หน้าหลัก / โรแมนติก / เผลอใจรักเมียคนเดิม / ตอนที่ 9 ดีพอ ไม่มีอยู่จริง

แชร์

ตอนที่ 9 ดีพอ ไม่มีอยู่จริง

ผู้เขียน: ณัฐพรพราว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-04 21:29:42

“แล้วดีพอในความหมายของมึงคือแบบไหนวะ แบบไหนที่เรียกว่าดี”

“แบบกูไง” ตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้วก็ยกแก้วเหล้าที่บีบเกือบร้าวขึ้นมาดื่มต่อ

“เหรอ ฮ่า ๆ โทษทีนะที่กูขำ” ชัชชัยอดขำพรวดออกมาไม่ได้ จะพูดว่าไงดีละ เขาคิดว่าเพื่อนของเขากำลังเยินยอตัวเองมากเกินไปหน่อย

“ขำอะไรของมึงวะ นี่กูพูดจริง ๆ นะ ไม่มีใครดีสำหรับเอิร์นได้เท่ากูอีกแล้ว” ตั้งแต่เด็กก็ไม่เห็นจะมีผู้ชายคนไหนที่ดูจะเป็นคนดีในสายตาของอินทัช เพราะเหตุนี้ไงเขาถึงยอมเสียสละตัวเองมาแต่งงานกับอารีรัตน์

“ถ้ามึงดีนักแล้วขอเลิกกับเขาทำไมวะ”

“เอ้า ก็กูไม่ได้รักเอิร์นไงมึง คนขอเลิกมันก็จะมีกี่เหตุผลกันวะ แล้วกูก็บอกเอิร์นดี ๆ กูไม่ได้นอกใจหรือทำเรื่องเลว ๆ แล้วถึงมาขอเลิกเว้ย”

“เออครับ มึงมันคนดี ประเสริฐจนยากจะหาชายใดมาเทียบได้ แล้วมึงได้ถามเขาไหม”

“ถามอะไรวะ”

“มึงเคลมว่าตัวเองเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับน้องเอิร์น แล้วมึงได้ถามเขาไหมว่าในสายตาของเอิร์นมึงดีขนาดนั้นหรือเปล่า กูว่านะตอนนี้น้องเอิร์นคงมองว่ามึงเหี้ย...”

“เฮ้ย ไอ้ชัช มึงหลอกด่ากูเหรอ”

ไอ้เพื่อนเวร คนกำลังเคลิ้มและหลงใหลไปกับความดีในความคิดของตัวเองอยู่ แต่ไอ้นี่มันมาพูดซะความดีที่อินทัชคิดกลายเป็นคนเลวขึ้นมาทันที

“กูไม่ได้หลอกด่า แต่ด่าเลย คนดีที่ไหนมันถึงได้ทิ้งลูกทิ้งเมียวะ น้องเอิร์นก็ดูแลมึงอย่างดีและลูกมึงก็กำลังน่ารักแต่มึงดันขอเลิกได้ลงคอ ถ้ากูเป็นน้องเอิร์นก็คงไม่มองว่ามึงดีหรอกว่ะไอ้โอบ เป็นกูนะจะหาผัวใหม่ที่ดีกว่ามึง กูบอกเลยนะ คนอย่างมึงแม่งไม่ใช่คนดี”

“ไอ้เชี่ยนี่ มึงยังอยากเป็นเพื่อนกูอยู่ไหมไอ้ชัช” มันพูดจาไม่เข้าหูหลายครั้งแล้วนะ แม่ง!

“แหมมึง ทำมาขึ้นนะ” พูดจี้ใจดำหน่อยทำเป็นสร่างเมานะมึงไอ้โอบ

“กูแค่เลิกกับเอิร์นแต่กูไม่ได้ทิ้งลูก” เขาตั้งใจทำมาเองกับมือจะทิ้งได้ยังไง อันนาคือสิ่งล้ำค่ามากที่สุดของเขา ไม่ได้รักแม่ของลูกแต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่รักลูก ใครมันจะไม่รักลูกของตัวเองวะ

“กูกลับละ ค่าเหล้าเก็บบิลมาให้กูด้วยเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง ฉลองชีวิตโสดของกู”

อินทัชพูดไว้แค่นั้นแล้วลุกจากเก้าอี้ เดินโซซัดโซเซเล็กน้อยเพราะวันนี้เขาดื่มหนักกว่าปกติ หอบร่างของตัวเองจนเดินมาถึงรถ เปิดประตูเข้าไปนั่ง เปิดแอร์ให้เย็นๆ หน่อยเพราะรู้สึกหัวร้อนนิด ๆ กับคำพูดของชัชชัย ปิดเปลือกตาลง อินทัชตั้งใจว่าจะของีบสักหน่อยเพื่อให้อาการเมาของตัวเองดีขึ้นเพราะตอนนี้เขาขับรถไม่ได้ มึนหัวขนาดนี้ขับออกไปถ้าไม่ตายก็โดนด่านดักอยู่ดี

วันรุ่งขึ้น

“โอ๊ย ปวดหัวโว๊ย” เสียงอวดครวญดังขึ้นพร้อมดวงตาทั้งสองข้างค่อย ๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งช้า ๆ อาการปวดศีรษะอย่างหนักเป็นผลพวงจากการที่อินทัชดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาดไปเมื่อคืน ร่างกายของเขาถึงได้รู้สึกหนักอึ้งเหมือนวิญญาณยังไม่กลับเข้าร่าง ดวงตาทั้งสองข้างตื่นแล้วแต่สติสัมปชัญญะยังไม่เข้าที่เข้าทาง ยังมึนแต่ก็พอรู้ว่าทั้งคืนเขานอนอยู่บนรถและยังจอดหน้าผับที่เดิม

“ฉิบหายละ!” ฉิบหายมากจริง ๆ เมื่อหน้าของลูกน้อยโผล่เข้ามาในหัว เป็นใบหน้าของอันนาที่ทำหน้างอนและจะทำหน้าแบบนี้ทุกครั้งที่เจ้าตัวเล็กงอนปะป๊า

“ปะป๊าขอโทษนะลูก” พูดขอโทษแต่ไปไม่ถึงลูกสาวเพราะมือกำลังคลำหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในกระเป๋ากางเกง แล้วแม่งกูทำหล่นไว้ที่ไหนวะ! บ่นตัวเองไปก็พลิกซ้ายพลิกขวาจนในที่สุดก็เจอ

“กูนั่งทับตอนไหนเนี่ย” ช่างเรื่องนี้ไปก่อน ตอนนี้ต้องรีบกดเบอร์โทรหาอารีรัตน์ ‘แม่ของลูก’ คือชื่อที่อินทัชใช้บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของอารีรัตน์ไว้ กดโทรออก แต่...

‘หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดใช้บริการ’

“อะไรวะ” ดึงโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ออกมาเพื่อดูว่าเขากดโทรถูกเบอร์หรือเปล่า ‘ก็เบอร์เอิร์น’ เบอร์โทรของอารีรัตน์จะอยู่ที่รายการโทรออกครั้งล่าสุดเสมอเพราะโทรหาเธอคนเดียวส่วนเรื่องงานจะใช้อีกเบอร์

“หรือเอิร์นปิดเครื่อง?” ตั้งคำถามกับตัวเองไปเรื่อยในขณะที่กดโทรออกอีกครั้งและก็เหมือนเดิม เสียงปลายสายยังเป็นเสียงของระบบตอบรับอัตโนมัติที่ตอบอินทัชและเขามั่นใจว่าไม่ได้กดเบอร์ผิดเพราะเขาจำเบอร์ของอารีรัตน์ได้ จำได้ทุกตัวเลขเพราะเธอใช้เบอร์นี้มาตั้งแต่มัธยมแล้วและเขาเป็นคนเลือกเบอร์นี้ให้เธอด้วยตัวเองจะจำไม่ได้ได้ยังไงกัน

“เอิร์นปิดเบอร์นี้ทำไม” ตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งเมื่ออินทัชมั่นใจแล้วว่าเสียงปลายสายเป็นเสียงที่บอกว่าหมายเลขนี้ปิดใช้บริการไม่ใช่ปิดเครื่องแค่ชั่วคราว

แต่สิ่งที่เขาอยากรู้คือ ทำไมอารีรัตน์ต้องทำแบบนั้นด้วย หากเธอจะโกรธที่เขาขอเลิกอันนี้อินทัชเข้าใจได้เพราะเรื่องนี้มันเป็นความต้องการของเขาเพียงฝ่ายเดียวและเขาไม่ได้ให้เวลาเธอได้เตรียมใจ แต่เขาไม่เห็นเหตุผลที่เธอจะต้องเปลี่ยนเบอร์นี้หรืออย่างน้อยก็ต้องคิดถึงอันนาบ้างไหม เธอไม่คิดว่าเขาจะอยากโทรหาลูกเลยหรือไง

“บ้านชานเมือง” อินทัชนั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเองอยู่ในรถเงียบ ๆ เขากำลังโมโหอารีรัตน์มากที่เธอกล้าทำแบบนี้กับเขาแต่ความโกรธไม่สามารถทำให้เขาไปหาลูกได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่อินทัชควรทำคือตั้งสติของตัวเองและใช้ความคิดว่าบ้านชานเมืองของอารีรัตน์อยู่ที่ไหน ‘ไม่รู้เว้ย!!’

 เรารู้จักกันมานานมากแต่งงานกันมาก็หลายปีจนมีลูกหนึ่งคนแล้ว แต่ทำไมเธอไม่เคยบอกเรื่องบ้านหลังนี้ให้เขารู้เลย เมื่อวานที่อารีรัตน์ขนของออกไปเขาก็มัวแต่ดีใจกับชีวิตโสดของตัวเองจนลืมขอโลเคชั่นบ้านหลังนั้นไว้ พอนึกได้ก็คิดว่าเดี๋ยวค่อยโทรไปถามแต่อินทัชไม่คิดเลยว่าเขาต้องมาเจออารีรัตน์ทำกับเขาแบบนี้

เปลี่ยนทั้งเบอร์แถมยังนิสัยไม่ดีไม่ยอมทิ้งโลเคชั่นไว้ให้เขาอีก “เอิร์นแย่มาก!” อยากเปลี่ยนเบอร์ก็เปลี่ยนไปสิไม่ได้ห้าม แต่เรื่องบ้านอย่างน้อยก็ควรปักหมุดไว้ให้เขาสักหน่อย ไม่คิดว่าเขาจะอยากไปหาลูกเลยหรือไง

“แล้วกูจะทำไงต่อวะเนี่ย โอ๊ย!!” หงุดหงิด หาทางออกไม่ได้เลยระบายอารมณ์ของตัวเองโดยการทุบไปที่พวงมาลัยรถแรง ๆ แต่ดันเจ็บ โทสะยังไม่ลดลงเพิ่มเติมคือปวดมือ มีอะไรจะแย่กว่านี้อีกไหมถ้ามีก็เพิ่มมาเลยนะเอามาให้หมดในวันนี้ โกรธอารีรัตน์ก็โกรธ โมโหที่อับจนหนทางก็โมโห คิดถึงอันนามากด้วย

เมื่อคืนอินทัชตั้งใจจะไปหาลูก อยากไปดูว่าบ้านใหม่ที่เมียเก่าของเขาพาลูกย้ายไปอยู่จะดูดีไหม ปลอดภัยต่ออันนาหรือเปล่าแล้วอันนาจะชอบไหม แต่ดันเมาหัวทิ่มและหลับคารถไปเสียก่อนเขาเลยไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้

“บ้านชานเมืองจะไปยากอะไร โทรถามอิงค์ก็ได้วะ”

อินทัชตัดสินใจขับรถกลับบ้านเพื่อไปอาบน้ำล้างตัวก่อนจะไปทำงานและระหว่างนั้นเขาจะโทรหาอิงค์ น้องสาวของเขา สองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันหากอารีรัตน์จะตัดขาดจากเขา เธอก็คงไม่ตัดขาดกับเพื่อนรักหรอกน่า

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 10 อย่าหาว่าใจร้าย

    “เออเอิร์น เรื่องโรงเรียนมินถามผอ.ของโรงเรียนแล้วนะ เขาบอกว่ายังเปิดรับนักเรียนอยู่ พรุ่งนี้ไม่ก็มะรืนนี้เอิร์นพาอันนาไปสมัครเรียนได้เลยนะจ๊ะ” มินตราพูดด้วยความตื่นเต้นพร้อมส่งเบอร์โทรศัพท์ของโรงเรียนอนุบาลให้อารีรัตน์ ‘โรงเรียนอนุบาลเติมฝัน...ผอ.ปณิธาน’“ดีจัง เอิร์นขอบใจมินมากเลยนะที่เป็นธุระเรื่องนี้ให้ อันนาต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่จะได้เรียนโรงเรียนเดียวกันกับตังเม”คนเป็นแม่ที่มีลูกเกิดใกล้ ๆ กันก็พากันตื่นเต้นที่จะต้องหาโรงเรียนให้ลูกสาว ทางด้านอารีรัตน์จะตื่นเต้นและค่อนข้างเครียดเรื่องโรงเรียนมากหน่อยเพราะเดิมทีวางแผนไว้จะให้อันนาเรียนโรงเรียนนานาชาติใกล้บ้านนั่นคือความคิดก่อนหน้าที่อินทัชจะขอเลิกกับเธอ ตอนนี้แผนทุกอย่างต้องถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดและยอมรับเลยว่าเรื่องหาที่เรียนให้ลูกทำเอาอารีรัตน์นอนหลับไม่สนิทมาหลายคืน และเธอยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่มีเพื่อนดีหากไม่ได้มินตราเป็นธุระเรื่องโรงเรียนให้อารีรัตน์ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะไปหาโรงเรียนที่เชื่อถือได้จากที่ไหน“โรงเรียนอนุบาลเติมฝันเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กเล็กที่มินคิดว่าที่ดีสุดในย่านนี้แล้ว เรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของบุคลากรในโรง

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 9 ดีพอ ไม่มีอยู่จริง

    “แล้วดีพอในความหมายของมึงคือแบบไหนวะ แบบไหนที่เรียกว่าดี”“แบบกูไง” ตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้วก็ยกแก้วเหล้าที่บีบเกือบร้าวขึ้นมาดื่มต่อ“เหรอ ฮ่า ๆ โทษทีนะที่กูขำ” ชัชชัยอดขำพรวดออกมาไม่ได้ จะพูดว่าไงดีละ เขาคิดว่าเพื่อนของเขากำลังเยินยอตัวเองมากเกินไปหน่อย“ขำอะไรของมึงวะ นี่กูพูดจริง ๆ นะ ไม่มีใครดีสำหรับเอิร์นได้เท่ากูอีกแล้ว” ตั้งแต่เด็กก็ไม่เห็นจะมีผู้ชายคนไหนที่ดูจะเป็นคนดีในสายตาของอินทัช เพราะเหตุนี้ไงเขาถึงยอมเสียสละตัวเองมาแต่งงานกับอารีรัตน์“ถ้ามึงดีนักแล้วขอเลิกกับเขาทำไมวะ”“เอ้า ก็กูไม่ได้รักเอิร์นไงมึง คนขอเลิกมันก็จะมีกี่เหตุผลกันวะ แล้วกูก็บอกเอิร์นดี ๆ กูไม่ได้นอกใจหรือทำเรื่องเลว ๆ แล้วถึงมาขอเลิกเว้ย”“เออครับ มึงมันคนดี ประเสริฐจนยากจะหาชายใดมาเทียบได้ แล้วมึงได้ถามเขาไหม”“ถามอะไรวะ”“มึงเคลมว่าตัวเองเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับน้องเอิร์น แล้วมึงได้ถามเขาไหมว่าในสายตาของเอิร์นมึงดีขนาดนั้นหรือเปล่า กูว่านะตอนนี้น้องเอิร์นคงมองว่ามึงเหี้ย...”“เฮ้ย ไอ้ชัช มึงหลอกด่ากูเหรอ”ไอ้เพื่อนเวร คนกำลังเคลิ้มและหลงใหลไปกับความดีในความคิดของตัวเองอยู่ แต่ไอ้นี่มันมาพูดซะความดี

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 8 อิสระที่รอคอย

    “อืม...” เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิด เอียงคอไปด้วยขณะที่กำลังใช้ความคิดทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำถามและหาคำตอบเพื่อตอบคุณแม่ของเธอ“ปะป๊าทำงาน งานยุ่งมาก”เป็นเรื่องที่อันนาคุ้นชินมาตั้งแต่เธอเริ่ม ๆ จำความได้ เวลาทั้งวันเธอจะอยู่กับคุณแม่มากกว่าเพราะรู้ว่าที่ปะป๊าต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าและกลับเข้ามาตอนค่ำ ๆ ก็เพราะออกไปทำงานและถ้าวันไหนปะป๊าของอันนากลับช้ากว่าปกติคุณแม่ก็จะบอกว่าปะป๊างานยุ่งมากทำให้กลับบ้านช้า และอันนาจะได้เจอหน้าปะป๊าในเช้าวันถัดไป ปะป๊าจะคอยที่โต๊ะทานข้าวเพื่อรอป้อนมื้อเช้าให้เธอเสมอ“น้องอันไม่โกรธค่ะ เพราะปะป๊าทำงานหนักเพื่อดูแลน้องอันกับคุณแม่” คำตอบของอันนาทำให้อารีรัตน์ต้องอมยิ้มและรู้สึกเบาใจที่ลูกสาวเข้าใจว่าปะป๊าทำงานหนักก็เพื่อลูกคนนี้และดีใจมากที่อันนาจะไม่โกรธปะป๊า“วันนี้ปะป๊าก็งานยุ่งเหรอคะคุณแม่” เปลี่ยนมาเอียงคออีกข้างแล้วถามคุณแม่กลับไปบ้าง สีของท้องฟ้าทำให้อันนารู้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาที่เธอต้องได้เจอหน้าปะป๊าแล้วแต่ก็ยังไม่เจอ ทำให้เด็กน้อยเข้าใจไปเองว่าที่ปะป๊ายังไม่กลับมาก็เพราะปะป๊างานยุ่ง“จ้ะ” อารีรัตน์เลือกที่จะตอบเออออไปในทางที่ลูกสาวของเธอกำลังเข

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 7 ชีวิตที่ต้องเดินต่อไป

    “พรุ่งนี้เอิร์นเข้าไปเริ่มงานได้เลยนะ มินบอกพนักงานในคาเฟ่ไว้แล้วว่าเอิร์นจะเข้าไปเป็นผู้จัดการร้าน มีอะไรสงสัยหรือติดปัญหาอะไรก็ถามทุกคนในร้านได้เลย น้อง ๆ นิสัยดีทุกคนเพราะมินคัดมาเองกับมือ”มินตราพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่อารีรัตน์จะเข้ามาเป็นผู้จัดการคาเฟ่ให้เธอ คาเฟ่ของมินตราเป็นร้านกาแฟขนาดกลาง ไม่เล็กมากแต่ก็ไม่ใหญ่โตจนเกินไป เธอพึ่งเริ่มเปิดมาได้หกเดือนเท่านั้นยังจัดว่าเป็นมือใหม่ แม้จะยังมือใหม่ก็ถือว่าเป็นร้านคาเฟ่ที่พึ่งเปิดแต่มีลูกค้าประจำหนาแน่น“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะมิน ถ้าเอิร์นไม่มีมินก็ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อดี”อารีรัตน์พูดจากใจจริงและรู้สึกขอบคุณเพื่อนรักคนนี้มาก ๆ มินตราจะเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้ามาช่วยเหลือเธอในเวลาที่ทุกข์ใจเสมอ อิงค์น้องของอินทัชก็ด้วยแต่ว่าตอนนี้อิงค์ทำงานอยู่ที่อเมริกาไทม์โซนต่างกันทำให้ไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ แต่มินตราจะอยู่ใกล้เธอมากกว่าและอาจจะเพราะว่าเราเป็นคุณแม่เหมือนกัน เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็มักจะเข้าใจกันได้ในทันทีโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา“ตอนนี้เอิร์นทำใจให้สบายนะไม่ต้องคิดอะไรมาก หรือถ้ามีเรื่องอะไร

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 6 แค่ความทรงจำ

    “เอิร์นมาช้ามากเลยใช่ไหม ขอโทษนะมิน” ทำหน้ารู้สึกผิดและก็ยอมรับผิดจริง ๆ เพราะเธอมาช้ามาก พอมาเห็นเพื่อนสาวอุ้มลูกน้อยวัยเดียวกันกับอันนารอเธออยู่ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก“คิดมากน่า ไม่ได้ช้าขนาดนั้น”“ตังเม สวัสดีน้าเอิร์นค่ะคนเก่ง” มินตรายกมือขึ้นจัดผมหน้าม้าให้ลูกสาววัย 3 ขวบของเธอขณะบอกให้สวัสดีคุณน้าเอิร์นไปด้วยตังเมเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของมินตราที่เกิดจากเธอและไตร สามีที่ลืมเลือนเธอไปแล้ว มีเพียงทะเบียนสมรสเท่านั้นที่เป็นสิ่งยืนยันว่าเธอมีสามีอยู่ ส่วนเจ้าตัวนั้นจะรู้หรือเปล่าว่าลูกและเมียอยู่ที่นี่“สวัสดีค่ะน้าเอิร์น” สองมือป้อม ๆ ยกขึ้นมาพนมแล้วก้มศีรษะไหว้เพื่อนของแม่มิน ตังเมมีเก้อเขินอยู่บ้างเพราะไม่ค่อยได้เจอน้าเอิร์นบ่อยเท่าไหร่ ถึงจะเขินจนม้วนแต่ก็ยังไหว้สวยสมกับที่มินตราเคร่งเรื่องมารยาทกับลูกสาวของตัวเองเธอฝึกและอบรมตังเมเป็นอย่างดี“น่ารักจังเลยลูก ตังเม” ขอจิ้มแก้มหลานสาวสักทีให้หายหมั่นเขี้ยวแล้วจึงแนะนำเด็กอีกคนให้รู้จักกัน“อันนาไหว้น้ามินด้วยนะลูก”“เมื่อวานก็ไหว้แล้วค่ะคุณแม่ วันนี้ต้องไหว้อีกเหรอคะ” ถ้าไม่ขี้สงสัยคงไม่ใช่อันนา และคำถามซื่อ ๆ ของเธอก็ทำเอา

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 5 บ้านหลังใหม่กับความหวังใหม่

    “ทำไมปะป๊าถึงไปกับเราไม่ได้เหรอคะคุณแม่” เสียงของเด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความสงสัยขณะที่เธอนั่งอยู่ในคาร์ซีทของตัวเองและมองกระเป๋าเสื้อผ้ากับข้าวของเครื่องใช้ที่เต็มรถไปหมด“ปะป๊าต้องทำงานใหญ่ค่ะน้องอัน ก็เลยมาอยู่กับเราไม่ได้” อารีรัตน์ตอบคำถามของลูกสาวในขณะที่เธอกำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังใหม่ที่เธอจะใช้บ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่จะเลี้ยงดูอันนา บ้านชานเมืองที่ใกล้จากบ้านหลังเดิมที่เคยเป็นเรือนหอของเธอ“แล้วปะป๊าจะมานอนกับเราไหมคะคุณแม่” เด็กน้อยช่างสงสัย คิดอะไรออกมาก็ถามหมดแม้จะยังไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อและแม่ของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว“แน่นอนค่ะ ถ้าปะป๊างานไม่ยุ่งปะป๊าจะมานอนกับเราค่ะ” น้ำเสียงของคนเป็นแม่ยังคงปกติเหมือนทุกครั้งที่อันนาได้ยิน แต่หนูน้อยอันนาจะไม่รู้เลยว่าภายใต้น้ำเสียงที่ยังสดใสของคุณแม่นั้นได้ซ่อนความเจ็บปวดที่บีบรัดก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายจนมันแตกซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่แม่ก็คือแม่แม้จะเจ็บเจียนตายขนาดไหนก็ต้องเข้มแข็งเพื่อลูกเสมอ“น้องอันคิดถึงปะป๊า” ไม่มีวันไหนที่อันนาจะไม่ได้หอมแก้มปะป๊าก่อนนอน และวันนี้เธอก็ยังคิดว่าปะป๊าจะต้องตามไปหาเธอที่บ้านหลังใหม่และเล่านิทานให้เธอฟั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status