จากนั้นเป็นต้นมาชิดชนกพยายามอย่างที่สุดที่จะเลี่ยงภาดาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะดูเหมือนเขาจะอยู่บ้านตลอดเวลา เธอก็เช่นกัน
เธอส่งอีเมลแนะนำตัวเองไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ทั้งที่อยู่ใกล้และไกลแม้แต่โรงเรียนที่ไม่ได้ประกาศรับสมัครครู เธอก็ส่งไปเผื่อไว้ เธอรู้สึกอึดอัดกับการอยู่ที่นี่มากจนขยายขอบเขตการหางานไปยังจังหวัดอื่นด้วย
พ่อแม่ของเธอเสียหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงเหลือน้องสาวคนเดียวที่เป็นครอบครัวของเธอ ชิดจันทร์แต่งงานกับภีรพล เห็นว่าเธออยู่กรุงเทพฯ คนเดียว จึงชักชวนเธอให้มาอยู่ที่ไร่ด้วยกัน ชิดชนกตอบตกลงเพราะอยากอยู่ใกล้กับน้องสาว
ถ้าหากว่ามีแค่ชิดจันทร์กับภีรพลอยู่ในบ้าน เธอคงรู้สึกยินดีและสบายใจที่จะใช้เวลาหางานที่เหมาะสมซึ่งจะทำให้เธออยู่ใกล้ ๆ ครอบครัวได้
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เธอถึงจุดที่อยากจะออกจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด แต่เธอไม่มีเงินพอที่จะกลับไป และก็ไม่มีอะไรให้กลับไปอยู่แล้วเช่นกัน เธอจึงยอมรับว่าต้องรับงานใด ๆ ก็ตามที่เข้ามาเพื่อให้พ้นจากชายคาของพ่อเลี้ยงภาดาให้ได้ ดังนั้นเธอจึงพยายามต่อไป โดยไม่ยอมท้อแท้แม้ว่าจะยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายตอนอาหารเที่ยง ชิดชนกต้องยอมรับว่า ภาดานั้นเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก ยกเว้นรอยยิ้มเย้ยหยันที่แฝงอยู่ใต้ริมฝีปากของเขาเมื่อใดก็ตามที่เธอเผลอเหลือบมองเขา และน้ำเสียงของเขาที่ใช้พูดกับเธอก็แทบจะถึงขั้นไม่เหมาะสม แต่โชคดีที่ดูเหมือนจะมีเพียงเธอคนเดียวที่สังเกตเห็น ชิดจันทร์และภีรพลต่างจมอยู่กับความรักของพวกเขาจนไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เธอไม่แน่ใจว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่
วันหนึ่งในช่วงบ่าย เมื่อเธอให้เวลาพักผ่อนกับตัวเองสักสองสามชั่วโมงหลังจากเขียนจดหมายแนะนำตัวและสอบถามเกี่ยวกับงานที่เธอรู้ว่าไม่น่าจะได้ผล เธอพบกับภีรพลและชิดจันทร์ที่กำลังเดินจูงมือกันผ่านโถงทางเดินไปยังประตูหน้า ดูเหมือนพวกเขากำลังจะออกไปข้างนอกในช่วงบ่าย
“เราจะไปขี่ม้าและปิกนิกกัน พี่อยากไปด้วยกันไหมครับ” ภีรพลชักชวน
ชิดชนกยิ้ม “ขอบคุณสำหรับคำชวน แต่ฉันขี่ม้าไม่เป็น”
ทั้งคู่ดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าพวกเขาคงจะมีความสุขมากขึ้นถ้าได้อยู่ด้วยกันเพียงสองคน
“ว้า...น่าเสียดายจัง พี่ภีมสอนจันทร์ขี่ม้า ใช้เวลาสักพัก แต่ตอนนี้จันทร์ขี่คล่องแล้ว” ชิดจันทร์ทำหน้าบึ้งอย่างน่ารัก
“ถ้าอย่างนั้นพี่คงต้องรบกวนความใจดีของน้องเขยซะแล้วล่ะ ถ้าจะยินดีสอนพี่ด้วย”
ภีรพลทำท่าโค้งคำนับ “เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ แต่ถ้าพี่ไม่อยากรอ พี่ภาดาก็อยู่แถวนี้วันนี้ และเขาเป็นครูที่เก่งมาก เขาเป็นคนสอนผม พี่ภาดามีความอดทนมากกว่าที่คิดนะครับ แล้วก็รักการขี่ม้า ผมว่าเพราะอย่างนี้เขาถึงสอนได้ดี”
ชิดชนกแทบจะไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะแห้ง ๆ ได้เมื่อได้ยินสิ่งที่ภีรพลพูดเกี่ยวกับพี่ชายของเขา แม้ว่าจะเป็นปฏิกิริยาแรกของเธอก็ตาม แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น เธอยิ้มและพูดว่า
“พี่รอนายได้ไม่เป็นไร ถ้านายไม่ติดอะไรนะ”
ภีรพลยักไหล่ “แล้วแต่พี่เลยครับ ถ้าอย่างนั้นเราจะเริ่มเรียนกันอาทิตย์นี้แล้วกันนะครับ”
“จ้ะ”
ชิดชนกพยักหน้าและส่งพวกเขาไป ทั้งคู่เดินจูงมือไปที่คอกม้า เธอหวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะพบคนที่รักเธอแบบที่น้องสาวของเธอเจอมาแล้ว คนที่ความรักของเขาสามารถเห็นได้จากแววตาทุกครั้งที่เขามองเธอ แม้ในยามที่รู้ว่ามีคนกำลังจ้องมองอยู่
แต่ในตอนนี้ เธอแค่อยากจะออกไปจากที่นี่
เธอเดินไปที่ครัวเพื่อบอกแม่ครัวประจำบ้านว่าเธอจะเป็นคนเดียวที่ทานอาหารกลางวันที่บ้าน แต่หญิงชราที่แสนใจดีและเป็นมิตรคนนั้นกลับแก้ไขข้อมูลของเธอ
“อาหารเกือบพร้อมแล้วค่ะคุณชิดชนก แต่คุณไม่ใช่คนเดียวหรอก พ่อเลี้ยงจะอยู่บ้านด้วย เขาบอกป้าเมื่อเช้านี้ค่ะ”
จากเดิมที่คิดจะนั่งกินข้าวคนเดียวให้สบายใจ คราวนี้ชิดชนกสงสัยว่าควรจะแกล้งปวดท้องหรือปวดหัวเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าของบ้านหนุ่มดีไหม
ทันใดนั้นประตูบ้านก็เปิดออก ร่างสูงใหญ่ก็ก้าวเข้ามา ก่อนที่เธอจะมีโอกาสตัดสินใจ
เนื้อตัวของภาดาเปรอะเปื้อนคราบดินตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อเชิ้ตเข้ารูปขับเน้นมัดกล้ามและช่วงไหล่กว้าง กางเกงยีนที่พอดีตัวอย่างน่าประหลาด และหมวกเก่า ๆ ทั้งหมดนี้เมื่อรวมอยู่บนตัวชายหนุ่ม กลับดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ
“ขอฉันไปล้างตัวสักหน่อย แล้วจะมากินมื้อเที่ยงกับเธอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณ…”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ร่างสูงใหญ่ก็หายไปแล้ว
ชิดชนกรีบเข้าไปประจบแม่บ้านทันที แต่ไม่ว่าจะอ้อนวอนแค่ไหน นางก็ไม่ยอมขึ้นไปรายงานเจ้าของบ้านหนุ่มว่าเธอจะขอรับถาดอาหารขึ้นไปกินบนห้องเองได้
“ป้ากำลังเตรียมอาหารอยู่ค่ะ คุณชิดชนก ถ้าคุณอยากให้พ่อเลี้ยงรู้เรื่องนั้น ป้าขอโทษด้วย แต่คุณต้องขึ้นไปบอกพ่อเลี้ยงเอง”
ไปบอกเขาด้วยตัวเองเหรอ…เธอไม่อยากเจอหน้าเขา ไม่มีทางที่เธอจะไปที่ห้องนอนของเขาเด็ดขาด!
แต่เธอก็ไม่อยากทานอาหารกลางวันกับเขาเพียงสองคนเช่นกัน
ในที่สุดเธอก็เดินกลับไปมาที่ด้านล่างของบันได และก่อนที่เธอจะรู้ตัว ชายหนุ่มก็ลงมาถึงครึ่งทางแล้ว ดูสะอาดขึ้นมาก และเธอเกลียดที่จะยอมรับว่าเขาดูหล่อเหลาอย่างน่าประทับใจในชุดเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยเสื้อเชิ้นลายสก็อตสีน้ำเงินเข้ม กับกางเกงยีนตัวใหม่
หญิงสาวยืนนิ่งราวกับถูกสะกด มองชายหนุ่มอย่างโง่เขลา กว่าจะรู้ตัวว่าเสียโอกาสที่จะหลบหนีไปโดยไม่ถูกยิ้มเยาะก็สายเสียแล้ว
เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย เรียกศักดิ์ศรีตัวเองกลับมา ตัดสินในที่จะเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม ยอมทานอาหารกับเขาดีกว่าให้เขาคิดว่าเธอเป็นคนขี้ขลาด แม้ว่าบางครั้งเธอจะเป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้ ๆ เขาก็ตาม
เมื่อไปถึงห้องอาหาร ชิดชนกเดินไปที่นั่งปกติของเธอ แต่ภาดากลับมายืนอยู่หลังที่นั่งปกติของชิดจันทร์และกระแอมเสียงดัง
ชิดชนกที่กำลังจะนั่งลง ถอนหายใจอย่างไม่พอใจและย้ายไปนั่งตรงที่นั่งทางซ้ายของชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ใหญ่ของตัวเอง
“หยุดเถอะ คุณทำให้ฉันหน้าแดง”“ดี การหน้าแดงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเธอ และฉันพบว่าความบริสุทธิ์ของเธอ ความสุภาพเรียบร้อยของเธอ พูดตามตรง...มีเสน่ห์มาก”ชิดชนกหัวเราะ หันหนีจากคนร่างยักษ์เพื่อมุ่งหน้าไปยังเตียงใหญ่“ฉันไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว คุณควรจะรู้เรื่องนั้น”ภาดาย่องเข้ามาข้างหลังหญิงสาวอย่างเงียบ ๆ เหมือนที่เขาทำในบางครั้ง และตีอย่างแรงไปที่ก้นข้างหนึ่งก่อน จากนั้นอีกข้างหนึ่ง ก่อนที่เธอจะหันหนีเพื่อให้ก้นของเธออยู่ห่างจากเขาและเมื่อเธอพยายามที่จะทำเช่นนั้น เธอก็พบว่าตัวเองติดอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยสมบูรณ์“อย่าคิดแบบนั้นแม้แต่น้อย ที่รัก ความบริสุทธิ์เป็นคุณสมบัติ เป็นตัวตนของเธอ ไม่ใช่ลักษณะทางกายภาพ และเธอมีมัน ฉันไม่คิดว่าฉันเคยมี ซึ่งบางทีอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงดึงดูดฉันมากนัก เธอเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับฉัน”ชิดชนกยื่นมือขึ้นและสัมผัสเขา หนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เธอทำเช่นนั้นโดยสมัครใจ“คุณเป็นคนดี”“ฉันผ่านอะไรมามาก ที่รัก”ระหว่างที่พูดก็ยกมือขยำสองเต้าที่แสนล่อต่อล่อใจ แล้วก้มหน้าลงเชยชิมยอดถันที่แข็งชูชันคล้ายเชิญชวน ดูดแรง ๆ จนเสียงหวานครางออกมา“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถ
งานแต่งงานไม่เหมือนกับสิ่งที่ชิดชนกเคยจินตนาการไว้เมื่อเป็นเด็ก ที่จะต้องมีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดี และเธอที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องเหมือนเจ้าหญิง ท่ามกลางดอกไม้ที่ประดับตกแต่งไปทั่วงานงานแต่งงานจัดขึ้นที่ไร่ของภาดาเอง เป็นงานเล็ก ๆ เฉพาะคนในครอบครัวและคนรู้จักสนิทกันเท่านั้นถึงกระนั้น เธอก็มีชุดที่เป็นทางการ เพราะเขาอยากให้เธอเป็นเจ้าสาว และมันเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตลูกผู้หญิงชุดแต่งงานแม้ไม่ใช่ชุดฟูฟ่องแบบเจ้าหญิง ซึ่งนั้นเป็นเพียงจินตนาการในวัยเยาว์ ชิดชนกพอใจมาก เพราะถูกออกแบบและตัดเย็บมาอย่างดี เหมาะสำหรับงานแต่งงานแบบใกล้ชิด เรียบง่ายและประณีต ทำจากผ้าเนื้อดีสีฟ้าอ่อน ปักด้วยดอกไม้เล็ก ๆ สีฟ้าเข้มกว่าเล็กน้อย ทั้งหมดมีลำต้นและใบสีเขียวเล็ก ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เพื่อขับเน้นผิวขาวนวลของเธอภาดาหันหน้าไปหาเจ้าสาวที่กำลังเดินมาหาเขาอย่างช้า ๆ เธอถือช่อดอกกุหลาบขาวและแดงที่เขาเตรียมมาเป็นพิเศษสำหรับเธอและวันนี้ ซึ่งเธอมอบให้กับชิดจันทร์ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเพื่อนเจ้าสาวของเธอ เช่นเดียวกับที่ภีรพลเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของเขาเมื่อภาดาจับมือเธอไว้ในมือของเขา เขาสังเกตด้วยความตกใจว่
เขารู้ว่าเขากับเธอมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร อีกทั้งอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของเขาอีก แต่เขากับเธอจะผูกพันกันไปตลอดชีวิต เขาจึงตั้งใจที่จะทำให้มันดีสำหรับพวกเขาทั้งสองคนเท่าที่จะทำได้ และถ้ามันเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนตัวเองเล็กน้อยให้ดีขึ้น เขาก็จะทำมันเขาอยากมีความสุข และถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ เขาก็อยากให้เธอมีความสุขด้วยดังนั้น เขาจึงตั้งใจที่จะสานต่อการสนทนาของพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาดูเหมือนจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเพื่อให้เขาทำเช่นนั้นได้ก่อนที่ทุกคนจะเข้านอนประมาณเที่ยงคืน ภาดาคว้าเสื้อคลุมมาสวม แล้วเปิดประตูห้องออกไป ตรวจสอบดูว่าไม่มีใครอื่นอยู่ในทางเดินของโรงแรม เขาจึงเดินไปที่ห้องของชิดชนก แล้วเคาะประตูเบา ๆ“แก้ว ฉันเอง ขอฉันเข้าไปหน่อย”ชิดชนกที่หลับสนิทด้วยความเพลีย เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ก็ก่นด่านิดหน่อยก่อนที่จะงัวเงียลุกขึ้นมา เปิดไฟดวงเล็กบนโต๊ะข้างเตียง และไปที่ประตู“คุณภาดา มีอะไรรึเปล่าคะ” เธอถามอย่างงง ๆภาดาต้องควบคุมอารมณ์ของเขา มิฉะนั้นเขาจะพูดอะไรที่ทำให้เขาเสียใจภายหลัง “ขอฉันเข้าไปหน่อย”ชิดชนกลังเลกับความคิดนั้น “แต่ฉันคิดว่าคุณบอกว่าเ
“ที่รัก เราจะแต่งงานกันและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และฉันไม่อยากให้เธอคิดว่ามีอะไรที่เธอไม่สามารถบอกฉันได้ แม้ว่าเธอจะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันอาจไม่อยากได้ยินหรือเรื่องซุกซนที่เธอทำ มันจะดีกว่าเสมอสำหรับเธอที่จะบอกฉันมากกว่าที่จะไม่บอก”รู้ว่าเขาจะไม่ปล่อยเธอไปจนกว่าเขาจะได้สิ่งที่เขาต้องการ เธอจึงถอนหายใจอย่างหนัก“ฉันสงสัยว่าคุณจะจำเรื่องนี้ได้ไหม ตอนที่เราเรื่องแต่งงาน คุณพูดว่า…”เธอหยุดและกลืนน้ำลายอย่างแรง แต่เขาไม่ผลักดันเธอ ภาดาเห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ มันไม่ง่ายสำหรับเขาเช่นกัน เขาตระหนัก เพราะมันทำให้เขาปวดใจเมื่อเธอดูเศร้าสร้อย และเพราะเขาพยายามอย่างหนักที่จะทำให้สถานการณ์ที่ไม่ปกติและอึดอัดนี้ถูกต้องสำหรับเธอ“คุณบอกว่าคุณไม่สามารถให้ภรรยาของคุณสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ได้” เธอกระซิบอย่างน่าสังเวชภาดาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงขุ่นเคืองกับคำพูดที่ไม่ตั้งใจนั้น และนั่นคือสิ่งที่เขาพูดกับเธอเกือบจะตรง ๆ ถ้าในลักษณะที่อ่อนโยนและอ่อนโยนมาก“ฉันขอโทษที่พูดไม่คิด แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงคิดมากกับเรื่องแค่นี้ เธอช่วยอธิบายให้คู่หมั้นหัวทึบของเธอหน่อยได้ไหม”ชิดชนกซาบซึ้งในอารมณ์ขันที่
แม้ว่าการแต่งงานใหม่อีกครั้งจะเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากความคิดของภาดามากที่สุด แต่ข้าวสารได้กลายเป็นข้าวสุกแล้ว เขาจึงต้องรับมือกับผลที่ตามมาของสิ่งที่พวกเขาทำอย่างรวดเร็วเขายอมรับและแม้กระทั่งยอมรับความรับผิดชอบของเขาที่มีต่อชิดชนก ในลักษณะที่ทำให้เขาประหลาดใจ และเขาคาดหวังให้เธอทำเช่นเดียวกันพวกเขาทำสิ่งที่พวกเขาไม่ควรทำ และพวกเขาต้องทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อแก้ไขสถานการณ์ โดยเขาจะกดดันให้เธอยอม แม้ว่าจะไม่มีโอกาสที่เธอจะตั้งท้องแต่แม้จะสวมแหวนของชายหนุ่ม แม้แต่ตอนนี้ที่มีความเป็นไปได้อย่างชัดเจนว่าเธออาจตั้งครรภ์ ชิดชนกก็ยังไม่แน่ใจว่าการแต่งงานเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับพวกเขามันถูกต้องตามหลักการ มันเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สมควรจะทำ แต่เธอไม่มีความมั่นใจเลยพ่อเลี้ยงภาดา คนที่ไม่สามารถเอามือของเขาออกจากเธอได้แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเธอมากนักในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง และผู้ที่ดูเหมือนพอใจที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่เห็นได้ชัดว่าฐานะต่ำกว่ามากน่ะหรือแม้แต่อาหารเลิศรสในร้านอาหารก็ไม่สามารถทำให้ชิดชนกสดชื่นขึ้นได้ และการเลือกชุดแต่งงานและเสื้อผ้าก็เช่นกันในที่สุด ภาดาก็ทนไม่ไหว เขาฉ
เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ชิดชนกพบว่าเธออยู่ในเตียงของตัวเอง ในห้องของตัวเอง สงสัยว่าเธอมาที่นี่ได้อย่างไรภาดาทำให้เธอตื่นอยู่เกือบทั้งคืน เขาแสดงความรักกับเธอในรูปแบบต่าง ๆ แต่ละรูปแบบทำให้เธอหน้าแดงมากขึ้นกว่าครั้งก่อน ๆ แม้กระทั่งตอนนี้ หลายชั่วโมงต่อมา เพียงแค่ระลึกถึงพวกมัน แก้มขาวก็แดงปลั่งเป็นมะเขือเทศสุกจนเธอต้องยกมือทั้งสองข้างกุมแก้มไว้และแล้วเธอก็จำได้ว่า ก่อนที่เธอจะหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนในอ้อมแขนของเขา เขาได้กระซิบอย่างกล้าหาญที่ข้างหูของเธอว่า“ถ้าก่อนหน้าไม่ท้อง ตอนนี้เธอน่าจะท้องแล้ว”เขาคงจะอุ้มเธอมาส่งที่ห้องหลังจากหลับไปแล้ว และด้วยความเพลียทำให้เธอหลับลึกมาก ซึ่งไม่ใช่ความคิดที่ไม่ดี เมื่อพิจารณาว่าแม่บ้านจะมาถึงตั้งแต่เช้ามืดเพื่อทำอาหารเช้าให้พวกเขา และเธอคงจะตายถ้าถูกจับได้ว่าแอบออกจากห้องของภาดาเพื่อกลับมาที่ห้องของเธอเขาช่วยให้เธอรอดชีวิตจากชะตากรรมที่น่าอัปยศนั้นไปได้ร่างเล็กผุดลุกขึ้นจากเตียง จัดการอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วและออกจากห้อง ไม่แน่ใจว่าเธออยากจะเจอเขาหรือไม่ แต่โล่งใจที่เขาดูเหมือนจะรอเธออยู่ที่บันได“อรุณสวัสดิ์ คุณชิดชนก” เขาพูดด้วยน้ำ