พิจิกาอัดเทปไปแล้วห้าชุด และเมื่อเธอเรียนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงในเวลาอีกห้าปีต่อมา เธอก็ฉลองอายุ ครบยี่สิบพร้อมกับแถลงเปิดเทปชุดใหม่ของเธอ...พิจิกากลายเป็นตัวทำเงินของบริษัทของเสี่ย เขาโอ๋เธอมากมาย พิจิกาเอ่ยปากสิ่งใด เขาก็สรรหามาประเคนให้ ไม่สนใจว่าพิมพาและ ทรงวุฒิจะหวั่นวิตกว่าเขาจะทำให้พิจิกาหลงระเริงจนเหลิง
“เด็กมันอยากได้จะเป็นไรไปเล่า”
เขาหัวเราะทุกครั้งที่ถูกขัดคอและเอ็นดูเธอเหมือนเธอเป็นลูกสาวของเขา...สิ่งดีๆ ในตัวของเสี่ยข้อหนึ่งก็คือเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่มักมากในทางเพศ เขามีเมียเดียวและไม่เคยคิดจะนอกใจเมียไปมีคนอื่นอีกนักร้องหญิงในสังกัดของบริษัททุกคนจึงไร้กังวลได้ในข้อนี้
“เด็กก็ทำดีมาตลอด”
เขาได้กำไรงดงามจากการขายเทป และสองแม่ลูกก็ได้ บ้านหลังใหญ่งดงาม ได้เงินฝากในธนาคารที่เพิ่มขึ้น ได้ชื่อเสียง อีกมากมาย มันเป็นผลประโยชน์ที่พึ่งพากันและกัน
“เทปชุดนี้คงจะไปได้โลด”
เขายังมีความหวัง เพราะตอนนี้ยังไม่มีคู่แข่งรายใดที่น่ากลัวสำหรับพิจิกา...มีวงสตริงหลายวงดังขึ้นมาแต่ก็เป็นนักร้องชายเสียหมด แนวเพลงของพิจิกาที่เขาวางเอาไว้ให้ก็ยังเป็นเพลงป๊อปง่ายๆ ฟังสบายหู ไม่เร่าร้อน...เขารู้ว่าพิจิกาไม่เหมาะกับเพลงแนวอื่น โทนเสียงสดใส ของเธอเหมาะกับการร้องเพลงรักหวานนุ่มๆ แบบนี้แหละ เขาคาดหวัง การขายเทปเอาไว้สองแสนม้วนขึ้นไป
และช่วงนี้เองที่พิจิกาพบผู้ชายที่เธอพอใจ จนแน่ใจจะเรียกว่าความรัก...ยังไม่มีใครได้ระแคะระคายสักคน เพราะพิจิกาปิดเงียบเอาไว้ ผู้ชายคนนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ เรียนมาด้วยกันเป็นเพื่อนกัน เขาเป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัวคนจีน อยู่ตึกแถวที่ใหญ่สามคูหา และเป็นโรงงานทำเสื้อยืดส่งขายเมืองนอก...ความสัมพันธ์นี้เป็นไป อย่างเงียบกริบก่อนจะระเบิดตูมในวันหนึ่ง...เมื่อพิจิกาประกาศว่า เธอจะแต่งงาน เท่านั้นเองก็เกิดกลียุคย่อยๆ
เสี่ยเป็นคนแรกที่ทำท่าเหมือนช็อก...เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองกับ คำประกาศของเด็กสาวอายุยี่สิบ
แต่งงานมันฟังง่ายดาย
เหมือนฟังเด็กสาวอารมณ์สดใสพูดถึงเสื้อผ้าที่ถูกตาพอใจ...แต่ทำไมในอกของเขาจึงเหมือนช่องว่างช่องใหญ่ได้แยกแยะออก ดวงตาของเขายังพองถลน อยู่อย่างนั้นเอง
ติดตามมาด้วยทรงวุฒิ
พิจิกาจะแต่งงาน...เธอไม่ได้พูดถึงเรื่องการเรียน...ทั้งที่อาทิตย์ก่อนหน้านี้เธอพูดถึงเรื่องการเรียน เธออยากเรียนต่อ และมีโครงการ จะไปเรียนเมืองนอก แต่เมื่อมาอยู่พร้อมกันหลายคนเธอกลับพูด เรื่องแต่งงาน
ผู้ชายคนไหน...ทรงวุฒิคิดจนหัวแทบจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ก็ยังนึกไม่ออกว่าพิจิกาอยากแต่งงานกับผู้ชายคนไหน เขาไม่เคยเห็นเธอ สนิทสนมกับชายคนใดเป็นพิเศษ ที่สนิทสนมกันมากๆ ก็มีสองคน คือเขากับเสี่ย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอจะเลือกเขาหรือเสี่ย
เมษานั้นแทบจะไม่ได้หายใจเมื่อได้ยิน หล่อนเอามือกดลง ตรงที่ตั้งของหัวใจ...พบว่ามันเต้นผึงๆ เหมือนจะโลดออกมาจากข้างในเสียด้วยซ้ำ แล้วหล่อนก็ได้ยินเสียงแห้งๆ ตกใจเต็มที่ของตัวเอง ถามออกไป
“ลูกพูดผิดหรือเปล่า”
“ไม่ผิดค่ะ...ขิมจะแต่งงาน”
เธอยังยืนยัน ดวงหน้าผ่องใสเหลือเกิน ดวงตาก็เป็นประกาย ดวงตาของพิจิกาที่มักจะแปรสีได้ตามอารมณ์...มันจะเข้มจัดยามที่เธออารมณ์ดีสุดขีดกับอารมณ์ร้ายสุดขีด ยังไม่มีใครเคยเห็นยามพิจิการ้ายๆ แต่พิมพาเชื่อแน่ว่าคงจะได้เห็นกันในเร็ววันนี้แน่นอน...หากมีการปฏิเสธสิ่งที่พิจิกาต้องการ
“กับใคร”
“ผู้ชายที่ขิมรัก”
“มันเป็นใคร”
เสียงของเมษาเริ่มงวดลง และบอกความไม่พอใจอย่างมาก นั่นทำให้พิจิกาเม้มปากเข้าหากัน
“ลูกจะบ้าแล้วมั้ง แต่งเข้าไปได้ยังไงกัน...ไม่ได้นะ” น้ำเสียงของเมษาเกรี้ยวกราด ระเบิดโทสะของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ “แม่ยอม ให้ลูกแต่งไม่ได้...ชื่อเสียงที่สะสมมาได้ป่นปี้ไปกันหมดแน่ๆ เชียว”
“ขิมรักเขา”
พิจิกาบอกเบาๆ ยามโกรธพิจิกาจะมีระดับเสียงเบากว่าปกติ และยามใดที่เสียงของเธอเบาลงนั่นคือสัญญาณอันตราย พิมพา เลยเตรียมพร้อมด้วยการเข้าไปใกล้ ทำท่าจะดึงพิจิกาออกไปจากห้องนี้ ได้ทุกขณะ
“รักหรือ”
เมษายกมือทาบหน้าอกตัวเองเอาไว้ ทำท่าเหมือนปรากฏตัว อยู่บนเวทีการแสดงสักแห่ง แต่เธอก็แสนจะคุ้นเคยกับท่าทางของแม่ มาแต่ไหนแต่ไร...แม่เป็นผู้หญิงสวยและมีเสน่ห์เสมอแม้วัยจะล่วงเลย เข้าไปสามสิบหก แม่ก็ยังคงเสน่ห์ของแม่เอาไว้ได้คงเส้นคงวาเหลือเกิน
“ลูกเอาอะไรมาพูด...ความรัก”
แล้วเมษาก็ทำท่าขนลุกขนพอง...หล่อนหมดความเชื่อถือ กับความรักโดยสิ้นเชิง ลูกสาวตัวน้อยของหล่อนกลับพูดถึงความรัก อย่างชื่นชม และทำท่าเหมือนมันยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา
“ยังไงขิมก็จะแต่งงานกับเขา ขิมอายุ 20 แล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ผิดกฏหมาย ขิมไม่ใช่ผู้เยาว์แล้ว”
เธอรู้มากเกินไปแล้ว เมษาบอกตัวเอง
ดวงตาของเธอเป็นสีเข้มจัดขึ้นเกือบเท่าตัว และนี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่าเธอจะสู้อย่างหัวชนฝาทีเดียว ฉุดไม่ได้รั้งไม่อยู่กันอีกแล้ว แล้วพิจิกา ก็เดินออกจากห้อง มีพิมพาก้าวตามมาติดๆ ปล่อยให้เมษาผวาลุกตาม ก่อนจะไร้เรี่ยวแรงซวนเซลงนั่ง แต่ในยามซวนเซ...ท่วงท่าของหล่อน ก็ยังงดงามพอ
“ลูกสาวฉันเอาใหญ่แล้ว...เกิดบ้าอะไรขึ้นมานี่” หล่อนร่ำร้องออกมาอย่างอึดอัด “อยู่ๆ อยากแต่งงาน ไม่รู้เอาเสียเล้ยว่าถ้าแต่งตอนนี้ ก็เป็นอันว่าดับสนิท...ใครจะอยากเห็นนักร้องขวัญใจตัวเองแต่งงานมีผัว อายุก็เท่านี้ด้วย...เพิ่งจะจบอนุปริญญามาหมาดๆ จะบ้าไปกันใหญ่ แทนที่จะคิด เรื่องดีๆ ให้เหมือนมีมันสมองเยอะๆ ในหัว”
“ใจเย็นๆ ไว้ฮะ...คุณเม” ทรงวุฒิเข้ามาโอบกอดหล่อนเอาไว้พร้อมกับคำปลอบโยนนุ่มนวล
“ฉันอยากรู้ว่าลูกสาวฉันอยากแต่งกับไอ้หนุ่มคนไหน สืบให้ได้นะวุฒิ...แล้วฉันจะให้มันพ้นออกไป ลูกสาวฉันยังมีผัวไม่ได้...หรือถ้าจะมี ก็ต้องมีให้ดีๆ ไม่ใช่หลับตาเลือกเอาเอง”
“อย่าเพิ่งคิดมากเลยฮะ”
“ฉันขอบอกนะ...หัวเด็ดตีนขาด ลูกฉันก็จะไม่แต่งงานเดี๋ยวนี้ แล้วแกก็ต้องเลิกคิดเรื่องมีผัวอีกด้วย”
“แกอาจจะคิดแบบเด็กๆ อยากมีใครสักคน”
เสี่ยขัดขึ้นมา...แต่เมษาก็สวนคำเกือบจะทันที
“แกมีฉันนะ...เสี่ย แล้วแกจะต้องการใครอีก ผู้ชายที่จะมาเป็นผัวน่ะเหรอ...ยัยขิมแกจะรู้อะไรกันเชียว แกยังเยาว์วัยเท่านั้นเอง ฉันยอมไม่ได้นะคะเสี่ย...แกยังเด็ก มีผัวตั้งแต่อายุน้อยเพื่ออะไรเล่า แล้วแกเอง ก็กำลังมีชื่อเสียงถึงขั้นนี้แล้ว ทั้งผลักทั้งดันแกมา เรื่องอะไรจะให้แกดับไปจากฟากฟ้านี้ง่ายๆ ฉันไม่ยอมแน่”
เมษายังเห็นพิจิกาเหมือนผู้เยาว์ ไม่ยอมรับในวัย20 ของลูกสาว “คุณเมไม่ควรจะหุนหันไป...เด็กน่ะแรงอยู่ ถ้าไปแรงเข้าอีก แกจะคิดว่าตัวเองถูกต่อต้านจะยิ่งเลยเถิดไปกันใหญ่...นี่แกบริสุทธิ์ใจ แกถึงกล้าบอก ผมจะสืบดูให้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
“ดีแล้ว...วุฒิ หลังจากนั้นฉันจะได้ตัดฉับเดียวให้มันหมดเยื่อใย ไปเลย”
พ่อกับแม่อยากให้เขาหย่า อยากให้มันจบสิ้นลงทุกอย่าง แต่แม่ของหล่อนเป็นผู้ดีเก่าที่เปราะบางเหลือเกินจะรับความอับอายได้ว่ามีการจดทะเบียนหย่าหลังจดทะเบียนแต่งแค่หกอาทิตย์...เรื่องจึงยืดเยื้อข้ามปีมา แล้วนี่เขาก็เพิ่งบินไปพบหล่อน ไปตกลงกับหล่อนอย่างเด็ดขาดว่าเขาจะจ่ายค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ ขอให้หล่อนกลับมาหย่าร้างให้รู้แล้วรู้รอดกันไป...ที่จริงจะทำที่สถานทูตก็ยังได้ แต่อดีตเมียเขา อีกนั่นแหละที่ไม่ยอมทำตาม...หล่อนกลัวจะเสียหน้าหล่อนห่วงหน้าตาตัวเองยิ่งกว่าอื่นใดในโลกนี้...หล่อนอ้างว่า คนที่อยู่เมืองนอกมีไม่มากนัก และกระหายหิวที่จะรู้เรื่องของคนอื่น หล่อนจะบินตามกลับมาหากเขาจะจัดการเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด และเขา จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในแวดวงชีวิตของหล่อนอีกนับจากนี้เป็นต้นไป ซึ่งข้อนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วสุวิชารู้ว่าสายสัมพันธ์ของเขากับหล่อนขาดสะบั้นลง อย่างยากจะต่อติด...ตอนหิ้วกระเป๋ากลับบ้าน เขาบอกกับแม่ว่า...ผมอาจจะร้อนเกินไป เมียผมเย็นชืดยังกะน้ำยา จะนอนด้วย ทีไรก็ต้องขออนุญาต ต้องอะไรต่อมิอะไรสารพัด ผมมีเมียนะฮะ ไม่ได้มี รูปปั้นงามๆ มาตั้งเอาไว้บนเตียง แถมยังไม่เอาไหนอีกด้
“คุณขิมยังไม่กลับค่ะ” พิมพาเอ่ยรายงานหลังจากที่เมษาถามหา...นั่นทำให้หล่อนชะงักเกือบจะไม่เชื่อหูตัวเอง แล้วก็จ้องมองนาฬิกาเขม็งก่อนจะโวยวายออกมาฉับพลัน...ไม่ผิดกับที่พิมพาได้คาดเดาเอาไว้เลย“ยังไม่กลับ...ทั้งที่มันเข้าไปตีสองแล้วน่ะเหรอ...ตีสอง...นี่มัน ตีสองนะพิมพา ไม่ใช่บ่ายสองหรือสองโมงเช้า”ดวงหน้าของเมษาขาวลงเกือบจะทันใด หล่อนรู้ได้ในทันทีว่า พิจิกาเริ่มมีปฏิกิริยาใส่หล่อนเข้าแล้ว หลังจากเป็นเด็กดีว่าง่าย มาโดยตลอด แม่พูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น ไม่มีการบิดพริ้วเป็นอย่างอื่นไปได้...มือของหล่อนกำเข้าหากันแน่น แล้วก็ทุบโครมลงบนโต๊ะ“เกินไปแล้ว...นี่ยัยขิมคงจะคิดว่าการทำตัวแบบนี้จะทำให้ฉัน ใจอ่อนยอมให้แต่งงานล่ะมั้ง...ไม่มีวันหรอก...ไม่มีวัน ลูกนะลูก...ไม่ได้เดียงสาเล้ย อยู่ๆ ก็อยากแต่งงานกับผู้ชายปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังทำอะไรไม่เป็นนอกจากแบมือขอเงินเตี่ยกับแม่ใช้...ถึงจะรวยก็เถอะ มันมีสมองแค่ไหนก็ไม่รู้”พิมพาได้ยินคำรำพันต่างๆ นานา...ในเวลาเดือนเศษๆ หลังจากที่พิจิกาประกาศว่าจะแต่งงาน ในบ้านหลังนี้ก็มีอุณหภูมิที่พุ่งขึ้นสูง และยังไม่รู้ว่ามันจะลดต่ำลงมาหรือไม่พิจิกาเริ่มเที่ยวเ
พิจิกาอัดเทปไปแล้วห้าชุด และเมื่อเธอเรียนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงในเวลาอีกห้าปีต่อมา เธอก็ฉลองอายุ ครบยี่สิบพร้อมกับแถลงเปิดเทปชุดใหม่ของเธอ...พิจิกากลายเป็นตัวทำเงินของบริษัทของเสี่ย เขาโอ๋เธอมากมาย พิจิกาเอ่ยปากสิ่งใด เขาก็สรรหามาประเคนให้ ไม่สนใจว่าพิมพาและ ทรงวุฒิจะหวั่นวิตกว่าเขาจะทำให้พิจิกาหลงระเริงจนเหลิง“เด็กมันอยากได้จะเป็นไรไปเล่า” เขาหัวเราะทุกครั้งที่ถูกขัดคอและเอ็นดูเธอเหมือนเธอเป็นลูกสาวของเขา...สิ่งดีๆ ในตัวของเสี่ยข้อหนึ่งก็คือเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่มักมากในทางเพศ เขามีเมียเดียวและไม่เคยคิดจะนอกใจเมียไปมีคนอื่นอีกนักร้องหญิงในสังกัดของบริษัททุกคนจึงไร้กังวลได้ในข้อนี้“เด็กก็ทำดีมาตลอด”เขาได้กำไรงดงามจากการขายเทป และสองแม่ลูกก็ได้ บ้านหลังใหญ่งดงาม ได้เงินฝากในธนาคารที่เพิ่มขึ้น ได้ชื่อเสียง อีกมากมาย มันเป็นผลประโยชน์ที่พึ่งพากันและกัน“เทปชุดนี้คงจะไปได้โลด”เขายังมีความหวัง เพราะตอนนี้ยังไม่มีคู่แข่งรายใดที่น่ากลัวสำหรับพิจิกา...มีวงสตริงหลายวงดังขึ้นมาแต่ก็เป็นนักร้องชายเสียหมด แนวเพลงของพิจิกาที่เขาวางเอาไว้ให้ก็ยังเป็นเพลงป๊อปง่ายๆ ฟังสบายหู ไม่เร่าร้อน
โอมมือสั่นระริกเมื่อมองเห็นภาพนั่นร่วงลงมาจากซองสีขาวขนาดใหญ่กว่าซองปกติ มันลงไปอยู่กับพื้นโต๊ะ...แล้วเขาก็เห็น คนสามคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน ลูกสาวของเขาอยู่ตรงกลาง ดวงหน้าเรียวดูสว่างด้วยรอยยิ้ม ข้างขวาของเธอคือเมษา และอีกข้างก็คือหนุ่มน้อยผัวใหม่ของเมษา เขาพลิกไปอ่านข้างหลัง...ขิมอยากให้พ่อเห็นว่าขิมกับแม่มีความสุขกันค่ะ รักพ่อ ม๊ากมาก...ปากของเขาเม้มแน่น ดวงตาลุกโชน...ลูกสาวเขา เลือดในอก ของเขาแท้ๆ เทียวที่เหยียบย่ำดวงใจเขาได้เพียงนี้ เหมือนพิจิกาสนับสนุนให้เมษามีผัวใหม่...โอมเริ่มคลางแคลงแล้วว่าระหว่างแม่กับลูกคู่นั้น ใครจะชักนำใครกันแน่ เขากำลังจะฉีกรูปภาพนั้นออกเป็นชิ้นๆ แต่ เพ็ญพรรณก้าวเข้ามาเสียก่อน...หล่อนหยิบรูปนั้นไปจากมือของเขา“จะฉีกเสียทำไมกันคะ”“ขิมส่งรูปมาเยาะเย้ยผม”“แกคงจะไม่ได้เจตนา”แต่ไม่ว่าเพ็ญพรรณจะพูดอย่างไร โอมก็ปักใจเชื่อเสียแล้ว เขาหมดหวังกับลูกสาว หมดหวังการรอคอยการกลับบ้านของสองแม่ลูกอีกต่อไปโดยสิ้นเชิงแล้ว...ทำอย่างไรทั้งเมษาและพิจิกาก็จะไม่หวนกลับมาที่นี่...ส่วนเขาก็ยังต้องดำรงชีวิตต่อไป เขายังมีตัวเอง มีลูกชาย และที่เป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวเขาก็คือเพ็
เพ็ญพรรณมองดูชายที่หล่อนพอใจด้วยความรู้สึกสงสารและสมเพชระคนกัน...หล่อนรู้เรื่องที่เมษาจะแต่งงานใหม่ ไม่ใช่ จากปากของเขา หากแต่ข่าวตามหน้าหนังสือ...เมษาเป็นแม่ ของนักร้องดัง ชื่อของหล่อนมักปรากฏควบคู่ไปกับชื่อของพิจิกาและได้ชื่อว่ายอดคุณแม่ ในแง่ที่ว่าดูแลเอาใจใส่ลูกสาวเป็นอย่างดี เคยมีสมาคมหนึ่งเอาชื่อของเมษาไปใส่ไว้ในรายชื่อของแม่ ที่จะได้รับพิจารณาเป็นแม่ดีเด่นประจำปีในปีนี้ และโอมก็กลายเป็นคนหมกหมุ่น เงียบลงไปยิ่งกว่าเก่า ดื่มทั้งที่ไม่เคยดื่ม และดื่มหนักอย่างคนที่ไม่หลงเหลือสิ่งที่ดีงามอยู่อีก“ครูพรรณ” เด็กชายร้องเรียกเมื่อเห็นหล่อนย่างก้าวเข้ามา สิงหาอายุ จะแปดขวบ เติบโตเกินวัย และรู้คิดอยู่เงียบๆ ที่จริงลูกสองคนของโอม กับเมษาล้วนแล้วแต่เป็นเด็กฉลาดอย่างยิ่ง...เด็กชายเดินเข้ามาหา แล้วชี้ให้ดูพ่อ “พ่อเมาอีกแล้ว”“ครูจะทำความสะอาดบ้านให้...แล้วจะพูดกับพ่อให้เธอเอง”หล่อนเดินเข้าไปหาเขา ดวงตาเขาเป็นสีแดงช้ำ ไม่ใช่เพราะเมรัยอย่างเดียว...หากเพราะเขาแหลกสลายทางใจด้วยอีก เขาเบิกตาเอาไว้เพื่อจะมองดูหล่อนให้ถนัด“คุณครูนั่นเอง” เสียงเหมือนคนลิ้นไก่สั้น “มาทำไมกันครับ”“ฉันเป็นห่วงสิง
เสี่ยกำลังเติบกล้าไปในเส้นทางของดนตรีทั้งที่เสี่ยไม่รู้เรื่องดนตรีเลยสักนิด เสี่ยร้องเพลงไม่เป็น เล่นดนตรีไม่ได้ และไม่รู้จักเครื่องดนตรี สักอย่าง แต่เสี่ยก็รักเสียงเพลง ชอบฟังเพลง บอกได้ในแรกฟังเพลง ว่านักร้องคนไหนจะอยู่รอดหรือคนไหนจะไป...เหมือนเมื่อแรกที่เสี่ย ได้ยินเสียงใสๆ ของพิจิกาจากตลับเทป...เสี่ยดีดนิ้วแรงๆ แล้วยิ้มแจ่มใส พร้อมกันนั้นเสี่ยก็มีโครงการหลายอย่างสำหรับเด็กหญิงตัวเล็กพร้อมกับทุ่มเทแบบว่าเท่าไหร่เท่ากัน เขาเสียอีกถึงจะมั่นใจก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าเสี่ยเสี่ยงออกจะมากเกินไปกับเงินลงทุน “จะทำการใหญ่ต้องลงทุน ต้องเสียไปบ้าง ก่อนจะได้...ไม่มีใครได้โดยไม่เสียอะไรเลย...แล้วคนที่ไม่เคยเสียอะไรเลยก็ไม่เคยจะได้” พูดจบแล้วเสี่ยก็หัวเราะฮ่าๆ ชอบอกชอบใจ...เสี่ยสนับสนุนเขา ให้เข้ามาทำงานให้เมษาด้วยซ้ำ “ไปทำงานให้คุณเมเถอะ แกเป็นแม่ที่รักลูกมากๆ อั๊วอายุ ปูนนี้แล้ว มีลูกแล้วหลายคนยังรักลูกได้ไม่เท่าแกรักยัยขิม เรื่องเงินเดือนแกให้ลื้อได้เท่านั้น แต่อั๊วจะเพิ่มให้เอง ท่าทางแกชอบลื้อเหมือนกันนะ” นั่นทำให้ทรงวุฒิขวยเขิน เพราะเ