Pizza Pub…
ภายในห้องวีไอพีชั้นบนของผับที่ครึกครื้นไม่ต่างจากด้านล่างที่มีเสียงเพลงดังกระหึ่มมาพร้อมกับแสงสีความสนุกที่เหล่านักท่องราตรีชื่นชอบ บนโซฟาหนังสีดำตัวยาวมีร่างสูงของเปลวเพลิงนั่งสูบบุหรี่มองเพื่อนๆ คุยกันถึงเรื่องสาวๆ ที่นัดมาในวันนี้และอีกไม่กี่นาทีก็คงจะเข้ามา “มึงจะนั่งเก๊กหล่ออีกนานไหม?” ปรัชญาหันไปมองน้องชายที่นั่งพิงพนักโซฟาสูบบุหรี่สายตาก็มองมายังพวกเขาไม่พูดไม่จากับเพื่อนฝูงเลยสักประโยค “มีปัญหา?” “เออ เด็กมึงมาก็ลากออกไปให้ไกลลูกหูลูกตากูเลยนะ” “พวกมึงนี่ก็เจอหน้ากันไม่ได้นะ” เพื่อนพี่ชายอย่างพฤกษ์กล่าวขึ้นเมื่อเห็นสองพี่น้องตั้งท่าจะเปิดศึกกันอีท่าเดียว เปลวเพลิงยักไหล่ให้ตามด้วยพ่นควันบุหรี่ออกมา ก๊อกก๊อก! เขาที่กำลังจะอ้าปากว่าพี่ชายหุบปากลงเมื่อประตูห้องถูกเคาะและเปิดเข้ามาโดยฝีมือรัญช์ที่โค้งหัวให้ทุกคนก่อนจะเดินมากระซิบอะไรสักประโยคให้ผู้เป็นนายอย่างเปลวเพลิง “มีอะไร” เวทน์ถามหลังจากเห็นมุมปากเปลวเพลิงกระตุกยิ้มอย่างกับว่ากำลังมีเรื่องสนุกให้ทำ “ไม่ได้ดูผิดใช่ไหม?” เปลวเพลิงส่ายหัวให้เวทน์ก่อนจะหันไปถามรัญช์ “ถึงแม้จะเจอแค่ครั้งเดียวแต่ผมจำได้ว่าเป็นเธอครับ” “อืม ไปหาสาวๆ เถอะ” ปัดมือไล่รัญช์ที่ก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ส่วนตัวเขานั้นหันไปมองพี่ชายที่ยกแก้วหล้าขึ้นมาดื่มแล้วยิ้มอ่อนๆ ให้จนปรัชญาถึงกับต้องยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเอง “กูขนลุกสัส!” “ผู้หญิงของมึง คืนนี้กูขอนะ” “ได้ไง กูให้คนหามาให้แบบพิเศษเลยนะเว้ย!” “กูจ่ายมึงคืนสองเท่า” “เดี๋ยวนะ อยากเอาชนะมันจนยอมทุ่มขนาดนี้เลยเหรอ?” พฤกษ์เอ่ยแทรกสองพี่น้อง เขารู้มาว่าปรัชญาให้คนหาผู้หญิงมาให้ที่นอกจากจะมาสนองตัณหาตัวเองแล้วยังคิดเลี้ยงเก็บไว้จึงต้องการสาวบริสุทธิ์และจ่ายเงินให้เฉพาะแค่แม่เล้าก็ปาไปเป็นแสนแล้ว “กูไม่ได้อยากเอาชนะมัน เพราะกูไม่เคยแพ้มัน” “มั่นหน้านักนะมึง” ปรัชญาได้แต่กรอกตาใส่น้องชายด้วยความหมั่นไส้ “โอนมาก่อนนะ” เอ่ยต่อเมื่อเห็นเปลวเพลิงลุกขึ้นยืน เขาขัดใจคนอย่างมันไม่ได้อยู่แล้วรับเงินมาก็จบเรื่องไปแค่นั้น “หึ” หันหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นสลิปการโอนเงินให้พี่ชายดูแล้วเดินออกไปยังห้องที่รัญช์เข้ามาบอก หน้าห้องมีหญิงสาววัยสี่สิบกลางๆ ยืนอยู่และเมื่อเห็นเขาหล่อนจึงฉีกยิ้มหวานออกมา “ไหนว่าของคุณปรัชคะ ที่ไหนได้หาให้น้องชายอย่างคุณเพลิงนี่เอง” “มันจ่ายเงินยัง?” “ถ้าจ่ายแล้วกี้จะมารออยู่ไหมล่ะคะ” “ไอ้เหี้ยนี่!” เปลวเพลิงพ่นคำหยาบออกมาทันที ถึงว่าทำไมหมอนั่นถึงยอมปล่อยให้มาง่ายๆ ไม่มัวแต่คิดขายาวเดินกลับไปยังห้องวีไอพีพร้อมลากคอพี่ชายออกมาเพื่อให้จ่ายเงินให้ “อะไรของมึงวะ! จะเอาผู้หญิงทั้งทียังต้องให้พี่ชายมาจ่ายเงินให้เนี่ยนะ” ปรัชญาตั้งใจพูดเสียงดังๆ เพื่อให้คนที่เดินผ่านไปมาได้ยิน ขณะที่มือกำลังทำการโอนเงินให้กีกี้ ส่วนเปลวเพลิงก็ได้แต่ยืนกำมือกัดฟันกรอดๆ “ขอให้สนุกในค่ำคืน ไม่มีสัญญาอะไรเพราะคุณปรัชบอกว่าต้องการเลี้ยงไว้ดังนั้นพาเธอกลับไปได้เลยนะคะ” กีกี้พูดจบก็เดินจากไป ส่วนเปลวเพลิงนั้นหันไปมองหน้าพี่ชายด้วยสายตาเย็นชา “ทำไม มองกูด้วยสายตาแบบนั้นทำไม?” “เลี้ยงไว้? หมายความว่าไง” “ก็หมายความว่าเลี้ยงไว้ไง มีปัญหาอะไร” “ดูก่อนว่าจะมีรึเปล่า” พูดจบก็เปิดประตูแล้วเข้าไปในห้องนอนอย่างไม่ลืมที่จะล็อคประตูไว้ ร่างสูงเดินไปยืนกลางห้องนอนขนาดกลางที่มีเตียงนอนกับโซฟาตัวสีขาวตั้งอยู่ในห้อง ริมหน้าต่างมีหญิงสาวร่างเล็กยืนหันหลังให้เขาอยู่ “…” เมื่อเธอไม่ยอมหันมาเขาก็ได้แต่ยืนมองเธอแบบนั้นและตั้งใจจะเดินไปนั่ง ปึ่ก! จนเผลอเดินไปเตะขอบเตียงร่างเล็กจึงหันกลับมามอง เธอชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสบตากับเขา เช่นเดียวกับเขาที่เรียกได้ว่าตะลึงกับความสวยของเธอจนลืมความเจ็บเมื่อสักครู่ไปเลย “คุณ!” ร่างเล็กในชุดเสื้อเกาะอกสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีขาวรองเท้าผ้าใบวิ่งตรงมาหยุดตรงหน้าของเปลวเพลิงพร้อมเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจ “หนูไม่คิดว่าจะได้เจอคุณอีก” บอกด้วยรอยยิ้มหวานๆ “มาทำอะไรที่นี่” เปลวเพลิงสะบัดหัวเล็กน้อยก่อนจะถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเข้มๆ “มาทำงานไงคะ” “ทำงาน?” “ใช่ค่ะ พี่ชาช่าชวนหนูมาทำงานที่นี่พี่เขาบอกว่างานง่ายๆ งานสบายทำไม่ยาก” “…” “แล้วคุณล่ะคะมาทำอะไรที่นี่” “อาบน้ำรึยัง?” “หนูยังเหม็นอยู่เหรอคะ?” ถามพลางก้มลงสูดดมกลิ่นตัวของตัวเองที่ไม่ได้เหม็นเหมือนหลายวันก่อนแถมยังมีกลิ่นหอมจากน้ำหอมที่พี่ชาช่าฉีดให้อีก “ไม่เหม็นสักหน่อย” มองหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม “…ฉันคิดว่าเธอจะเข้าใจคำพูดฉันซะอีกนะ” “คำพูดอะไรคะ” เอียงคอมองหน้าเขา “ถ้ายังโง่อยู่แบบนี้คงโดนหลอกไปขาย” “หนูไม่ได้โง่และไม่ได้โดนหลอกไปขายสักหน่อย” “เธอกำลังโง่” “หนูไม่เห็นเข้าใจที่คุณพูดเลย” ยกมือขึ้นมาเกาหัวตัวเองอย่างงุนงงกับคำพูดของเขาที่ไม่เข้าใจมันเลยสักนิด มือบางดึงเสื้อเกาะอกตัวเล็กขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเปลวเพลิงที่ก้มลงมามองหน้า (อก) เธออยู่ “แล้วงานที่มาทำนี่ เขาบอกให้ทำอะไรบ้างล่ะ” เปลงเพลิงไม่อธิบายเพียงแต่ถามเธอกลับ “ก็บอกแค่ว่าให้ทำตามที่ลูกค้าต้องการ ว่าแต่คุณต้องการให้หนูทำอะไรคะ” น้ำเสียงใสๆ กับใบหน้าหวานๆ ของมายาวีนั้นทำให้เปลวเพลิงถึงกับใจสั่นด้วยความตื่นเต้น เขาไม่คิดว่ายัยขอทานคนนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามขนาดนี้ ตอนนั้นเขาแค่รู้สึกตามที่ตาเห็นคือเธอหน้าตาดีแต่ไม่คิดว่าจะดีจนแทบไม่มีที่ติแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะเครื่องสำอางที่ทำให้ใบหน้าเรียวสวยหวานละมุนยิ่งขึ้นด้วย “คุณคะ! คุณคนหล่อ” มายาวียกมือขึ้นโบกไปมาเป็นการเรียกเปลวเพลิงที่ยืนมองเธอแทบไม่กระพริบตา “ว่าแต่ คุณจำหนูได้ด้วยเหรอคะ สภาพหนูตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันมากเลยล่ะ” “ใช่ ต่างกันมาก” “เพราะเครื่องสำอางบนหน้ากับเสื้อสวยๆ นี่ด้วยแหละค่ะ” “…” “คุณบอกชื่อหนูได้รึยังคะว่าคุณชื่ออะไรหนูจะได้เรียกชื่อคุณถูก” ได้แต่เรียกว่าคุณอย่างเดียวเลยลอยากลองเรียกชื่อเขาดูบ้าง ไม่ว่าจะบังเอิญเจอเขากี่ครั้ง เขาก็ยังเป็นคนหล่อที่เย็นชาสำหรับเธอเสมอ “เปลวเพลิง” “อ่อ คุณเพลิงอยากให้หนูทำอะไรคะ” “คิดว่าไงล่ะ” เดินไปนั่งบนโซฟา เลิกคิ้วมองร่างเล็กเพื่อรอฟังความเห็นของเธอที่ยืนขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดในสิ่งที่ควรจะทำให้เขา “นวดไหมคะ หนูนวดเป็นนะคะ” “ฉันเสียเงินสองแสนเพื่อให้เธอมานวดให้งั้นเหรอ?” “ห้ะ! สองแสน…หมายความว่าไงคะ” “โง่! ซื่อบื้อ! เธอเหมาะกับคำพวกนี้ที่สุด” เขาเองก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าเธอแล้ว เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนโง่ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าควรเชื่อดีไหมว่าเธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกหลอกมาขายตัว แต่ดูจากแววตาที่ใสซื่อกับคำถามโง่ๆ จากเธอแล้วก็คงต้องเชื่อแหละ “คุณเพลิงช่วยพูดให้หนูเข้าใจได้ไหมคะ หนูไม่เข้าใจเลยหนูรู้แค่ว่าพี่ชาช่าให้มาทำงานบริการลูกค้า แล้วทำไมคุณเพลิงถึงต้องเสียเงินมากขนาดนั้นเพื่อมารับบริการจากหนูด้วย หนูงงไปหมดแล้วนะหรือว่าหนูต้องไปถามรายละเอียดงานจากพี่ชาช่าอีกที” “เธอถูกหลอกให้มาขายตัว” “พะ พูดอะไรแบบนั้นคะ” “เพราะความโง่ของเธอไง” “ไม่จริง! คุณเพลิงอย่ามาโกหกหนูเลยค่ะ” “รู้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน?” “…” ส่ายหน้าให้ก่อนจะก้มหน้าลงบนพื้น มือเล็กกำเข้าหากันแน่น เธอถูกหลอกมาจริงๆ งั้นเหรอ? ถูกหลอกให้มาขายตัวงั้นเหรอ? มายาวีได้แต่ถามคำถามโง่ๆ กับตัวเองในใจและรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มือหนาผลักให้นอนลงไปบนที่นอนก่อนที่เขาจะขยับลงมาคร่อมตัวเธอไว้ “คะ คุณเพลิงจะทำอะไรคะ?” “ทำให้เธอเลิกโง่ไง”กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ตอนที่ลูกๆ ของมายาวีเติบโตเป็นสาวเป็นหนุ่มแล้ว ณลิลในวัยสิบเจ็ดปีและเป็นหนึ่งในวัยสิบสามปี ส่วนคุณแม่ก็ปาไปสามสิบปลายๆ และคุณพ่อที่จะห้าสิบอยู่ไม่กี่ปีทว่าความรักของพวกเขากลับไม่เคยลดน้อยถอยลงเลยแม้แต่น้อย“คุณพ่อขา คุณแม่ไปไหนเหรอคะ” เสียงหวานใสของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีอย่างณลิลวิ่งเข้ามานั่งบนพื้นพับเพียงข้างผู้เป็นพ่อที่นั่งอ่านข่าวกีฬาจากไอแพดอยู่ เปลวเพลิงวางไอแพดลงยกมือขึ้นมาลูบผมบุตรสาวอย่างอ่อนโยน“คุณแม่ไปตลาดกับน้องครับ”“วันนี้วันเกิดเพื่อนหนูขอไปได้ไหมคะ?”“รอขอแม่ก่อนไหมครับ”“อือ คุณแม่ไม่ให้ไปอยู่แล้ว”“แล้วคิดว่าพ่อจะให้ไปเหรอ”“ก็คุณพ่อใจดีกว่าคุณแม่นี่คะ ณินก็ไปด้วยนะคะหนูไม่ได้ไปคนเดียว”“หนูเพิ่งอายุสิบเจ็ดเองนะ จะหัดเที่ยวกลางคืนแล้วเหรอ” ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่แข็งหรือว่าอ่อนนุ่มจนเกินไป ณลิลขยับขึ้นไปนั่งบนโซฟายกแขนขึ้นมากอดอกแสดงท่าทาเอาแต่ใจออกมา“ไม่รักหนูแล้วล่ะสิถึงพูดแบบนี้”“ถ้าหนูดื้อพ่อก็ไม่รัก”“คุณพ่ออ่า” ขยับเข้าไปโอบกอดผู้เป็นพ่อที่มีอายุจะห้าสิบแล้วทว่าความหล่อของเขากลับไม่แผ่วลงเลยสักนิด ยิ่งอายุเยอะก็ยิ่งหล่อดึงดูดสาว
ผ่านไปไม่กี่เดือนคุณแม่มือใหม่อย่างมายาวีก็ได้ให้กำเนินลูกสาว ทุกคนต่างเห่อมาก มาดูและชื่นชมกันไม่หยุดหย่อนแต่เปลวเพลิงคุณพ่อมือใหม่กับเห็นแววดื้อรั้นของลูกสาวตั้งแต่เกิดมาไม่กี่ชั่วโมง ดูจากตอนนี้ที่ร้องไม่หยุดแม้จะมีนมจากเต้าของแม่อุดปากอยู่ก็ตาม…“โอ๋ๆ หนูจะร้องทำไมลูก คุณหมอคะเขาเจ็บหรือเปล่าทำไมร้องไม่หยุดเลย” มายาวีหันไปถามคุณหมอที่กำลังยืนคุยอยู่กับเปลวเพลิงเมื่อลูกสาวตัวน้อยนั้นร้องไม่ยอมหยุด แม้จะอ้าปากคาบนมแต่ก็ยังส่งเสียงร้องออกมาด้วย“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เด็กร้องน่ะดีแล้ว”“อ่อ เงียบแล้ว” ก้มมองเด็กน้อยในอ้อมอกที่ปิดเปลือกตาลงแล้ว ปากยังคงดูดนมเธออย่างเอร็ดอร่อย มายาวีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อลูกสาวหลับไปแล้วใช้เวลาพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลไม่กี่วันก็กลับมาเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านจนตอนนี้ครบสามเดือนแล้ว คุณแม่มือใหม่กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแทบทุกวันจนบางคืนคุณพลับพลึงต้องมานอนที่นี่เพื่อช่วยลูกสะใภ้เลี้ยงหลานสาวตัวน้อยที่อ้อนเก่งเสียเหลือเกิน“ณลิลน้อย ดูดนมเก่งแล้วนะเรา” เสียงหวานใสของคุณแม่ที่นั่งอุ้มเด็กน้อยอยู่ในอกดังขึ้น ดวงตากลมใสจ้องมองลูกสาวตัวน้อยที่ดูดนมจ๊วบจ๊วบหล
บ้านปรัชญา…ภายในบ้านที่กำลังครึกครื้นเมื่อทุกคนยกเว้นเรมิกับรัญช์ต่างพากันมารวมตัวกันเมื่อพูดคุยสังสรรค์กันเป็นประจำแทบทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ ตอนนี้ปัณณพรกับเปมิศาย้ายมาอยู่ที่บ้านของปรัชาแล้วเพราะทั้งคู่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อเดือนที่แล้วปัณณพรแยกทางกับสามีโดยมีปรัชญาสั่งห้ามไม่ให้พ่อของเปมิศาเข้ามาวุ่นวายที่นี่แต่จะส่งเงินให้รายเดือนเอาซึ่งสองแม่ลูกตกลงเพราะสามีเอาแต่เมาไม่ทำมาหากินตัวปัณณพรจึงไม่ได้ต้องการมาสร้างปัญหาให้ตัวเองสักเท่าไหร่“แล้วทำไมหนูเรมิไม่มาล่ะ” ปัณณพรเอ่ยขณะกำลังล้างผักเพื่อเตรียมอาหารให้เด็กๆ อยู่ในครัวกับลูกสาวคนสวยที่คอยเป็นลูกมือ“ตีกันกับพี่รัญช์มั้งคะ”“ตีกีนจริงไหม?”“ก็ทะเลาะกันปกติแหละค่ะ เถียงกันนิดๆ หน่อย”“เรมิเอาแต่ใจครับ พอถูกรัญช์ตามใจก็เคยตัวแต่ช่วงนี้รัญช์มันเริ่มเอาจริงเรมิก็เลยงอแงน้อยใจ” ปรัชญาที่นั่งหั่นเนื้อสัตว์อยู่บนโต๊ะกลางครัวเอ่ยขึ้นบ้าง เขารู้มาจากเปลวเพลิงว่าช่วงนี้รัญช์ดุขึ้นซึ่งนั่นคือนิสัยที่แท้จริงของหมอนั่นและที่ดุก็คงเพราะภรรยาสาวของตัวเองคงจะดื้อมากจนเกินไป เขาไม่ได้ห้ามหรือเข้าไปยุ่งเพียงแต่แค่กำชับรัญช์ไว้แค่สองอย่างคือเรื่องนอ
หลายเดือนต่อมา…“พี่เพลิงคะ” เสียงหวานของหญิงสาวร่างเล็กเอ่ยเรียกแฟนหนุ่มที่กำลังปลูกดอกไม้อยู่หน้าบ้าน เขาละมือจากงานตรงหน้าเพื่อหันไปมองแฟนสาวที่กำลังเดินตรงมาทางเขา“ว่าไงครับ?”“พี่เรมิโทรมาชวนไปนั่งเล่นที่คาเฟ่ ขอไปนะคะ”“อืม รอพี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”“หนูไปคนเดียวไม่ได้เหรอคะ?”“นัดผู้ชายไว้?” ถามเสียงเข้มๆ จ้องหน้าแฟนสาวอย่างจับผิด ร่างเล็กส่ายหัวให้ก่อนจะจูงมือหนาพาเดินเข้าไปในบ้าน“มีผู้ชายให้นัดก็ดีสิคะ”“แล้วทำไมถึงอยากไปคนเดียว”“พี่เรมิอยากมาระบายเรื่องความรักกับพี่รัญช์ พี่เขาบอกว่าไม่อยากให้พี่ไปกลัวพี่จะไปหาเรื่องพี่รัญช์”“มันทำอะไรเรมิ?”“ก็แบบนั้นแหละ”“มีอะไรกันแล้ว?”“อือ”“แล้วทำไมจะต้องมาระบาย แต่งงานแล้วจะมีเซ็กส์กันก็ไม่แปลกอะไรนี่นา เรมินี่ยิ่งนับวันปัญหายิ่งเยอะนะ”“ก็เพราะแบบนี้ไงคะพี่เรมิถึงไม่อยากให้พี่ไปกับหนู”“และพี่ก็ไม่ให้หนูไปด้วยครับ ท้องอยู่เดินทางบ่อยไม่ดีอยู่บ้านนี่แหละ” บอกอย่างเป็นคำสั่งจ้องหน้าแฟนสาวด้วยสายตาแข็งๆ มายาวีจึงซบหน้าลงบนต้นแขนถูใบหน้าไปมาเบาๆ เหมือนแมวตัวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้าของ“งื้ออ! แต่หนูอยากไป”“ไม่ครับ ขึ้นไปนอนพักบนห้อง”“พ
หลายวันต่อมา… สุดท้ายวันที่ได้กลับมาบ้านก็ถึงสักที ร่างเล็กลงจากรถวิ่งตรงเข้าไปในตัวบ้านที่จากลาไปเสียหลายเดือนกว่าจะมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดวงตากลมโตมองไปรอบตัวบ้านที่ยังคงใหม่สะอาดน่าอยู่เหมือนกับเมื่อก่อน “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ ขาเรียวก้าวตรงไปยังรูปภาพพ่อกับแม่ที่ติดอยู่ข้างผนังบ้าน มือเล็กยื่นไปแตะใบหน้าของพวกเขาพร้อมฉีกยิ้มหวานให้ “หนูมาร์กลับมาแล้วนะแม่จ๋าพ่อจ๋า” “กลับมาแล้วก็อย่ามาส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น” จิตรดาที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาเอ่ยขึ้น หล่อนเบะปากใส่ลูกเลี้ยงที่หันมามองก่อนจะหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่านแทนการสบตากับหญิงสาวที่เป็นเจ้าของบ้าน “พี่จันตรีล่ะคะ ไหนว่ากลับมาอยู่ที่นี่แล้ว” มายาวีเดินไปจูงมือแฟนหนุ่มแล้วพากันไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามแม่เลี้ยงจิตรดา “อยู่ในครัว” “พี่ให้ทำขนมหวานให้เธอน่ะ” เปลวเพลิงบอกพลางโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มแฟนสาว มายาวีพยักหน้ารับแล้วมองแม่เลี้ยง “ไม่ได้ไปทำงานเหรอคะ?” “วันนี้หยุด” “อ่อ พี่จันก็หยุดเหรอคะ” “จะถามอะไรมากมา…” เมื่อหันไปสบกับสายตาคมกริบของเปลวเพลิงจากที่จะใส่อารมณ์กับลูกเลี้ยงจิตรดาก็ต้อง
สิบห้านาทีต่อมา…“เมียครับ กลับบ้านกันเถอะ” เปลวเพลิงเดินผิวปากเข้ามาในร้านพร้อมเอ่ยเรียกแฟนสาว ด้านหลังเขามีปรัชญาเดินตามมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่“คุณปรัช…” เปมิศาเดินไปสำรวจใบหน้าร่างกายของปรัชญาก็พบว่าทุกอย่างปกติเหมือนตอนเดินออกไป มีเพียงแค่สีหน้าเขาเท่านั้นที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “เป็นอะไรเหรอคะ”“ไม่ได้เป็นไร”“แต่สีหน้าคุณดูหงุดหงิดนะคะ”“ก็ไอ้เวรนี่มันให้ฉันจัดการคนพวกนั้นคนเดียวไง!” ตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ไม่สบอารมณ์“คุณปรัชจัดการคนเดียวเหรอคะ แล้วพวกนั้นมีกี่คน” มายาวีถามต่อ มองหน้าแฟนหนุ่มที่เอื้อมมือมายีผมเธอพร้อมรอยยิ้ม“ใช่ครับ มันจัดการคนเดียวพวกนั้นก็แค่ห้าคนเอง”“มันน่าภูมิใจมากไหมคะ?”“ก็ประมาณหนึ่งครับ มีพี่ชายเก่ง” ยกหน้ายกตาพูดอย่างกับภูมิใจจริงๆ มายาวีได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเบาๆ ก่อนจะยกมือโบกลาเปมิศาแล้วเดินตามเปลวเพลิงออกไป“จันตรีล่ะคะ?”“วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไปแล้ว”“แล้วผู้ชายพวกนั้น…”“โดนไอ้ปรัชกับไอ้รัญช์จัดการแล้ว เธออยากไปไหนไหมเดี๋ยวพี่พาไป” เปลวเพลิงหยุดเดินเมื่อมาถึงรถ เขายื่นมือไปแตะแก้มนุ่มของแฟนสาวเบาๆ ระหว่างรอคำตอบจากเธอ“อยากกลับบ้านค่ะ แต่ว