หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นในขณะที่เดินข้ามห้องไปหาเธอ แต่เขารู้ว่าเธอไม่ได้ยินเสียงเขา ซึ่งเป็นผลจากการที่เขาเคยเป็นนักล่าและผู้วางกับดักที่เก่งมาตั้งแต่เด็ก ในใจได้แต่ภวนาว่าเขาจะไปถึงตัวเธอได้ก่อนที่เธอจะทำอะไรโง่ ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ไม่ว่าจะกับตัวเธอเอง กับเขา หรือกับคนที่อาจโดนกระสุนพลาด
ภาดายอมรับว่าเขาไม่ควรตีเธอ แต่เขายอมแพ้ต่อสัญชาตญาณดิบ ๆ ที่ต้องการให้เธอตระหนักถึงความร้ายแรงของสิ่งที่เธอกำลังทำ
ภีรพลน้องชายของเขาอาจจะเพียงแค่ตะโกนด่า แต่ภีรพลเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าเขาเสมอ ภีรพลเกิดมาในช่วงที่ครอบครัวเริ่มมีเงินทอง และในฐานะลูกคนเล็ก เขาได้รับการอบรมและเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมมากกว่าภาดาที่เป็นลูกคนโต
คิ้วดกดำสองข้างขมวดเข้าหากัน ขณะที่เขากำลังลงมือตีเธอ เขาไม่ได้สังเกตสภาพเสื้อผ้าของเธอมากนัก แต่เมื่อนึกย้อนกลับไป เขาก็ตระหนักได้ว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นที่เธอสวมใส่อยู่ไม่เพียงแต่ล้าสมัย แต่ยังเก่าจนแทบไม่เหมาะสมที่จะสวมใส่ โดยเฉพาะกางเกงชั้นในของเธอ
ทว่าทันใดนั้น เขาก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อตระหนักว่าผู้หญิงตัวเล็กแบบเธอเป็นสิ่งที่ดึงดูดเขาอย่างมาก แต่ความจริงนี้ก็ถูกตอกย้ำเมื่อเขาจับเธอนอนคว่ำบนตัก และยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อเขามองลงไปที่ก้นกลม ๆ ผ่านกางในสีขาวนวลบางจ๋อย
แม้ว่าเขาจะมีสัญชาตญาณของสุภาพบุรุษพอที่จะปรับท่าทางเพื่อไม่ให้ความต้องการทางกายของเขาเป็นที่สังเกตได้ แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะรู้เรื่องนี้ และเธอก็กำลังยุ่งกับการดิ้นเพื่อหนีจากตักของเขาอย่างน่าดึงดูดใจ
ซึ่งทำให้การซ่อนอาการของเขายากขึ้นไปอีก แม้ว่าเขาจะพยายามทำอย่างเต็มที่ก็ตาม บางครั้งขนาดที่ใหญ่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป
เมื่อได้ยินเสียงเคาะระฆัง ภาดาก็ส่ายหัวเพื่อพยายามลบภาพที่ไม่เหมาะสมเหล่านั้นออกจากความคิด
ภาพของชิดชนกที่แอ่นตัวขึ้นทุกครั้งที่ฝ่ามือเขากระทบลงบนก้นของเธอ
เขากวาดวิสกี้ที่เหลือในแก้วลงคอในอึกใหญ่ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
แน่นอนว่าเธอเป็นคนแรกที่เขาเห็นเมื่อเดินเข้าไปในห้องอาหาร เธอหลบสายตาของเขาอย่างกระวนกระวาย ขณะที่ภีรพลและชิดจันทร์เดินเข้ามาพร้อมกับจูบกันอย่างเปิดเผยราวกับว่าพวกเขาไม่ได้เจอกันตั้งแต่เช้า
ไม่รู้ว่าทำไมการที่ทั้งคู่แสดงความรักกันอย่างเปิดเผยถึงทำให้ภาดารู้สึกหงุดหงิดนัก และที่แย่กว่านั้นคือการพูดจาหวานใสกันทุกครั้งที่มีโอกาส เขาคิดว่าพฤติกรรมนี้อาจลดลงหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกันแล้ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ในความเป็นจริง มันอาจจะแย่ลงกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
ภีรพลประคองภรรยานั่งลง แล้วจูบที่ศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองตรงข้ามกับเธอ
ส่วนชิดชนกนั่งข้างน้องสาวของเธอ พยายามห่างจากเจ้าบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พี่แก้ว เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ดูเหมือนพี่เพิ่งร้องไห้มา” ภีรพลขมวดคิ้วและพูดขึ้น
ชิดชนกกำลังจะเปิดปากเพื่อทวนเรื่องที่เธอแต่งขึ้นมาให้ชิดจันทร์ฟัง แต่แล้วชิดจันทร์ก็พูดแทนเธอเสียเอง พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบมือเธอเพื่อปลอบใจ และเล่าเรื่องนั้นได้น่าเชื่อถือกว่าที่เธอจะทำได้เสียอีก
ภีรพลแสดงความเห็นใจออกมาอย่างเต็มที่
“พี่น่าจะให้พี่ภาดาดูให้ พี่ภาดามีความรู้ทางการแพทย์พอสมควร เพราะโตมาในไร่ที่เมื่อก่อนนี้มีแต่ป่า ตอนที่พ่อกับแม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ รอบข้างไม่มีหมู่บ้านหรืออะไรเลย หลังจากที่เรามาบุกเบิกที่นี่ถึงค่อยมีคนมาตั้งรกรากอย่างที่พี่เห็น แต่ว่าไร่เราเนื้อที่กว้างมาก หมู่บ้านที่อยู่ใกล้สุดก็เป็นแค่หมู่บ้านเล็ก ๆ”
“ที่หมู่บ้านน่าจะมีหมอใช่ไหม” ชิดชนกรู้สึกเสียใจทันทีที่พูดออกมา
“มีหมอแก่คนหนึ่ง เขาเป็นทั้งหมอคน สัตว์ และหมอฟัน แต่ไม่เก่งเรื่องไหนเลย แถมยังคิดเงินแพงอีกด้วย ผมมั่นใจว่าพี่ภาดายินดีที่จะช่วยดูอาการให้พี่แน่นอน”
“ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอก เพราะเขานั่นแหละต้นเหตุ” ชิดชนกพึมพำเบา ๆ แต่ดูเหมือนจะไม่เบาพอ
“เธอว่าอะไรนะ” ภาดาถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
“ฉันบอกว่าฉันไม่อยากรบกวนคุณขนาดนั้น” ชิดชนกตอบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเงยหน้าขึ้นราวกับจะมองหน้าเขา แต่ก็มิอาจสบตาคมเข้มได้จึงงุดหน้าลง
รอยยิ้มของภาดากว้างขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวแก้ตัว “ภีมพูดถูก ฉันยินดีที่จะช่วยเหลือเธอในทุกทางที่ทำได้ บางทีการทาครีมอาจช่วยได้”
ทั้งภีรพลและชิดจันทร์ต่างแปลกใจกับคำแนะนำที่ไม่ปกติของพี่ชาย จึงไม่ได้เห็นชิดชนกที่กำลังขมวดคิ้วใส่ภาดาอย่างรุนแรง
ภีรพลหัวเราะเบา ๆ “ครีม? สำหรับนิ้วเท้าที่อาจจะหักเนี่ยนะ?”
“บางครั้งครีมก็ช่วยในสถานการณ์แบบนี้ ลดอาการบวมและความเจ็บปวด” ภาดาพูดช้า ๆ โดยมีความสุขกับความอึดอัดของหญิงสาว ซึ่งทั้งคู่รู้ดีว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอื่น
“ฉันคิดว่าฉันไม่เป็นไร ขอบคุณ รองเท้าของฉันคับมากจนทำให้ทุกอย่างอยู่กับที่ และนั่นก็ช่วยลดอาการบวมได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามันหักจริง ๆ ฉันคงเจ็บจนเดินไม่ได้แล้ว”
“จริงด้วย”
ชิดจันทร์เห็นด้วย และเริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับครั้งที่เธอทำแบบเดียวกัน จนในที่สุดชิดชนกก็ได้ผ่อนคลายและเริ่มรับประทานอาหารเที่ยงได้บ้าง แต่เธอยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องอยู่ ความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นและทำกับเธอยังสดใหม่เกินไป จนเธอแทบจะรับประทานอะไรไม่ลง แม้ว่าอาหารจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม
ในที่สุด เธอเกลียดตัวเองที่กลายเป็นคนขี้ขลาด แต่ก็รวบช้อน จากนั้นก็ลุกขึ้น ซึ่งช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการนั่งได้เช่นกัน
“ฉันอิ่มแล้ว ขอตัวขึ้นไปที่ห้องก่อนแล้วกัน ยังรู้สึกเพลีย ๆ จากการเดินทางอยู่เลย”
ขณะที่เธอเดินออกจากโต๊ะอาหาร สายตาของชิดชนกก็เห็นใบหน้าของทุกคนที่มองมา ภีรพลกับชิดจันทร์ดูเป็นห่วงเธออย่างจริงใจ ส่วนภาดาดูเหมือนกำลังกลั้นยิ้มไว้
“พี่แทบไม่ได้กินอะไรเลย จะให้จันทร์เอาข้าวขึ้นไปให้ทีหลังไหม” ชิดจันทร์ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรจ้ะ ขอบใจนะ พี่แค่อยากนอนพักสักหน่อยน่ะ”
เมื่อขึ้นไปถึงห้องและปิดประตูไว้ ชิดชนกก็นอนคว่ำบนเตียงขนาดใหญ่ที่มีผ้าห่มไหมสีฟ้าสวยงาม และปล่อยให้น้ำตาที่กักไว้มาทั้งวันไหลออกมา พร้อมกับสาปแช่งเจ้าของบ้านจนกระทั่งหลับไปด้วยความอ่อนล้าในไม่ช้า
“หยุดเถอะ คุณทำให้ฉันหน้าแดง”“ดี การหน้าแดงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเธอ และฉันพบว่าความบริสุทธิ์ของเธอ ความสุภาพเรียบร้อยของเธอ พูดตามตรง...มีเสน่ห์มาก”ชิดชนกหัวเราะ หันหนีจากคนร่างยักษ์เพื่อมุ่งหน้าไปยังเตียงใหญ่“ฉันไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว คุณควรจะรู้เรื่องนั้น”ภาดาย่องเข้ามาข้างหลังหญิงสาวอย่างเงียบ ๆ เหมือนที่เขาทำในบางครั้ง และตีอย่างแรงไปที่ก้นข้างหนึ่งก่อน จากนั้นอีกข้างหนึ่ง ก่อนที่เธอจะหันหนีเพื่อให้ก้นของเธออยู่ห่างจากเขาและเมื่อเธอพยายามที่จะทำเช่นนั้น เธอก็พบว่าตัวเองติดอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยสมบูรณ์“อย่าคิดแบบนั้นแม้แต่น้อย ที่รัก ความบริสุทธิ์เป็นคุณสมบัติ เป็นตัวตนของเธอ ไม่ใช่ลักษณะทางกายภาพ และเธอมีมัน ฉันไม่คิดว่าฉันเคยมี ซึ่งบางทีอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงดึงดูดฉันมากนัก เธอเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับฉัน”ชิดชนกยื่นมือขึ้นและสัมผัสเขา หนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เธอทำเช่นนั้นโดยสมัครใจ“คุณเป็นคนดี”“ฉันผ่านอะไรมามาก ที่รัก”ระหว่างที่พูดก็ยกมือขยำสองเต้าที่แสนล่อต่อล่อใจ แล้วก้มหน้าลงเชยชิมยอดถันที่แข็งชูชันคล้ายเชิญชวน ดูดแรง ๆ จนเสียงหวานครางออกมา“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถ
งานแต่งงานไม่เหมือนกับสิ่งที่ชิดชนกเคยจินตนาการไว้เมื่อเป็นเด็ก ที่จะต้องมีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดี และเธอที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องเหมือนเจ้าหญิง ท่ามกลางดอกไม้ที่ประดับตกแต่งไปทั่วงานงานแต่งงานจัดขึ้นที่ไร่ของภาดาเอง เป็นงานเล็ก ๆ เฉพาะคนในครอบครัวและคนรู้จักสนิทกันเท่านั้นถึงกระนั้น เธอก็มีชุดที่เป็นทางการ เพราะเขาอยากให้เธอเป็นเจ้าสาว และมันเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตลูกผู้หญิงชุดแต่งงานแม้ไม่ใช่ชุดฟูฟ่องแบบเจ้าหญิง ซึ่งนั้นเป็นเพียงจินตนาการในวัยเยาว์ ชิดชนกพอใจมาก เพราะถูกออกแบบและตัดเย็บมาอย่างดี เหมาะสำหรับงานแต่งงานแบบใกล้ชิด เรียบง่ายและประณีต ทำจากผ้าเนื้อดีสีฟ้าอ่อน ปักด้วยดอกไม้เล็ก ๆ สีฟ้าเข้มกว่าเล็กน้อย ทั้งหมดมีลำต้นและใบสีเขียวเล็ก ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เพื่อขับเน้นผิวขาวนวลของเธอภาดาหันหน้าไปหาเจ้าสาวที่กำลังเดินมาหาเขาอย่างช้า ๆ เธอถือช่อดอกกุหลาบขาวและแดงที่เขาเตรียมมาเป็นพิเศษสำหรับเธอและวันนี้ ซึ่งเธอมอบให้กับชิดจันทร์ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเพื่อนเจ้าสาวของเธอ เช่นเดียวกับที่ภีรพลเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของเขาเมื่อภาดาจับมือเธอไว้ในมือของเขา เขาสังเกตด้วยความตกใจว่
เขารู้ว่าเขากับเธอมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร อีกทั้งอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของเขาอีก แต่เขากับเธอจะผูกพันกันไปตลอดชีวิต เขาจึงตั้งใจที่จะทำให้มันดีสำหรับพวกเขาทั้งสองคนเท่าที่จะทำได้ และถ้ามันเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนตัวเองเล็กน้อยให้ดีขึ้น เขาก็จะทำมันเขาอยากมีความสุข และถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ เขาก็อยากให้เธอมีความสุขด้วยดังนั้น เขาจึงตั้งใจที่จะสานต่อการสนทนาของพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาดูเหมือนจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเพื่อให้เขาทำเช่นนั้นได้ก่อนที่ทุกคนจะเข้านอนประมาณเที่ยงคืน ภาดาคว้าเสื้อคลุมมาสวม แล้วเปิดประตูห้องออกไป ตรวจสอบดูว่าไม่มีใครอื่นอยู่ในทางเดินของโรงแรม เขาจึงเดินไปที่ห้องของชิดชนก แล้วเคาะประตูเบา ๆ“แก้ว ฉันเอง ขอฉันเข้าไปหน่อย”ชิดชนกที่หลับสนิทด้วยความเพลีย เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ก็ก่นด่านิดหน่อยก่อนที่จะงัวเงียลุกขึ้นมา เปิดไฟดวงเล็กบนโต๊ะข้างเตียง และไปที่ประตู“คุณภาดา มีอะไรรึเปล่าคะ” เธอถามอย่างงง ๆภาดาต้องควบคุมอารมณ์ของเขา มิฉะนั้นเขาจะพูดอะไรที่ทำให้เขาเสียใจภายหลัง “ขอฉันเข้าไปหน่อย”ชิดชนกลังเลกับความคิดนั้น “แต่ฉันคิดว่าคุณบอกว่าเ
“ที่รัก เราจะแต่งงานกันและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และฉันไม่อยากให้เธอคิดว่ามีอะไรที่เธอไม่สามารถบอกฉันได้ แม้ว่าเธอจะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันอาจไม่อยากได้ยินหรือเรื่องซุกซนที่เธอทำ มันจะดีกว่าเสมอสำหรับเธอที่จะบอกฉันมากกว่าที่จะไม่บอก”รู้ว่าเขาจะไม่ปล่อยเธอไปจนกว่าเขาจะได้สิ่งที่เขาต้องการ เธอจึงถอนหายใจอย่างหนัก“ฉันสงสัยว่าคุณจะจำเรื่องนี้ได้ไหม ตอนที่เราเรื่องแต่งงาน คุณพูดว่า…”เธอหยุดและกลืนน้ำลายอย่างแรง แต่เขาไม่ผลักดันเธอ ภาดาเห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ มันไม่ง่ายสำหรับเขาเช่นกัน เขาตระหนัก เพราะมันทำให้เขาปวดใจเมื่อเธอดูเศร้าสร้อย และเพราะเขาพยายามอย่างหนักที่จะทำให้สถานการณ์ที่ไม่ปกติและอึดอัดนี้ถูกต้องสำหรับเธอ“คุณบอกว่าคุณไม่สามารถให้ภรรยาของคุณสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ได้” เธอกระซิบอย่างน่าสังเวชภาดาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงขุ่นเคืองกับคำพูดที่ไม่ตั้งใจนั้น และนั่นคือสิ่งที่เขาพูดกับเธอเกือบจะตรง ๆ ถ้าในลักษณะที่อ่อนโยนและอ่อนโยนมาก“ฉันขอโทษที่พูดไม่คิด แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงคิดมากกับเรื่องแค่นี้ เธอช่วยอธิบายให้คู่หมั้นหัวทึบของเธอหน่อยได้ไหม”ชิดชนกซาบซึ้งในอารมณ์ขันที่
แม้ว่าการแต่งงานใหม่อีกครั้งจะเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากความคิดของภาดามากที่สุด แต่ข้าวสารได้กลายเป็นข้าวสุกแล้ว เขาจึงต้องรับมือกับผลที่ตามมาของสิ่งที่พวกเขาทำอย่างรวดเร็วเขายอมรับและแม้กระทั่งยอมรับความรับผิดชอบของเขาที่มีต่อชิดชนก ในลักษณะที่ทำให้เขาประหลาดใจ และเขาคาดหวังให้เธอทำเช่นเดียวกันพวกเขาทำสิ่งที่พวกเขาไม่ควรทำ และพวกเขาต้องทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อแก้ไขสถานการณ์ โดยเขาจะกดดันให้เธอยอม แม้ว่าจะไม่มีโอกาสที่เธอจะตั้งท้องแต่แม้จะสวมแหวนของชายหนุ่ม แม้แต่ตอนนี้ที่มีความเป็นไปได้อย่างชัดเจนว่าเธออาจตั้งครรภ์ ชิดชนกก็ยังไม่แน่ใจว่าการแต่งงานเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับพวกเขามันถูกต้องตามหลักการ มันเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สมควรจะทำ แต่เธอไม่มีความมั่นใจเลยพ่อเลี้ยงภาดา คนที่ไม่สามารถเอามือของเขาออกจากเธอได้แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเธอมากนักในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง และผู้ที่ดูเหมือนพอใจที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่เห็นได้ชัดว่าฐานะต่ำกว่ามากน่ะหรือแม้แต่อาหารเลิศรสในร้านอาหารก็ไม่สามารถทำให้ชิดชนกสดชื่นขึ้นได้ และการเลือกชุดแต่งงานและเสื้อผ้าก็เช่นกันในที่สุด ภาดาก็ทนไม่ไหว เขาฉ
เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ชิดชนกพบว่าเธออยู่ในเตียงของตัวเอง ในห้องของตัวเอง สงสัยว่าเธอมาที่นี่ได้อย่างไรภาดาทำให้เธอตื่นอยู่เกือบทั้งคืน เขาแสดงความรักกับเธอในรูปแบบต่าง ๆ แต่ละรูปแบบทำให้เธอหน้าแดงมากขึ้นกว่าครั้งก่อน ๆ แม้กระทั่งตอนนี้ หลายชั่วโมงต่อมา เพียงแค่ระลึกถึงพวกมัน แก้มขาวก็แดงปลั่งเป็นมะเขือเทศสุกจนเธอต้องยกมือทั้งสองข้างกุมแก้มไว้และแล้วเธอก็จำได้ว่า ก่อนที่เธอจะหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนในอ้อมแขนของเขา เขาได้กระซิบอย่างกล้าหาญที่ข้างหูของเธอว่า“ถ้าก่อนหน้าไม่ท้อง ตอนนี้เธอน่าจะท้องแล้ว”เขาคงจะอุ้มเธอมาส่งที่ห้องหลังจากหลับไปแล้ว และด้วยความเพลียทำให้เธอหลับลึกมาก ซึ่งไม่ใช่ความคิดที่ไม่ดี เมื่อพิจารณาว่าแม่บ้านจะมาถึงตั้งแต่เช้ามืดเพื่อทำอาหารเช้าให้พวกเขา และเธอคงจะตายถ้าถูกจับได้ว่าแอบออกจากห้องของภาดาเพื่อกลับมาที่ห้องของเธอเขาช่วยให้เธอรอดชีวิตจากชะตากรรมที่น่าอัปยศนั้นไปได้ร่างเล็กผุดลุกขึ้นจากเตียง จัดการอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วและออกจากห้อง ไม่แน่ใจว่าเธออยากจะเจอเขาหรือไม่ แต่โล่งใจที่เขาดูเหมือนจะรอเธออยู่ที่บันได“อรุณสวัสดิ์ คุณชิดชนก” เขาพูดด้วยน้ำ