“หนูจะกลับไปทำงานที่เมืองไทยจริงเหรอเอวา” วาสิการ์ถามลูกสาว
“ค่ะแม่ เอวาคุยกับพี่กันต์แล้ว พี่กันต์บอกว่ามีตำแหน่งที่เหมาะสมกับเอวาอยู่พอดีเอวาก็เลยว่าจะลองไปทำดูค่ะ ได้ไหมคะแม่” แม้จะตัดสินใจไปแล้วแต่อยากฟังความคิดเห็นของมารดา
“แม่แล้วหนูนะลูกแล้วจะะเดินทางเมื่อไหร่”
“ก็คงจะเป็นอาทิตย์หน้าค่ะ แม่จะไปด้วยไหมคะ”
“แม่ยังต้องอยู่ดูร้านอาหารที่นี่แต่เดี๋ยวแม่จะโทรบอกป้านาให้นะเขาจะได้ช่วยหาคนมาทำความสะอาดบ้านให้นะ”
“ขอบคุณนะคะแม่”
“แล้วหนูจะไปเยี่ยมคุณยายไหม”
“ไปสิคะเอวาว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านสักสองสามวันพักให้หายเหนื่อยแล้วว่าจะไปอยู่กับคุณยายสักอาทิตย์หนึ่งค่ะ เพราะว่ากว่าจะเริ่มงานก็อีกตั้งสองอาทิตย์”
“ดีเลยเดี๋ยวไม่มีของฝากจะเอาไปให้ยายกับญาติคนอื่นด้วย”
“ได้ค่ะ เอวาเอาของไปไม่เยอะเท่าไหร่แม่ฝากได้เต็มที่เลยค่ะ”
“ว่าแต่หนูจะอยู่ที่บ้านคนเดียวได้แน่นะลูก”
“แน่สิคะแม่ บ้านเราอยู่ใกล้กับบ้านคุณป้าถ้ามีอะไรเอวาก็ให้คุณป้ากับพี่กันต์ช่วยได้”
“แล้วหนูอยากได้คนมาช่วยดูแลงานบ้านไหม แม่จะได้ให้ป้าช่วยหาคนที่ไว้ใจได้หน่อย”
“ไม่จำเป็นหรอกมั้งคะแม่”
“ถ้าหนูไปทำงานก็คงไม่มีเวลาดูแลบ้านนะ”
“เอวาคิดว่าไหวนะคะแม่”
“บ้านเราหลังใหญ่ขนาดนั้นจะดูแลคนเดียวไม่ไหวหรอกเดี๋ยวลองถามป้านาดูนะเผื่อจะมีแม่บ้านมาช่วยทำความสะอาดมาช่วยซักรีดให้หนูก็ยังดี” มารดาของเอวาริณพูดกับลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
“แต่หนูอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวนะคะแม่”
“เราก็จ้างแม่บ้านแบบไปเช้าเย็นกลับก็ได้นะหรืออาจจะมาแค่วันเว้นวัน แม่ไม่อยากให้หนูลำบากเพราะหนูไปครั้งนี้หนูยังจะต้องไปทำงานด้วยนะ”
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวรับปากเพราะไม่อยากให้มารดาเป็นห่วงจนเกินไป
การกลับมาเมืองไทยครั้งนี้เอวาริณไม่ได้บอกธีรกานต์เพราะอยากกลับมาเซอร์ไพรส์เขา คนที่รู้เรื่องจึงมีแค่บิดามารดาและน้องชายของเขาเท่านั้น
เอวาริณมาถึงสนามบินในเวลา 6 โมงเช้าโดยมีพีรกันต์มารับและพาเธอไปทานอาหารเช้าก่อนจะพามาส่งที่บ้าน
“ขอบคุณมากนะคะพี่กันต์ ไม่เจอตั้งนานพี่กันยังใจดีเหมือนเดิมเลยค่ะ”
“พี่ใจดีแต่ก็คงยังไม่พี่กานต์ใช่ไหมล่ะ”
“แต่ก่อนพี่กานต์อาจจะใจดีที่สุดแต่ตอนนี้เอวาว่าพี่กันต์ใจดีกว่าพี่กานต์เยอะเลยค่ะ”
“นี่ยังน้อยใจพี่เขาที่ไม่ยอมตอบเมลและส่งของขวัญให้ใช่ไหม”
“ก็มีบ้างค่ะคนเราเกิดวันเดียวกันแท้ๆ เอวาก็ส่งคำอวยพรมาทุกปีแต่พี่กานต์ไม่เคยตอบเอวาเลยมันน่าน้อยใจไหมล่ะคะ”
“พี่ก็เห็นใจเอวานะ พี่กานต์ทำไม่ถูกจริงๆ เขาน่าจะติดต่อเอวาไปบ้าง”
“ใช่ค่ะ เอวากับพี่กานต์ฉลองวันเกิดด้วยกันตั้งหลายปีพอไม่อยู่พี่เขาก็ลืมไปแบบง่ายๆ”
“นั่นสิเป็นใครก็ต้องน้อยใจกันทั้งนั้น”
“พี่กันต์คะ เอวาอยากไปหาพี่กานต์ที่โรงพยาบาลเพราะว่าอยากรู้ว่าเขาจะจำเอวาได้ไหม”
“พี่ว่าไม่น่าจะได้นะเพราะครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันมันก็นานแล้วเวลาเอวาส่งรูปมาพี่ก็ไม่เคยเอาให้พี่กานต์ดูและตอนนี้เอวาก็สวยขึ้นมาก”
“พี่ช่วยให้เอวาไปตรวจกับพี่กานต์ได้ไหมคะแต่ไม่ต้องบอกว่าคือเอวา”
“ได้สิเดี๋ยวตอนเย็นพี่ให้คนขับรถมารับดีไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวเรียกรถไปก็ได้”
“เราเพิ่งกลับมาพี่ว่าให้คนขับรถคอยรับส่งก่อนดีกว่าเอาไว้อยู่ไปสักพักค่อยหาซื้อรถสักคัน”
“ขอบคุณค่ะพี่กันต์”
“ว่าแต่จะไม่บอกเขาใช่ไหมว่าตัวเองกลับมาแล้ว”
“ไม่ค่ะ เอวาอยากลองไปหาอยากจะรู้ว่าพี่กานต์จะมีจำได้ไหม”
“นี่เราคิดจะทำอะไรอยู่”
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยก็แค่อยากจะปลอมตัวไปเป็นคนไข้พี่กันต์ช่วยได้ไหมล่ะคะ”
“น่าสนุกดีเหมือนกันนะ เดี๋ยวพี่ดูเวลาพี่กานต์ก่อน” เขาพูดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตารางตรวจของพี่ชายจากนั้นก็ยิ้มกว้างแล้วทั้งสองคนเริ่มวางแผนให้เอวาริณเข้าไปตรวจกับชายหนุ่มในห้านาทีสุดท้ายก่อนที่แผนกจะปิด
“ขอบคุณนะคะพี่กันต์”
“ไม่เป็นไรพี่ชายก็ต้องช่วยเหลือน้องสาวอยู่แล้ว เอาละเดี๋ยวก็ถึงบ้านเราแล้วพักผ่อนให้เต็มที่แล้วสักหนึ่งทุ่มพี่จะให้คนมารับเพราะพี่กานต์ตรวจถึงสองทุ่มแต่ขากลับจะให้รถรอรับหรือจะกลับพร้อมพี่กานต์ล่ะ”
“ยังไม่แน่เลยค่ะเอาไว้เอวาจะโทรหาพี่กันต์ได้ไหม”
“ได้สิ”
“ถ้าพี่กานต์เขาจำไม่ได้เอวาจะเสียใจไหม”
“ไม่หรอกค่ะแต่อาจจะมีน้อยใจนิดหน่อย”
“ถึงเขาจะจำไม่ได้ว่าเราคือใครแต่ถ้าเขาได้เห็นเราตอนนี้รับรองว่าเขาจะต้องสนใจเอวาแน่ๆ คนอะไรจากกันไปไม่กี่ปีกลับมาอีกทีสวยราวกับนางแบบเชียว” พีรกันต์ชมเด็กสาวข้างบ้านเป็นครั้งที่สองแต่เขาไม่ได้คิดอะไรกับเอวาริณในเชิงชู้สาวเพราะโดยส่วนตัวแล้วพีรกันต์ชอบผู้หญิงอ่อนหวานเรียบร้อยไม่ใช่สาวเปรี้ยวเหมือนกับเอวาริณ
หญิงสาวเอากระเป๋าเดินทางขึ้นไปเก็บบนห้องนอนที่ทำความสะอาดไว้อย่างเรียบร้อยก่อนจะล้างหน้าแล้วเอาของฝากออกจากกะเป๋าจากนั้นก็เดินไปกดออดที่หน้าบ้านหลังติดๆ กัน
“มาหาใครครับ” ชายสูงวัยที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ถามขึ้น
“สวัสดีค่ะลุงวุฒิ” เอวาริณยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มกว้าง
“สวัสดีครับ คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ” เขาแปลกใจที่หญิงสาวทักทายเขาราวกับเคยเจอกันมาก่อนทั้งที่จริงแล้วเขาไม่เคยเจอใครสวยๆ แบบนี้มาก่อน
“รู้สิคะ ลุงจำเอวาไม่ได้เหรอคะ”
“หนูเอวาจริงๆ เหรอครับ โตขึ้นมากเลยแล้วยังสวยมากๆ ด้วย ลุงจำไม่ได้เลย แล้วมาคนเดียวเหรอครับคุณพ่อคุณแม่มาด้วยไหมครับ”
“เอวามาคนเดียวค่ะ นี่ของฝากคุณลุงนะคะ เอวาขอบคุณมากที่ช่วยดูแลต้นไม้บ้านเอวาอย่างดี”
“ขอบคุณอะไรกันล่ะครับ ลุงต้องขอบคุณแม่ของหนูมากกว่าที่ทำให้ลุงมีรายได้เพิ่ม แล้วหนูจะมาอยู่นานไหมครับ”
“ค่ะ หนูจะกลับมาทำงานที่เมืองไทยค่ะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะคะเอวาขอเข้าไปหาคุณลุงคุณป้าก่อน”
“ได้ครับเชิญครับ”
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องไปแล้วบ่าวสาวก็มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง“เหนื่อยไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“งานวันนี้เป็นพิธีในโบสถ์เราจัดแบบเรียบง่ายแต่ถ้ากลับไปที่เมืองไทยงานจะเป็นอีกแบบ”“ทำไมต้องจัดสองที่ล่ะคะ เอวาว่ามันเปลือง”“พี่ยินดีจ่าย พี่อยากให้ทุกคนรู้ว่าพี่แต่งงานกับเอวา พ่อกับแม่ของพี่ก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าลูกชายคนโตของท่านแต่งงานแล้ว อีกอย่างสาวๆ จะได้เลิกมาสนใจพี่”“เอวาชอบข้อสุดท้ายที่สุดเลยค่ะ”“เอาละวันนี้เราเหนื่อยมามากแล้วพี่ว่ารีบไปอาบน้ำกันดีกว่าพี่ช่วยถอดชุดให้นะ”“เอวาถอดเองก็ได้”“แต่พี่อยากช่วยนี่คะ ให้พี่ช่วยนะคะ”เมื่อเขาพูดเพราะๆ แบบนี้เอวาริณก็ต้องยอมใจอ่อนถึงแม้จะรู้สึกอายมากแค่ไหนก็ตาม“พี่กานต์อย่าจ้องแบบนั้นสิคะเอวาอายนะ”“อายทำไมพี่เคยเห็นมาทั้งตัวแล้วนะ”เขาหัวเราะร่วนก่อนจะรีบถอดชุดของเธอและของตนเองออกจนร่างกายของทั้งสองไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้นเอววาริณตัวสั่นเมื่อเขาพาเธอมายังห้องน้ำแล้วค่อยๆ ชโลมครีมอาบน้ำลงบนผิวเธออย่างช้าๆ“คิดถึงจัง”ธีรกานต์กระซิบข้างหูและขยับเขามากอดเธอจนแน่น“เราเจอกันทุกวันนะคะ”“เอวาก็รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร” เสียงเขาแหบพร่าทำให้คนฟังขนลุ
ธีรกานต์โทรศัพท์ไปบอกกับมารดาว่าตนเองคุยกับมารดาของเอวาริณแล้วและอยากให้ท่านกับบิดามาช่วยพูดกับบิดาของหญิงสาวเพราะอาจอห์นจะค่อนข้างเกรงใจบิดาของตนเองอยู่มาก“แม่ดีใจด้วยนะกานต์ แม่กับพ่อจะรีบไป”“ขอบคุณครับแม่”พอวางสายจากมาดราแล้วธีรกานต์ก็กลับเขามายังห้องรับแขกและนั่งคุยกับมารดาของคนรักอีกพักใหญ่“วันนี้เป็นวันหยุดของร้าน แม่ว่าเอวาออกไปเที่ยวกับพี่เขาก็ได้นะ”“พี่กานต์อยากไปเที่ยวที่ไหนคะ”“มีหลายที่เลยที่อยากไป”“แต่เราต้องกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านนะคะ วันนี้พ่อบอกว่าจะทำสเต็กค่ะ”“กานต์ก็มากินด้วยกันนะ เดี๋ยวอาจะบอกอาจอห์นทำเผื่อ”“ขอบคุณครับ”“เราไปเดินเที่ยวใกล้ก็ได้ค่ะ วันนี้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่”“พี่ว่าเรื่องเที่ยวเอาไว้ก่อนดีไหม พี่อยากให้เอวาพาไปซื้อเสื้อผ้า”“ไม่ได้เอามาจากเมืองไทยเหรอคะ”“พี่รีบก็เลยเอามาแค่นิดหน่อย กะว่าจะมาหาซื้อเอาข้างหน้า”“ได้เลยค่ะ เอวารู้จักร้านเยอะเลย”“รีบไปกับเถอะ เดี๋ยวจะกลับไม่ทันข้าวเย็นนะ”“ค่ะแม่”“ผมไปก่อนนะครับอาแก้ว”เอวาริณพาชายหนุ่มมายังห้างเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของตนเองเพราะที่นี่มีร้านเสื้อผ้าที่ครอบครัวของเธอมักจะมาหาซื้อประจ
เอวาริณพามารดาไปตรวจตามนัดเรียบร้อยจากนั้นก็พากันกลับมาที่บ้าน“แผลแม่แห้งดีแบบนี้อีกไม่กี่วันก็คงกลับไปทำงานได้แล้ว”“เอวาอยากให้พักผ่อนอีกนิดค่ะ ช่วงนี้เอวาดูร้านเองได้”“แล้วงานที่เมืองไทยล่ะ เราบอกพี่กันต์หรือยังว่ากลับมาอังกฤษ”“บอกแล้วค่ะ พี่กันต์ไม่ว่าอะไร เขาบอกว่าพร้อมตอนไหนก็ค่อยกลับไปทำ”“เดี๋ยวแม่ก็หายดีแล้ว หนูก็กลับได้”“ทำไมแม่อยากให้เอวากลับจังคะ มีอะไรหรือเปล่า”“แม่ก็แค่อยากให้หนูไปช่วยงานพี่เขา”“แค่นั้นจริงเหรอคะ” เอวาริณรู้ว่ามารดาของตนอยากให้ตนกับพีรกันต์คบกันซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย“แม่อยากให้หนูสนิทกับพี่กันต์”“ตอนนี้เราก็สนิทกันนะคะ”“แต่อยากให้สนิทมากกว่านี้”“แม่ก็บอกมาเลยสิคะว่าอยากให้เอวากับพี่กันต์คบกัน”“ลูกสาวแม่ฉลาดไม่เบาเลยนะ แล้วตกลงจะลองคบกันดูไหมล่ะ แม่ว่าหนูกับพี่กันต์ก็เหมาะสมกันดีนะ เรื่องนี้ป้านาก็เห็นด้วยกับแม่ ป้าเขาอยากได้หนูไปเป็นลูกสะใภ้”“ถ้าเอวากับพี่กันต์ไม่เป็นแบบที่กับป้านาคุยกันแม่จะเสียใจไหมคะ แล้วแม่กับป้านายังจะคุยกันเหมือนเดิมไหม”“มันคนละเรื่องกันนะ เรื่องของหนูกับพี่กันต์เรื่องหนึ่ง แม่กับป้านาก็เรื่องหนึ่ง ถึงลูกสองคนจะไม
จากนั้นพนักงานล้างจานคนใหม่ก็ยืนประจำตำแหน่งเขาล้างจานใบแล้วใบเล่าจนกระทั่งถึงเวลาสี่ทุ่มซึ่งลูกค้าคนสุดท้ายเพิ่งออกจากร้านไป“เป็นไงคะเหนื่อยไหม”“นิดหน่อยเอวาล่ะ พี่เห็นเราหัวหมุนเลยเก่งเหมือนกันนะ”“เอวายังเก่งไม่เท่าแม่เลยค่ะ แม่ทำได้ดีกว่านี้เอวาแค่พยายามทำให้เต็มที่”“แต่พี่ว่าได้ขนาดนี้ก็เก่งมากแล้ว เอาละเดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเองเอวาไปนั่งพักนะ”“ไม่เป็นไรค่ะอีกนิดเดียวช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ”วันนี้ร้านของหญิงสาวปิดดึกกว่าทุกครั้งเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพนักงานทุกคนจึงช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่“พี่กานต์หิวไหมคะ”“นิดหน่อย เอวาล่ะพี่เห็นตอนเย็นเรากินข้าวไปแค่นิดเดียว”“เอวาไม่ค่อยหิวค่ะ”“เราสั่งพิซซ่ามากินไหม จะได้คุยกันด้วย” เขาเห็นว่าร้านพิซซ่าที่อีกฝั่งของถนนยังเปิดอยู่จึงเสนอขึ้น“ได้ค่ะ”ไม่นานนักพิซซ่าก็มาส่ง ทั้งสองคนนั่งทานอยู่กลางร้านซึ่งตอนนี้พนักงานทุกคนกลับไป“พี่กานต์มาหาเอวาถึงพี่นี่คงไม่ใช่แค่มาเที่ยวใช่ไหมหรือมาตามกลับใช่ไหมคะ”“พี่เป็นห่วงก็เลยมาดูให้แน่ใจว่าเอวาสบายดีไหม”“แล้วรู้ได้ยังไงคะว่าเอวากลับมาที่นี่”“พี่ไปหาเอวาที่บ้านคุณยายท่านก็เลยบอกว่าเอวากลับมา
ธีรกานต์มาถึงอังกฤษแล้วก็รีบตรงไปยังร้านอาหารไทยของอาวาสิการ์ทันที แต่เขาก็เจอแค่พนักงานของร้านที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดเพราะตอนนี้เลยเวลาร้านปิดแล้วชายหนุ่มถามถึงอาการป่วยแต่พนักงานในร้านก็ไม่มีใครยอมบอกเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านายซึ่งธีรกานต์ก็เข้าใจเรื่องนี้ดี“ผมขอที่อยู่ที่บ้านของอาแก้วได้ไหมครับ” เมื่อไม่มีใครบอกเขาเลยไปดูด้วยตาของตัวเอง“ขอโทษด้วยพวกเราคงให้ที่อยู่นั่นกับคุณไม่ได้”“ผมรู้ว่าพวกคุณคงไม่อยากให้ที่อยู่เจ้านายกับผม แต่ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าเอวามาที่นี่หรือเปล่า ผมเป็นคนรักของเธอ”“ฉันว่าคุณหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้ไหม หนูเอวายังไม่มีคนรัก”“ผมรู้ว่ามันเชื่ออยาก แต่ผมยืนยันว่ามันคือเรื่องจริง ขอแค่ผมได้พบกับเธอ”“ถ้าคุณเป็นคนรักของหนูเอวาจริงก็คงไม่มามาตามหาที่ร้านแบบนี้ และก็คงมีเบอร์โทรศัพท์ของหนูเอวา”“เอวาทำโทรศัพท์ตกน้ำผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนมาใช้เบอร์ไหน”“พวกเราต้องขอโทษด้วยที่ให้ที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อของเธอไม่ได้จริงๆ นี่มันก็ดึกแล้วฉันว่าคุณกลับไปพักก่อนดีกว่าถ้าอยากเจอพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ บางทีหนูเอวาอาจจะเข้ามาที่ร้านก็ได้” แม่ครัวคนไทยบอกเขาด้วย
“แม่ครับผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ธีรกานต์มาถึงบ้านก็รีบเข้าไปหามารดาในห้องนั่งเล่นทันที“ดูท่าทางรีบร้อนจัง เรื่องด่วนเหรอลูก”“ครับแม่”“เอาล่ะจะคุยอะไรก็ว่ามาเลยแม่พร้อมจะฟังแล้ว”“เรื่องนายกันต์กับเอวาครับ”“แม่ก็กำลังอยากจะคุยเรื่องนี้อยู่พอดีเลย ช่วงนี้สองคนนั้นเป็นยังไงกันบ้างแม่ไม่เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันเลย แต่เอวากับลูกนี่สิดูสนิทกันขึ้นนะ”“ครับ เราสองคนสนิทกันมากขึ้น”“อีกหน่อยน้องก็มาเป็นคนในครอบครัวสนิทกันไว้ก็ดีแล้วล่ะ แต่ก็อย่าสนิทกันจนเกินงามเพราะเราเป็นผู้ชายน้องเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาจะว่าน้องเอาได้นะ” เธอกังวลนิดหน่อยเพราะลูกชายคนโตก็ยังโสด ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปก็คงไม่ดีแน่ๆ“แม่คิดว่าเอววากับนายกันต์จะเปิดใจคบกันจริงๆ เหรอครับ ผมว่ามันเป็นไปได้ยากนะครับ”“กานต์พูดเหมือนไปรู้อะไรมา หรือนายกันต์ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”“ผมยังไม่ได้ถามนายกันต์”“ยังไม่ถามแล้วรู้ได้ยังไง”“ผมมีเรื่องจะสารภาพกับแม่ ถ้าแม่จะโกรธผมก็ไม่ว่าอะไร ขอแค่แม่อย่าห้ามก็พอ”“กานต์ไปทำอะไรมาถึงคิดว่าแม่จะโกรธ ลองเล่ามาสิ แม่ว่าเรื่องมันคงใหญ่มากใช่ไหมสีหน้าเราถึงได้กังวลแบบนี้”“เรื่องมันใหญ่มากและผมคิดว่า