Beranda / LGBTQ+ / เพียงชั่วข้ามคืน / บทที่ 1 รักแรก

Share

บทที่ 1 รักแรก

Penulis: DILEMMA 28
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-22 10:37:01

ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้วครอบครัวของเดนิมและพิพัฒน์รู้จักกันและสนิทกันในแวดวงธุรกิจตามประสาสังคมนักธุรกิจด้วยกัน พิพัฒน์อายุมากกว่าเดนิมเจ็ดปี สองครอบครัวจึงไปมาหาสู่กันอยู่บ่อย ๆ ชีวิตวัยเด็กของเดนิมเติบโตมาพร้อมกับพิพัฒน์เลยก็ว่าได้ พิพัฒน์มองเดนิมเป็นน้อง แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพศชายท้องได้ (New male) พี่ชายทั้งสองของเดนิม เดนีสและเดนีนต่างก็เอาอกเอาใจ ดูแลประคบประหงมประหนึ่งไข่ในหิน ด้วยความที่อายุห่างกันมาก เดนิมเกิดมาพร้อมกับความพิเศษของร่างกาย ด้วยความเป็นน้องเล็กของบ้าน พี่ชาย พ่อแม่ต่างก็ห้อมล้อมเอาใจ เลยติดนิสัยเอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไร อยากได้อะไรก็ต้องได้

“อยากให้พี่พัดป้อน” เดนิมพูดพลางออดอ้อนคนข้างๆเหมือนที่เคยทำตั้งแต่ยังเด็ก

“กินเองดีกว่าโตเป็นหนุ่มแล้วนะเรา” พิพัฒน์เริ่มอธิบายให้เด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างใจเย็นเพราะเดนิมมักจะเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่เด็กจนโตก็มักจะอ้อนให้เขาป้อนข้าวให้บ้างผลไม้ให้บ้างเวลาเจ้าตัวติดตามพี่ๆฝาแฝดทั้งสองมาเล่นเกมที่บ้านเขาพิพัฒน์มักจะอึดอัดเสมอเพียงแต่เขาไม่เคยพูดออกไปได้แต่เว้นระยะห่างอยู่ฝ่ายเดียว

“ก็นิมอยากให้พี่พัดป้อนนี่ครับ” พิพัฒน์ถอนหายใจก่อนจะยกเหตุผลมาอธิบายหลายข้อ

“โตเป็นหนุ่มแล้วนะเดนิมพี่ตามไปป้อนเราไม่ได้ทุกที่หรอกนะอีกอย่างพี่ก็….”

พิพัฒน์ไม่รู้จะอธิบายยังไงเขารู้สึกประดักประเดิดทุกครั้งที่เดนิมทำตัวเหมือนตอนเด็กๆไม่กี่ขวบเสมอไม่ว่าตอนเจอเขาจะกระโดดกอดบ้างล่ะออดอ้อนบ้างล่ะไหนจะสายตาเจ้าตัวที่มองเขาพิพัฒน์รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่เดนิมเข้าใกล้และไม่รู้สนิทใจเหมือนแต่ก่อนพิพัฒน์ก็ไม่ใช่คนหลงตัวเองหรือเข้าข้างตัวเองอะไรขนาดนั้นแต่เดนิมทำให้เขารู้สึกแบบนั้นทุกครั้งแต่ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมตามใจเจ้าตัวอีกท่าทางที่เดนิมกอดหมอนอิงพิงหัวไหล่เขาแบบนี้ก็เหมือนกัน

“ถ้านิมไม่กินเองงั้นพี่จะเรียกแม่บ้านมาเก็บไปละนะ” เดนิมหน้างอที่ได้ยินมององุ่นตรงหน้าตาละห้อย

“ก็ได้ครับ”

“พี่พัดอย่าโกรธนิมเลยนะๆ” เดนิมออดอ้อน

สองแฝดที่หันหลังกดจอยในมืออย่างเมามันไม่สนใจน้องเล็กของตัวเองเลยสักนิดว่าแทบจะนั่งเกยตักเขาอยู่แล้ว

“เฮ้ยไอ้นีสไอ้นีนจะกลับเมื่อไหร่กูมีธุระต้องออกไปข้างนอก”

“อ้าวแล้วไม่บอก” เดนีนที่ตามองจอตอบรับด้วยเสียงเนือยๆ

“เออๆจบตานี้กลับละ” เดนีสตอบกลับเดนีสเหมือนจะเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุดในสามพี่น้องนี้แล้ว

พิพัฒน์จึงลุกจากโซฟาทำท่าจะเดินขึ้นไปบนห้องตัวเอง

“เอองั้นไม่อยู่ส่งนะ”

“พี่พัดจะไปไหนเหรอครับ” พิพัฒน์หยุดกึกเขาเผลอกลั้นลมหายใจก่อนจะปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้ราบเรียบเหมือนเดิมก่อนจะเอ่ย

“พี่ต้องไปหาคุณพ่อน่ะ”

“อ่อครับ”

“เสียดายจังนิมมาหาพี่พัดแป๊บเดียวเองไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์” เดนิมพูดพร้อมทำหน้าละห้อยหากเป็นเมื่อก่อนเขาคงเดินไปลูบหัวพูดปลอบเจ้าตัวหลายคำแต่ตอนนี้พิพัฒน์ขีดเส้นให้ตัวเองเขาจะไม่ล้ำเส้นนั้นอีกเพราะผลสุดท้ายเป็นเขาเองเป็นฝ่ายที่ลำบากใจมากที่สุด

“พอดีช่วงนี้ม.ใกล้สอบแล้วเลยไม่มีเวลาให้นิมเหมือนแต่ก่อน”

“อะไรจะติดไอ้พัดขนาดนั้นฮะตัวเล็กใครเป็นพี่ชายเรากันแน่” เดนีสหันไปเย้าแหย่คนน้องที่ทำหน้าเบ้ใส่

“เหมือนกันที่ไหน” เดนิมบ่นพึมพำในคอ

“เอาล่ะๆ” เดนีนเก็บจอยในมือเสร็จก็หันมาสงบศึกสองพี่น้องก่อนจะเอ่ยลาเจ้าบ้าน

“เออโทษทีวันหลังก็บอกแต่เนิ่นๆมึงจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแบบนี้”

“วันหลังพี่พัดก็มาเที่ยวบ้านพวกเราบ้างสิครับ”

“…”

“ถ้าพี่ว่างพี่จะไปนะครับ”

พิพัฒน์เอ่ยตอบอย่างใจเย็นพลางก้มมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเอง

“สายล่ะๆไม่ส่งนะ”

“เออไปเถอะ”

เมื่อสามพี่น้องขับรถออกจากบ้านไปพิพัฒน์ที่มองจากบนชั้นสองถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“เฮ้อ”

“ทะเลาะกับแฝดหรือไงลูก”

“เปล่าครับ” มาลินีเอ่ยถามลูกชายด้วยความกังวลเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของเจ้าตัว

“ปกติเล่นเกมกันเสียงดังทำไมวันนี้เงียบแปลกๆ”

“พอดีเดนิมมาด้วยน่ะครับ”

“อ้าวหนูนิมมาเหรอไม่เรียกแม่ละลูก”

“เห็นแม่ยุ่งๆนะครับเลยไม่ได้บอก”

“วันหลังเรียกแม่นะแม่คิดถึงหนูนิมไม่ได้เจอกันนานเลย”

“เหมือนแม่จะชอบเดนิมมากเลยนะครับ” พิพัฒน์แกล้งถาม

“ก็เดนิมน่ารักมารยาทดีแถมยังพูดเก่งอีกแม่เห็นเดนิมตั้งแต่เด็กๆอดเอ็นดูไม่ได้แล้วพัดไม่ชอบน้องเหรอลูก”

“ก็…เปล่าหรอกครับผมแค่ถามไปงั้นๆเองงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

บรรยากาศภายในรถระหว่างสามพี่น้องเงียบจนน่าอึดอัด

“ไงไม่เจอหน้าไอ้พัดก็จะเป็นจะตายพอเจอแล้วยังทำหน้าซังกะตายอีกจะเอายังไงกันแน่ตัวเล็ก” เดนีสที่เป็นพลขับกันมาถามร้องชายที่นั่งกอดตุ๊กตาหมีอยู่ด้านหลังไม่พูดไม่จาผิดกับขามาที่เจ้าตัวจ้อไม่หยุด

“หงอยเป็นหมาแบบนี้เพราะไอ้พัดไม่ตามใจเหมือนเมื่อก่อนล่ะสิ” เดนีนเอ่ยตอบตามความเป็นจริงเพราะเป็นเพื่อนสนิทกันเขาจึงมองเห็นความลำบากใจและความไม่เป็นกันเองของพิพัฒน์ที่ปฏิบัติต่อเดนิมมันมีความกระอักกระอ่วนอยู่หลายส่วน

“นี่ตัวเล็กพี่พัดโตเป็นหนุ่มหล่อแล้วไม่มานั่งโอ๋เด็กน้อยอย่างเราหรอกนะจะไปตามก้นมันต้อยๆเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วอีกหน่อยมันก็ต้องมีแฟน…แต่งงาน”

“พี่พัดมีแฟนแล้วเหรอครับ” เดนิมถามด้วยเสียงสั่นเครือกอดตุ๊กตาหมีที่พิพัฒน์ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดครบสิบสองปีของเขาตอนนี้เดนิมเป็นเพียงเด็กม.ต้นอายุสิบห้าโลกของเขากับพิพัฒน์ต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ

“อาจจะ…” เดนีสตอบพลางมองกระจกหลังฝาแฝดส่งสัญญาณให้กันก่อนเดนีนจะเอ่ย

“เอาน่าตัวเล็กของเราน่ารักน่าชังขนาดนี้ต้องเจอคนดีๆกว่านี้แน่”

“ตัวเล็กเราก็อย่าเกาะแกะไอ้พัดมากเกินไปเพราะ—”

  “เพราะผมประหลาดใช่ไหมครับ พี่พัดเลยรู้สึกลำบากใจที่จะอยู่ใกล้ หากผมปกติ ก็คง…” เดนิมน้ำตารื้น เขาเข้าใจเหตุผลที่พี่พัดตีตัวออกหาก เพราะเขามีร่างกายพิเศษสามารถตั้งครรภ์ได้ พี่พัดคงกลัวคนจะครหา และอาจจะนึกรังเกียจเขาอยู่กลาย ๆ ก็ได้ เดนิมไม่ใช่ไม่สังเกตระยะห่างนั้น แต่เขาเพียงแค่หลอกตัวเอง ออดอ้อนเพียงอยากชิดใกล้ ทั้ง ๆ ที่เห็นความกระอักกระอ่วนฉายชัดในแววตา เพียงแค่ไม่อยากยอมรับ

“ไม่เอาน่าตัวเล็กไม่ใช่อย่างนั้น” สองแฝดมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจไม่รู้ไอ้พัดมีดีอะไรเดนิมถึงได้คลั่งไคล้และปักใจกับเพื่อนของเขาขนาดนั้นอาจเป็นเพราะโลกของน้องชายคับแคบยังอยู่เพียงม.ต้นพอม.ปลายมหา’ ลัยอาจจะคิดได้คงล้มเลิกความคิดตอนนี้ไปเอง

แต่พวกเขาทั้งคู่คิดผิดและคิดไม่ถึงว่าเดนิมยังปักใจกับพิพัฒน์เพียงคนเดียวตลอดระยะเวลาสิบๆปี

เดนิมไม่เคยคิดเลยว่ายิ่งไขว่คว้ายิ่งไกลห่างออกไป

หลังจากที่พิพัฒน์เรียนจบมหา’ ลัยได้ไม่นานก็ไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศเริ่มห่างหายกับสองแฝดรวมถึงเดนิมด้วยพิพัฒน์ไปแบบกะทันหันไม่มีการจัดเลี้ยงส่งอะไรทั้งนั้นโดยเป็นความตั้งใจของเจ้าตัวหลังจากปิดเทอมม.3 ขึ้นม. 4 เดนิมก็มีเวลามาเที่ยวเล่นที่บ้านพิพัฒน์บ่อยมากขึ้นเพราะอยู่ไม่ไกลกันมากนักแต่ก็มักจะพบแต่มาลินี

“สวัสดีจ้ะเดนิมมาแต่เช้าเลยนะวันนี้”

“สวัสดีครับคุณน้า” เดนิมพนมมือไหว้มาลินีอย่างนอบน้อม

“ไม่ต้องซื้อของอะไรมาเยอะแยะหรอกน้าเกรงใจ”

มาลินีเอ่ยเมื่อเห็นขนมนมเนยสารพัดที่เด็กตรงหน้ามักถือติดไม้ติดมือมาด้วยทุกครั้ง

“ทานข้าวเช้ามาหรือยังลูก”

“ทานแล้วครับ”

“มาๆเข้ามาข้างในก่อน”

“พี่พัดละครับ” เดนิมเอ่ยถามเสียงใส

“พี่พัดไปเรียนต่อที่อังกฤษตั้งแต่เมื่อคืนแล้วจ้ะ”

“อะไรนะครับ!”

“อ้าวเดนิมไม่รู้เหรอลูกพี่เขาไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วพี่แฝดเราล่ะเห็นว่าจะไปเรียนต่อเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

“เอ่อ…พี่เดนีสจะบินอีกสองสามวันข้างหน้าส่วนพี่เดนีนบินปลายเดือนครับเรียนกันคนละที่” เดนิมตอบคำถามโดยสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเขาเพียรพยายามมาหาพี่พัดกะเวลาเช้าสายบ่ายเย็นก็เหมือนเวลาจะไม่เป็นใจคลาดกันไปมาทุกครั้งเหมือนพี่พัดจงใจหลบหน้า

“คุณน้าครับพี่พัดไปเรียนที่เมืองอะไรที่ไหนเหรอครับเผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้นิมบ้าง”

  “เอ…เหมือนว่าพี่พัดจะไม่ได้เจาะจงนะ เห็นว่ายังเลือกไม่ได้ ไปปรับภาษาก่อน ก่อนจะตัดสินใจเลือกอีกที”

“อ่อครับ” เดนิมพยักหน้าทำเหมือนเข้าใจความจริงไม่ใช่ว่าพี่พัดเลือกไม่ได้หรอกแต่แค่ไม่คิดจะบอกกันก็เท่านั้น

เดนิมปั้นหน้ายิ้มก่อนจะอยู่ชวนมาลินีคุยทำนั่นนี่อยู่สักพักก็ขอตัวกลับมาลินีรู้ดีว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าตั้งใจมาหาลูกชายของเธอไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้เดนิมยึดติดกับลูกชายเธอขนาดนี้มาลินีสังเกตทุกครั้งที่เด็กทั้งสองเล่นด้วยกันเดนิมแทบจะตามติดพิพัฒน์ทุกฝีก้าวอาจจะด้วยวัยที่เริ่มมีไอดอลในดวงใจก็ได้เดนิมถึงได้ชมชอบบุตรชายของตนพอเดนิมโตมากกว่านี่สายตาคงจะเปลี่ยนไป

“งั้นผมลาแล้วนะครับแล้วจะแวะมาเยี่ยมคุณน้าบ่อยๆนะครับ” เดนิมยกมือไหว้ก่อนจะค่อยๆเดินคอตกออกไปหาคนขับรถที่จอดรออยู่ตรงประตูบ้านรออยู่แล้ว

“กลับบ้านเลยไหมครับ” ลุงชอบคนขับรถประจำตัวของเดนิมเอ่ยถามเจ้านายน้อยของตนเมื่อขึ้นรถ

“ไปห้องสมุดครับ” บางทีได้อ่านหนังสือที่ชอบสักเรื่องคงจะดีขึ้นไม่น้อยจะได้หยุดความคิดฟุ้งซ่านเสียที

ตั้งแต่ที่พิพัฒน์ไปเรียนต่ออังกฤษก็เปลี่ยนไลน์ใหม่เรียกได้ว่าสร้าง SNS แอ็กเคานต์ใหม่เลยก็ว่าได้อีกห้าวันข้างหน้าจะเป็นวันเกิดของตัวเองแล้วเดนิมเองก็จดจำวันเกิดของพิพัฒน์ได้เช่นกันแต่ว่าเขาไม่กล้าหน้าด้านขอไลน์ใหม่จากคุณน้ามาลินีเขาพอจะรู้ลิมิตและขอบเขตที่อีกฝ่ายยื่นให้พอสมควรได้แต่ฝากผ้าพันคอถุงมือหมวกไหมพรมที่ตั้งใจฝึกทำอย่างสุดความสามารถไว้ที่คุณน้ามาลินีหากส่งของให้พิพัฒน์ก็ฝากของเล็กๆน้อยๆพวกนี้ไปให้ด้วย

อีกด้านซีกหนึ่งของโลกพิพัฒน์ติดต่อกับที่บ้านเสมอได้รู้ข่าวคราวทางเมืองไทยรวมถึงใครบางคนที่เขาแทบจะละทิ้งความทรงจำทุกอย่างเอาไว้ที่เมืองไทยตั้งแต่มาที่นี่พิพัฒน์เป็นตัวของตัวเองมากขึ้นไม่ต้องคอยหลบหน้าเดนิมได้ใช้ชีวิตโดยปราศจากความระแวงเสียทียิ่งเดนิมอายุมากขึ้นความรู้สึกที่เดนิมมีต่อเขาก็ไม่เคยลดน้อยลงแต่เหมือนจะยังพออยู่ในขอบเขตที่เขาขีดเส้นเอาไว้ให้พิพัฒน์พูดได้เต็มปากทุกครั้งหากวันไหนที่แม่เขาเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อนกลัวว่าจะมาขออนุญาตให้ช่องทางติดต่อของเขาแก่เดนิมเขาบล็อกเดนิมทุกโซเชียลออนไลน์ที่เขามีและหวังว่าการกระทำที่ชัดเจนของเขาจะทำให้เดนิมคิดได้ตลอดระยะเวลาสามปีเดนิมค่อยๆห่างจากพิพัฒน์จวบจนเดนิมจบมหา’ ลัยจึงได้หลุดวงโคจรชีวิตของพิพัฒน์อย่างสมบูรณ์

ไม่มีเด็กหนุ่มมหา’ ลัยดีๆคนไหนจะสนใจคบเด็กม.ต้นม.ปลายอย่างนั้นหรอกเหมือนผู้ใหญ่หลอกเด็กชัดๆอีกทั้งอีกฝ่ายยังไม่บรรลุนิติภาวะอาจอยู่ในภาวะที่ถูกชักจูงได้ง่ายตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลังอีกอย่างเขาไม่เคยทำท่าทีมีใจให้เดนิมเลยสักครั้งเพราะตระหนักได้ถึงความไม่เหมาะสมและข้อกฎหมายต่างๆในเมื่อพูดตรงๆไม่ได้การหนีมาอยู่อีกซีกโลกหนึ่งทำให้เขาสบายใจและยังคงเหลือสายสัมพันธ์ฉันพี่น้องให้อีกฝ่ายด้วย

เดนิมเลือกเรียนต่อปริญญาตรีที่ทวีปยุโรปเขาหลงใหลในแฟชั่นเขามุ่งมั่นที่จะมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองและการทำงานก็ทำให้เขาลืมความฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวสมาธิจดจ่อกับแบบผ้าตรงหน้าเขาเย็บและออกแบบเสื้อผ้าหามรุ่งหามค่ำจนเรียนจบจึงลองเปิดใจให้คนอื่นก้าวเข้ามาในชีวิตบ้างนั่นก็คือชองส์ลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส

การมีชองส์ทำให้โลกของเดนิมแต่งแต้มไปด้วยสีสันแปลกตาชองส์เป็นคนสบายๆง่ายๆคิดยังไงพูดอย่างนั้นอาจเพราะเติบโตมากับวัฒนธรรมตะวันตก

“เบเบ๋วันนี้ไปปาร์ตี้กันอีกไม่กี่วันจะกลับไทยแล้วนี่”

“เอาสิ”

ชีวิตที่เป็นตัวเองดื่มกินเต้นโดยไม่ต้องอายใครเป็นอะไรที่เดนิมไม่เคยทำมาก่อนจนมาพบชองส์

คนสองคนกอดคอเต้นรำทำเพลงเมาสนุกสุดเหวี่ยงก่อนแยกย้ายกันกลับ

ประเทศไทย

บ่ายสามโมงเดนิมกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพตั้งแต่เครื่องบินกางปีกแตะลงรันเวย์สนามบินความคิดมากมายก็ผุดเข้ามาในหัว

“ป่านนี้พี่พัดแต่งงานไปแล้วละมั้ง” เดนิมยิ้มให้กับตัวเองก่อนมองออกไปนอกหน้าต่างรถยนต์แล่นไม่เร็วไม่ช้าเป็นลุงชอบคนขับรถคนเดิมที่ทำหน้าที่ไปรับไปส่งเขาแทบทุกครั้งและเป็นคนแรกที่มักจะเห็นสีหน้าและความผิดหวังของเขาอยู่เสมอเดนิมลอบมองผมสีดอกเลาของคนตรงหน้าเวลาผ่านไปเร็วจริงๆ

“ผมซื้อของฝากมาให้ลุงชอบด้วยนะครับคิดถึงลุงชอบจังเลยสบายดีนะครับ”

“ขอบคุณมากครับผมสบายดีครับว่าแต่จะแวะไปที่ไหนอีกหรือเปล่าครับ”

“ไม่ล่ะครับกลับบ้านเลย”

เดนิมอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้เมื่อเห็นรั้วคฤหาสน์บ้านของตัวเองบ้านที่เขาไม่ได้กลับมาอีกเลยตั้งแต่บินไปเรียนต่อสภาพแวดล้อมภายนอกยังประดับด้วยสวนดอกไม้นานาพันธุ์เหมือนเดิม

“นิมกลับมาแล้วครับ!!”

“กลับมาแล้วเหรอตัวเล็กสูงขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย” เดนีนเอ่ยทักทายพร้อมสวมกอดน้องคนเล็กที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปีจะบินไปหาก็ไม่ยอม

“ไหน…ทำไมกลับมาคนเดียวไหนล่ะเขยฝรั่งเศส” เดนีสเอ่ยทักทายบ้าง

“เขยอะไรกัน” เดนิมบอกปัดบ่นอุบพอเขาหนีบเอาหนุ่มฝรั่งเศสกลับมาจริงๆสองแฝดมีหรือจะยอม

“พ่อกับแม่ล่ะครับ”

“กลับมาตอนค่ำๆพอดีไปงานเปิดตัวบริษัทคู่ค้าน่ะ”

“อ่อ…ครับ”

“มาๆพักผ่อนให้หายเหนื่อยค่อยลงมาทานข้าววันนี้มีอาหารจานโปรดของตัวเล็กทั้งนั้น”

“ขอบคุณครับ”

หลังจากนั่งเครื่องบินมานานแถมไทม์โซนยังต่างกันหลายชั่วโมงทำให้เดนิมอ่อนเพลียผล็อยหลับไปอย่างง่ายดายเมื่ออาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จ

มื้อเย็นวันนี้เป็นอีกวันที่นายหญิงอย่างลลดาและประมุขของบ้านเดรโกรหน้าชื่นตาบานครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าก่อนหน้านี้ลูกๆต่างแยกย้ายไปเรียนไปตามหาความฝันของตนเองในบรรดาลูกชายทั้งหมดลลดาเป็นห่วงลูกคนสุดท้องอย่างเดนิมมากที่สุดเพราะเหมือนจะเป็นพูดง่ายแต่ความจริงหากเจ้าตัวปักใจทำอะไรแล้วจะไปจนสุดทางแม้ว่าผลลัพธ์นั้นจะไม่เป็นดั่งใจก็ตาม…เรื่องของพิพัฒน์ก็เช่นกัน

  เดนิมพยายามที่จะไม่ถามไถ่เรื่องของอีกฝ่ายแต่ก็มักจะได้ยินเรื่องราวข่าวคราวไม่เคยขาด เนื่องจากพิพัฒน์ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวตั้งแต่บิดาเสียชีวิตลง เป็นหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงแห่งโลกธุรกิจ ที่สำคัญมีหลายโปรเจกต์ที่ได้ทำร่วมกับธุรกิจของที่บ้านด้วย

พิพัฒน์เองก็เช่นกันแม้จะได้ยินว่าเดนิมกลับมาแล้วแต่ก็ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปีคิดว่าเดนิมคงจะเปลี่ยนความคิดไปไม่มากก็น้อยอีกทั้งมีงานมากมายที่ให้เขาต้องได้ขบคิดจนไม่เหลือพื้นที่ให้คิดถึงเรื่องอื่นๆหลังจากเลขาเข้ามาแจ้งตารางงานและกำหนดการให้ทราบแล้วเขาก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

งานกินเลี้ยงต้อนรับลูกค้าหรือเรียกอีกอย่างว่าการตกลงผลประโยชน์กันเป็นการส่วนตัวบางโปรเจกต์ก็ต้องวิ่งเต้นพึ่งพาเส้นสายครั้งนี้เองก็เช่นกันและเขาจะต้องเลี้ยงต้องรับให้ดี

หลังจากเดนิมกลับมาจากฝรั่งเศสก็ยังไม่ได้เริ่มทำงานสานต่อธุรกิจของครอบครัวแต่เปิดร้านเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเองอย่างที่วางแผนไว้อย่างเงียบๆช่วงระยะเวลาที่ร้านกำลังก่อสร้างเขาอยากจะพักผ่อนสัก 2-3 เดือนอีกทั้งชองส์ก็บินตามกลับมาเที่ยวไทยด้วยเป็นครั้งแรก

ตั้งแต่เดนิมบินไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสก็กลับไทยน้อยมากคล้ายกับว่าอยากหลีกหนีจากอะไรบางสิ่งบางทีการไม่เจอกันเลยคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดยังไงสองครอบครัวก็ไปมาหาสู่กันอยู่แล้วอีกทั้งพี่พัดเองยังเป็นเพื่อนของสองแฝดด้วย

เดนิมมารับชองส์ที่สนามบินด้วยตัวเอง

“ไฮเบเบ๋คิดถึงยูจัง”

“คิดถึงเหมือนกัน” สองคนต่างจุ๊บแก้มทักทายกันตามแบบฉบับชาวปารีเซียงก่อนจะกอดกันไปตามทางเดินโดยไม่สนสายตาของคนรอบข้าง

ชองส์เข้าพักที่โรงแรมใหญ่ใจกลางเมืองไทม์โซนและสภาพอากาศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทำเอาชองส์แทบจะหมดแรงไปกับการเดินทางและปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่แพลนที่วางไว้หลังเท้าแตะสนามบินจึงเปลี่ยนไปจากเลาะเที่ยวเล่นกลายมาเป็นกินข้าวในห้องโรงแรมแทนชองส์สะบัดรองเท้าเสร็จก็นอนแผ่บนเตียงกว้างอย่างหมดแรง

“เหนื่อยไหมเดินทางมาไกลขนาดนี้”

“พอเห็นหน้ายูก็หายเหนื่อยทันที”

“เฮอะปากหวานเก็บไว้ให้สาวๆของยูเถอะ” เดนิมเอ่ยแซวก่อนหน้านี้ทั้งคู่คบกันก็จริงแต่ด้วยไลฟ์สไตล์และอะไรหลายๆอย่างไปกันไม่ได้จึงกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันจนมาถึงทุกวันนี้ระหว่างที่คบกันชองส์คิดว่าเขาเหมือนตาแก่หัวงูที่หวังจะแอ้มเด็กดีอย่างเดนิมไม่ได้คนตรงหน้าใสซื่อและบริสุทธิ์เกินไปจนเขาทำร้ายจิตใจไม่ลงคาสโนวาอย่างชองส์คบใครไม่เกินสองสัปดาห์ต้องได้ขึ้นเตียงกันแล้วแต่กับเดนิมไม่ใช่เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นและชองส์ก็รู้ดีว่าหัวใจดวงน้อยๆนั้นไม่มีพื้นที่ให้เขาเลยสักนิด

“เจอที่รักของยูหรือยัง”

เดนิมส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะเอนกายนอนลงข้างๆ

“บางทีไม่เจอกัน…อาจดีกว่า”

“ทำไม?” ชองส์ถามอย่างไม่เข้าใจ

“ก็…ไม่รู้สิ” พี่พัดบล็อกเขาทุกช่องทางแค่นี้ก็พอจะรู้คำตอบอยู่แล้วอีกทั้งเดนิมไม่อยากเข้าไปวุ่นวายให้พี่พัดต้องลำบากใจทุกคนต้องเติบโตและเดินหน้าต่อไปรวมไปถึงเขาเองด้วย

“ถ้ายูเปลี่ยนใจมาหาไอก็ไม่ได้แย่นะ” เดนิมหลุดขำ

ชองส์ลูบใบหน้าสวยหวานนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะจูบหน้าผากเนียนนั้นอย่างรักใคร่

เดนิมไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสนั้น

“ถ้าเปลี่ยนใจได้ง่ายขนาดนั้นก็คงจะดี” เดนิมตอบ

ชองส์เบะปากกับคำตอบที่ได้ยินก่อนจะลุกไปอาบน้ำเดนิมจึงขอตัวกลับก่อน

เดนิมเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยความรู้สึกหลากหลายก้มหน้าใจลอยจนไม่ทันได้รู้สึกว่าลิฟต์เลื่อนมาถึงชั้น G ซึ่งเป็นลานจอดรถก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นว่ามีคนยืนรอที่จะเข้าลิฟต์อยู่คนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้พิพัฒน์เองก็อึ้งเหมือนกันที่เจอเดนิมโดยไม่คาดคิดบรรยากาศกระอักกระอ่วนที่ฉายอยู่บนหน้าของพิพัฒน์ทำเอาเดนิมใจเสียไม่กล้าเอ่ยทักออกไปก่อนแม้ในใจจะลิงโลดแค่ไหนก็ตามก่อนจะตัดสินใจเดินผ่านอีกฝ่ายออกไปเหมือนคนไม่รู้จัก

เดนิมเดินออกมาจากลิฟต์อย่างรวดเร็วโดยไม่เหลียวหลังเขากุมอกข้างซ้ายไว้แน่นทั้งๆที่ห่างหายกันไปหลายปีขนาดนั้นแล้วแท้ๆความรู้สึกที่กดเอาไว้แทบจะทะลักทลายออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของใครอีกคนคนที่ไม่เคยจะเห็นเขาอยู่ในสายตา

หลังจากขึ้นรถเดนิมนั่งตั้งสติอยู่หลังพวงมาลัยอยู่สักครู่จึงเคลื่อนรถออกไปส่วนพิพัฒน์หลังจากส่งแขกเขาก็เดินกลับห้องพักเหมือนเช่นทุกครั้งไม่คาดคิดว่าจะเจอเดนิมที่นี่ใบหน้าจิ้มลิ้มตอนเด็กไม่น่าเชื่อว่าจะสวยเฉี่ยวในตอนโตดวงตากลมโตที่เบิกกว้างที่มองเห็นเขานั้นทำเอาพิพัฒน์เองก็ปั้นหน้าไม่ถูกเหมือนกัน

เด็กน้อยในวันนั้นเติบโตแล้วไม่แปลกใจที่เดนิมจะไม่วิ่งเข้าหาเขาเหมือนอย่างแต่ก่อนถ้าเป็นแบบนั้นเขาเองก็อาจจะรู้สึกติดลบกับอีกฝ่ายมากกว่านี้ก็ได้แต่อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันที่เดนิมทำเหมือนไม่รู้จักเขาแบบนั้น

แต่พิพัฒน์ก็อดสงสัยไม่ได้แล้วเดนิมมาทำอะไรที่โรงแรมนี้แถมเวลายังดึกดื่นเอาป่านนี้?

บางทีคงไม่แคล้วเป็นเด็กนอกใจแตกอีกคนหนึ่งละมั้ง…แต่ช่างเถอะเดนิมจะเป็นอะไรยังไงไม่ใช่เรื่องของเขาซะหน่อยบางทีความสัมพันธ์ในวันวานตอนสมัยยังเด็กอาจถูกลบเลือนไปด้วยกาลเวลาแล้วท่าทีอีกฝ่ายในตอนนี้ก็ดีกับพวกเขาทั้งสองคนพิพัฒน์โคลงหัวพลางถอนหายใจ

เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว…

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เพียงชั่วข้ามคืน   ตอนพิเศษ 2

    เดนิมที่สวมชุดคลุมท้องอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อฟังคุณแม่ลูกสองเล่าถึงเรื่องการคลอดธรรมชาติ“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”“ใช่…ขนาดนั้นแหละแต่ว่านะมนุษย์แม่อย่างเราทนได้เชื่อสิ” วินตราตอบคุณแม่มือใหม่ตรงหน้าที่เหมือนจะกังวลไปเสียทุกอย่างถามนั่นนี่ส่วนเขาที่เคยผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาก่อนก็คอยตอบคำถามน้องสามีอย่างใจเย็น“มะมะ” เดนอนเริ่มพูดคุยสองคำได้แล้วเรียกมามาปาปาทั้งวันไม่ก็หม่ำๆเด็กน้อยเริ่มเดินได้แล้วพอเดินได้ก็เริ่มซนเดินไปทั่วทั้งบ้านตอนนี้วินตราต่างก็ย้ายมาที่บ้านใหญ่ชั่วคราวเพราะลลดาอยากเลี้ยงหลานตอนนี้วินตราก็ท้องลูกคนที่สองได้ 4 สัปดาห์จะเรียกว่าหัวปีท้ายปีก็ไม่ผิดนักวินตรามองสามีตัวเองตาเขียวอยากจะถลกหนังหัวคนทำเพราะตอนนี้เขาก็ย่าง 43 แล้วมาท้องตอนแก่สังขารไม่ไหวแม้ว่าใจจะสู้ก็ตามอีกอย่างก็กังวลโรคทางพันธุกรรมและความผิดปกติทางโครโมโซมที่อาจเกิดขึ้นได้เดนิมอุ้มเด็กน้อยมานั่งตักแล้วสอน “เดนิมเดนิมไหนพูดสิครับ”“เดเด”“เดนิมครับ”“เดเดนิม”“เก่งมาก” เดนิมหอมแก้มยุ้ยๆนั้นฟอดใหญ่อย่างมันเขี้ยว“มีสองคนไล่ๆกันแบบนี้ก็ดีนะครับเหนื่อยทีเดียว” วินตราถอนหายใจพร้อมกับเอ

  • เพียงชั่วข้ามคืน   ตอนพิเศษ 1

    การแต่งงานถูกจัดที่เกาะส่วนตัวของท่านเจ้าสัวเป็นงานใหญ่ที่มีการเลี้ยงฉลองถึง 3 วัน 3 คืนบรรดาแขกเหรื่อที่ตบเท้ารวมงานพันกว่าคนและแน่นอนว่าเจ้าบ่าวถูกมอมเหล้าคอพับทุกคืนเดนิมยืนมองภาพถ่ายฉากหลังริมทะเลฟ้าสวยทะเลสีครามสองบ่าวสาวกำลังสวมแหวนแต่งงานให้แก่กันส่วนภาพอื่นๆก็เป็นภาพที่พวกเขาทั้งสองต่างก็ฉีกยิ้มจนไปถึงดวงตาแตกต่างจากภาพในอดีตอย่างเห็นได้ชัดการแต่งงานครั้งนี้มีแต่ความชื่นมื่น“อื้อ”เดนิมถูกสวมกอดจากทางด้านหลังจมูกก็ซุกไซร้ไปทั่วลำคอระหง“พี่พัด”“ยืนมองรูปนี้อีกแล้วนะเรา” ไม่รู้สิรูปถ่ายพวกนี้ที่เดนิมได้อัดใส่กรอบไว้ติดไว้ในห้องนอนของพวกเขารวมไปถึงห้องนั่งเล่นแต่รูปที่สวมแหวนให้กันมักจะดึงดูดความสนใจของเขามากเป็นพิเศษเป็นภาพที่ทะเลท้องฟ้าเหมือนเป็นใจทุกอย่างลงตัวแถมชุดแต่งงานยังเป็นชุดที่เขาออกแบบเอาไว้เพชรและไข่มุกเปล่งประกายระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงแดดเดนิมยังจำภาพวันงานได้ดีแม้จะผ่านมาร่วมสามเดือนแล้วก็ตามตอนนี้พวกเขาทั้งสองย้ายมาอยู่เพนท์เฮ้าส์หลังเดิมเพียงแต่มีการต่อเติมจัดผังใหม่ห้องนอนใหญ่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นรวมไปถึงห้องนอนแขกก็ออกแบบใหม่เพื่อรองรับสมาชิกใหม่ในวันหน้า

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทส่งท้าย ปารีสกับความฝันในวันวาน

    เดนิมไม่ได้คาดหวังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ความจริงเขาแทบไม่ต่างอะไรไปจากเดิมเพิ่มเติมคือมีคนคอยรับคอยส่งก็เท่านั้น“ไงไอ้พัดการงานไม่มีทำเหรอไง” เดนีสถามพลางเปิดฝ่ายเปิดประตูให้เดนิมขณะที่รถจอดหน้าบริษัทบริษัทนี้เป็นบริษัทของเดนิมที่แตกย่อยไลน์การผลิตเครื่องดื่มออกมาภายใต้การดูแลของเดนีสวันนี้เขาแวะเข้ามาประชุมในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นหนึ่งในคณะบริหารด้วยส่วนเลขาข้างหลังนั้นสีหน้าราบเรียบบุคลิกดีแตกต่างจากเจ้านายอย่างสิ้นเชิง“ขอบคุณครับ” เดนิมเอ่ยขอบคุณพี่ชายก่อนจะลงรถมายืนข้างๆ “อ้าวสวัสดีครับคุณวิน”“สวัสดีครับ” วินตราเอ่ยทักทายน้องชายเจ้านายอย่างนอบน้อม“ตอนเย็นพี่มารับนะ”“ครับ”“ตอนเย็นก็กลับกับพี่ไงบ้านเดียวกันกลับด้วยกันประหยัดดีออก”“แล้วคุณวินตรากลับยังไงล่ะครับ” เดนีสสะอึกรถคันโปรดของเขานั่งได้แค่สองคนวันนี้ขับมาเองไม่ได้ให้คนขับมาส่งด้วยเดนีสตีหน้าขรึม “อ้อลืมไปวันนี้มีประชุมตอนบ่ายต่อ” ก่อนจะเดินหนีเข้าไปในตึกพร้อมกับคุณเลขา“ตอนเย็นพี่มารับนะ”“อาจจะเลทหน่อยนะครับช้าสักครึ่งชั่วโมง”“ไม่เป็นไรมีอะไรก็โทรมา”“ครับ” พิพัฒน์รอจนเดนิมเดินหายเข้าไปในตึกเขาถึงเคลื

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทที่ 33 ลิลลี่สีขาวกับความนัย

    “ทำไมนิมถึงให้โอกาสพี่” พิพัฒน์ตัดสินใจถามออกไปไม่รู้สิหากเป็นเขาคงไม่ได้ง่ายดายแบบนี้แต่ความคิดของเดนิมการที่เขาให้อภัยคนตรงหน้าไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นมันมีระยะเวลาอีกทั้งพี่พัดคงไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่เรียกว่า ‘ง้อขอคืนดี’ ไม่ได้แวะเวียนมาหาหรือขยันสรรหาของมีค่ามาให้แต่การกระทำกลับตรงข้าม“ลิลลี่สีขาวตลอดสามปีที่พี่พัดส่งให้นิมทุกโอกาสก็แฝงความนัยไม่ใช่เหรอครับ”“อ่า” นั่นก็จริงเพราะพิพัฒน์ไม่ใช่คนช่างพูดแต่การกระทำของเขามักจะแฝงความนัยเอาไว้ในสิ่งของต่างๆเสมอไม่ว่าจะดอกลิลลี่สีขาวที่ส่งให้อีกฝ่ายในทุกโอกาสพิเศษต่างๆเดนิมมีพร้อมทุกสิ่งเขาไม่อยากให้ของมีค่าเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายรับไว้ดอกไม้อย่างมากสองสัปดาห์ก็เหี่ยวเฉาร่วงโรยไปจะทิ้งก็สมควรเพราะถึงแก่เวลาเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแต่ความจริงแล้วดอกลิลลี่สีขาวพวกนั้นไม่เคยถูกทิ้งสักช่อแม้จะแห้งเหี่ยวไร้กลิ่นไม่เหลือความสวยงามแต่ความหมายยังคงอยู่ยังคงวางอยู่ในกล่องใสเรียงซ้อนกันหลายกล่องภายในโกดังเก็บของแต่เขาไม่บอกพี่พัดหรอก“พี่พัดคงรู้ความหมายของลิลลี่สีขาวดี”ดอกลิลลี่สีขาวแสดงความรักที่บริสุทธิ์และความไร้เดียงสาความเห็นอกเห็นใ

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทที่ 32 หนังสือเล่มเดิมกับคนอ่านคนเดิม

    ว่ากันว่าหนังสือเล่มเดิมตอนจบไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งก็ยังคงเหมือนเดิม…นั่นก็จริงส่วนหนึ่งแต่ว่าทุกครั้งที่อ่านกาลเวลาไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่คนเราโตขึ้นสังคมสิ่งแวดล้อมแม้ตอนจบในตอนสุดท้ายจะยังคงเหมือนเดิมแต่ทว่าความรู้สึกทุกครั้งที่ได้อ่านไม่มีทางเหมือนเดิมคนเราเองก็เช่นกันทุกคนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาไม่มีใครคงเดิมจะเป็นไรไปหากเราอยากจะหยิบเล่มโปรดขึ้นมาอ่านอีกครั้งแม้ว่าระหว่างทางที่อ่านจะเปียกปอนและเหน็บหนาวไปบ้างแม้ตอนจบจะไม่สมหวังแต่อย่างน้อยเราก็ได้อ่านมันเพื่อเติบโตคนเราไม่ได้เติบโตเพียงร่างกายแต่ความรู้สึกของเราก็เติบโตด้วยเช่นกันเรียนรู้ที่ยอมรับความผิดพลาดแก้ไขและทำให้มันดีขึ้นดังเช่นพวกเขาทั้งสองเริ่มแรกสถานการณ์ไม่เป็นใจพอเวลาผ่านไปทำให้ตกผลึกได้ถึงบางสิ่งบางความรู้สึกที่ไม่แจ่มชัดในตอนแรกนิยามคำว่ารักคนเราไม่เหมือนกันบ้างขอแค่ได้รักบ้างขอให้ได้อยู่ด้วยกันแล้วถ้าหากนิยามรักของพวกเราสองคนไม่ตรงกับคนอื่นล่ะ? พิพัฒน์นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดขับรถไปยังบ้านศศิภักดีตลอดทาง หากผู้ใหญ่ทางบ้านศศิภักดีจะกีดกัน นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก การแต่งงานของพวกเขาทั้งสองในตอนแรกมีแต่ความไม่เข้าใจ ความ

  • เพียงชั่วข้ามคืน   บทที่ 31 แฟนไซน์ของคุณนักเขียนคนโปรด

    การอ่านนิยายกลายเป็นหนึ่งในงานอดิเรกของนักธุรกิจชื่อดังอย่างพิพัฒน์ เขาพึ่งค้นพบการเยียวยาหัวใจตัวเอง ก็เหมือนวลี ‘นั่งโง่ ๆ ที่ริมทะเล’ อะไรทำนองนั้น อีกอย่างมันทำให้เขาเข้าใจตัวตนของเดนิมมากขึ้น เมื่อก่อนเขาคิดว่านิยายมันไม่สมจริง ประโลมโลก รู้สึกว่าเสียเวลาชีวิตด้วยซ้ำ แต่พอได้ลองอ่าน ลองวิเคราะห์ตัวละคร หลาย ๆ เรื่องราวจะเห็นได้ว่านิยายไม่เพียงสร้างความบันเทิงหรือเสริมสร้างจินตนาการ แต่บางเรื่องกลับซ่อนเรื่องราวเบื้องหลัง ความฝันบางอย่างที่นักเขียนไม่สามารถลงมือทำมันในชีวิตจริงได้ แต่สามารถทำให้มันสำเร็จได้ในนิยายเรื่องหนึ่งดังเช่นเรื่อง ‘ความรักและกาลเวลา’ ที่เขากำลังอ่านอยู่ตอนนี้จะบอกว่าอินก็คงจะไม่ผิดนักเป็นการบอกเล่าความรักของคนสองคนที่ผ่านอุปสรรคกาลเวลาความเข้าใจผิดและกลับมาพบกันอีกครั้งโดยปลายปากกาของ FALLIN นักเขียนผู้ไม่สมหวังในความรักรวมไปถึงความฝันต่างๆได้ถูกบอกเล่าผ่านตัวอักษรหน้าแล้วหน้าเล่าค่อยๆถ่ายทอดออกมาอย่างถูกจังหวะบางประโยคก็กระแทกใจคนอ่านทำให้นักอ่านรู้สึกคล้อยตามและเห็นใจตัวละครได้ไม่ยากพิพัฒน์ได้เรียนรู้และเข้าใจคนคนหนึ่งเพราะการอ่านนิยาย FALLIN เป็นนามปาก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status