ๋งเฉลยไปหนึ่งเรื่อง ทำเอาเพื่อนเขาตาโต
“เอาจริงดิ หน้าเด็กมากพี่ ขอโทษครับ” ปริ๊นซ์ยกมือไหว้กันยกใหญ่จนฉันต้องยกมือห้ามปรามว่ามันไม่เป็นไร
โดนทักว่าหน้าเด็กใครมันจะไม่ชอบเล่า ทีอย่างนี้มาเฉลย แล้วอีกเรื่องเมื่อไรจะเฉลยล่ะพ่อ
ตอนที่ 7 หวั่นไหวตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วที่ฉันไม่ชอบเสียงฟ้าร้องและไฟดับแบบนี้ ยิ่งเสียงฟ้าผ่ามันทำเอาฉันกลัวจนต้องวิ่งไปหาสิ่งที่พึ่งพิงได้ แล้วมันก็เป็นสิ่งเดียวที่มีอยู่ในห้องนี้“กลัวอะไรขนาดนั้น”สิบสี่ปีก่อนคุณตาของฉันถูกฟ้าผ่าจนเสียชีวิตเพราะยืนอยู่กลางทุ่งนา เป็นวันที่ฉันตามติดตาไปด้วยเพราะอยากไปเที่ยวเล่นช่วงปิดเทอม นานครั้งถึงจะไปที่นั่นไปอยู่กับตาและยาย ภาพนั้นมันยังจำไม่เคยลืมเลย สายฟ้าที่ฟาดลงมาสู่ร่างของตาวันนั้นจนท่านล้มลง อยู่ในระยะสายตาที่ฉันมองเห็น ความสว่างสไวนั้นทำให้เห็นความเจ็บปวดในเสี้ยววินาทีของคนที่ฉันรักมันกลายเป็นเหตุการณ์ที่ถูกฝังลงในจิตใจ ทำให้กลัวเสียงฟ้าร้อง เสียงฟ้าผ่า มาตั้งแต่ตอนนั้น หัวใจของฉันมันสั่นไหวทุกครั้งที่ได้ยินมันรู้ตัวอีกทีฉันก็นั่งอยู่บนตักเจ๋ง กอดคอซบหน้าลงกับบ่าแกร่งจนลืมทุกความอึดอัดที่เคยมีต่อเขา เวลานี้มันแทนที่ด้วยความกลัวไปแล้ว“กลัว”เจ๋งไม่ได้พูดอะไรอีก เขาใช้แขนแข็งแรงนั้นโอบกอดฉันเอาไว้ มือหนาลูบลงกลางหลังราวกับต้องการให้ฉันรู้สึกปลอดภัยขึ้น แล้วมันก็ได้ผล ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกดีขึ้นได้ขนาดนี้หรือเพราะอ้อมกอดของเขามันกว้างและอบ
บริษัทมีเวลาเลิกงานที่สี่โมงเย็น ฉันใช้รถส่วนตัวในการเดินทางไปกลับ ถึงแม้ว่าจะเจอรถติดบ้างแต่ก็สะดวกกว่า ไม่ต้องไปเบียดผู้คนมากมายระหว่างที่รอรถติดก็เพิ่งเห็นข้อความจากเจ๋งที่ส่งมาเมื่อกลางวัน เพราะไม่ได้เปิดดูเลย มีงานเข้าตั้งแต่ช่วงบ่าย ที่แจ้งเตือนมาก็คิดว่าเป็นครามนั่นแหละ จึงไม่ได้สนใจเปิดอ่าน เดี๋ยวเขาจะรู้กันว่าฉันแอบเล่นมือถือตลอดเจ๋ง : เลิกกี่โมง ผมรอที่ล็อบบี้นะตั้งแต่เมื่อคืนที่เกิดเรื่องฉันก็ไม่ได้คุยกับเจ๋งเลย คิดว่าเขาโกรธฉันเสียอีก เพราะปกติเขาจะส่งข้อความมาวอแวกวนประสาทกันไม่เลิกแม้กระทั่งเวลาทำงานมีนา : ใกล้ถึงแล้วฉันตอบแค่นั้นแล้วก็เคลื่อนรถไปข้างหน้า ใช้เวลาจากบริษัทกลับถึงคอนโดก็คงประมาณหนึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าเขารออยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ส่งข้อความาหากัน ถ้าเป็นอย่างนั้นคงเกือบสี่ชั่วโมงแล้วเจ๋งมันบ้าหรือเปล่านะ จะรีบกลับมาทำไมทั้งที่รู้ว่าขึ้นห้องไม่ได้“จะรีบกลับมาทำไม” พอเดินเข้ามาที่ล็อบบี้ก็เห็นเจ๋งนั่งรออยู่พร้อมกับโน้ตบุ๊คค่ใจของเขาที่น่าจะใช้ทำงานไปด้วยระหว่างรอฉันจะว่าไปอยู่ตรงนี้รอมันก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียวเพราะมีห้องสำหรับให้นั่งเล่น
ตอนที่ 6 เว้นระยะห่างฉันออกมาทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงกว่า ส่วนเจ๋งนั้นยังไม่ตื่น ไม่รู้ว่าเขาหลับอยู่จริงๆ หรือแกล้งหลับเพราะไม่อยากคุยกับฉันกันแน่ เพราะปกติถ้าฉันตื่นมาต้องเห็นเขาตื่นรอแล้ว เท่าที่เห็นเขามาเกือบครึ่งดือน เจ๋งไม่ใช่คนตื่นสายเลย“มีนา”เสียงของใครบางคนเรียกฉันไว้ พอหันไปมองก็ต้องแปลกใจที่เป็นคราม ผู้ชายเมื่อคืนนี้ ทั้งที่ปกติไม่เคยเห็นเขาอยู่ในบริษัทมาก่อน“คราม”“นึกว่าจะลาป่วย” เขาแซว คงเป็นเพราะเห็นฉันกลับดึกเมื่อคืน“ไม่ขนาดนั้น คอเกรดเอ” ฉันตอบพลางขำ ทั้งที่เมื่อคืนก็เมาเอาเรื่องแต่ก็พอมีสติถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาไปดื่มกับเพื่อนรับรองว่าถึงไหนถึงกันแน่นอน แต่มีผู้ชายอยู่ด้วยในห้องอีกคนฉันก็ไม่กล้าเมาขนาดนั้น ถึงแม้ว่าเจ๋งจะเอ่ยปากบอกว่าฉันมันไม่สวย ไม่ทำอะไรฉันก็เถอะ มันก็ไม่แน่หรอกนะ“สรุปเมื่อคืน เพื่อนหรือแฟน” ครามถามกันตรงๆ แต่ก็สื่อทางสายตาว่าเขาแค่แซว“น้องน่ะ”“ใช่เหรอ เขามองเราตาขวางขนาดนั้น แถมยังร้องเพลงให้อีก” ครามหัวเราะเบาๆ“จริงๆ ไม่ใช่แฟน” ฉันตอบแล้วยิ้ม เราทั้งคู่เดินเข้าลิฟต์มาด้วยกันเวลานี้มีคนทยอยเข้ามาเรื่อย จนคุยกันเหมือนเดิมไม่ได้ กระทั่งถึงชั้นสาม
เจ๋งพาซ้อนมอเตอร์ไซด์ออกจากร้านแล้วขับช้าๆ รับลมเย็นยามค่ำคืนบนท้องถนนที่เวลานี้รถราบางตากว่าตอนกลางวัน มีแสงไฟเรียงรายอยู่ด้านข้างเพราะมีร้านข้างทางมาเปิดเพื่อรับลูกค้าที่กลับมาจากการท่องราตรี บางร้านเปิดตั้งแต่ดึกถึงเช้ากันเลย“หิวข้าว ขอแวะซื้อแป๊บนึงได้ไหม”“ทานนี่ก็ได้ เดี๋ยวนั่งรอ”“พี่กินไหม”“ไม่ กินเข้าไปคงอ๊วกแตก”บอกตามตรงตอนนี้ฉันก็เมาแล้วเพียงแต่พยายามทำตัวเหมือนไม่เมามาก ให้เจ๋งต้องเยอะเย้ยกัน ถ้าไอ้เด็กนี่รู้เข้ามีหวังหัวเราะเยาะแน่ แต่จะทำยังไงไม่ให้เขารู้นี่สิ แค่จะก้าวขาลงจากรถก็คิดว่าคงได้ล้ม“ลงมาสิ” เจ๋งยืนมองฉันที่ไม่ยอมลงจากรถมอเตอร์ไซด์เสียที“นั่งรอ ตรงนี้แหละ”“พี่เป็นไร” เจ๋งไม่ยอมง่ายๆ เขาขยับเข้ามาใกล้แล้วขมวดคิ้วมองหน้ากันจนฉันต้องรีบหันหน้าหนีเพราะตอนนี้ตาปรือมาก เรียกสติกลับมาหลายรอบแล้วด้วย“เปล่า ไม่อยากลงไป จะนั่งรอตรงนี้แหละ” ว่าแล้วก็ขยับแขนขึ้นมากอดอก มองนั่นมองนี่เรื่อยเปื่อย แต่ไม่มองหน้าเจ๋งหรอก“เมา?”“บ้า!”“งั้นก็ลงมา ไปนั่งตรงนั้น”“บอกว่าจะนั่งตรงนี้”“ดื้อจังวะ” เจ๋งไม่พูดเปล่า เขาก้าวเท้าเข้ามาใกล้แล้วตวัดแขนรวบเอวฉันก่อนจะอุ้มลงไปยืนบน
ตอนที่ 5 อย่ามายุ่งกับเมียชาวบ้านเจ๋งขึ้นร้องเพลงแล้ว เพิ่งรู้ว่าเวลาเขาร้องเพลงอยู่บนนั้นมันมีเสน่ห์มากมายขนาดนี้ ทั้งหน้าตา ทั้งเสียงร้อง ทำเอาสาวๆ หลงกันทั้งร้าน ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะมีคนชอบมากมาย เดินไปทางไหนกับเขาฉันก็ต้องเจอกับแรงอาฆาตแค้นเจ๋งถนัดร้องเพลงช้า ส่วนมากจะเป็นเพลงเศร้าซึ้งๆ ซึ่งมันยิ่งสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่ชวนให้หลงใหลของเขา ระดับเจ๋งไปเป็นดาราหรือนักร้องได้เลย จะไม่มีแมวมองมาเห็นบ้างเลยหรือ น่าแปลกแต่ความเป็นเจ๋งก็ทำให้ฉันคาดไม่ถึงมาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่เรื่องเพื่อนที่เยอะมากมาย ไหนจะเรื่องผู้หญิงที่ฉันคิดมาตลอดว่าคนปากหมาแบบนี้คงไม่มีใครคบ สุดท้ายเป็นยังไงล่ะ นี่มันหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยชัดๆ“ขอโทษนะครับ”“คะ”ขณะที่นั่งมองคนหน้าเวทีกำลังร้องเพลงอยู่ จนลืมสนใจสิ่งรอบข้างเพราะเคลิ้มกับเพลงที่เจ๋งกำลังร้อง ปลายนิ้วของใครบางคนก็มาสะกิดที่ไหล่ซ้าย เล่นเอาฉันตกใจรีบหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังโน้มหน้าลงมาแล้วส่งยิ้มให้“มาคนเดียวเหรอ”“คือ เปล่าค่ะ มากับเพื่อน”“ออ ขอชนแก้วได้ไหม”ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ก็แค่ชนแก้ว จึงพย
“หมดธุระมึงยัง” เจ๋งถามต่อ“เออ ไปก็ได้วะ แล้วมึงไม่ไปร้องเพลงเหรอวันนี้” เพื่อนลุกออกไปนั่งโต๊ะข้างกันซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างจากนั่งตรงนี้เลย โต๊ะติดกันจนกระซิบยังได้ยิน“กำลังจะไป”“โอ้ว พาสาวไปเฝ้า” เพื่อนอีกคนแซวอีกสองสามคนก็แซวกันจนฉันเขิน“เรื่องของกู”“เจ๋งมันไม่น่ารักเลยเนอะพี่”เพื่อนเขาคนหนึ่งยื่นหน้ามาคุยกับฉัน ที่เวลานี้แทบจะไม่กล้ากินก๋วยเตี๋ยวแล้ว ก็มาแซวกันขนาดนี้ใครมันจะไปกล้าคีบเส้นแล้วอ้าปากกินได้ ฉันก็อายเป็นเหมือนกัน เลยได้แต่ยิ้มแห้งเป็นคำตอบ รับบทแฟนเจ๋งคนปากหมาไปเลยยายมีนาดีนะที่ฉันกินลูกชิ้นไปแล้วไม่อย่างนั้นคงเสียดายแย่ นี่ไงล่ะคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องกินของที่อร่อยที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก“กินไหม”เจ๋งไม่สนใจคำพูดเพื่อนเขาอีก คีบลูกชิ้นลูกใหญ่มาตรงหน้าก่อนจะวางมันในชามของฉันที่เหลือแต่เส้นเล็กขาวๆ อืดๆ กับผักใบเขียวที่ถูกเขี่ยไปด้านข้าง สร้างความแปลกใจให้ฉันไม่น้อยเลย“ไม่กินเหรอ”“แลกกัน” ว่าแล้วเจ๋งก็คีบเส้นฉันไปใส่ในจานตัวเอง แล้วคีบลูกชิ้นอีกสองลูกกลับมาให้กันอีก“คนอะไรไม่ชอบลูกชิ้น”เจ๋งไม่ตอบ เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วคีบเส้นเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ แม้แต่ผั







