เมื่อเดินจนเหนื่อยแต่เอวาริณยังไม่ยอมเลือกของขวัญวันเกิดธีรกานต์เลยจูงมือเธอมายังร้านจำหน่ายนาฬิกาและเป็นคนเลือกให้เธอสองเรือน เรือนหนึ่งเป็นนาฬิกาแบบวัยรุ่นสีฟ้าสดใส อีกเรือนเป็นนาฬิกาสีโรสโกลด์ดูเป็นผู้ใหญ่
“ทำไมต้องซื้อถึงสองเรือนคะ” เอวาริณถามขณะที่ตักไอศกรีมรสชาติโปรดเข้าปาก
“เรือนหนึ่งของปีนี้อีกเรือนของปีหน้า”
“แล้วปีถัดไปล่ะคะ”
“ไม่โลภเลยนะเรา ปีถัดไปก็ค่อยว่ากันอีกที”
“พี่กานต์จะไม่ลืมวันเกิดเอวาใช่ไหม”
“ถามทำไม กลัวพี่ลืมเหรอ”
“ค่ะ ถ้าพี่เรียนเฉพาะทางก็คงไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหมคะ”
“คนเรามีเวลาเท่ากันนะ อยู่ที่จะบริหารเวลายังไงให้ชีวิตบาลานซ์ เอวาก็เหมือนกันไปเรียนที่นั่นเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ก็ต้องพยายามปรับตัวและแบ่งเวลาให้ได้” ธีรกานต์สอนเด็กสาวเพราะตนเองเคยมีปัญหาเรื่องแบ่งเวลามาก่อน
“เอวาคงคิดถึงพี่กานต์กับพี่กันต์มากๆ แน่เลยค่ะ”
“คิดถึงก็โทรมาหรือจะเมลมาก็ได้”
“เมลมาดีกว่าพี่ว่างตอนไหนก็ค่อยตอบ”
“ได้สิแต่ถ้าตอบช้าอย่าว่ากันนะ”
“ไม่หรอกค่ะ”
เอวาริณไม่รู้ว่าตนเองจะมีโอกาสได้กลับมาเจอกับพี่ชายใจดีอีกเมื่อไหร่ เด็กสาวไม่อยากไปกับครอบครัวเลยแต่ถ้าเลือกอยู่เมืองไทยก็ต้องกลับไปอยู่ที่บ้านคุณยายที่อัมพวาและก็คงไม่ได้เจอกับธีรกานต์บ่อยๆ เธออยากอยู่ใกล้กับเขาไม่ใช่เพราะเห็นว่าเขาเป็นพี่ชายใจดีอย่างที่คนอื่นเข้าใจ เอวาริณคิดว่าตนเองกำลังรักเขาเหมือนที่ผู้หญิงรักผู้ชาย
เด็กสาวไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใครเพราะกลัวจะโดนดุ อีกอย่างตอนนี้ธีรกานต์ก็ยังไม่มีแฟนเธอจึงอยากจะรอให้ตัวเองโตกว่านี้แล้วค่อยบอกความรู้สึกของตนเองออกไป
ระหว่างทางนั่งทานไอศกรีมกันอยู่ธีรกานต์ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแต่เขาไม่ได้เอามือถือไปด้วยแล้วบังเอิญว่ามีเสียงข้อความดังเข้ามาเอวาริณไม่อยากเสียมารยาทแต่เสียงข้อความก็ดังไม่หยุดเด็กสาวจึงชะโงกหน้ามาอ่านในขณะที่หน้าจอยังล็อกอยู่ ข้อความส่วนใหญ่ก็เป็นข้อความอวยพรวันเกิดแต่เธอสะดุดกับข้อความหนึ่งที่เด้งมาท้ายสุด
‘หมอกานต์ขา คืนนี้มาหาวิกกี้ที่ห้องนะคะ วิกกี้จะเอาตัวเองผูกโบเป็นของขวัญวันเกิดให้หมอกานต์ รอนะคะ’
เด็กสาวอ่านข้อความแล้วเบะปาก เธอไม่ชอบเลยที่มีคนส่งข้อความมาหาธีรกานต์แบบนี้ ความรู้สึกมันหน่วงๆ และไม่อยากให้ธีรกานต์ออกไปหาเจ้าของข้อความนั้นเลย
“เป็นอะไรทำหน้าบึ้งเชียว”
“เปล่าค่ะเรากลับกันเถอะเอวาอิ่มแล้ว
ทั้งสองคนกลับมาถึงที่บ้านก็แยกย้ายเข้าบ้านของตนเองเพราะยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่างานวันเกิดจะเริ่ม
เอวาริณโทรศัพท์ไปหาเพื่อนเพื่อเล่าเรื่องข้อความที่มีคนส่งถึงธีรกานต์ให้ฟัง
“เราไม่ชอบเลยกวาง”
“ไม่ชอบแล้วจะะทำอะไรได้ล่ะ พี่ชายของเอวาเขาโตแล้วเขาก็ต้องมีแฟน มีคนรักปกติจะตายพี่ชายของเราอยู่แค่ปีหนึ่งยังมีแฟนมาแล้วตั้งหลายคนเลยเอวา”
“เราไม่อยากให้พี่กานต์มีแฟน” แม้ที่ผ่านมาธีรกานต์จะมีแฟนมาแล้วหลายคนแต่ตอนนั้นเอวาริณยังเด็กซึ่งมันต่างจากตอนนี้ที่เธอเริ่มมองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่พี่ชายอย่างเคย
“อย่าบอกนะว่าแอบรักพี่ชายตัวเอง”
“มันผิดมากไหมกวาง”
“ไม่น่าจะผิดนะไม่ใช่พี่ชายจริงๆ สักหน่อย อีกอย่างพี่กานต์ของเอวาก็หล่อมากๆ ใครอยู่ใกล้ก็ต้องหลงรัก”
“เราว่าจะสารภาพกับพี่กานต์ว่าเราชอบเขาดีไหมกวาง”
“ไม่กลัวโดนปฏิเสธเหรอเอวา” กรวีถามด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ
“ตอนแรกเราก็ไม่อยากบอกเขาหรอกแต่เราไม่อยากให้เขาออกไปหาผู้หญิงคนนั้น แต่พอลองคิดดูเราว่าบอกไปเลยก็ดีอีกไม่กี่เดือนเราก็ต้องย้ายไปอยู่อังกฤษแล้ว”
“ถ้าจะไม่ได้เจอกันแล้วบอกไปก็ดีเหมือนกันนะ” กรวีเริ่มเห็นด้วยกับเพื่อน
เมื่อตัดสินใจได้แล้วเอวาริณก็เรียบเรียงคำพูดและคิดว่าจะบอกเขาหลังจากฉลองวันเกิดเสร็จ
งานวันเกิดผ่านไปอย่างอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง ปีนี้เอวาริณได้ของขวัญชิ้นใหญ่เพราะเป็นปีที่เด็กสาวจะเปลี่ยนคำนำหน้าจากเด็กหญิงมาเป็นนางสาวและทุกคนก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้มาฉลองพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้อีก
หลังเป่าเค้กเสร็จทุกคนก็ยังนั่งพูดคุยกันต่อแต่ธีรกานต์ขอตัวก่อนเพราะนัดกับเพื่อนว่าจะออกไปฉลองด้วยกัน
“พี่กานต์จะไปไหนคะ” เอวาริณรีบวิ่งตามมาที่รถ
“พี่นัดเพื่อนไว้ เอวามีอะไรหรือเปล่า”
“ขอคุยด้วยได้ไหมคะ”
“ได้สิแต่อย่านานนะ”
เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนเด็กสาวก็ร้อนใจเพราะคิดว่าชายหนุ่มคงจะรีบออกไปหาผู้หญิงที่ส่งข้อความมา
“เอวาอยากขอของขวัญพี่กานต์อย่างได้ไหมคะ”
“ชักจะเอาใหญ่แล้วนะเห็นพี่ใจดีมากหรือไงถึงได้กล้าขออีก” ธีรกานต์มองหน้าคนขอแล้วยิ้ม
“เอวากล้าขอแล้วพี่กานต์ล่ะคะกล้าให้หรือเปล่า”
“ทำเป็นท้าทายนะ น้องขอทั้งทีมีหรือพี่จะไม่กล้าให้”
“แน่นะคะ”
“แน่สิ รีบขอมาเลยเดี๋ยวพี่เปลี่ยนใจไม่รู้ด้วยนะ”
“เอวาขอเป็นแฟนพี่กานต์ได้ไหมคะ”
“อะไรนะ พูดใหม่อีกทีสิ” เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเองได้ยินนั้นถูกต้องแค่ไหน
“เอวาขอเป็นแฟนพี่กานต์ได้ไหมคะ” เด็กสาวพูดย้ำอีกครั้งด้วยท่าทางแน่แน่ว
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“รู้ค่ะ”
“รู้แล้วทำไมยังพูด”
“พี่กานต์โกรธเหรอคะ”
“มันน่าโกรธไหมล่ะ เอวายังเด็กอยู่แล้วมาพูดแบบนี้ได้ยังไง คนอื่นมาฟังเขาจะว่าเราเป็นเด็กแก่แดดนะ” ชายหนุ่มเตือนด้วยความหวังดีเพราะเขาเห็นเอวาริณเป็นเหมือนคนในครอบครัว
“แก่แดดที่ไหนเพื่อนเอวาก็มีแฟนกันหมดแล้ว พี่กานต์อย่าพยายามเปลี่ยนเรื่อง ตอบมาก่อนว่าตกลงไหม”
“พี่ไม่ตกลง”
“ไหนสัญญาว่าจะให้ตามที่เอวาขอ”
“ก็ใครจะคิดว่าจะขอแบบนี้”
“แล้วตกลงไหมคะ”
“พี่ว่าเอวายังเด็กอยู่เอาไว้เรียนจบค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ดีไหม” ธีรกานต์บอกไปแบบนั้นเพราะคิดว่าถ้าเอวาริณไปอยู่ที่อังกฤษและได้เจอเพื่อนใหม่สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ความคิดของเธอก็คงจะเปลี่ยนไปเอง
“เอวาชอบพี่กานต์จริงๆ นะคะ”
“ทำไมถึงชอบ” ที่เขาถามเพราะช่วงหลายปีมานี้เขากับเธอไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ผิดกับน้องชายของเขาที่สนิทเอวาริณมากกว่าตนเอง
“เพราะพี่กานต์หล่อ ใจดีเรียนเก่ง” เธอตอบไปตามที่ตนเองรู้สึกนั่นยิ่งทำให้คนฟังยิ้ม
“พี่ว่าเอวากำลังสับสนนะ เพราะคนเราจะเป็นแฟนกันมันต้องมีความรู้สึกรักด้วย แต่ที่เอวาตอบพี่นั่นมันเหมือนการชื่นชมเหมือนกับเราชื่นชอบดารานักร้อง”
“แล้วความรักคืออะไรคะ”
“ถ้าโตขึ้นเอวาก็จะเข้าใจเอง ตอนนี้หน้าที่ของเราคือเรียนให้จบ” ที่ธีรกานต์ไม่ตอบว่าความรักคืออะไรเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและรู้สึกยังไง ที่ผ่านมาเขาก็คิดว่าตนเองเข้าใจความรักดีแต่ความรักของตนก็จบลงอย่างรวดเร็วทุกครั้งชายหนุ่มจึงไม่กล้าตอบคำถามของเด็กสาวว่าความรักคืออะไร
“พี่จะไม่เป็นแฟนเอวาจริงๆ เหรอคะ”
“ถ้าอยากเป็นแฟนพี่ก็ต้องเรียนให้จบ” เขาพูดแล้วทำท่าจะปิดประตูรถ
“พี่ีกานต์จะไปจริงๆ ใช่ไหม”
“ใช่สิ พี่นัดเพื่อนไปแล้วเราก็ได้ยินนี่”
“แล้วพี่จะกลับมานอนที่บ้านไหมคะ” เธอกลัวว่าเขาจะออกไปค้างกับผู้หญิงที่ส่งข้อความมา
“ก็ต้องกลับสิ เราก็ถามแปลกจัง พี่จะไปจริงๆ แล้วไม่อยากให้เพื่อนรอนาน”
เอวาริณถอยออกจากรถและมองเขาขับออกไปจนลับสายตา เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียธีรกานต์ไปให้กับผู้หญิงที่วิกกี้
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องไปแล้วบ่าวสาวก็มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง“เหนื่อยไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“งานวันนี้เป็นพิธีในโบสถ์เราจัดแบบเรียบง่ายแต่ถ้ากลับไปที่เมืองไทยงานจะเป็นอีกแบบ”“ทำไมต้องจัดสองที่ล่ะคะ เอวาว่ามันเปลือง”“พี่ยินดีจ่าย พี่อยากให้ทุกคนรู้ว่าพี่แต่งงานกับเอวา พ่อกับแม่ของพี่ก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าลูกชายคนโตของท่านแต่งงานแล้ว อีกอย่างสาวๆ จะได้เลิกมาสนใจพี่”“เอวาชอบข้อสุดท้ายที่สุดเลยค่ะ”“เอาละวันนี้เราเหนื่อยมามากแล้วพี่ว่ารีบไปอาบน้ำกันดีกว่าพี่ช่วยถอดชุดให้นะ”“เอวาถอดเองก็ได้”“แต่พี่อยากช่วยนี่คะ ให้พี่ช่วยนะคะ”เมื่อเขาพูดเพราะๆ แบบนี้เอวาริณก็ต้องยอมใจอ่อนถึงแม้จะรู้สึกอายมากแค่ไหนก็ตาม“พี่กานต์อย่าจ้องแบบนั้นสิคะเอวาอายนะ”“อายทำไมพี่เคยเห็นมาทั้งตัวแล้วนะ”เขาหัวเราะร่วนก่อนจะรีบถอดชุดของเธอและของตนเองออกจนร่างกายของทั้งสองไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้นเอววาริณตัวสั่นเมื่อเขาพาเธอมายังห้องน้ำแล้วค่อยๆ ชโลมครีมอาบน้ำลงบนผิวเธออย่างช้าๆ“คิดถึงจัง”ธีรกานต์กระซิบข้างหูและขยับเขามากอดเธอจนแน่น“เราเจอกันทุกวันนะคะ”“เอวาก็รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร” เสียงเขาแหบพร่าทำให้คนฟังขนลุ
ธีรกานต์โทรศัพท์ไปบอกกับมารดาว่าตนเองคุยกับมารดาของเอวาริณแล้วและอยากให้ท่านกับบิดามาช่วยพูดกับบิดาของหญิงสาวเพราะอาจอห์นจะค่อนข้างเกรงใจบิดาของตนเองอยู่มาก“แม่ดีใจด้วยนะกานต์ แม่กับพ่อจะรีบไป”“ขอบคุณครับแม่”พอวางสายจากมาดราแล้วธีรกานต์ก็กลับเขามายังห้องรับแขกและนั่งคุยกับมารดาของคนรักอีกพักใหญ่“วันนี้เป็นวันหยุดของร้าน แม่ว่าเอวาออกไปเที่ยวกับพี่เขาก็ได้นะ”“พี่กานต์อยากไปเที่ยวที่ไหนคะ”“มีหลายที่เลยที่อยากไป”“แต่เราต้องกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านนะคะ วันนี้พ่อบอกว่าจะทำสเต็กค่ะ”“กานต์ก็มากินด้วยกันนะ เดี๋ยวอาจะบอกอาจอห์นทำเผื่อ”“ขอบคุณครับ”“เราไปเดินเที่ยวใกล้ก็ได้ค่ะ วันนี้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่”“พี่ว่าเรื่องเที่ยวเอาไว้ก่อนดีไหม พี่อยากให้เอวาพาไปซื้อเสื้อผ้า”“ไม่ได้เอามาจากเมืองไทยเหรอคะ”“พี่รีบก็เลยเอามาแค่นิดหน่อย กะว่าจะมาหาซื้อเอาข้างหน้า”“ได้เลยค่ะ เอวารู้จักร้านเยอะเลย”“รีบไปกับเถอะ เดี๋ยวจะกลับไม่ทันข้าวเย็นนะ”“ค่ะแม่”“ผมไปก่อนนะครับอาแก้ว”เอวาริณพาชายหนุ่มมายังห้างเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของตนเองเพราะที่นี่มีร้านเสื้อผ้าที่ครอบครัวของเธอมักจะมาหาซื้อประจ
เอวาริณพามารดาไปตรวจตามนัดเรียบร้อยจากนั้นก็พากันกลับมาที่บ้าน“แผลแม่แห้งดีแบบนี้อีกไม่กี่วันก็คงกลับไปทำงานได้แล้ว”“เอวาอยากให้พักผ่อนอีกนิดค่ะ ช่วงนี้เอวาดูร้านเองได้”“แล้วงานที่เมืองไทยล่ะ เราบอกพี่กันต์หรือยังว่ากลับมาอังกฤษ”“บอกแล้วค่ะ พี่กันต์ไม่ว่าอะไร เขาบอกว่าพร้อมตอนไหนก็ค่อยกลับไปทำ”“เดี๋ยวแม่ก็หายดีแล้ว หนูก็กลับได้”“ทำไมแม่อยากให้เอวากลับจังคะ มีอะไรหรือเปล่า”“แม่ก็แค่อยากให้หนูไปช่วยงานพี่เขา”“แค่นั้นจริงเหรอคะ” เอวาริณรู้ว่ามารดาของตนอยากให้ตนกับพีรกันต์คบกันซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย“แม่อยากให้หนูสนิทกับพี่กันต์”“ตอนนี้เราก็สนิทกันนะคะ”“แต่อยากให้สนิทมากกว่านี้”“แม่ก็บอกมาเลยสิคะว่าอยากให้เอวากับพี่กันต์คบกัน”“ลูกสาวแม่ฉลาดไม่เบาเลยนะ แล้วตกลงจะลองคบกันดูไหมล่ะ แม่ว่าหนูกับพี่กันต์ก็เหมาะสมกันดีนะ เรื่องนี้ป้านาก็เห็นด้วยกับแม่ ป้าเขาอยากได้หนูไปเป็นลูกสะใภ้”“ถ้าเอวากับพี่กันต์ไม่เป็นแบบที่กับป้านาคุยกันแม่จะเสียใจไหมคะ แล้วแม่กับป้านายังจะคุยกันเหมือนเดิมไหม”“มันคนละเรื่องกันนะ เรื่องของหนูกับพี่กันต์เรื่องหนึ่ง แม่กับป้านาก็เรื่องหนึ่ง ถึงลูกสองคนจะไม
จากนั้นพนักงานล้างจานคนใหม่ก็ยืนประจำตำแหน่งเขาล้างจานใบแล้วใบเล่าจนกระทั่งถึงเวลาสี่ทุ่มซึ่งลูกค้าคนสุดท้ายเพิ่งออกจากร้านไป“เป็นไงคะเหนื่อยไหม”“นิดหน่อยเอวาล่ะ พี่เห็นเราหัวหมุนเลยเก่งเหมือนกันนะ”“เอวายังเก่งไม่เท่าแม่เลยค่ะ แม่ทำได้ดีกว่านี้เอวาแค่พยายามทำให้เต็มที่”“แต่พี่ว่าได้ขนาดนี้ก็เก่งมากแล้ว เอาละเดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเองเอวาไปนั่งพักนะ”“ไม่เป็นไรค่ะอีกนิดเดียวช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ”วันนี้ร้านของหญิงสาวปิดดึกกว่าทุกครั้งเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพนักงานทุกคนจึงช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่“พี่กานต์หิวไหมคะ”“นิดหน่อย เอวาล่ะพี่เห็นตอนเย็นเรากินข้าวไปแค่นิดเดียว”“เอวาไม่ค่อยหิวค่ะ”“เราสั่งพิซซ่ามากินไหม จะได้คุยกันด้วย” เขาเห็นว่าร้านพิซซ่าที่อีกฝั่งของถนนยังเปิดอยู่จึงเสนอขึ้น“ได้ค่ะ”ไม่นานนักพิซซ่าก็มาส่ง ทั้งสองคนนั่งทานอยู่กลางร้านซึ่งตอนนี้พนักงานทุกคนกลับไป“พี่กานต์มาหาเอวาถึงพี่นี่คงไม่ใช่แค่มาเที่ยวใช่ไหมหรือมาตามกลับใช่ไหมคะ”“พี่เป็นห่วงก็เลยมาดูให้แน่ใจว่าเอวาสบายดีไหม”“แล้วรู้ได้ยังไงคะว่าเอวากลับมาที่นี่”“พี่ไปหาเอวาที่บ้านคุณยายท่านก็เลยบอกว่าเอวากลับมา
ธีรกานต์มาถึงอังกฤษแล้วก็รีบตรงไปยังร้านอาหารไทยของอาวาสิการ์ทันที แต่เขาก็เจอแค่พนักงานของร้านที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดเพราะตอนนี้เลยเวลาร้านปิดแล้วชายหนุ่มถามถึงอาการป่วยแต่พนักงานในร้านก็ไม่มีใครยอมบอกเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านายซึ่งธีรกานต์ก็เข้าใจเรื่องนี้ดี“ผมขอที่อยู่ที่บ้านของอาแก้วได้ไหมครับ” เมื่อไม่มีใครบอกเขาเลยไปดูด้วยตาของตัวเอง“ขอโทษด้วยพวกเราคงให้ที่อยู่นั่นกับคุณไม่ได้”“ผมรู้ว่าพวกคุณคงไม่อยากให้ที่อยู่เจ้านายกับผม แต่ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าเอวามาที่นี่หรือเปล่า ผมเป็นคนรักของเธอ”“ฉันว่าคุณหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้ไหม หนูเอวายังไม่มีคนรัก”“ผมรู้ว่ามันเชื่ออยาก แต่ผมยืนยันว่ามันคือเรื่องจริง ขอแค่ผมได้พบกับเธอ”“ถ้าคุณเป็นคนรักของหนูเอวาจริงก็คงไม่มามาตามหาที่ร้านแบบนี้ และก็คงมีเบอร์โทรศัพท์ของหนูเอวา”“เอวาทำโทรศัพท์ตกน้ำผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนมาใช้เบอร์ไหน”“พวกเราต้องขอโทษด้วยที่ให้ที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อของเธอไม่ได้จริงๆ นี่มันก็ดึกแล้วฉันว่าคุณกลับไปพักก่อนดีกว่าถ้าอยากเจอพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ บางทีหนูเอวาอาจจะเข้ามาที่ร้านก็ได้” แม่ครัวคนไทยบอกเขาด้วย
“แม่ครับผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ธีรกานต์มาถึงบ้านก็รีบเข้าไปหามารดาในห้องนั่งเล่นทันที“ดูท่าทางรีบร้อนจัง เรื่องด่วนเหรอลูก”“ครับแม่”“เอาล่ะจะคุยอะไรก็ว่ามาเลยแม่พร้อมจะฟังแล้ว”“เรื่องนายกันต์กับเอวาครับ”“แม่ก็กำลังอยากจะคุยเรื่องนี้อยู่พอดีเลย ช่วงนี้สองคนนั้นเป็นยังไงกันบ้างแม่ไม่เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันเลย แต่เอวากับลูกนี่สิดูสนิทกันขึ้นนะ”“ครับ เราสองคนสนิทกันมากขึ้น”“อีกหน่อยน้องก็มาเป็นคนในครอบครัวสนิทกันไว้ก็ดีแล้วล่ะ แต่ก็อย่าสนิทกันจนเกินงามเพราะเราเป็นผู้ชายน้องเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาจะว่าน้องเอาได้นะ” เธอกังวลนิดหน่อยเพราะลูกชายคนโตก็ยังโสด ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปก็คงไม่ดีแน่ๆ“แม่คิดว่าเอววากับนายกันต์จะเปิดใจคบกันจริงๆ เหรอครับ ผมว่ามันเป็นไปได้ยากนะครับ”“กานต์พูดเหมือนไปรู้อะไรมา หรือนายกันต์ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”“ผมยังไม่ได้ถามนายกันต์”“ยังไม่ถามแล้วรู้ได้ยังไง”“ผมมีเรื่องจะสารภาพกับแม่ ถ้าแม่จะโกรธผมก็ไม่ว่าอะไร ขอแค่แม่อย่าห้ามก็พอ”“กานต์ไปทำอะไรมาถึงคิดว่าแม่จะโกรธ ลองเล่ามาสิ แม่ว่าเรื่องมันคงใหญ่มากใช่ไหมสีหน้าเราถึงได้กังวลแบบนี้”“เรื่องมันใหญ่มากและผมคิดว่า