ร่างบางรีบเร่งขึ้นรถตู้ เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงกัญญานันได้รับโทรศัพท์จากเจ้าปัทมาดาราขอร้องให้เธอช่วยไปรำแทนนางรำคนหนึ่งที่บังเอิญมีเรื่องตบตีกับนางรำด้วยกัน โดยที่คนหาเรื่องก่อนถูกสั่งให้กลับบ้านไป ซึ่งกัญญานันก็เต็มใจช่วย อีกอย่างเธอกับมาธาวีก็คุยเรื่องตกแต่งเรียบร้อยแล้ว เธอจึงให้กุญแจกับมาธาวีไว้แล้วออกมาก่อน เพราะอีกฝ่ายบอกว่าเย็นๆ จะไปเจอเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่เรียนออกแบบตกแต่งภายใน
กัญญานันนั่งมาไม่นานรถตู้ก็จอดอีกครั้ง ประตูเปิดออกอย่างอัตโนมัติแล้วร่างสูงเพรียวกำยำที่หญิงสาวไม่คิดว่าจะได้เจอก็ก้าวขึ้นมา เขาสบตากับเธอด้วยแววตานิ่งสนิท แล้วก็ขยับมานั่งลงที่เบาะแรกของด้านหลังข้างเธอ ทำเอากัญญานันขยับชิดกระจกอย่างลืมตัว กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเขาฟุ้งอยู่ใกล้ตัว เสื้อสูทที่ชายหนุ่มใส่อยู่ถูกถอดออกจนแขนกำยำสัมผัสกับต้นแขนเธอเล็กน้อย กัญญานันพยายามนั่งนิ่งๆ กำลังคิดคำทักทายชายหนุ่มตามมารยาทรถก็เคลื่อนตัวออก เมื่อตั้งใจจะเอ่ยปากเสียงโทรศัพท์อีกฝ่ายก็ดังขึ้น
“ครับพ่อ”
เขารับสาย แล้วก็เงียบไป ก่อนจะรับคำอีกครั้ง
“ครับ ไม่เสียแรงที่ผมอุตส่าห์กลับไปแต่งตัวออกมาพบมิสเตอร์กับ
มิสซิสกลอรี่ สัญญาทุกฉบับเซ็นเรียบร้อยหมดแล้วครับ สิ้นค้าทุกอย่างในไร่ ทั้งของสดหรือแปรรูปมิสเตอร์กลอรี่ยินดีรับทั้งหมด กำหนดส่งเริ่มตั้งแต่เดือนหน้าครับ”
เมื่ออธิบายด้วยเสียงทุ้มราบเรียบของตนอยู่พักหนึ่งเปรมินทร์ก็เงียบ
อีกครั้ง ก่อนรับคำสั้นๆ
“ครับ ผมกำลังรีบไป”
ชายหนุ่มวางสายทว่าขณะที่เขาก้มลงจดจ้องหน้าจอมือถืออยู่นั้นรถก็เลี้ยวอย่างรวดเร็วและแรงผิดปกติ ทำให้ร่างสูงที่ไม่ได้ตั้งตัวเอียงวูบ แล้วร่างหอม
นุ่มนิ่มก็เอนมาหล่นแนบอกเขาอย่างกะทันหันพร้อมเสียงหวีดร้องเบาๆ เปรมินทร์โอบแขนรับไว้โดยอัตโนมัติ แต่ก่อนที่จะได้มองหน้าหรือพูดคุยกันรถก็เลี้ยวอีกครั้งทำให้ทั้งคู่เอียงไปอีกทาง ยังดีที่ชายหนุ่มไวพอที่จะเอามือยันกระจกพร้อมกับแขนอีกข้างก็โอบแผ่นหลังบางดันให้แนบร่างตนเอาไว้ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายไปกระแทกเข้ากับกระจกด้านข้าง
ทว่ารถก็หักเลี้ยวเป็นครั้งที่สาม ร่างสองร่างไหววูบตามเช่นเคย ครั้งนี้แรงกว่าทุกครั้ง เปรมินทร์กลัวหญิงสาวจะไปกระแทกกับอย่างอื่นจึงรั้งเธอเข้าหาตัวเต็มแรง ร่างกายกัญญานันเบียดเข้าหาชายหนุ่มเต็มเปา ยิ่งไปกว่านั้นคือบังเอิญเธอเงยหน้าขึ้นมา ปากอิ่มสีสวยจึงแนบไปบนแก้มสากอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้จะเป็นการชนแรงๆ หากก็ทำเอาทั้งคู่นิ่งงันไปเช่นกัน
รถดูเหมือนจะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลจ้องปากอิ่มสวยไม่วางตาเมื่อหญิงสาวรีบถอยห่างจากเขาออกไปแล้วก้มหลบสายตาเขา แก้มเนียนสวยแดงเรื่อขึ้น เรือนร่างนุ่มหอมกรุ่นสั่นน้อยๆ จนเปรมินทร์นึกอยากขยับเข้าไปโอบกอดเธอให้คลายอาการนั้น แต่ก็ห้ามใจตัวเองเอาไว้ ขณะเดียวกันเสียงของมนตรีก็ทำให้อารมณ์อ่อนวูบในใจของชายหนุ่มหยุดชะงัก
“สุมาเต๊อะคุณมินทร์ รถมันสวนมาหลายคันน่ะครับ”
ถนนขึ้นเขาสองเลนเส้นนี้ค่อนข้างต้องระมัดระวังเวลารถสวนอย่างมาก แล้ววันนี้มนตรีก็ขับรถเร็วกว่าปกติเพราะกำลังเร่งทำเวลา เปรมินทร์เกือบจะพยักหน้าเข้าใจและไม่เอาโทษคนพูดแล้ว ถ้าไม่บังเอิญสบตากับมนตรีเข้าที่กระจกมองหลัง ดวงตาหมอนั่นพราวระยับ ทั้งยังยักคิ้วให้เขาแผล็บอีกต่างหาก ชายหนุ่มจึงส่งสายตาดุไปให้อย่างคาดโทษ เหลือบมองหญิงสาวก็เห็นนั่งเหมือนจะสิงไปในกระจกด้านข้างจนต้องแอบถอนหายใจ
หลังลงรถมาร่างบางก็แทบจะเดินหนีแต่เปรมินทร์ไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น เขาคว้ามือบางเอาไว้ หญิงสาวสะดุ้งทั้งตัวมองเขาด้วยสายตากล่าวหาพร้อมสะบัดมือวุ่นวายชายหนุ่มจึงยอมปล่อย แต่ก็พูดสั้นๆ เตือนสติอีกฝ่าย
“คุณไม่รู้ว่าที่แต่งตัวอยู่ตรงไหนไม่ใช่เหรอ มากับผมเถอะน่า ยังไงผมก็พาคุณไปหาเจ้าแม่ได้แน่”
กัญญานันเริ่มมีสติเมื่อฟังเหตุผลในการที่เขาจับมือเธอ ลอบสังเกตแววตาเปรมินทร์ก็เห็นเพียงความนิ่งสงบ ไม่ได้ตั้งใจจะจาบจ้วงแต่อย่างใด คงเป็นเพราะเธอมัวนึกถึงเหตุการณ์บนรถจนวิตกมากไป
เมื่อชายหนุ่มพาเธอมาพบเจ้าปัทมาดาราตามที่บอก หญิงสาวก็ถูกพาไปแต่งเนื้อแต่งตัวทันที
เปรมินทร์มองตามคนร่างบางจนเธอหายไปท่ามกลางสาวๆ แต่ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินออกมา ใครคนหนึ่งก็พรวดเข้ามาเกาะแขนกำยำกอดแนบอกอวบ
“จ๊ะเอ๋ เซอร์ไพรส์ไหมคะ”
ชายหนุ่มนึกอยากมุดดินหนีได้ขึ้นมา เขาไม่น่าลืมเลยว่าวันนิสาก็มักจะปรากฏตัวในงานแบบนี้ ยังไม่ทันพูดอะไร เพียงแต่ขยับจะยิ้มปากอิ่มที่ทาสีแปร๊ดเพื่อขึ้นเวทีก็แนบมาบนแก้มเขาโดยไม่สนใจสายตาใคร ทำเอาเปรมินทร์เหลือบตามองเข้าไปด้านในทันทีโดยไม่รู้ตัว เมื่อไม่เห็นร่างบางอ้อนแอ้นชายหนุ่มก็ถอนหายใจ แต่แล้วกลับต้องสะดุ้งในใจเพราะบังเอิญสบตาคมดุที่เหมือนกับตนเองราวพิมพ์เดียวกันของเจ้าปัทมาดาราแทน
=====
“ไม่รู้สิคะ รู้แต่ว่าเธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดคุณ ไม่เคยมองคุณในแง่ร้าย แต่เธอเจ็บปวดที่รู้ว่าคุณทำให้เธอเสียใจ”นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนที่เปรมินทร์จะค่อยๆ คลี่ยิ้มที่มุมปากแล้วบอก“นางฟ้าคนนั้นรักผมเข้าให้แล้วล่ะ”กัญญานันก้มหน้างุดลงอย่างขัดเขิน เมื่อเห็นแววตาคู่คมวาววับราวกับล้อเลียน ทั้งที่ยังอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าแท้ๆ แต่ก็เข้าใจว่าเปรมินทร์คงอยากให้เธอสบายใจขึ้น“เฮ้อ...ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวผมก็ห้ามใจไม่ไหวอีกนะ”อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา แล้วก็จูบประทับหนักหน่วงเนิ่นนานบนกลีบปากสวยจนเธออ่อนระทวยอีกครั้ง ทว่าหญิงสาวยังไม่ลืมว่าชายหนุ่มพามาดูอะไร เมื่อปรือตาขึ้นมาพร้อมกับที่ใบหน้าคมคายผละออกไป เธอก็เงยหน้าขึ้นไปด้านบน แสงบางอย่างที่ร่วงลงอยู่ท่วมกลางท้องฟ้ามืดมิดดึงความสนใจของเธอให้หันมอง ร่างบอบบางถลันออกไปชะเง้อคอมองนอกเต็นท์“ฝนดาวตก”ดาวหลายดวงทยอยตกจากท้องฟ้าที่มุมหนึ่ง ทำให้กัญญานันตาวาว พูดโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ขยับมานั่งกอดซ้อนหลังเธอ“นี่ใช่ไหมคะที่คุณพาก้อยมาดู”“อืม”เปรมินทร์ตอบรับด้วยอารมณ์เซ็งๆ“แต่ผมชักอยากรักคุณมากกว่าดูฝนดาวตกนี่แล้ว”ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะวางคางของตนบ
ทั้งสองเซ่นไหว้ตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุของเจ้าปัทมาดากับคุณเฮนรี่ ก่อนจะย้อนกลับขึ้นมา เดินลึกเข้าไปด้านในยังจุดที่เกิดเรื่อง และกัญญานันก็วางฟ้ามุ่ยสีขาวไว้ตรงพื้นที่ที่เปรมินทร์บอกว่าฝังมอมแมมเอาไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็ขอไปตรวจเอกสารที่ออฟฟิศกับดูงานที่ไร่โดยพากัญญานันออกไปในไร่กับตนเองด้วย แม้ว่าตอนแรกเขาจะห้ามเพราะกลัวเธอจะเจ็บขามากขึ้น แต่หญิงสาวบอกว่าเธอยังไม่เคยเห็นไร่ภูศรีจันอย่างแท้จริงเลยสักครั้ง ชายหนุ่มจึงต้องพาหัวหน้าฝ่ายบัญชีกับเลขาไปด้วยเพื่อให้ดูแลและเป็นเพื่อนเธอ รวมทั้งคอยอธิบายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ตอนที่เขาตรวจงานในไร่ ทั้งคู่อยู่ที่ไร่กระทั่งเย็นจึงกลับขึ้นภู“ทำไมคุณถึงให้ลุงมั่นกางเต็นท์ให้เราล่ะคะ”กัญญานันพูดเสียงสั่นด้วยความหนาวหลังจากถูกคะยั้นคะยอให้ออกมายังจุดชมวิวด้านนอก เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะเข้านอน“ผมอยากให้คุณดูอะไรบางอย่างด้วยกันหน่อยน่ะ”ชายหนุ่มบอกแล้วรูดซิปเต็นท์ให้หญิงสาวเข้าไปด้านในก่อน แม้ด้านนอกจะมีกองไฟที่ให้คนขับรถคนใหม่จุดไว้แต่ก็ไม่ช่วยไล่ความหนาวเหน็บได้ ดีหน่อยที่พอไล่ยุ่งได้บ้าง“ดูข้างในไม่ได้เหรอคะ”“เราต้องดูบนท้องฟ้า”เมื่อท
“ผมรักก้อย”เสียงทุ้มพึมพำซ้ำแนบขมับชื้นเหงื่อของเธอ ตามมาด้วยรอยจูบหนักๆ“ที่สำคัญ...ผมรักหัวใจของคุณ หัวใจที่ดีงามเหมาะสมอย่างที่เจ้าแม่ผมเคยพูดเอาไว้ ท่านเคยบอกว่าผมจะรักคุณ แล้วผมก็รักจริงๆ แถมยังหลงด้วย หลงมากกก”พร้อมคำพูดเปรมินทร์ก็อุ้มร่างอรชรมานอนทับบนร่างแกร่ง ผิวเนื้อนุ่ม อกอวบอิ่ม ร่างสาวบดเบียดลงมาหาชายหนุ่มอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ กัญญานันเหมือนถูกดูดพลังงานไปจนหมด ไม่หลงเหลือแรงขัดขืนเขาด้วยซ้ำ“หลง แต่ชอบทำร้าย ชอบแกล้งเนี่ยนะคะ”มือบางตีอกกว้างเบาๆ เนื้อตัวเธอรู้สึกถึงมัดกล้ามเต็มแน่นช่วงหน้าท้องแกร่งและทั่วทั้งตัวของคนใต้ร่างเลยทีเดียว ใบหน้าหวานจึงออกอาการเขินอายเมื่อเห็นตาคมจ้องมาด้วยแววชอบอกชอบใจ“นี่เขาเรียกทำรักต่างหาก”เปรมินทร์ไม่บอกเปล่า แถมมือหนายังกดสะโพกเธอเข้าหาตัวเองซ้ำอีกจนกัญญานันต้องห้ามเสียงสั่น“อื้อ...ไม่เอาแล้วนะคะ”“เถอะน่า อีกครั้งหนึ่ง”“พอเถอะค่ะ ก้อยเหนื่อย”กัญญานันส่งสายตาขอร้องเต็มที่ เธอเพลียอยากนอนจะแย่อยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับมันเขี้ยวอยากฟัดคนตัวเล็กมากกว่าจะอยากหยุด เพราะไม่ว่าหญิงสาวจะมองแบบไหนเปรมินทร์ก็รู้สึกเหมือนเธอกำลังเชิญชวนเขาทุกท
คนถูกฉุดรั้งชะงักด้วยความงุนงงกับอารมณ์ร้อนแรงของตน และคำพูดกำกวมของอีกฝ่าย ร่างอรชรหอบหายใจระรัว เพิ่งรู้ว่าเธอเหนื่อยหนักขนาดนี้ ทว่าก่อนจะถามอะไรชายหนุ่มก็พลิกกายให้เธอลงไปนอนใต้ร่างขณะมือก็ปลดเสื้อนอนเธอออกไปพร้อมกัน ไม่ลืมที่จะดึงปิ่นออกจากผมสลวยจนสยายแผ่บนที่นอนอย่างน่าหลงใหล“ผมอยากบอกรักคุณก่อน”“คะ?”ดวงหน้าหวานเหลอหลาด้วยความแปลกใจกับคำรักที่ออกมาจากปากเขาแสนง่าย หากแรงพิศวาสที่โหมอยู่ยังไม่ถูกปลดปล่อย สมองเธอจึงทำงานช้า ความสนใจอยู่ที่มัดกล้ามแน่นตึงบนเรือนกายกำยำที่ค่อยๆ อวดต่อสายตา เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เธอกล้ามองเขาตรงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเพราะอะไรผู้หญิงต่างก็หลงใหลได้ปลื้มสามีตนเองขณะเดียวกันร่างสูงที่ผละไปถอดเสื้อผ้าของตนก็จับจ้องผิวขาวนวลผ่องที่เผยพร้อมเรือนกายงามสล้างไม่วาง ตาคมคู่ดุกวาดมองขึ้นลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างครึ้มใจที่ตนเองได้เป็นเจ้าของความงามลออตาตรงหน้า ความภาคภูมิใจปะปนความรักหลงอัดแน่นอยู่ในอก เพราะได้ครอบครองทั้งเรือนร่างสวยกับหัวใจที่ดีงามของกัญญานัน“ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ ทั้งดวงตา แก้ม ริมฝีปาก...”หลังจากทั้งร่างเปล่าเปลือยใบหน้าคมก็เลื่อนลงกระซิบพร้อม
กัญญานันไปส่งครอบครัวพร้อมกับเปรมินทร์และพี่ชายที่เชียงใหม่ แม้เธอจะบอกให้อีกฝ่ายพักผ่อนหลังจากทำแผลแล้ว แต่สุดท้ายเปรมินทร์ก็ยังเกาะติดภรรยาของตนไม่ยอมห่าง ส่วนทางด้านเพ็ญลงไปพักกับพ่อแม่ของตนในไร่ชั่วคราว กำลังอยู่ในช่วงคิดและพักใจ บนภูจึงมีสองสาวน้อยและคนขับรถซึ่งค่อนข้างมีอายุหน่อยของไร่กับภรรยาขึ้นมาอยู่แทน หากเพ็ญกลับมาก็ไม่มีปัญหาอะไร นอกจากมีแม่บ้านดูแลเพิ่มขึ้น เปรมินทร์ยินดีรับคนขับรถที่แต่งงานแล้วและมีอายุหน่อยมากกว่าคนโสด“ทานยาหรือยัง ข้อเท้าคุณเจ็บมากขึ้นอีกหรือเปล่า”เปรมินทร์ถามเมื่ออาบน้ำออกมาเห็นคนตัวเล็กกำลังนวดข้อเท้าอยู่“ทานแล้วค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย ไม่เท่าตอนที่เกิดเรื่องหรอกค่ะ”หมอในไร่ตรวจข้อเท้าให้หญิงสาวเพิ่มเติมหลังทำแผลให้ชายหนุ่ม แม้จะบอกว่าไม่ได้กระทบกระเทือนมากนัก“ผมนวดให้นะ”ร่างสูงใหญ่ขยับไปนั่งที่เตียงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเข้าไปใกล้คนตัวหอม แต่กัญญานันกลับส่ายหน้า“ได้ยังไงคะ มือคุณมีแผลอยู่”“ผมใช้มือซ้ายนวดให้”อีกฝ่ายยังพยายามจนเธอระอา แต่ก็ยังไม่ยอมอยู่ดี“ฉันนวดเองได้ค่ะ ว่าแต่คุณน่ะ ให้แผลโดนน้ำหรือเปล่าคะ มาให้ก้อยดูหน่อย”“คุณพูดว่าก้อยกับผมก็
“คุณพ่อกับคุณแม่จะกลับกรุงเทพฯ แล้วน่ะ แต่อยากขึ้นมาบนภู แล้วก็มาหาเราก่อนกลับด้วย”กิตติกรเป็นฝ่ายบอกเมื่อพบหน้าน้องสาว หญิงสาวเชิญทุกคนไปยังโต๊ะอาหาร ขณะที่เปรมินทร์เองก็มาถึงพอดี เขากำลังจะก้าวเข้าห้องอาหารขณะได้ยินประโยคคำพูดของคุณรุจีรัตน์“แม่กับคุณชายอยากมาไหว้เจ้ากับคุณเฮนรี่ ตรงที่ที่เกิดอุบัติเหตุด้วยน่ะ เห็นว่าเราเกิดเรื่องใกล้ๆ แถวนั้น คงเพราะเจ้าช่วยคุ้มครองเราถึงรอดมาได้ แม่อยากขอบคุณเจ้า”เปรมินทร์หน้าตึงขึ้น แต่ก็พยายามทำใจให้เย็นเข้าไว้ พยายามทำตัวให้เป็นคนมีเหตุผล ยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง และไม่วายปรายตามองลัลนาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปโอบไหล่บางของภรรยา หอมแก้มนวลแล้วยิ้มให้เมื่อเธอหันมาทำตาดุใส่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ“งั้นเดี๋ยวก้อยจัดเครื่องเซ่นไหว้ให้นะคะ”“ไม่เป็นไรลูก แม่เตรียมทุกอย่างแล้วก็แวะไหว้เรียบร้อยแล้วจ้ะ”“อย่างนั้นเหรอคะ”กัญญานันหน้าจ๋อยไป เปรมินทร์จึงหันไปโอบไหล่พร้อมบอกเบาๆ“ถ้าคุณอยากขอบคุณเจ้าแม่ เดี๋ยวผมพาไปใหม่ก็ได้”“ใช่จ้ะลูก เดี๋ยวหนูไปอีกครั้งกับคุณมินทร์ก็ได้ แม่กับคุณชายแล้วก็น้องนางจะกลับกันวันนี้ ไฟลต์เที่ยงน่ะจ้ะ แม่เลยรีบจัดการทุกอย่างให