หน้าหลัก / รักโบราณ / เพียงนาง / ยินยอมรับผิดชอบแต่โดยดี 1

แชร์

ยินยอมรับผิดชอบแต่โดยดี 1

ผู้เขียน: LiHong
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-04 11:33:30

ความเงียบงันยังคงโรยตัวอยู่รอบเรือนกายของบุคคลทั้งคู่ผสมผสานกับความกรุ่นร้อนซาบซ่านที่ยังคงมีอยู่อย่างตลบอบอวล

ถึงแม้ว่าภายในถ้ำและภายในจิตใจของพวกเขานั้นจะกำลังเย็นยะเยือกมากมายอยู่ก็ตามที    

เพียงครู่ต่อมา จ้าวจิ่นหลงจึงตัดสินใจหันหน้าเข้าหาร่างงามระหงของเฉินเจียวเหมยแล้วก้มหน้าลงมองนางในระยะประชิดก่อนเอื้อมมือของเขาขึ้นจับไหล่นวลเนียนของนางให้นางหันหน้ามาเผชิญหน้ากับเขาอย่างนุ่มนวลเบามือพลางกระซิบกระซาบตัดพ้อ “เจ้าไม่ควรทำกับข้าเยี่ยงนี้”

“ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว” เฉินเจียวเหมยยอมรับผิดแต่โดยดี นางขืนใจเขาอีกแล้ว   

“เจ้าต้องรับผิดชอบที่บังอาจทำกับข้าอย่างนี้” ชายหนุ่มยังคงตัดพ้อ เขาเสียเชิงชายให้กับนางอีกแล้ว หมดกันกับบุรุษเหนือบุรุษเช่นเขา มีเพียงนางเท่านั้นที่อาจหาญกล้าทำกับเขา

 “ข้าจะรับผิดชอบท่าน” เฉินเจียวเหมยยังคงยอมรับผิดแต่โดยดี นางเป็นคนยัดสมุนไพรตังกุยใส่ปากเขาด้วยมือของนางเอง แล้วอย่างนี้นางจะกล่าวโทษใครได้ 

“ดี!” จ้าวจิ่นหลงเอ่ยแค่นั้นก่อนก้มหน้าลงแล้วจูบเฉินเจียวเหมยอย่างอ่อนโยน 

เฉินเจียวเหมยเพียงหลับตาลงอย่างยอมจำนนก่อนตอบรับจุมพิตจากบุรุษตรงหน้าอย่างอ่อนโยนไม่ต่างกัน 

และเพียงอึดใจบทรักอันแสนจะรัญจวนจึงได้เริ่มต้นอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านบทรักอันแสนจะเร่าร้อนคล้ายไฟป่าที่มอดไหม้เผาผลาญผืนพนาไพรมาจนตลอดทาง

ย้อนกลับไปถึงเรื่องราวอันแสนหฤโหดหรรษาก่อนหน้า

หลังจากที่เฉินเจียวเหมยป้อนยาสมุนไพรตังกุยให้จ้าวจิ่นหลงได้กินแล้วนั้น นางจึงกินตังกุยที่เหลือในมือทั้งหมดโดยไม่แบ่งให้บุรุษตรงหน้าอีก

เพราะว่านางเป็นสตรี สมุนไพรตัวนี้เหมาะกับสตรีเสียยิ่งกว่าบุรุษ และที่สำคัญไอความเย็นนั้นมันมีผลกับสตรีมากกว่าทั้งในเรื่องของการมีระดู และเลือดลมของสตรี เช่นนั้นแล้ว เฉินเจียวเหมยจึงกินตังกุยเข้าไปมากกว่าบุรุษตรงหน้าถึงสามส่วน

              “เราไปกันเถอะ” จ้าวจิ่นหลงเอ่ยชักชวนเฉินเจียวเหมยให้เดินทางต่อหลังจากที่ยืนรอให้นางกินสมุนไพรจนพอใจ  

“อืม...” เฉินเจียวเหมยรับคำก่อนเดินตามหลังของบุรุษตรงหน้าอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาหลังจากถูกเอาใจจากบุรุษผู้นี้ในเรื่องที่เขาช่วยนางเก็บสมุนไพร

นางเป็นหมอหญิง แน่นอนว่าเรื่องของสมุนไพรเป็นอะไรที่มีค่าต่อจิตใจของนางเป็นอย่างมาก 

“ข้ายังไม่รู้นามของท่านเลย” หญิงสาวเอ่ยถามนามของบุรุษแปลกหน้าที่ได้รู้จักเรือนร่างทุกสัดส่วนของเขาแล้วเป็นอย่างดี 

“เรียกข้าว่าอาหลง” จ้าวจิ่นหลงตอบคำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลมากขึ้นกว่าเดิมพลางเอื้อมมือมาจับกุมมือของเฉินเจียวเหมยให้เดินเคียงกันไปตามทาง

“มีเพียงเจ้าที่ได้เรียกขานนามของข้าว่าอย่างนี้”

“หืม...” เฉินเจียวเหมยเริ่มงุนงงพลางขมวดคิ้วเรียวสวยเข้าหากันน้อยๆ พลางเอ่ย “พิเศษปานนั้น”  

“แน่นอน ส่วนนามจริงของข้ารอให้เรากลับเข้าแคว้นจ้าวก่อน แล้วข้าจะบอก”

หากนางรู้ก่อนประเดี๋ยวนางหนีเขาอีก เขาต้องรอบคอบเข้าไว้ จ้าวจิ่นหลงคิดในใจอย่างเจ้าเล่ห์

เฉินเจียวเหมยถึงกับหรี่ตามอง

นางเริ่มหมั่นไส้บุรุษผู้นี้อีกแล้ว   

และแล้วการเดินทางของบุคคลทั้งสองก็ได้เริ่มต้นกันอีกครั้ง 

ภายใต้ผืนป่าร่มรื่นแห่งนี้ พวกเขาเพียงเดินจับจูงมือกันไปตามทางอย่างไม่รู้ตัว

ด้วยเพราะว่าพวกเขานั้นเคยแนบชิดกันมามากกว่านั้นแล้วก่อนหน้านี้ เช่นนั้นแล้ว การจับจูงมือกันจึงไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่อันใดสำหรับการสัมผัสร่างกายกันและกันของพวกเขา

กิริยาทุกอย่างของพวกเขาที่กระทำไปล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติสรรสร้างมาก็เท่านั้น 

เวลาผ่านไปนานแล้วสำหรับการเดินทาง 

มือใหญ่ยังคงจับกุมมือเล็กให้เดินไปตามทาง ในขณะที่มือเล็กพลันรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของมือใหญ่เป็นอย่างดี และ...

มือเล็กนั้นก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามือใหญ่ที่กำลังจับกุมมือของนางอยู่นี้ เริ่มร้อนขึ้น ร้อนขึ้น เรื่อยๆ  

เฉินเจียวเหมยนั้นเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตนนั้นคล้ายกับว่ามัน รู้สึกร้อนขึ้น เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่อากาศโดยรอบเรือนกายออกจะหนาวเย็นออกปานนี้ แต่นางกลับรู้สึกร้อนเสียจริง ร้อนมาก...

            จ้าวจิ่นหลงนั้นพลันรู้สึกได้ว่าฝ่ามือน้อยๆ ของใครบางคนนั้นกำลังมีความรุ่มร้อนแผ่ซ่านออกมาจนทะลุทะลวงเข้ามายังฝ่ามือของเขาให้ร้อนตามขึ้น เรื่อยๆ 

อากาศก็หนาวเย็นปานนี้ไยถึงได้รู้สึกร้อนยิ่งนัก

น่าแปลกยิ่ง 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เพียงนาง   ยินยอมรับผิดชอบแต่โดยดี 2

    เวลาผ่านไปอีกครู่หนึ่ง คนสองคนยังคงจับจูงมือกันให้เดินไปตามทางด้วยท่วงท่าปกติ แต่ทว่า...อารมณ์บางอย่างของพวกเขา กลับไม่ ปกติ… มันกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นทีละเล็ก ทีละน้อย และเริ่มที่จะมีอารมณ์บางอย่างมากขึ้น เรื่อยๆ ร้อนขึ้นเรื่อยๆ มีความกระวนกระวายใจกับอะไรบางอย่างมากขึ้น รู้สึกอะไรๆ มากขึ้นเรื่อยๆเฉินเจียวเหมยนั้นเริ่มรู้สึกร้อนรุ่มวูบวาบหวามไหวมากขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวเริ่มมีเหงื่อไหลซึม จนต้องกะพริบตาปริบๆ พลันฉุกคิดได้ในใจขึ้นมา ต้นตังกุยพวกนั้น นางเริ่มจะตระหนักและระลึกได้แล้วว่า มันมิได้มีเพียงสรรพคุณแค่ขับพิษเย็นแต่อย่างใดแต่ว่ามัน มีสรรพคุณช่วยให้สตรีทั้งหลายมีความสามารถทำให้ผู้เป็นสามีถึงขั้นติดอกติดใจในรสรักรสสวาทเสพสมทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถทางกามารมณ์ให้มีความเหนือชั้นเกินบรรยาย อา...แย่แล้ว...นางลืมไปได้อย่างไรได้อย่างไรกันเฉินเจียวเหมยเริ่มครุ่นคิดได้อย่างนั้น แต่ทว่า...กลับช้าไปเสียแล้วยามนี้ฤทธิ์ของสมุนไพรตังกุยที่เฉินเจียวเหมยกินเข้าไปมากกว่าจ้าวจิ่นหลงถึงสามส่วนนั้นมันกำลังเริ่มทำงานของมันได้เป็นอย่างดี ดีมาก... หญิงสาวถึงกับกะพริบตาถี่ๆ และเริ่มที่จะประค

  • เพียงนาง   ยินยอมรับผิดชอบแต่โดยดี 1

    ความเงียบงันยังคงโรยตัวอยู่รอบเรือนกายของบุคคลทั้งคู่ผสมผสานกับความกรุ่นร้อนซาบซ่านที่ยังคงมีอยู่อย่างตลบอบอวลถึงแม้ว่าภายในถ้ำและภายในจิตใจของพวกเขานั้นจะกำลังเย็นยะเยือกมากมายอยู่ก็ตามที เพียงครู่ต่อมา จ้าวจิ่นหลงจึงตัดสินใจหันหน้าเข้าหาร่างงามระหงของเฉินเจียวเหมยแล้วก้มหน้าลงมองนางในระยะประชิดก่อนเอื้อมมือของเขาขึ้นจับไหล่นวลเนียนของนางให้นางหันหน้ามาเผชิญหน้ากับเขาอย่างนุ่มนวลเบามือพลางกระซิบกระซาบตัดพ้อ “เจ้าไม่ควรทำกับข้าเยี่ยงนี้”“ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว” เฉินเจียวเหมยยอมรับผิดแต่โดยดี นางขืนใจเขาอีกแล้ว “เจ้าต้องรับผิดชอบที่บังอาจทำกับข้าอย่างนี้” ชายหนุ่มยังคงตัดพ้อ เขาเสียเชิงชายให้กับนางอีกแล้ว หมดกันกับบุรุษเหนือบุรุษเช่นเขา มีเพียงนางเท่านั้นที่อาจหาญกล้าทำกับเขา “ข้าจะรับผิดชอบท่าน” เฉินเจียวเหมยยังคงยอมรับผิดแต่โดยดี นางเป็นคนยัดสมุนไพรตังกุยใส่ปากเขาด้วยมือของนางเอง แล้วอย่างนี้นางจะกล่าวโทษใครได้ “ดี!” จ้าวจิ่นหลงเอ่ยแค่นั้นก่อนก้มหน้าลงแล้วจูบเฉินเจียวเหมยอย่างอ่อนโยน เฉินเจียวเหมยเพียงหลับตาลงอย่างยอมจำนนก่อนตอบรับจุมพิตจากบุรุษตรงหน้าอย่างอ่อนโยนไม่ต่างกั

  • เพียงนาง   ร่วมทุกข์5

    หลังจากที่เฉินเจียวเหมยเก็บสมุนไพรจนเป็นที่พอใจแล้วนางจึงคืนอิสรภาพช่วงไหล่และต้นคอให้บุรุษใต้ร่างในทันที ก่อนจะหอบเอาสมุนไพรทั้งหลายยัดใส่เข้าไปในสาบเสื้อของตนแต่ทว่า...สาบเสื้อของนางนั้นไม่สามารถเก็บสมุนไพรทั้งหลายได้หมดแต่อย่างใด นางจึงหันหน้าไปทางบุรุษที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ไม่ไกลกันพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่หน้าเขาในทันที“อันใด” จ้าวจิ่นหลงถามอย่างไม่ไว้วางใจ“สาบเสื้อของท่านยังว่างอยู่” เฉินเจียวเหมยเอ่ยตามตรงพลางเดินเข้าหาเจ้าของสาบเสื้อที่ยังว่างอยู่ตามคำ“อะไรของเจ้า” จ้าวจิ่นหลงถามออกไปทั้งๆ ที่เข้าใจสายตาอย่างนั้นของนางได้ดี“สมุนไพรพวกนี้มันมีประโยชน์มากเลยนะ มันอาจจะช่วยท่านได้ในระหว่างเดินทาง” เฉินเจียวเหมยกล่าวออกมาอย่างเนียนๆ ขณะเดินเข้าหาร่างสูงตรงหน้าแล้วเอื้อมมือขึ้นก่อนจะยัดสมุนไพรใส่สาบเสื้อของจ้าวจิ่นหลงอย่างถือวิสาสะ “ท่าทางของท่านน่าจะมีศัตรูเยอะไม่น้อย ท่านคงผิดลูกผิดเมียใครเอาไว้มาก”“อะไรของเจ้า ข้าไม่เคยผิดลูกผิดเมียใคร” จ้าวจิ่นหลงกล่าวเสียงขุ่นแต่ก็ทำได้แค่ก้มหน้ามองเฉินเจียวเหมยที่กำลังล้วงเข้ามาในสาบเสื้อของเขานางกำลังขยับขยุกขยิกอยู่ใกล้ๆ เขาในยามนี้ช่างน่

  • เพียงนาง   ร่วมทุกข์4

    เฉินเจียวเหมยจึงเริ่มขมวดคิ้วอย่างขัดใจ และเริ่มอธิบาย“สมุนไพรนั่น มันเป็นสมุนไพรช่วยให้เราสองคนได้อบอุ่นนะ น้ำเย็นปานนี้ เนื้อตัวเปียกชื้นอย่างนี้ ไอเย็นจะแทรกเข้าได้ เข้าใจหรือไม่ ท่านนี่ ดื้อด้าน!” ปิดท้ายด้วยการดุใส่หน้าอย่างสวยงาม“หากเจ้าต้องการความอบอุ่น ข้าทำให้เจ้าก็ได้” จ้าวจิ่น หลงเอ่ยออกมาอย่างเหนือชั้น เขาย่อมตามใจนางในเรื่องนี้“หยุดเลย” เฉินเจียวเหมยถึงกับสะดุ้งอย่างรู้ความนัยจึงเริ่มเสียงดัง “แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว”“ครั้งเดียวที่ไหน หลายครั้งอยู่” จ้าวจิ่นหลงยังคงไม่ยินยอม คืนนั้นนางดูดความอบอุ่นจากเขาไปหลายครั้งจริงดังกล่าว“ท่านนี่!” เฉินเจียวเหมยหลับตาตะคอกหน้าแดงหูแดง อย่าย้ำได้หรือไม่! อย่าย้ำได้หรือไม่! นางทำได้แค่นั้น“ทำไม” ครานี้เป็นจ้าวจิ่นหลงบ้างที่ยืนกอดอกหรี่ตามองเฉินเจียวเหมยอย่างผู้ชนะ“หึ!” เฉินเจียวเหมยยังคงทำได้แค่ส่งเสียงในลำคออย่างขัดเคืองใจกับบุรุษแปลกหน้าคนนี้ยิ่งนัก นางทำได้เพียงยืนเท้าสะเอวเชิดหน้าอย่างถือดี โดยไม่มีอันใดจะกล่าวนางเถียงเขาไม่ได้ในเรื่องนี้จ้าวจิ่นหลงเพียงยืนกอดอกก้มมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่ยินยอมเช่นเดียวกันและแล้วความเงียบ

  • เพียงนาง   ร่วมทุกข์3

    “แค่ก แค่ก”เฉินเจียวเหมยสำลักน้ำจนตัวโยนในขณะที่จ้าวจิ่นหลงรีบเอื้อมมือขึ้นปัดปอยผมออกจากวงหน้าของนางพัลวัน เขารีบกอดประคองนางให้ลอยคออยู่ในน้ำทั้งอย่างนั้น พลางเมียงมองหาฝั่งที่ใกล้ที่สุดอย่างเร็วเมื่อเห็นว่านางสำลักน้ำจนหน้าแดง จมูกและริมฝีปากแดงไปหมดอย่างน่าสงสารจับใจ“ม้าเล่า” เฉินเจียวเหมยถามหาม้าในทันทีที่หายดีจากอาการสำลักน้ำ“มันว่ายน้ำไปทางนั้น” จ้าวจิ่นหลงตอบคำพลางโอบกระชับเฉินเจียวเหมยให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้นเพื่อจะพานางขึ้นฝั่งทางด้านหนึ่งที่ประเมินดูแล้วใกล้กับพวกเขามากที่สุดในยามนี้“มันไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” เฉินเจียวเหมยยังคงเอ่ยถึงม้าอย่างนึกห่วงใย“เจ้าห่วงตัวเองก่อนดีหรือไม่” จ้าวจิ่นหลงบ่นออกมาเฉินเจียวเหมยถึงกับหรี่ตามองใครบางคนที่นางกอดต้นคอของเขาอยู่พลันนึกขัดใจขึ้นมาก่อนเอ่ยเสียงแหลม “ม้าตัวนั้นมันช่วยท่านเอาไว้นะ”จ้าวจิ่นหลงถึงกับชะงักไปอึดใจก่อนหันหน้ามามองสตรีในอ้อมแขนด้วยสายตาบางอย่างแต่ทว่า...เขาเพียงเอ่ยเสียงต่ำออกมาด้วยอารมณ์ขัดเคืองไม่ต่างกัน “แล้วมันต้องตกหน้าผาลงมาในน้ำเพราะใคร”“...”เฉินเจียวเหมยถึงกับนิ่งอึ้งไป เพียงอึดใจจึงส่งยิ้มแห้งๆใส่หน้าจ้

  • เพียงนาง   ร่วมทุกข์2

    เขาเป็นองค์ชายที่มีตำแหน่งพ่วงท้ายเป็นรัชทายาทแน่นอนว่าย่อมมีเรื่องเช่นนี้ เขาไม่แปลกใจ“อาเหมย...” จ้าวจิ่นหลงตัดสินใจปลุกสตรีในอ้อมกอดให้ตื่นขึ้นมาหลังจากที่นางกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ภายในอ้อมอกของเขา“หืม...” เฉินเจียวเหมยจึงงัวเงียตื่นขึ้นมาจากนิทรารมย์ฝันหวานที่นางไม่รู้เลยว่ามันมิใช่แค่เพียงความฝัน“ตื่นขึ้นมาก่อน ยามนี้อันตราย” จ้าวจิ่นหลงยังเอ่ยคำไม่ทันจบ รอบด้านของเขาพลันปรากฏเงาร่างของชายชุดดำหลายคนกำลังคืบคลานพรางตัววูบไหวใกล้เข้ามา“อันใด” เฉินเจียวเหมยพลันได้สติตื่นเต็มตาด้วยสัญชาตญาณจ้าวจิ่นหลงไม่เสียเวลาอธิบาย เขารีบจับยกร่างของเฉินเจียวเหมยขึ้นอุ้มแล้วนำนางไปวางเอาไว้บนหลังม้าในทันที“เจ้าขี่ม้าเป็นหรือไม่ ขี่ม้าหนีไป ข้าจะอยู่ทางนี้เอง” ชายหนุ่มรีบเอ่ย“ท่านขึ้นมา” เฉินเจียวเหมยตอบแค่นั้นพลางจับสาบเสื้อช่วงไหล่ของจ้าวจิ่นหลงแล้วย้ำ “ขึ้นมา!”จ้าวจิ่นหลงจึงรีบขึ้นหลังม้าซ้อนกับร่างของเฉินเจียวเหมยในทันทีก่อนจะเอื้อมมือไปจับดาบที่อยู่ตรงข้างลำตัวของม้าแล้วดึงออกจากฝักอย่างไม่เสียเวลาคิดอันใดเนื่องจากชายชุดดำได้เข้ามาจนถึงตัวของพวกเขาแล้วในยามนี้“ไป!” เสียงคำรามของจ้าวจิ่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status