“คุณขิมยังไม่กลับค่ะ”
พิมพาเอ่ยรายงานหลังจากที่เมษาถามหา...นั่นทำให้หล่อนชะงักเกือบจะไม่เชื่อหูตัวเอง แล้วก็จ้องมองนาฬิกาเขม็งก่อนจะโวยวายออกมาฉับพลัน...ไม่ผิดกับที่พิมพาได้คาดเดาเอาไว้เลย
“ยังไม่กลับ...ทั้งที่มันเข้าไปตีสองแล้วน่ะเหรอ...ตีสอง...นี่มัน ตีสองนะพิมพา ไม่ใช่บ่ายสองหรือสองโมงเช้า”
ดวงหน้าของเมษาขาวลงเกือบจะทันใด หล่อนรู้ได้ในทันทีว่า พิจิกาเริ่มมีปฏิกิริยาใส่หล่อนเข้าแล้ว หลังจากเป็นเด็กดีว่าง่าย มาโดยตลอด แม่พูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น ไม่มีการบิดพริ้วเป็นอย่างอื่นไปได้...มือของหล่อนกำเข้าหากันแน่น แล้วก็ทุบโครมลงบนโต๊ะ
“เกินไปแล้ว...นี่ยัยขิมคงจะคิดว่าการทำตัวแบบนี้จะทำให้ฉัน ใจอ่อนยอมให้แต่งงานล่ะมั้ง...ไม่มีวันหรอก...ไม่มีวัน ลูกนะลูก...ไม่ได้เดียงสาเล้ย อยู่ๆ ก็อยากแต่งงานกับผู้ชายปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังทำอะไรไม่เป็นนอกจากแบมือขอเงินเตี่ยกับแม่ใช้...ถึงจะรวยก็เถอะ มันมีสมองแค่ไหนก็ไม่รู้”
พิมพาได้ยินคำรำพันต่างๆ นานา...ในเวลาเดือนเศษๆ หลังจากที่พิจิกาประกาศว่าจะแต่งงาน ในบ้านหลังนี้ก็มีอุณหภูมิที่พุ่งขึ้นสูง และยังไม่รู้ว่ามันจะลดต่ำลงมาหรือไม่
พิจิกาเริ่มเที่ยวเตร่ในยามค่ำคืน เธอไปด้วยตัวของเธอ...ไม่มี ใครติดตามไปด้วยสักคน แต่เมษาก็เชื่อว่าเป็นเพราะไอ้หมอนั่น...ไอ้หนุ่ม ที่หล่อนลงความเห็นว่าไม่มีน้ำยาอะไรสักนิด
“คอยดูนะ...พิมพา ฉันจะจัดการขั้นเด็ดขาดเสียที ลูกจะมาดี ไปกว่าฉันไม่ได้เป็นอันขาด”
“ความรักนะคะ...คุณแม่”
“ความรัก” เมษาทวนแล้วทำท่าเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องสยดสยอง ไหล่ไหวเข้าหากันเล็กน้อย “ถ้ายัยขิมอายุมากกว่านี้...ไอ้เจ้านั่นอายุมากกว่านี้...มั่นคงกว่านี้ ฉันก็คงจะสนับสนุนอยู่หรอก แต่มันก็ยังเป็นเด็ก ยังรับเงินจากเตี่ย ยังหาเลี้ยงตัวเองไม่รอด ฉันจะยอมได้ยังไงกัน ให้ชื่อเสียงของยัยขิมมันจบลง...มีผัวเมื่อไหร่ก็พังเมื่อนั้นแหละ ไม่ว่า จะมีลับๆ หรือจะมีโดยเปิดเผย มันพังไปด้วยกันทั้งนั้น...พรุ่งนี้นะพิมพาพรุ่งนี้”
“คุณเมจะทำอะไรหรือคะ”
“ฉันจะไปถามมันดูถึงตึกแถวนั่นเชียวว่าจะเอาเท่าไหร่...ถ้าเลิกยุ่งกับยัยขิม”
“คุณเม...จะดีหรือคะ”
“ฉันเป็นแม่นะ...ฉันนอนคิดมาแล้วนานทีเดียว นานเป็นเดือน นี่ก็ทำให้ประสาทฉันอักเสบเอาการอยู่นะ ฉันจะไม่อดทนอีกแล้ว คนอื่นๆ อีกหลายคนที่ต้องวิ่งวุ่นปิดข่าวนักร้องวัยรุ่นใจแตกรึเที่ยวกลางคืน ปิดกันจนแทบจะปิดไม่ไหว”
“ยิ่งคุณเมไปทำแบบนั้น...คุณขิมอาจจะยิ่งไปกันใหญ่”
“ฉันจะไม่มีลูกสาวโง่ๆ หรอก พิมพา...ไม่เด็ดขาด ให้ยัยขิม มันทำเลย มันอยากทำบ้าอะไรก็ให้มันทำ...แล้วถ้ามันพัง ฉันจะไม่ชายตามองมัน...ไม่ช่วยเหลือมันอีกแล้ว”
ก่อนที่เมษาจะลุกขึ้นย่ำเท้าแรงๆ ออกไป...นานๆ ทีจะได้เห็นเมษาดาลเดือดกับลูกสาว พิมพาเองก็ยังนึกไม่ออกว่าแล้วผล ที่จะติดตามมาจะเป็นยังไง...นึกไม่ออกจริงๆ
**************************************************
ประตูด้านหลังของรถยนต์คันที่มาจอดรออยู่เปิดออกแล้ว คนขับก็ก้มศีรษะนิดหนึ่ง ท่าทางสุภาพอ่อนน้อมนัก...แต่ผู้ที่ ก้าวผลุบเข้ามานั่งไม่ได้ใส่ใจกับพิธีรีตรองแบบนั้น เขายังดูเรื่อยๆ สบายๆ ในสายตาของสาวิตรี...หล่อนเปิดยิ้มให้กับเขา
“ต้อนรับกลับบ้านค่ะ...เจ้านาย เรียบร้อยใช่ไหมคะ สำหรับ การไปเจรจา”
“ก็เล่นเอาแทบหมดน้ำลาย”
ด้วยความเคยชิน...สุวิชาตบกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกง ให้วุ่นไปหมด
“หาบุหรี่หรือคะ”
สาวิตรีถามอย่างรู้ทัน...เขาสูบบุหรี่จัดมาก แม่ของเขาเคยขอหลายหนแต่ไม่เคยได้ผล สุวิชายังสูบหนักโดยไม่หวั่นเกรงต่อโรคมะเร็งหรือโรคปอดเอาเสียเลย
“มีสำรองเอาไว้ในรถบ้างไหม ของฉันหมดพอดี...เกลี้ยงเลย”
“มีค่ะ”
หล่อนส่งมาให้ เห็นกิริยาจุดสูบเหมือนกระหายเหลือเกิน หล่อน ก็ถอนใจออกมาดังๆ ให้เขาได้ยิน
“คุณนี่เห็นจะลงแดงตายเหมือนขี้ยาแน่ๆ เชียว หากขาดบุหรี่ เลิกซะทีดีไหมคะ ไหนๆ ก็จะเริ่มชีวิตใหม่แล้ว...เอาให้ใหม่หมด”
“เลิกเมียยังพอไหว เลิกบุหรี่นี่ไม่ไหวนา...สา ไม่เอาน่าอย่ายุ่ง กับเรื่องส่วนตัวของฉันหน่อยเลย”
เขาปรามหล่อน...สาวิตรีมีศักดิ์เป็นอาของเขา หล่อนเป็นลูกสาวคนเล็กของปู่จากเมียคนสุดท้ายก่อนปู่จะลาโลก ปู่มีเมียมากมาย นับไม่ถ้วน พ่อเขาเป็นลูกชายจากเมียเอก ได้รับการยกย่องออกหน้า ออกตา และพ่อก็ยังเที่ยวรับเลี้ยงน้องๆ จนนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะสาวิตรีเพราะหล่อนอายุเท่ากันกับเขาพอดี แต่เขาก็ไม่ได้เรียกหล่อนว่า ‘อา’ เรียกชื่อเฉยๆ ด้วยความเคยชินมาจนกระทั่งบัดนี้ แต่สาวิตรีก็เรียกเขา ‘คุณสุ’ ทุกคำอย่างยกย่องและนับถือ
“แน่ใจนะคะว่าเลิกเมียได้แน่”
“ฉันกล่อมจนเขาใจอ่อน จะบินกลับมาอาทิตย์หน้า มาหย่า ซะให้เรียบร้อย”
“คุณสุเอาอะไรไปขู่เธอล่ะ”
“เปล๊า” แต่เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์จนสาวิตรีส่ายหน้าอย่างระอา
“จริงๆ น้า คุณสุนี่ร้ายกาจจริงๆ ตอนจะแต่งคุณก็ทำเสียเป็น เรื่องใหญ่โต...จำได้หรือเปล่า”
สุวิชายังอมยิ้มเต็มหน้า เขาจำได้...ตอนนั้นเขาก็เหมือน ไอ้บ้าตัวหนึ่งที่เพียรตามตื๊อหล่อนเอาเป็นเอาตาย โทรหาทุกวัน...เขา จะโทรทางไกลหาหล่อนในเวลาเป็นประจำทุกวัน เขาจ่ายเงินค่าโทร แพงระยับแพงจนแม่เขาร้องเสียงหลง...แต่เขาก็ปฏิบัติเช่นนั้นสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่โทรศัพท์ หากแต่ยังมีการส่งดอกไม้ไปกำนัลทุกเช้าวันอาทิตย์ โทรไปสั่งดอกไม้แล้วก็ให้ส่งถึงบ้านด้วยค่าบริการแพงลิบอีกนั่นแหละ เขาทำแล้วทุกอย่างเพื่อจะเอาชนะหัวใจของหล่อน...แต่แล้วเมื่อ ได้แต่งงานประกอบพิธีใหญ่โตที่เมืองไทย เขากลับพบว่ามันไม่เหมือน ที่เขาวาดภาพเอาไว้เลย มันไม่เหมือนเลยจริงๆ จึงพังทลายหลังจากนั้นเพียงหกอาทิตย์
เขาเก็บกระเป๋ากลับบ้าน หาอกแม่ซุกเอาไออุ่น ส่วนหล่อน ก็บินกลับไปเรียนต่อ...ทิ้งเอาเสียงซุบซิบนินทาเอาไว้มากมาย พร้อมกับทะเบียนสมรสที่คาราคาซัง
พ่อกับแม่อยากให้เขาหย่า อยากให้มันจบสิ้นลงทุกอย่าง แต่แม่ของหล่อนเป็นผู้ดีเก่าที่เปราะบางเหลือเกินจะรับความอับอายได้ว่ามีการจดทะเบียนหย่าหลังจดทะเบียนแต่งแค่หกอาทิตย์...เรื่องจึงยืดเยื้อข้ามปีมา แล้วนี่เขาก็เพิ่งบินไปพบหล่อน ไปตกลงกับหล่อนอย่างเด็ดขาดว่าเขาจะจ่ายค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ ขอให้หล่อนกลับมาหย่าร้างให้รู้แล้วรู้รอดกันไป...ที่จริงจะทำที่สถานทูตก็ยังได้ แต่อดีตเมียเขา อีกนั่นแหละที่ไม่ยอมทำตาม...หล่อนกลัวจะเสียหน้าหล่อนห่วงหน้าตาตัวเองยิ่งกว่าอื่นใดในโลกนี้...หล่อนอ้างว่า คนที่อยู่เมืองนอกมีไม่มากนัก และกระหายหิวที่จะรู้เรื่องของคนอื่น หล่อนจะบินตามกลับมาหากเขาจะจัดการเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด และเขา จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในแวดวงชีวิตของหล่อนอีกนับจากนี้เป็นต้นไป ซึ่งข้อนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วสุวิชารู้ว่าสายสัมพันธ์ของเขากับหล่อนขาดสะบั้นลง อย่างยากจะต่อติด...ตอนหิ้วกระเป๋ากลับบ้าน เขาบอกกับแม่ว่า...ผมอาจจะร้อนเกินไป เมียผมเย็นชืดยังกะน้ำยา จะนอนด้วย ทีไรก็ต้องขออนุญาต ต้องอะไรต่อมิอะไรสารพัด ผมมีเมียนะฮะ ไม่ได้มี รูปปั้นงามๆ มาตั้งเอาไว้บนเตียง แถมยังไม่เอาไหนอีกด้
“คุณขิมยังไม่กลับค่ะ” พิมพาเอ่ยรายงานหลังจากที่เมษาถามหา...นั่นทำให้หล่อนชะงักเกือบจะไม่เชื่อหูตัวเอง แล้วก็จ้องมองนาฬิกาเขม็งก่อนจะโวยวายออกมาฉับพลัน...ไม่ผิดกับที่พิมพาได้คาดเดาเอาไว้เลย“ยังไม่กลับ...ทั้งที่มันเข้าไปตีสองแล้วน่ะเหรอ...ตีสอง...นี่มัน ตีสองนะพิมพา ไม่ใช่บ่ายสองหรือสองโมงเช้า”ดวงหน้าของเมษาขาวลงเกือบจะทันใด หล่อนรู้ได้ในทันทีว่า พิจิกาเริ่มมีปฏิกิริยาใส่หล่อนเข้าแล้ว หลังจากเป็นเด็กดีว่าง่าย มาโดยตลอด แม่พูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น ไม่มีการบิดพริ้วเป็นอย่างอื่นไปได้...มือของหล่อนกำเข้าหากันแน่น แล้วก็ทุบโครมลงบนโต๊ะ“เกินไปแล้ว...นี่ยัยขิมคงจะคิดว่าการทำตัวแบบนี้จะทำให้ฉัน ใจอ่อนยอมให้แต่งงานล่ะมั้ง...ไม่มีวันหรอก...ไม่มีวัน ลูกนะลูก...ไม่ได้เดียงสาเล้ย อยู่ๆ ก็อยากแต่งงานกับผู้ชายปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังทำอะไรไม่เป็นนอกจากแบมือขอเงินเตี่ยกับแม่ใช้...ถึงจะรวยก็เถอะ มันมีสมองแค่ไหนก็ไม่รู้”พิมพาได้ยินคำรำพันต่างๆ นานา...ในเวลาเดือนเศษๆ หลังจากที่พิจิกาประกาศว่าจะแต่งงาน ในบ้านหลังนี้ก็มีอุณหภูมิที่พุ่งขึ้นสูง และยังไม่รู้ว่ามันจะลดต่ำลงมาหรือไม่พิจิกาเริ่มเที่ยวเ
พิจิกาอัดเทปไปแล้วห้าชุด และเมื่อเธอเรียนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงในเวลาอีกห้าปีต่อมา เธอก็ฉลองอายุ ครบยี่สิบพร้อมกับแถลงเปิดเทปชุดใหม่ของเธอ...พิจิกากลายเป็นตัวทำเงินของบริษัทของเสี่ย เขาโอ๋เธอมากมาย พิจิกาเอ่ยปากสิ่งใด เขาก็สรรหามาประเคนให้ ไม่สนใจว่าพิมพาและ ทรงวุฒิจะหวั่นวิตกว่าเขาจะทำให้พิจิกาหลงระเริงจนเหลิง“เด็กมันอยากได้จะเป็นไรไปเล่า” เขาหัวเราะทุกครั้งที่ถูกขัดคอและเอ็นดูเธอเหมือนเธอเป็นลูกสาวของเขา...สิ่งดีๆ ในตัวของเสี่ยข้อหนึ่งก็คือเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่มักมากในทางเพศ เขามีเมียเดียวและไม่เคยคิดจะนอกใจเมียไปมีคนอื่นอีกนักร้องหญิงในสังกัดของบริษัททุกคนจึงไร้กังวลได้ในข้อนี้“เด็กก็ทำดีมาตลอด”เขาได้กำไรงดงามจากการขายเทป และสองแม่ลูกก็ได้ บ้านหลังใหญ่งดงาม ได้เงินฝากในธนาคารที่เพิ่มขึ้น ได้ชื่อเสียง อีกมากมาย มันเป็นผลประโยชน์ที่พึ่งพากันและกัน“เทปชุดนี้คงจะไปได้โลด”เขายังมีความหวัง เพราะตอนนี้ยังไม่มีคู่แข่งรายใดที่น่ากลัวสำหรับพิจิกา...มีวงสตริงหลายวงดังขึ้นมาแต่ก็เป็นนักร้องชายเสียหมด แนวเพลงของพิจิกาที่เขาวางเอาไว้ให้ก็ยังเป็นเพลงป๊อปง่ายๆ ฟังสบายหู ไม่เร่าร้อน
โอมมือสั่นระริกเมื่อมองเห็นภาพนั่นร่วงลงมาจากซองสีขาวขนาดใหญ่กว่าซองปกติ มันลงไปอยู่กับพื้นโต๊ะ...แล้วเขาก็เห็น คนสามคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน ลูกสาวของเขาอยู่ตรงกลาง ดวงหน้าเรียวดูสว่างด้วยรอยยิ้ม ข้างขวาของเธอคือเมษา และอีกข้างก็คือหนุ่มน้อยผัวใหม่ของเมษา เขาพลิกไปอ่านข้างหลัง...ขิมอยากให้พ่อเห็นว่าขิมกับแม่มีความสุขกันค่ะ รักพ่อ ม๊ากมาก...ปากของเขาเม้มแน่น ดวงตาลุกโชน...ลูกสาวเขา เลือดในอก ของเขาแท้ๆ เทียวที่เหยียบย่ำดวงใจเขาได้เพียงนี้ เหมือนพิจิกาสนับสนุนให้เมษามีผัวใหม่...โอมเริ่มคลางแคลงแล้วว่าระหว่างแม่กับลูกคู่นั้น ใครจะชักนำใครกันแน่ เขากำลังจะฉีกรูปภาพนั้นออกเป็นชิ้นๆ แต่ เพ็ญพรรณก้าวเข้ามาเสียก่อน...หล่อนหยิบรูปนั้นไปจากมือของเขา“จะฉีกเสียทำไมกันคะ”“ขิมส่งรูปมาเยาะเย้ยผม”“แกคงจะไม่ได้เจตนา”แต่ไม่ว่าเพ็ญพรรณจะพูดอย่างไร โอมก็ปักใจเชื่อเสียแล้ว เขาหมดหวังกับลูกสาว หมดหวังการรอคอยการกลับบ้านของสองแม่ลูกอีกต่อไปโดยสิ้นเชิงแล้ว...ทำอย่างไรทั้งเมษาและพิจิกาก็จะไม่หวนกลับมาที่นี่...ส่วนเขาก็ยังต้องดำรงชีวิตต่อไป เขายังมีตัวเอง มีลูกชาย และที่เป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวเขาก็คือเพ็
เพ็ญพรรณมองดูชายที่หล่อนพอใจด้วยความรู้สึกสงสารและสมเพชระคนกัน...หล่อนรู้เรื่องที่เมษาจะแต่งงานใหม่ ไม่ใช่ จากปากของเขา หากแต่ข่าวตามหน้าหนังสือ...เมษาเป็นแม่ ของนักร้องดัง ชื่อของหล่อนมักปรากฏควบคู่ไปกับชื่อของพิจิกาและได้ชื่อว่ายอดคุณแม่ ในแง่ที่ว่าดูแลเอาใจใส่ลูกสาวเป็นอย่างดี เคยมีสมาคมหนึ่งเอาชื่อของเมษาไปใส่ไว้ในรายชื่อของแม่ ที่จะได้รับพิจารณาเป็นแม่ดีเด่นประจำปีในปีนี้ และโอมก็กลายเป็นคนหมกหมุ่น เงียบลงไปยิ่งกว่าเก่า ดื่มทั้งที่ไม่เคยดื่ม และดื่มหนักอย่างคนที่ไม่หลงเหลือสิ่งที่ดีงามอยู่อีก“ครูพรรณ” เด็กชายร้องเรียกเมื่อเห็นหล่อนย่างก้าวเข้ามา สิงหาอายุ จะแปดขวบ เติบโตเกินวัย และรู้คิดอยู่เงียบๆ ที่จริงลูกสองคนของโอม กับเมษาล้วนแล้วแต่เป็นเด็กฉลาดอย่างยิ่ง...เด็กชายเดินเข้ามาหา แล้วชี้ให้ดูพ่อ “พ่อเมาอีกแล้ว”“ครูจะทำความสะอาดบ้านให้...แล้วจะพูดกับพ่อให้เธอเอง”หล่อนเดินเข้าไปหาเขา ดวงตาเขาเป็นสีแดงช้ำ ไม่ใช่เพราะเมรัยอย่างเดียว...หากเพราะเขาแหลกสลายทางใจด้วยอีก เขาเบิกตาเอาไว้เพื่อจะมองดูหล่อนให้ถนัด“คุณครูนั่นเอง” เสียงเหมือนคนลิ้นไก่สั้น “มาทำไมกันครับ”“ฉันเป็นห่วงสิง
เสี่ยกำลังเติบกล้าไปในเส้นทางของดนตรีทั้งที่เสี่ยไม่รู้เรื่องดนตรีเลยสักนิด เสี่ยร้องเพลงไม่เป็น เล่นดนตรีไม่ได้ และไม่รู้จักเครื่องดนตรี สักอย่าง แต่เสี่ยก็รักเสียงเพลง ชอบฟังเพลง บอกได้ในแรกฟังเพลง ว่านักร้องคนไหนจะอยู่รอดหรือคนไหนจะไป...เหมือนเมื่อแรกที่เสี่ย ได้ยินเสียงใสๆ ของพิจิกาจากตลับเทป...เสี่ยดีดนิ้วแรงๆ แล้วยิ้มแจ่มใส พร้อมกันนั้นเสี่ยก็มีโครงการหลายอย่างสำหรับเด็กหญิงตัวเล็กพร้อมกับทุ่มเทแบบว่าเท่าไหร่เท่ากัน เขาเสียอีกถึงจะมั่นใจก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าเสี่ยเสี่ยงออกจะมากเกินไปกับเงินลงทุน “จะทำการใหญ่ต้องลงทุน ต้องเสียไปบ้าง ก่อนจะได้...ไม่มีใครได้โดยไม่เสียอะไรเลย...แล้วคนที่ไม่เคยเสียอะไรเลยก็ไม่เคยจะได้” พูดจบแล้วเสี่ยก็หัวเราะฮ่าๆ ชอบอกชอบใจ...เสี่ยสนับสนุนเขา ให้เข้ามาทำงานให้เมษาด้วยซ้ำ “ไปทำงานให้คุณเมเถอะ แกเป็นแม่ที่รักลูกมากๆ อั๊วอายุ ปูนนี้แล้ว มีลูกแล้วหลายคนยังรักลูกได้ไม่เท่าแกรักยัยขิม เรื่องเงินเดือนแกให้ลื้อได้เท่านั้น แต่อั๊วจะเพิ่มให้เอง ท่าทางแกชอบลื้อเหมือนกันนะ” นั่นทำให้ทรงวุฒิขวยเขิน เพราะเ