พ่อกับแม่อยากให้เขาหย่า อยากให้มันจบสิ้นลงทุกอย่าง แต่แม่ของหล่อนเป็นผู้ดีเก่าที่เปราะบางเหลือเกินจะรับความอับอายได้ว่ามีการจดทะเบียนหย่าหลังจดทะเบียนแต่งแค่หกอาทิตย์...เรื่องจึงยืดเยื้อข้ามปีมา แล้วนี่เขาก็เพิ่งบินไปพบหล่อน ไปตกลงกับหล่อนอย่างเด็ดขาดว่าเขาจะจ่ายค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ ขอให้หล่อนกลับมาหย่าร้างให้รู้แล้วรู้รอดกันไป...ที่จริงจะทำที่สถานทูตก็ยังได้ แต่อดีตเมียเขา อีกนั่นแหละที่ไม่ยอมทำตาม...หล่อนกลัวจะเสียหน้าหล่อนห่วงหน้าตาตัวเองยิ่งกว่าอื่นใดในโลกนี้...หล่อนอ้างว่า คนที่อยู่เมืองนอกมีไม่มากนัก และกระหายหิวที่จะรู้เรื่องของคนอื่น หล่อนจะบินตามกลับมาหากเขาจะจัดการเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด และเขา จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในแวดวงชีวิตของหล่อนอีกนับจากนี้เป็นต้นไป ซึ่งข้อนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วสุวิชารู้ว่าสายสัมพันธ์ของเขากับหล่อนขาดสะบั้นลง อย่างยากจะต่อติด...ตอนหิ้วกระเป๋ากลับบ้าน เขาบอกกับแม่ว่า...ผมอาจจะร้อนเกินไป เมียผมเย็นชืดยังกะน้ำยา จะนอนด้วย ทีไรก็ต้องขออนุญาต ต้องอะไรต่อมิอะไรสารพัด ผมมีเมียนะฮะ ไม่ได้มี รูปปั้นงามๆ มาตั้งเอาไว้บนเตียง แถมยังไม่เอาไหนอีกด้
“คุณขิมยังไม่กลับค่ะ” พิมพาเอ่ยรายงานหลังจากที่เมษาถามหา...นั่นทำให้หล่อนชะงักเกือบจะไม่เชื่อหูตัวเอง แล้วก็จ้องมองนาฬิกาเขม็งก่อนจะโวยวายออกมาฉับพลัน...ไม่ผิดกับที่พิมพาได้คาดเดาเอาไว้เลย“ยังไม่กลับ...ทั้งที่มันเข้าไปตีสองแล้วน่ะเหรอ...ตีสอง...นี่มัน ตีสองนะพิมพา ไม่ใช่บ่ายสองหรือสองโมงเช้า”ดวงหน้าของเมษาขาวลงเกือบจะทันใด หล่อนรู้ได้ในทันทีว่า พิจิกาเริ่มมีปฏิกิริยาใส่หล่อนเข้าแล้ว หลังจากเป็นเด็กดีว่าง่าย มาโดยตลอด แม่พูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น ไม่มีการบิดพริ้วเป็นอย่างอื่นไปได้...มือของหล่อนกำเข้าหากันแน่น แล้วก็ทุบโครมลงบนโต๊ะ“เกินไปแล้ว...นี่ยัยขิมคงจะคิดว่าการทำตัวแบบนี้จะทำให้ฉัน ใจอ่อนยอมให้แต่งงานล่ะมั้ง...ไม่มีวันหรอก...ไม่มีวัน ลูกนะลูก...ไม่ได้เดียงสาเล้ย อยู่ๆ ก็อยากแต่งงานกับผู้ชายปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังทำอะไรไม่เป็นนอกจากแบมือขอเงินเตี่ยกับแม่ใช้...ถึงจะรวยก็เถอะ มันมีสมองแค่ไหนก็ไม่รู้”พิมพาได้ยินคำรำพันต่างๆ นานา...ในเวลาเดือนเศษๆ หลังจากที่พิจิกาประกาศว่าจะแต่งงาน ในบ้านหลังนี้ก็มีอุณหภูมิที่พุ่งขึ้นสูง และยังไม่รู้ว่ามันจะลดต่ำลงมาหรือไม่พิจิกาเริ่มเที่ยวเ
พิจิกาอัดเทปไปแล้วห้าชุด และเมื่อเธอเรียนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงในเวลาอีกห้าปีต่อมา เธอก็ฉลองอายุ ครบยี่สิบพร้อมกับแถลงเปิดเทปชุดใหม่ของเธอ...พิจิกากลายเป็นตัวทำเงินของบริษัทของเสี่ย เขาโอ๋เธอมากมาย พิจิกาเอ่ยปากสิ่งใด เขาก็สรรหามาประเคนให้ ไม่สนใจว่าพิมพาและ ทรงวุฒิจะหวั่นวิตกว่าเขาจะทำให้พิจิกาหลงระเริงจนเหลิง“เด็กมันอยากได้จะเป็นไรไปเล่า” เขาหัวเราะทุกครั้งที่ถูกขัดคอและเอ็นดูเธอเหมือนเธอเป็นลูกสาวของเขา...สิ่งดีๆ ในตัวของเสี่ยข้อหนึ่งก็คือเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่มักมากในทางเพศ เขามีเมียเดียวและไม่เคยคิดจะนอกใจเมียไปมีคนอื่นอีกนักร้องหญิงในสังกัดของบริษัททุกคนจึงไร้กังวลได้ในข้อนี้“เด็กก็ทำดีมาตลอด”เขาได้กำไรงดงามจากการขายเทป และสองแม่ลูกก็ได้ บ้านหลังใหญ่งดงาม ได้เงินฝากในธนาคารที่เพิ่มขึ้น ได้ชื่อเสียง อีกมากมาย มันเป็นผลประโยชน์ที่พึ่งพากันและกัน“เทปชุดนี้คงจะไปได้โลด”เขายังมีความหวัง เพราะตอนนี้ยังไม่มีคู่แข่งรายใดที่น่ากลัวสำหรับพิจิกา...มีวงสตริงหลายวงดังขึ้นมาแต่ก็เป็นนักร้องชายเสียหมด แนวเพลงของพิจิกาที่เขาวางเอาไว้ให้ก็ยังเป็นเพลงป๊อปง่ายๆ ฟังสบายหู ไม่เร่าร้อน
โอมมือสั่นระริกเมื่อมองเห็นภาพนั่นร่วงลงมาจากซองสีขาวขนาดใหญ่กว่าซองปกติ มันลงไปอยู่กับพื้นโต๊ะ...แล้วเขาก็เห็น คนสามคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน ลูกสาวของเขาอยู่ตรงกลาง ดวงหน้าเรียวดูสว่างด้วยรอยยิ้ม ข้างขวาของเธอคือเมษา และอีกข้างก็คือหนุ่มน้อยผัวใหม่ของเมษา เขาพลิกไปอ่านข้างหลัง...ขิมอยากให้พ่อเห็นว่าขิมกับแม่มีความสุขกันค่ะ รักพ่อ ม๊ากมาก...ปากของเขาเม้มแน่น ดวงตาลุกโชน...ลูกสาวเขา เลือดในอก ของเขาแท้ๆ เทียวที่เหยียบย่ำดวงใจเขาได้เพียงนี้ เหมือนพิจิกาสนับสนุนให้เมษามีผัวใหม่...โอมเริ่มคลางแคลงแล้วว่าระหว่างแม่กับลูกคู่นั้น ใครจะชักนำใครกันแน่ เขากำลังจะฉีกรูปภาพนั้นออกเป็นชิ้นๆ แต่ เพ็ญพรรณก้าวเข้ามาเสียก่อน...หล่อนหยิบรูปนั้นไปจากมือของเขา“จะฉีกเสียทำไมกันคะ”“ขิมส่งรูปมาเยาะเย้ยผม”“แกคงจะไม่ได้เจตนา”แต่ไม่ว่าเพ็ญพรรณจะพูดอย่างไร โอมก็ปักใจเชื่อเสียแล้ว เขาหมดหวังกับลูกสาว หมดหวังการรอคอยการกลับบ้านของสองแม่ลูกอีกต่อไปโดยสิ้นเชิงแล้ว...ทำอย่างไรทั้งเมษาและพิจิกาก็จะไม่หวนกลับมาที่นี่...ส่วนเขาก็ยังต้องดำรงชีวิตต่อไป เขายังมีตัวเอง มีลูกชาย และที่เป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวเขาก็คือเพ็
เพ็ญพรรณมองดูชายที่หล่อนพอใจด้วยความรู้สึกสงสารและสมเพชระคนกัน...หล่อนรู้เรื่องที่เมษาจะแต่งงานใหม่ ไม่ใช่ จากปากของเขา หากแต่ข่าวตามหน้าหนังสือ...เมษาเป็นแม่ ของนักร้องดัง ชื่อของหล่อนมักปรากฏควบคู่ไปกับชื่อของพิจิกาและได้ชื่อว่ายอดคุณแม่ ในแง่ที่ว่าดูแลเอาใจใส่ลูกสาวเป็นอย่างดี เคยมีสมาคมหนึ่งเอาชื่อของเมษาไปใส่ไว้ในรายชื่อของแม่ ที่จะได้รับพิจารณาเป็นแม่ดีเด่นประจำปีในปีนี้ และโอมก็กลายเป็นคนหมกหมุ่น เงียบลงไปยิ่งกว่าเก่า ดื่มทั้งที่ไม่เคยดื่ม และดื่มหนักอย่างคนที่ไม่หลงเหลือสิ่งที่ดีงามอยู่อีก“ครูพรรณ” เด็กชายร้องเรียกเมื่อเห็นหล่อนย่างก้าวเข้ามา สิงหาอายุ จะแปดขวบ เติบโตเกินวัย และรู้คิดอยู่เงียบๆ ที่จริงลูกสองคนของโอม กับเมษาล้วนแล้วแต่เป็นเด็กฉลาดอย่างยิ่ง...เด็กชายเดินเข้ามาหา แล้วชี้ให้ดูพ่อ “พ่อเมาอีกแล้ว”“ครูจะทำความสะอาดบ้านให้...แล้วจะพูดกับพ่อให้เธอเอง”หล่อนเดินเข้าไปหาเขา ดวงตาเขาเป็นสีแดงช้ำ ไม่ใช่เพราะเมรัยอย่างเดียว...หากเพราะเขาแหลกสลายทางใจด้วยอีก เขาเบิกตาเอาไว้เพื่อจะมองดูหล่อนให้ถนัด“คุณครูนั่นเอง” เสียงเหมือนคนลิ้นไก่สั้น “มาทำไมกันครับ”“ฉันเป็นห่วงสิง
เสี่ยกำลังเติบกล้าไปในเส้นทางของดนตรีทั้งที่เสี่ยไม่รู้เรื่องดนตรีเลยสักนิด เสี่ยร้องเพลงไม่เป็น เล่นดนตรีไม่ได้ และไม่รู้จักเครื่องดนตรี สักอย่าง แต่เสี่ยก็รักเสียงเพลง ชอบฟังเพลง บอกได้ในแรกฟังเพลง ว่านักร้องคนไหนจะอยู่รอดหรือคนไหนจะไป...เหมือนเมื่อแรกที่เสี่ย ได้ยินเสียงใสๆ ของพิจิกาจากตลับเทป...เสี่ยดีดนิ้วแรงๆ แล้วยิ้มแจ่มใส พร้อมกันนั้นเสี่ยก็มีโครงการหลายอย่างสำหรับเด็กหญิงตัวเล็กพร้อมกับทุ่มเทแบบว่าเท่าไหร่เท่ากัน เขาเสียอีกถึงจะมั่นใจก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าเสี่ยเสี่ยงออกจะมากเกินไปกับเงินลงทุน “จะทำการใหญ่ต้องลงทุน ต้องเสียไปบ้าง ก่อนจะได้...ไม่มีใครได้โดยไม่เสียอะไรเลย...แล้วคนที่ไม่เคยเสียอะไรเลยก็ไม่เคยจะได้” พูดจบแล้วเสี่ยก็หัวเราะฮ่าๆ ชอบอกชอบใจ...เสี่ยสนับสนุนเขา ให้เข้ามาทำงานให้เมษาด้วยซ้ำ “ไปทำงานให้คุณเมเถอะ แกเป็นแม่ที่รักลูกมากๆ อั๊วอายุ ปูนนี้แล้ว มีลูกแล้วหลายคนยังรักลูกได้ไม่เท่าแกรักยัยขิม เรื่องเงินเดือนแกให้ลื้อได้เท่านั้น แต่อั๊วจะเพิ่มให้เอง ท่าทางแกชอบลื้อเหมือนกันนะ” นั่นทำให้ทรงวุฒิขวยเขิน เพราะเ