11 – พี่ชายคนละแม่
เสียงรถยนต์เลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอดรถแต่เช้าทำให้ดวงฤทัยเองแปลกใจ เธอเพิ่งแต่งตัวเสร็จหลังจากนอนตื่นสายในวันนี้ในรอบหลายปี พาร่างบอบบางเดินออกมาจากห้องนอนจนถึงโถงกลางก็พบกับพี่พฤกษ์เข้าพอดี
“ดวง”
“สวัสดีค่ะพี่พฤกษ์ นั่งก่อนสิคะ”
ดวงฤทัยเดินนำพฤกษ์ถึงเก้าอี้รับแขกที่ตั้งอยู่โถงทางเดินใต้หลังคาอีกฟากของบ้าน เธอไม่เจอพี่ชายต่างมารดามานานเกือบปีหลังจากที่เขามางานศพพ่อเลี้ยง สภาพตอนนั้นกับตอนนี้ผิดกันจนลิบลับ
พฤกษ์ อินราชา ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองดูย่ำแย่ขนาดนี้แม้ว่าหน้าตาเขายังหล่อเหมือนเดิมก็ตาม เสื้อผ้าที่สวมใส่เลือกใส่อย่างลวกๆ ไม่เข้าชุดกันทั้งมีรอยยับ ผมที่เคยตัดสั้นเรียบร้อยยาวเลยต้นคอ แต่ที่แย่กว่านั้นคงเป็นน้ำหนักที่ดูลดลงมากอาจร่วมเกือบสิบกิโลกรัม
“พี่พฤกษ์ป่วยหรือเปล่าคะ พี่พฤกษ์ดูเหมือน ...”
“ผอมลงใช่ไหม พี่ไม่ได้ป่วยหรอก แต่ไม่ค่อยมีเวลากินเท่าไร พี่มานี่มีเรื่องอยากจะขอร้องดวง”
“ขอร้องดวง?”
“ใช่ เกี่ยวกับคุ้มเจ้าจอมอิน”
“คุ้มเจ้าจอมอิน?”
ดวงฤทัยยังทวนคำเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ และการที่เธอทำเช่นนั้นคงทำให้พฤกษ์อารมณ์เสีย เพราะใบหน้าหล่อเหลาผู้ดีออกอาการฉุนเฉียว
“พี่จะขายคุ้มเวียงอิน”
“ค่ะ แล้วยังไงคะ”
“ทางผู้ซื้อเขาต้องการคุ้มเจ้าจอมอินด้วย ถ้าเขาได้ทั้งสองคุ้มเขาจะเพิ่มราคาให้อีกเท่าตัว”
“พี่พฤกษ์!!”
ผู้เป็นน้องสาวส่งเสียงสูงตกใจจริง ตากลมเบิกกว้าง ดวงหน้าหวานซึ้งส่ายหน้าทั้งไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดไปหรือไม่ ทั้งไม่ยินยอมขายคุ้มหลังนี้ที่เป็นมรดกตกทอดมาจากเจ้าย่า
“ดวง พี่ขอร้อง พี่ต้องการเงินจำนวนมาก”
“พี่พฤกษ์ แต่ราคาของคุ้มเวียงอินนั่นก็ราคาสูงมากพออยู่แล้ว พี่จะเอาเงินมากขนาดนั้นไปทำอะไร”
ตุบ!!
คนร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อมือแกร่งของพี่ชายทุบลงบนพนักเท้าแขนด้านข้าง หน้ากร้าวกระด้างขึ้นทันตากัดฟันพูดลอดไรฟันออกมา
“ดวงต้องขายมัน และเอาเงินไปสะ พี่ต้องการใช้เงินเร็วที่สุด”
“พี่พฤกษ์!! แต่ว่าดวง ดวงเองก็ไม่เหลืออะไรแล้วนะคะ คุ้มหลังนี้เป็นของเจ้าย่า ดวง ..”
“อันที่จริงคุ้มหลังนี้ไม่ควรต้องเป็นของดวง เพราะดวงเป็นแค่ลูกเมียน้อย พี่ พี่”
ดวงฤทัยเอนกายไปด้านหลังชิดพนักพิงตกตะลึงวาจาของพี่ชายต่างมารดา กระทั่งเห็นพฤกษ์ควบคุมอารมณ์ได้ เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
“พี่ขอโทษดวง พี่ไม่ควรพูดแบบนั้น คงเพราะพี่ร้อนใจ พี่ พี่ต้องเอาเงินไปใช้หนี้ก้อนใหญ่ ไม่อย่างนั้นพวกมันจะฆ่าพี่”
ร่างเล็กตื่นตกใจดวงตากลมโตเบิกกว้าง
“ใครคะพี่พฤกษ์”
“ดวงไม่รู้จักหรอก พวกบ่อนพนันตามชายแดนน่ะ เอาเป็นว่าดวงคิดดูแล้วกันว่าจะขายเท่าไร แล้วพี่จะมาเอาคำตอบในอีกสองวัน”
ดวงฤทัยผุดลุกจากเก้าอี้ตามพี่ชายที่เดินลงพื้นโถงกลางบ้าน รีบสาวเท้าไปให้ทันพี่ชาย
“พี่พฤกษ์คะ”
พฤกษ์หยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมาทั้งตัวมองน้องสาวร่างบางด้วยสายตาคำถามปนวาดหวัง
“ใครกันที่จะซื้อคะ คนในเมืองนี้คงไม่คิดซื้ออย่างแน่นอน”
“พ่อเลี้ยงคนใหม่ของเมือง เขาเพิ่งย้ายมาไม่ถึงปี ชื่อเหนือหัว เป็นหลานของเจ้ายิ่ง”
คำตอบของพี่ชายทำให้คนร่างเล็กชะงักงัน ยืนนิ่งอยู่กับที่มองพี่พฤกษ์หมุนตัวเดินลงบันไดโดยไม่เดินลงไปส่งเหมือนเคย
เหนือหัว! พ่อเลี้ยงเหนือหัว!
ติ๊ด ติ๊ด!!
ดวงฤทัยใช้เวลาตัดสินใจเพียงหนึ่งวัน ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เธอเร่งรีบคือพี่ชาย พฤกษ์โทรศัพท์มาหาเธออีกครั้งหลังจากกลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง เธอพยายามไตร่ตรองคิดถ้วนถี่
ตัวเธอเองไม่มีเงินมากพอและไม่เหลือสิ่งใดอีกแล้วหากตัวเธอเป็นอะไรไป แม่ดวงใจจะได้มีที่อยู่นอกเหนือจากฟาร์มสินธุ
ถ้าพี่พฤกษ์ถึงขนาดมาขอร้องเธอด้วยตัวเอง หมายความว่าคุณพิศดุจดาวแม่ของพี่พฤกษ์คงไม่สามารถช่วยเหลือได้
เสียงรอสายดังอยู่เป็นครู่กว่าพ่อเลี้ยงเหนือหัวจะรับสาย ดวงฤทัยลอบสูดลมหายใจเรียกความกล้า การคุยกับเหนือหัวเรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเดินอยู่บนเส้นด้ายเปราะบาง
“สวัสดีครับ”
“พี่เหนือ”
ดวงฤทัยสัมผัสได้ถึงความเงียบงันของความแปลกใจจากคนที่รับสายก่อนเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำกว่าเดิม
“น้องดวง”
“ดวงต้องการเจรจาเรื่องที่พี่เหนือให้ดวงกลับมาตัดสินใจ”
“พี่ไม่คิดว่าน้องดวงตัดสินใจได้รวดเร็วดูเหมือนเพิ่งผ่านไปได้แค่สองวัน”
“ค่ะ พี่เหนือสะดวกคุยเลยไหมคะ”
“พี่ไม่สะดวกคุย เอาเป็นว่าเย็นนี้พี่จะให้คนไปรับ”
เธอนิ่งเพียงอึดใจก่อนตัดสินใจตอบรับ ในเมื่อเธอตัดสินใจเดินหน้า เธอไม่ควรต้องกลัวเรื่องใดใดที่เกี่ยวกับเขาอีกแล้ว
“ค่ะ ดวงจะรอ”
“พี่เองก็จะรอดวงเช่นกัน”
เสียงทุ้มหยอดคำมั่นยิ่งทำให้กายสาวหวั่นใจ เธอวางโทรศัพท์ลงแล้วภาวนาให้เธอเจรจากับเสือร้ายเช่นเขาสำเร็จ
เหนือหัวเงยศีรษะขึ้นจ้องแสงทัดด้วยตาคมหรี่ลง หยักยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ
“น่าจะเป็นข่าวดีใช่ไหมพ่อเลี้ยง”
“ฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้น อ้อ เรื่องของคุ้มเวียงอินถึงไหนแล้ว”
เหนือหัวหันไปถามเลขานุการสาวอริสราที่ยืนอยู่ด้านหลังแสงทัด
“ทางคุณพฤกษ์รับไปพิจารณาและดำเนินการอยู่ค่ะ ดูท่าจะเร่งมาก ข่าวว่าทางเจ้าหนี้พนันรายใหญ่ฝั่งชายแดนขู่มา”
“เจ้าหนี้เป็นใครกัน”
แสงทัดเงยหน้าไปด้านหลังถามอริสราด้วยความแปลกใจ
“เป็นแก๊งพวกจีนฮ่อ ย้ายเข้าไปมาหากินแทบชายแดนฝั่งเหนือของพม่า หัวหน้าเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ทำธุรกิจสีเทามานาน ชื่อโจวซิ่วซาน ยังอายุไม่มาก”
“แล้วทำไมคนบ้านผู้ดีอย่างนั้นถึงได้ข้ามไปเล่นฝั่งโน้นได้”
อริสราก้มมองแสงทัดยิ้มมุมปากเหยียดหยาม
“ผีพนันเข้าสิง เข้าแล้วก็ออกยาก กว่าจะรู้ตัวก็ถลำลึก ยิ่งพวกนั้นคงพอรู้ว่าบ้านนี้เป็นใครยิ่งชักจูงให้ติดเงินไว้จำนวนมาก บวกดอกเบี้ยไปอีกหลายเท่าตัว”
“แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน”
อริสราหันกลับไปตอบเจ้านายหนุ่มเมื่อได้ยินเสียงเขาเอ่ยถาม
“ทางคุณพราวพิลาศและคุณพิศดุจดาวไปอาศัยกับทางบ้านคุณตาค่ะพ่อเลี้ยง เห็นว่าบ้านคุณพิศดุจดาวเองก็ไม่ธรรมดาเพราะต้นตระกูลเคยมียศศักดิ์เป็นถึงพระยาคุมเมืองเหนือตอนล่าง”
“แล้วนี่คุณดวงจะรู้หรือยัง”
แสงทัดหันหน้ากลับมามองเหนือหัว เห็นเจ้านายหนุ่มเงียบไปแสดงว่าเหนือหัวเองคงยังไม่แน่ใจ
“พ่อเลี้ยงทำอะไรระวังจิตใจของคุณดวงด้วยแล้วกัน”
เหนือหัวไม่เอ่ยตอบเพียงมองแฟ้มในมือ เอกสารการปรับปรุงรีโนเวทคุ้มเวียงอินและคุ้มเจ้าจอมอิน เขาตั้งใจอย่างยิ่งที่จะได้คุ้มของทั้งสองไว้ในมือ
ใจแค่ต้องการทำให้บ้านอินราชาสั่นสะเทือนบ้างเล็กน้อย ไม่ได้ต้องการให้ทั้งหมดล่มจมจนจมดิน แต่ลูกชายผู้สืบสายสกุลคนเดียวที่เหลืออยู่ต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น สกุลสายอินราชาคงถึงคราวพังทลายลงราบคาบในคราวเดียว
บทพิเศษสามเดือน เมื่อเจ็ดปีที่แล้วตุบ ตุบ!ดวงฤทัยสะดุ้งลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงก้อนหินปามาโดนผนังห้องนอนด้านหน้าเรือนทรงไทยล้านนาร่างเล็กสะลืมสะลือลงจากเตียงควานมือเพราะความมืด เปิดหน้าต่างห้องนอน ชะโงกหน้าออกไปแต่ยังไม่เห็นใครได้ยินแต่เสียงเรียกทุ้มต่ำแผ่วเบา“ดวง ดวง”ดวงฤทัยขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของใคร เพราะตั้งแต่วันนั้นที่เขาเดินลับหายไปท่ามกลางผู้คนในงานยี่เป็ง แต่กลับโผล่เข้ามาในชีวิตแทบทุกวันแอ๊ดดด!!ดวงฤทัยพยายามเปิดประตูให้เบาที่สุด ย่องปลายเท้าผ่านชานเรือน โชคดีเธอได้นอนห้องหน้าสุดทำให้ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนของคุณแม่และคุณยาย จากนั้นดวงฤทัยก็พาร่างอันบอบบางลงบันไดบ้านเดินไปยังประตูเล็กข้างรั้ว“มาทำไม มันดึกแล้ว!!”“เอาขนมมาให้”“แขวนไว้นั้นแหล่ะ แล้วก็กลับไปได้แล้ว”“เดี๋ยวก่อนสิ ขอเห็นหน้าก่อนไม่ได้เหรอ”ดวงฤทัยมองซ้ายมองขวา ดูลาดเลาก่อนแอ้มประตูรั้วยื่นมือออกไปเพื่อรับขนม แต่คนร่างสูงกลับจับข้อมือเธอไว้ดึงเธอออกไปนอกรั้วดันไปยังมุมมืดด้านข้างใช้มือยันรั้วไว้“พี่แค่อยากขอดูหน้าน้องดวง หลับไปหรือยัง”“ถ้าหลับจะได้ยินเสียงหรือไง เห็นหน้าก็กลับไปได้แล
38 – ดาวเหนือคอยนำทาง จบบริบูรณ์ ncคราวนี้ดวงฤทัยลุกขึ้นนั่งข้างกายของเหนือหัว ก้มมองดวงตาของชายแกร่งที่ปิดสนิทไม่ยอมมองเธอ“คุณนฤเบศร์ฉีกสัญญาไปทิ้งแล้วค่ะ”“แล้วยังไง? แม้ว่าไม่มีสัญญา ดวงจะยอมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังไหม ไม่เลย พี่ไม่ได้อยู่ในแผนการ อยู่ในความคิดของดวงด้วยซ้ำ!”“พี่เหนือ!”มือเล็กวางบนแผ่นอกใต้ผ้าห่ม เธอวางไว้ตรงอกข้างซ้ายตรงที่หัวใจของเหนือหัวกำลังเต้นแรง“ที่ดวงไม่บอกพี่ เพราะว่าดวงไม่อยากให้พี่เหนือมองดวงว่าเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน ทั้งที่ดวงเองก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ดวงต้องการหลักประกันมั่นคงให้กับตัวเอง ดวงต้องการบ้านคุ้มหัวที่ปกป้องแม่และยายไปตลอดชีวิต แต่ดวงยอมทิ้งทุกอย่างแล้ว ที่ดวงไปบ้านคุณนฤเบศร์วันนั้นก็เพราะว่าดวงต้องการยกเลิกสัญญา ดวงยอมทิ้งทุกอย่าง ไม่เอาบ้าน ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้อยู่กับพี่เหนือ”“แน่ล่ะ ก็เพราะพี่รวยใช่ไหม”“พี่เหนือ! พี่คิดว่าดวงรักพี่เหนือเพราะเงินเหรอคะ พี่คิดว่าดวง ดวงทิ้งของพวกนั้นเพราะต้องการเงินทองของพี่ใช่ไหม? ไม่เลย ดวงไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ดวงไม่ยอมให้คุณนฤเบศร์หรือเจ้ายิ่งบอกพี่เหนือก็เพราะว่า ถ้าพี่เหนือรู้ พี่เหนือต้อง
37 - คนร่างเล็กเขาง้อแล้วนะ“หนูดวง”ดวงฤทัยสะดุ้งหันกลับไปยังจันทร์มาลา เธอไม่ได้ยินเสียงเดินของหญิงวัยกลางคนเนื่องจากคิดเรื่องของเหนือหัว“คะ?”“ตั้งโต๊ะเถอะ เย็นมากแล้ว เหนือจะได้ทานยา”“ค่ะ”สองหญิงหนึ่งคนสาวหนึ่งคนแก่กว่า จัดจานใส่ถาดกว้างทยอยยกมากลางลานใกล้ระเบียงแล้ววางบนพื้นบ้านของเหนือหัวยังคงนั่งทานกับพื้นซึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้เองก็ยังคงทำแบบนี้ ยกเว้นบางบ้านที่นั่งทานโต๊ะทานอาหารอาหารของไทใหญ่ก็คล้ายกับของทางภาคเหนือจึงทำให้ดวงฤทัยเองทานได้คล่องปาก“แล้วนี่ทำไมเหนือถึงบาดเจ็บมาล่ะลูก”ในที่สุดจันทร์มาลาก็เอ่ยถามอย่างที่ใจของดวงฤทัยเองอยากรู้เช่นกัน เธอเอี้ยวหน้าไปมองพลันสบตาของเหนือหัวที่มองมาทางเธอพอดี จึงรีบหลบก้มมองจานข้าวของตัวเอง ตักข้าวเข้าปากนิ่งเงียบ“ไปตรวจงานอยู่หลายวัน พอใกล้ ๆ วันกลับเจอพวกชนกลุ่มน้อยครับ ปะทะนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่เป็นอะไรมาก หมอผ่าเอากระสุนออกไปแล้ว”“แล้วทางนั่นลูกยังจะไปอีกเหรอ”“ก็ต้องไปครับ นั่นมันธุรกิจเรา แต่อาจจะน้อยลง ให้หุ้นส่วนที่เป็นทหารช่วยดูแล”“แล้วเราจะไว้ใจได้ยังไง คนพวกนี้ใช่ย่อย”ดวงฤทัยแม้ว่าจะก้มหน้าทานข้าวแต่หูเธอคอยฟังเสียงท
36 - สำหรับเขาต้องมากกว่า ไม่มีน้อยกว่าเหนือหัวชะโงกตัวไปยังหลังรถแต่แสงทัดปัดมือของชายหนุ่มไว้ก่อนแล้วคว้ากระเป๋าของเหนือหัวมาไว้เอง“ยังไม่รู้ ไว้หลังสงกรานต์ว่ากันอีกที”แสงทัดเดินนำยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นไปบนเรือนยกใต้ถุนไม่สูงมากนักแบบไทใหญ่ อากาศในหน้านี้ไม่ร้อนมากนักเพราะอยู่ภูเขา ทำให้มีสายลมพัดมาตลอดเวลาบอดี้การ์ดเดินขึ้นเรือนกำลังเดินตรงไปยังห้องนอนของเหนือหัว พลันเหลือบเห็นร่างเล็กของคน ๆ หนึ่งที่เพื่อนของเขาถวิลหามาตลอด ทำให้เท้าใหญ่หยุดนิ่งตาเบิกกว้างหันกลับไปมองเพื่อนที่กำลังก้าวเท้าขึ้นบันไดเรือนมาพอดี“ไอ้เหนือ!”เหนือหัวเงยหน้าขึ้นมองแสงทัดที่ทำหน้าเหมือนเห็นผี คิ้วเข้มขมวดนิ่งไม่เอ่ยตอบอะไรยังก้าวขึ้นเรือนตามปกติ“มากันแล้ว”เสียงมารดาเอ่ยลอยมาจากชานเรือนแม้ว่าเขายังไม่ทันขึ้นไปชั้นบน จวบจนกระทั่งร่างสูงสาวเท้าไปบนขั้นสุดท้ายก้มศีรษะลงเพื่อให้พ้นชายหลังคาทรงเตี้ยเพื่อมุดเข้าไปในเรือน เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งจึงเห็นแม่เลี้ยงสาวแห่งสินธุเจริญพาณิชยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง หน้าเข้มกระด้างลงทันที“ไอ้ทัด มึงรอก่อน พาแม่เลี้ยงกลับไปด้วย”“ไอ้เหนือ!!”“เหนือ!!”เสียงแสงทัดและจั
35 – รัฐฉานปีใหม่ของชาวรัฐฉานปกติจัดขึ้นในวันขึ้นหนึ่งคำเดือนอ้ายของทุกปี ซึ่งมักจะเป็นช่วงงต้นเดือนธันวาคม ทำให้ในวันปีใหม่สากลของที่นี่เงียบเหงา ไม่ได้จัดงานเหมือนที่อื่นมีเพียงตามสถานที่สำคัญร้านค้าที่ทำสัญลักษณ์ว่าป้ายสวัสดีปีใหม่บางร้านค้าเท่านั้นร่างสูงยืนนิ่งตรงชานเรือนไม้ยกพื้นสูงบนเขาดอยเย่ว[1] ดอยสูงคดเคี้ยวเข้าลำบากถิ่นเดิมของมารดา บ้านทรงธรรมดาแบบไทใหญ่เพียงแต่หลังใหญ่กว่าทุกหลังในหมู่บ้านบอกสถานะทั้งทางสังคมและฐานะเงินทองใบหน้าเข้มไม่ได้พันผ้าโผกหัวนุ่งโสร่งเหมือนกับผู้ชายคนอื่นพื้นถิ่น เขาสวมกางเกงผ้าฝ้ายสีเข้มม่อฮ่อมและเสื้อผ้าฝ้ายสีอ่อนคอจีนผ่ายาวลงมาติดกระดุมทำจากรังผ้าฝ้ายสีเดียวกันจันทร์มาลา มารดาของเหนือหัวเองเฝ้าสังเกตลูกชายมาสักระยะแล้วนับจากกลับมาบ้านในคราวนี้ร่วมสองเดือน แม้ว่าเหนือหัวยังคงพูดคุยด้วยปกติแต่สีหน้าลูกชายดั่งมีเรื่องกลุ้มใจ บางครั้งเธอได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาขณะที่เขาเผลอยามอยู่คนเดียวแสงทัดเองเมื่อกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้เขาเองก็กลับบ้าน ไม่ได้มาอยู่ดูแลเหมือนดั่งอยู่เมืองไทย ทำให้จันทร์มาลาไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปถามใครดี ได้แต่เฝ้ามองลูกชายคนเ
34 – รู้ความจริงร่างเล็กนั่งรอแทบไม่ติดที่นั่งเมื่อนฤเบศร์เดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน และพลันยืนขึ้นทันทีอย่างร้อนใจเมื่อเห็นเขา โดยไม่ต้องพูดนฤเบศร์ก็รู้ว่าเธอมาเพื่อสิ่งใดในบ่ายวันนี้“พ่อเลี้ยง”“นั่งก่อนสิ ค่อย ๆ พูด”มือเล็กกุมไว้ขยุกขยิกห้ามตัวเองไม่ได้ ร้อนใจต้องการพูดเรื่องที่ตนเองตัดสินใจโดยเด็ดขาดแล้ว แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเด็กรับใช้ในบ้านกำลังนำน้ำดื่มมาต้อนรับเธอนั่งนิ่งรอจนกระทั่งเด็กคนนั้นออกจากห้องไปจึงได้เริ่มเปิดปาก“ดวงตัดสินใจแล้ว”“ผมรู้ว่าที่คุณดวงมาวันนี้ก็คงเลือกมาแล้ว คุณเลือกเหนือหัวใช่ไหม”ดวงฤทัยพยักหน้ารับทันทีไม่รอช้า“ใช่ ดวงตัดสินใจแล้วว่าจะขอละเมิดสัญญาที่ทำไว้ ไม่มีสิ่งใดแทนที่พี่เหนือได้ ดวงไม่ต้องการบ้านหรือฟาร์ม”“ดื่มน้ำก่อนสิ”นฤเบศร์เอ่ยแนะนำเมื่อเสียงของดวงฤทัยทั้งแหบแห้งและฟังเหนื่อยล้า นั่นคงเพราะเธอคงร้องไห้มาทั้งคืน ร่างเล็กหยุดไปชั่งครู่แล้วทำตามที่เขาบอก“ดวงรู้หรือเปล่าว่าในสัญญานอกจากจะสูญเสียทุกอย่างแล้ว ยังต้องชดใช้เงินสินสอดกลับคืนอีกด้วย”ดวงฤทัยหน้าซีดเผือดวางแก้วลงมือสั่นเล็กน้อยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ“ดวงจำได้ดี และสินสอดที่คุณพ่