เธอเพิ่งซึ้งใจว่าชีวิตบนถนนสายดนตรีห้าปีที่ผ่านมาไม่สามารถเปลี่ยนฐานะจำเลยสังคมของเธอได้ด้วยตำแหน่งศิลปิน ทุกคนพร้อมจะขุดคุ้ยความผิดในวันวานของเธอขึ้นมาวิจารณ์กันสนุกปากอีกครั้งเมื่อเธอประสบอุบัติเหตุขับรถชนต้นไม้ในเดือนก่อน แม้ว่าเธอจะโชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บแต่เหตุการณ์ที่เกิดก็ทำให้เธอค่อนข้างมั่นใจว่านั่นไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน ต้องมีใครบางคนจงใจกลั่นแกล้งเธอ
“คนขับรถคันนั้นเป็นใคร...ใครกันแน่ที่แกล้งเราได้แรงขนาดนั้นได้” คิ้วเรียวขมวดปมอยู่กลางใบหน้าขณะนึกถึงบรรดาเพื่อนร่วมวงทั้งสามที่ศรศิลป์ไม่ค่อยกินกันสักเท่าไหร่ด้วยอาการครุ่นคิด
ยายหนูนิ่ม นริศราหลานสาวนอกไส้จอมแบ๊วของณกุล เจ้าของค่ายเพลงที่ปลุกปั้นวงชูการ์บีทขึ้นเพื่อหล่อน หนูนิ่มผู้ที่มีกริยานุ่มนิ่มสมชื่อกับท่าทางไร้เดียงสาซึ่งเธอมองว่านั่นคือการเสแสร้ง เกวลีเชื่อไม่ลงจริง ๆ ว่านริศราจะใสซื่ออย่างที่หล่อนพยายามทำมาตลอดเจ็ดปีในเมื่อหลายครั้งเธอสัมผัสได้ถึงกระแสความอิจฉาจากนัยน์ตาของนริศรายามเจ้าหล่อนเผลอมองเธอทุกครั้งที่ณกุลเอ่ยปากกับเธออย่างสนิทสนมหรือเอ่ยปากชื่นชมในความสามารถของเธอ
หรือจะเป็นยายกันยาลูกสาวเศรษฐีณีชาวสุพรรณที่ชอบค่อนขอดเธอเรื่องพี่คุณบ่อย ๆ เป็นไปได้หรือไม่ที่กีย่าจะไม่พอใจเธอถึงขนาดกลั่นแกล้งกันแรง ๆ เพราะเรื่องของศิลปินหนุ่มรุ่นพี่ แต่ถ้าเป็นเรื่องของพี่คุณก็ไม่น่าเป็นไปได้ในเมื่อแคสซี่ต่างหากที่แม่เทพธิดาบ้านทุ่งควรจะระแวงและมีปัญหาด้วย
แคสซี่ อังศุมาลินยายเด็กหัวนอกปากเสียที่ชอบพูดไทยคำอังกฤษคำด้วยสำเนียงน่าหมั่นไส้ซ้ำยังต่อปากต่อคำเก่งเป็นที่หนึ่งนั่นก็อีกคนที่น่าสงสัย แต่ตลอดระยะเวลาที่ร่วมวงกันมาหลายปี แคสซี่กับเธอก็มักปะทะคารมกันซึ่ง ๆ หน้าดังนั้นก็ไม่น่าจะใช่วิสัยของเจ้าหล่อนที่จะทำร้ายเธอลับหลังแบบนี้...และถ้าไม่ใช่สามสาวเพื่อนร่วมวงของเธอแล้วใครล่ะที่จงใจกลั่นแกล้งเธอได้แรงแบบนั้น...
ลมหายใจถูกผ่อนระบายความว้าวุ่นที่จู่โจมเข้ารบกวนจิตใจของเธอกลางดึก เรื่องราวต่าง ๆ จากอดีตถึงปัจจุบันสลับกันผุดขึ้นมาสร้างความฟุ้งซ่านให้เธอกระทั่งไม่สามารถข่มตานอนแม้จะรู้ว่าพรุ่งนี้ยังมีงานรอเธออยู่ก็ตาม อุบัติเหตุที่เกิดในเดือนก่อนกระชากภาพความทรงจำในอดีตกลับมาหลอกหลอนทำเอาเธอหลับไม่ลงจริง ๆ
โชว์รูมรถยนต์ยี่ห้อดังในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
รถยนต์จำนวนมากจอดเรียงรายริมถนนขณะที่ข้างทางถูกปักป้ายโฆษณาเชิญชวนลูกค้าให้มาร่วมงานซึ่งมีสี่สาวชูการ์บีทเป็นศิลปินกลุ่มรับเชิญมาร่วมให้ความสนุกกับแขกผู้มีเกียรติของโชว์รูม เกวลีหลับตาจมดิ่งอยู่กับภวังค์ของตนเองที่เบาะด้านหลังสุดของรถตู้ขณะที่เพื่อนทั้งสามต่างนั่งเงียบไม่มีใครเสวนากับใครเช่นกัน โชคดีที่วันนี้มีพี่เบ็ตตี้นั่งคู่คนขับรถตามมาคุมด้วยไม่อย่างนั้นคนขับรถอาจคิดว่ากำลังแล่นรถเปล่าไร้ผู้โดยสารมาด้วยก็เป็นได้
“ถึงแล้วนะสาว ๆ กรุณาเลิกทำท่ามึนตึงหมางเมินใส่กันได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะเป็นข่าวเม้าท์ได้ว่าพวกหล่อนเริ่มจะเกาเหลากันนะจ๊ะ” พี่เบ็ตตี้หันหลังมาเอ่ยกับสี่สาวด้วยความหนักใจ
“นิ่มเปล่าทำหน้าตึงนะคะพี่เบ็ตตี้ แล้วพวกเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันจริง ๆ จัง ๆ สักหน่อย...เราแค่รักสันโดษชอบอยู่กับตัวเองมากไปนิดหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ” นริศรารีบปฏิเสธพร้อมอธิบายด้วยหน้าตาบ้องแบ๊วตามสไตล์ของเจ้าหล่อน
เกวลีค่อย ๆ เปิดเปลือกตาพร้อมกับขยับตัวยืดเส้นยืดสายแอบทำหน้าเบ้กับประโยคปฏิเสธของนริศราเพราะพวกเธอต่างก็รู้กันอยู่แก่ใจว่าต่างคนต่างกินแหนงแครงใจกันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่ใช่รักสันโดษอย่างที่สาวแบ๊วเอ่ยอ้าง
ถึงจะรู้สึกขัดหูขัดตาแต่ริมฝีปากอิ่มก็หาได้ขยับเปิดปากสร้างความรู้สึกขัดใจให้กับใคร เกวลีอารมณ์ดีเกินกว่าจะต่อปากต่อคำกับสามสาวให้พี่เบ็ตตี้ปวดหัวเพราะหลังจบงานมินิคอนเสิร์ตคืนนี้ เธอจะได้หยุดพักผ่อนอยู่บ้านหนึ่งสัปดาห์ทีเดียว
“ไม่มีปัญหากันจริง ๆ ก็ดีจ้ะ ฉันจะได้สบายใจไม่ต้องเป็นห่วงพวกหล่อนแค่ไอ้ที่เคยถกเถียงทะเลาะกันเล็ก ๆ น้อย ๆ มาตลอดห้าปีนี่ฉันก็เครียดจนต้องคอยโบท็อกซ์หน้าบ่อย ๆ แล้วรู้ไหม อย่าวิวาทกันให้หนักข้อกว่านั้นเลยนะ นึกว่าสงสารฉันเถอะย่ะ” พี่เบ็ตตี้ประชดเสียงสะบัดเล็กน้อย
“อ้าว...ไอ้ที่พี่เบ็ตตี้ต้องคอยโบท็อกซ์บ่อย ๆ นี่เพราะพวกเราหรอกเหรอ กรีนนึกว่าเป็นเพราะพี่ยอมรับสังขารตัวเองไม่ได้ซะอีก” เธออดเหน็บแนมเย้าแหย่ผู้จัดการโฉมงามด้วยความรักไม่ได้
“ต๊าย...แม่เกวลี ปากเธอนี่มันน่าเฉาะเลาะเอาเขี้ยวสุนัขออกก่อนซะจริง ๆ นะยะ กัดได้ทุกคนไม่ละไม่เว้นแม้แต่พี่เชื้อ” เบ็ตตี้ปลายตาค้อนพี่ใหญ่ของวงด้วยความหมั่นไส้แกมเอ็นดู
“อย่าไปถือสาคนปากไม่มีหูรูดเลยค่ะพี่เบ็ตตี้ หนูว่าเรารีบไปทำงานกันเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา”
อังศุมาลินเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับโน้มตัวเปิดประตูรถตู้ก้าวลงเป็นคนแรกตามด้วยกันยาและนริศรา ส่วนเกวลียึดตำแหน่งรั้งท้ายขบวนไว้โดยปริยาย
เกวลีถอนหายใจเบา ๆ ระบายความรู้สึกสลดที่เกิดก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งเป็นการรวบรวมสมาธิตัดเรื่องรบกวนใจออกเพื่อเริ่มทำหน้าที่ของตัวเอง เลือดศิลปินทำให้เธอสามารถปล่อยวางความทุกข์ทำตามคำสอนของพี่เบ็ตตี้ที่คอยตักเตือนเธอเสมอตั้งแต่เริ่มก้าวเข้าสู่วงการว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้องยึดคติ The Show must go on เสมอกฤตินเดินไปส่งน้องสาวและแวะทักทายสามสาวครู่เดียวก่อนออกจากห้องพักนักแสดงมาพร้อมกับพี่เบ็ตตี้จากนั้นจึงเดินไปสบทบกับน้าสุภาที่โต๊ะจีนด้านหน้าเวทีรอชมการแสดงของสี่สาวพร้อมกับบรรดาลูกค้าของโชว์รูมที่ได้รับเชิญมาในงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าวันนี้“ได้เจอกายวันนี้ก็ดี พี่จะได้หมดห่วงยายกรีนไม่อยากปล่อยให้ไปไหนมาไหนตามลำพังเลยช่วงนี้ ดวงเขาไม่ค่อยจะดีเดี๋ยวเป็นนั่นเดี๋ยวเป็นนี่อยู่เรื่อยเชียวพักนี้ ไม่รู้จะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรกันนักกันหนาสิ” พี่เบ็ตตี้เอ่ยนุ่ม ๆ ตามสไตล์คนมีเสน่ห์“หมายความว่ายังไงครับ?...หรือมีอะไรเกิดขึ้นกับยายกรีนที่ผมยังไม่รู้อย่างนั้นเหรอครับ” นายทหารหนุ่มเอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องสาว“อะไรกัน...กายไม่ได้อ่านข่าวน้องบ้างเลยหรือไงฮึ” พี่เบ็ตตี้ทำหน้านิ่วมอง
เจ้าของโชว์รูมรถยนต์ส่งยิ้มทักทายก่อนรับไหว้พี่เบ็ตตี้ขณะเดินออกมาต้อนรับพวกเธอทั้งสี่ เกวลีเปิดยิ้มกว้างรีบทำความเคารพน้าสาวซึ่งเป็นเจ้าของโชว์รูม น้าสุภาคือน้องสาวเพียงคนเดียวของมารดาและเป็นคนที่ผลักดันเธอเข้าสู่วงการเพลงผ่านทางพี่เบ็ตตี้เพื่อนรุ่นน้องร่วมสถาบันนั่นเอง“สวัสดีครับพี่สุภา ไม่เจอกันนานแค่ไหนพี่ก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” เบ็ตตี้ทำตาเล็กตาน้อยเอ่ยกระเซ้าเพื่อนรุ่นพี่เบา ๆ“ไม่ต้องมาหยอดคำหวานใส่พี่เลยเบ็ตตี้ เธอต่างหากที่ดูดีไม่มีเปลี่ยน ไม่แก่ขึ้นเลยนะจ๊ะคุณผู้จัดการดารา” สุภาพรเอ่ยพลางหัวเราะพลาง“สมัยนี้ใครจะมายอมแก่กันง่าย ๆ ละครับคุณพี่ ศูนย์ความงามโบทงโบท็อกซ์มีเปิดกันให้เกลื่อนทั่วทุกหัวมุมถนน...แต่ผมคงยังไม่จำเป็นต้องพึ่งมือหมอถ้าหลานสาวพี่จะไม่ดื้อขนาดนี้นะครับ” เบ็ตตี้อดเหน็บหลานสาวรุ่นพี่ไม่ได้“สรุปว่าเป็นความผิดของกรีนอีกแล้วเหรอเนี่ย” เกวลียกไหล่เบา ๆ“ตกลงจะยืนตากแดดคุยกันอีกนานไหมคะพี่เบ็ตตี้ ผิวกีย่าไม่ได้หนาทนแดดทนฝนอย่างคนบางคนหรอกนะคะ” กันยาปลายตามองเกวลีพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดนิดหน่อยก่อนจะเบือนหน้าหนีสายตาตำหนิของผู้จัดการส่วนตัว“อย่างนั้น
เธอเพิ่งซึ้งใจว่าชีวิตบนถนนสายดนตรีห้าปีที่ผ่านมาไม่สามารถเปลี่ยนฐานะจำเลยสังคมของเธอได้ด้วยตำแหน่งศิลปิน ทุกคนพร้อมจะขุดคุ้ยความผิดในวันวานของเธอขึ้นมาวิจารณ์กันสนุกปากอีกครั้งเมื่อเธอประสบอุบัติเหตุขับรถชนต้นไม้ในเดือนก่อน แม้ว่าเธอจะโชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บแต่เหตุการณ์ที่เกิดก็ทำให้เธอค่อนข้างมั่นใจว่านั่นไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน ต้องมีใครบางคนจงใจกลั่นแกล้งเธอ“คนขับรถคันนั้นเป็นใคร...ใครกันแน่ที่แกล้งเราได้แรงขนาดนั้นได้” คิ้วเรียวขมวดปมอยู่กลางใบหน้าขณะนึกถึงบรรดาเพื่อนร่วมวงทั้งสามที่ศรศิลป์ไม่ค่อยกินกันสักเท่าไหร่ด้วยอาการครุ่นคิดยายหนูนิ่ม นริศราหลานสาวนอกไส้จอมแบ๊วของณกุล เจ้าของค่ายเพลงที่ปลุกปั้นวงชูการ์บีทขึ้นเพื่อหล่อน หนูนิ่มผู้ที่มีกริยานุ่มนิ่มสมชื่อกับท่าทางไร้เดียงสาซึ่งเธอมองว่านั่นคือการเสแสร้ง เกวลีเชื่อไม่ลงจริง ๆ ว่านริศราจะใสซื่ออย่างที่หล่อนพยายามทำมาตลอดเจ็ดปีในเมื่อหลายครั้งเธอสัมผัสได้ถึงกระแสความอิจฉาจากนัยน์ตาของนริศรายามเจ้าหล่อนเผลอมองเธอทุกครั้งที่ณกุลเอ่ยปากกับเธออย่างสนิทสนมหรือเอ่ยปากชื่นชมในความสามารถของเธอหรือจะเป็นยายกันยาลูกสาวเศรษฐีณีชาวสุพ
สังคมลงทัณฑ์เธอด้วยการประณามในความผิดที่เกิด เยาวชนผู้ที่ทุกคนลงความเห็นว่าไร้ซึ่งวุฒิภาวะไม่มีสิทธิ์อ้าปากโต้แย้งหรืออธิบายว่าเหตุการณ์ที่เกิดไม่ใช่ความผิดของตนแต่เพียงผู้เดียว แม้เธอจะยืนยันว่านั่นคืออุบัติเหตุก็ตาม ทว่าเสียงเล็ก ๆ ของเธอก็ไม่สามารถขจัดความเป็นเดือดเป็นแค้นแทนคู่กรณีที่เสียชีวิตของคนในสังคมไปได้ เธอจึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับคำพิพากษาของสังคมอย่างกล้ำกลืน...ไม่มีใครเชื่อว่ามันคืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความประมาทร่วมระหว่างเธอซึ่งเป็นจำเลยและคู่กรณีเมื่อคนตายไม่สามารถลุกขึ้นมาโต้แย้งหรือให้ปากคำใด ๆ ได้ ความยุติธรรมถูกทวงถามให้กับหนึ่งชีวิตที่สูญเสียด้วยการมอบความผิดให้กับอีกหนึ่งชีวิตที่ยังมีลมหายใจโดยไม่มีใครใส่ใจเลยว่าคนที่ยังมีลมหายใจอย่างเธอทรมานและเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าต้องไร้ซึ่งลมหายใจมากสักเพียงใดสาวน้อยค่อย ๆ รวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงไปเพราะความฝันแสนร้ายกาจจากจิตใต้สำนึกซึ่งเน้นย้ำให้เธอซาบซึ้งความหมายของคำว่า “นรกในใจ” ได้อย่างลึกซึ้ง บาปที่เธอไม่ได้ตั้งใจก่อส่งผลกระทบต่ออีกหลายชีวิตที่เกี่ยวข้องกับผู้ตายซึ่งล้วนแล้วแต่รักและผูกพันกับผู้หญิงคนนั้น เธอฆ่าชีวิต
บ่ายวันหนึ่งกลางฤดูฝน...เจ็ดปีก่อนภายในห้องรับแขกขนาดใหญ่โอ่โถงประดับประดาเฟอร์นิเจอร์บ่งบอกรสนิยมและความมั่งคั่งของผู้เป็นเจ้าของสถานที่ได้เป็นอย่างดี กระเบื้องปูพื้นแผ่นเรียบสีงาช้างสะท้อนแสงดูมันเลื่อมน่ามอง แชนเดอเรียห้อยระย้าจากฝ้าเพดานเล่นระดับเพิ่มความหรูหราให้กับโซฟาราคาแพงที่ตั้งเข้ามุมเป็นระเบียบชิดผนัง สาวน้อยรูปร่างระหงกำลังนั่งหน้าตื่นอยู่บนโซฟา เธอวางโทรศัพท์ลงบนแป้นมือไม้สั่น ใบหน้าสวยซีดเผือดไร้สีสันของเลือดฝาดสืบเนื่องมาจากความเป็นห่วงเป็นใยในตัวมารดาหลังทราบข่าวจากเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์และโทรมาแจ้งว่าพบมารดาของเธอประสบอุบัติเหตุถูกรถจักรยานยนต์ชนในตลาดขณะจะเดินทางกลับบ้านร่างเพรียวระหงในชุดลำรองสมวัยด้วยเดรสตัดต่อกำมะหยี่สีไวน์เข้ารูปยาวเลยเข่าเล็กน้อยแต่งปกด้วยลูกปัดเงินวาว ผมหยักศกเป็นลอนสีน้ำตาลอ่อนถูกมัดรวบครึ่งศีรษะดูน่ารักสดใสขัดกับใบหน้ารูปไข่ดูมีวิตกจนไม่สามารถอำพรางซ่อนเร้นความกังวนที่ฉายชัดผ่านดวงตากลมวาวไว้ได้เด็กสาวพยายามรวบรวมสติกวาดสายตามองสภาพพี่ชายที่เมาไม่เป็นท่าอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนนักเรียนนายทหารที่พากันมาตั้งวงปาร์ตี้กินเหล้ากันตามประสา