/ รักโบราณ / เพียงนางที่ข้าจะรัก / บทที่ 2 เครื่องต่อชีวิตน้อยๆของนาง ตอนปลาย

공유

บทที่ 2 เครื่องต่อชีวิตน้อยๆของนาง ตอนปลาย

last update 최신 업데이트: 2025-10-05 21:57:49

ช่วงเย็นวันเดียวกัน

ในที่สุดข่าวสำคัญที่นายน้อยเหว่ยซินรอคอยก็มาถึง นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้นางเดินมาเมืองหลวงก่อนกำหนด

“เรียนนายน้อย คนผู้นั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้วขอรับ เป็นไปตามที่ท่านคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด” บุรุษชุดดำเอ่ยรายงานเจ้านาย พร้อมมอบจดหมายในมือให้องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของนาง

มือขาวรับจดหมายมาเปิดอ่าน แววตาพลันเปลี่ยนเป็นคมกล้า เมื่ออ่านจบจึงเผาจดหมายทิ้ง “จับตาดูอย่าให้คลาดสายตา หาทางส่งคนของเราเข้าจวนหลังนั้นให้จงได้ ข้าต้องการหลักฐานยืนยัน ว่าตาแก่นั่นคิดการใหญ่จริง” นางมอบคำสั่งใหม่ให้ลูกน้องตรงหน้า จากนั้นจึงหันมากำชับองครักษ์คนสนิท

“ปี้หลาง กำชับคนของเราให้คุ้มกันแม่นางอู๋ดีๆ หากเห็นท่าไม่ดีให้พาตัวนางออกมา อย่าให้เป็นอันตรายเด็ดขาด ส่วนสายลับที่เราจับได้ จัดการให้เรียบร้อย…อย่าให้หลงเหลือเศษซากล่ะ”

น้ำเสียงของผู้เป็นนายเยียบเย็น แม้แต่ปี้หลางยังหนาวเยือกไปถึงขั้วหัวใจ นายน้อยเหว่ยยามดี ดีใจหาย ทว่ายามร้าย…แค่คิดก็ขนหัวลุก!

เห็นทีคนร้ายทั้งสามคงกินดีหมีหัวใจเสือ*เข้าไป ถึงได้กล้าลอบเข้ามาในจวนเหว่ยตี้ยามวิกาลเมื่อเจ็ดวันก่อน

หลังถูกจับได้และสอบถามด้วยวิธีละมุนละม่อม โดยการบดกระดูกคนร้ายทีละส่วน ปี้หลางจึงเค้นเอาความจริงออกมาจากปากนักโทษได้สำเร็จ เพียงแต่น่าเสียดายที่คนร้ายไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังแท้จริงคือใคร มีเพียงชื่อของผู้ว่าจ้างที่พวกมันรู้

ข้อมูลเพียงเท่านี้มู่ซูซินก็พอเดาได้ว่า เรื่องนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการที่นางปฏิเสธคำขอซื้อยาห้ามเลือดและยารักษาบาดแผลฉกรรจ์สำหรับใช้ในกองทัพจำนวนมาก จากบุคคลลึกลับเมื่อหลายเดือนก่อน

ส่วนแม่นางอู๋คือนางคณิกามีชื่อของหอเซียงอวี้ นางขายศิลปะแต่ไม่ขายเรือนร่าง เป็นสตรีที่ ฉู่ปิน บุตรชายของเสนาบดีคลังไปติดพันอยู่

มู่ซูซินสงสัยว่าฉู่ปิน อาจเป็นคนคนเดียวกันกับบุคคลลึกลับผู้นั้น เพราะได้ข้อมูลสำคัญมาจากแม่นางอู๋ ประจวบเหมาะกับชื่อของผู้ว่าจ้างที่คนร้ายยอมคายออกมา เฟ่ยทง คือคนที่ไปมาหาสู่กับฉู่ปินอยู่เป็นประจำ

ครึ่งเดือนก่อนถึงกำหนดอภิเษกสมรส ครอบครัวเจ้าเมืองตงเฉิงก็เดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อตระเตรียมจวนที่ซื้อไว้ มู่ซูซินบัดนี้กลับมาเป็นคุณหนูใหญ่ผู้น่าสงสาร ถูกดวงพิฆาตของฉีอ๋องกัดกินจนเกือบชะตาขาดอยู่หลายหน

นางสวมหมวกเหวยเม่า*เพื่ออำพรางใบหน้า โดยอ้างว่ายังมีรอยแดงจากผื่นหัดจึงไม่อยากให้ผิวโดนแดดโดนลมก่อนงานแต่ง

เมื่อเจิ้งฮองเฮาทราบข่าวเรื่องว่าที่ชายาฉีอ๋องเดินทางถึงเมืองหลวงแล้ว นางรีบส่งนางกำนัลและมามาหลายคนมาช่วยอบรมกิริยามารยาท รวมถึงธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์ให้มู่ซูซินก่อนถึงวันอภิเษก

การกระทำข้ามหน้าข้ามตาของฮองเฮาสร้างความขุ่นเคืองใจให้ซูเฟยจนนั่งไม่ติด นางแล่นไปฟ้องฮ่องเต้ถึงห้องทรงงาน ทว่าฮ่องเต้ฮุ่ยจงไม่อยากก้าวก่ายความบาดหมางในวังหลัง จึงรับสั่งอย่างเป็นกลางว่า

“ให้ฮองเฮาออกหน้าน่ะดีแล้ว ซูเฟยจะได้ไม่เหนื่อย หากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา ฮองเฮาจะได้รับผิดชอบไปคนเดียว”

ซูเฟยได้ยินอย่างนั้นจึงเดินกลับตำหนักอย่างสบายใจ อันที่จริงนางก็ไม่ได้อยากข้องแวะกับว่าที่หลานสะใภ้คนนี้อยู่แล้ว

จุดประสงค์แท้จริงของฮองเฮาที่ส่งคนของตนมาดูแลมู่ซูซิน เป็นเพราะนางต้องการทราบว่าฝ่ายหญิงหน้าตาท่าทางเป็นอย่างไร พอจะมีหวังทำให้ฉีอ๋องลุ่มหลงได้บ้างหรือเปล่า นางอุตส่าห์เป่าหูฮ่องเต้เรื่องสมรสพระราชทานนี้อยู่ตั้งนาน จะให้แผนการนี้ล้มเหลวไม่ได้!

มามาคนสนิทกลับมารายงานเจิ้งฮองเฮาเรื่องรูปร่างหน้าตา และท่าทางของมู่ซูซินตามความเป็นจริง

“คุณหนูใหญ่มู่ปีนี้อายุสิบเจ็ด กำลังเป็นสาวสะพรั่งรูปร่างเย้ายวน ผิวขาวเนียนละเอียด งดงามหยาดเยิ้มยิ่งกว่าคุณหนูฉู่ฟางอิ๋งอีกเพคะ กิริยามารยาทก็เรียบร้อย แต่ค่อนข้างจะขี้อาย โดยรวมแล้วหม่อมฉันสามารถช่วยขัดเกลาให้ดีขึ้นได้เพคะ”

เจิ้งฮองเฮาพอพระทัยในสิ่งที่ได้ยิน โดยเฉพาะเรื่องที่มู่ซูซินงดงามกว่าฉู๋ฟางอิ๋ง ที่ชื่อว่าเป็นยอดพธูอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

“กู่มามา เจ้าช่วยสอนวิธียั่วยวนและปรนนิบัติบุรุษให้นางด้วย ข้าต้องการให้ฉีอ๋องลุ่มหลงนางจนลืมฉู๋ฟางอิ๋ง หากเป็นไปได้ให้หาทางเกลี้ยกล่อมให้นางยอมเป็นคนของข้า คอยรายงานความเคลื่อนไหวของฉีอ๋อง แล้วข้าจะช่วยสนับสนุนนางและครอบครัวของนางอย่างเต็มที่”

“เพคะ” กู่มามารับคำนายเหนือหัวจากนั้นจึงออกจากวังตรงกลับจวนสกุลมู่

กว่าจะถึงวันอภิเษก มู่ซูซินถูกมามาของเจิ้งฮองเฮาเคี่ยวกรำ เรื่องธรรมเนียมปฏิบัติของเชื้อพระวงศ์ ไปจนถึงวิธียั่วยวนและปรนนิบัติบุรุษจนหูชา นางอยากจะบอกกู่มามาเหลือเกินว่า ขอให้นางรอดตายจากเงื้อมมือฉีอ๋องก่อนเถอะ

อีกอย่าง…หากรวมอายุของนางในชาตินี้เข้ากับชาติที่แล้ว ปีนี้นางอายุเกือบถึงครึ่งศตวรรษพอดี แม่เจ้า! เพราะฉะนั้นเรื่องยั่วยวนหรือปรนนิบัติบุรุษ นางพอมีประสบการณ์สั่งสมไม่ต้องมาสอนจระเข้ว่ายน้ำเจ้าค่ะ!

ต้นฤดูสารท

ในที่สุดก็มาถึงวันสำคัญ ขบวนเจ้าบ่าวเดินทางออกจากตำหนักเว่ยจง โดยมีขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ร่วมขบวนมาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าฉีอ๋องจะเป็นผู้ไปรับเจ้าสาวด้วยตนเอง ไม่ได้ส่งไก่โต้งไปรับตัวเจ้าสาวเหมือนที่บางคนเคยทำ

ดูจากสภาพการณ์แล้ว เฟิ่งเสวียนจีคงเป็นเจ้าบ่าวที่หน้าไร้อารมณ์ที่สุดในปฐพี ตลอดเส้นทางมารับเจ้าสาว พระพักตร์พักตร์หล่อเหลาที่สมควรประดับด้วยรอยยิ้ม กลับเย็นชาประหนึ่งฉาบไว้ด้วยน้ำแข็งพันปีกระทั่งมาถึงจวนตระกูลมู่ก็ยังไม่ยอมละลายน้ำแข็ง

ครอบครัวตระกูลมู่แต่ละคนมือสั่นระริก แทบอยากจะปรี่เข้าไปบีบคอลูกเขยสูงศักดิ์ให้ตายคามือ แม้แต่เสี่ยวเหยียนน้อยยังหมั่นไส้พี่เขยจนกัดฟันดังกรอด

ลี่มีหรี่ตามองบุรุษที่กำลังจะเป็นสามีนายหญิงของมันด้วยดวงตาวาวโรจน์ ร่างกายอ้วนฟูเครียดเกร็งเหมือนกำลังจะไปออกรบ กะว่าหากฉีอ๋องเล่นตุกติกมันจะข่วนอีกฝ่ายให้หน้าแหก แง้วววว!!!

หลังกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จเรียบร้อย มู่ซูซินที่บัดนี้กลายเป็นพระชายาฉีอ๋องถูกต้องตามประเพณี ถูกแม่สื่อพาตัวมายังห้องหอ ประคองนางมานั่งที่เตียงเพื่อรอเจ้าบ่าวมาเปิดผ้าคลุมหน้า จากนั้นจึงผละไปปล่อยให้สาวใช้ทั้งสองคอยดูแล

เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้วมู่ซูซินจึงเปิดผ้าคลุมหน้าออก รีบสุมหัววางแผนรับมือฉีอ๋องทันที

*******************

*กินดีหมีหัวใจเสือ : มีความกล้ามากกว่าปกติ

“หมวกเหวยเม่า : หมวกที่มีลักษณะคล้ายร่ม มีผ้าโปร่งหรือม่านยาวลงมาปิดบังใบหน้าถึงลำคอ

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~4

    เย่เฟิงคล้ายเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง รีบพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ ผู้ช่วยแม่ครัวจึงคลายมือออก ปล่อยให้ชายหนุ่มเริ่มนวดแป้งด้วยตนเอง ในขณะที่มือก็กำลังนวดแป้ง ในหัวก็จินตนาการไปว่า ตนกำลังนวดต้นขานุ่มๆของลี่เจินไปด้วย และอาจเป็นเพราะตั้งใจมากไปนิดเลยเผลอคิดดังไปหน่อย ”ขาของเจ้าช่างนุ่มนวลเหลือเกินเจินเอ๋อร์“ ”…“ ทั้งแม่ครัวและผู้ช่วยคิ้วกระตุกยิกๆ พ่อหนุ่มองครักษ์กำลังสิ่งใดอยู่กันแน่!!! จากแป้งสีขาวนวลเวลานี้กลายเป็นก้อนแป้งสีชมพูเข้ม เพราะชายหนุ่มใส่ผงกุหลาบหนักมือไปนิด แต่ไม่เป็นไรแม่ครัวบอกกับเขาอย่างนั้น คราวหน้าค่อยลดปริมาณลง ถึงตอนนี้ แป้งพร้อม ไส้พร้อม ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนการห่อก่อนกดใส่พิมพ์ขนม ผู้ช่วยแสดงวิธีนวดแป้งทั้งสองสีให้กลายเป็นก้อนเดียว รวมไปถึงวิธีแผ่แป้งและห่อไส้ ก่อนนำไปกดใส่พิมพ์ขนมบัวหิมะ “น่ากินมากเลยขอรับ” เอ่ยชื่นชมจบก็ลงมือทำเองบ้าง เพียงแต่… “ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้เนี่ย! ทำไมข้าห่อแล้วแป้งถึงแตกไส้ทะลัก ไม่เห็นเรียบเนียนเหมือนของท่านป้าเลย” “…” ผู้ช่วยแม่ครัว ข้าควรเวทนาคนหรือสงสารขนมดีเนี่ย “แรกก็เป็นแบบนี้แหละ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชำนาญขึ้

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~3

    ไม่ใช่เพียงแค่หานจิ้งที่เดินหน้าเกี้ยวพานลี่อิ่งอย่างเปิดเผย แม้แต่องครักษ์เงาขั้นหนึ่งอย่างเย่เฟิง ก็ขอฉีอ๋องย้ายตำแหน่งงานมาเป็นองครักษ์ขั้นหนึ่งของพระชายามู่ซูซินแทน เหตุผลหลักคือเขาทำงานให้พระชายาจนคุ้นเคยไปแล้ว ส่วนเหตุผลรองคือหัวใจของเขาเฝ้าติดตามลี่เจินไปแล้วนั่นเอง เรียกกลับมาเท่าไหร่หัวใจเจ้ากรรมก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เย่เฟิงเลยตั้งปณิธานว่า เขาจะไม่ยอมแพ้องครักษ์รุ่นน้องอย่างหานจิ้งเด็ดขาด ชีวิตนี้เขาต้องได้แต่งลี่เจินเป็นภรรยาผูกผม! หากทำไม่ได้ก่อนอายุสามสิบ เย่เฟิงจะไปออกบวชมันให้มันรู้แล้วรู้รอด! ครัวหลักของตำหนักเว่ยจง แม่ครัวฝ่ายขนมหวานมุมปากกระตุกยิกๆ ขณะยืนมององครักษ์ของพระชายากวนแป้งทำขนมบัวหิมะกุหลาบ “เอ่อ ท่านองครักษ์เจ้าคะ กวนแป้งไม่ต้องออกแรงขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ค่อยๆทำไป ท่านเล่นกวนแรงและเร็วแบบนี้ แป้งมันก็กระเด็นออกจากกระทะหมดสิเจ้าคะ แล้วจะเหลือให้กินไหมเนี่ย! โอย ข้าจะเป็นลม” พูดจบก็ยกยาดมขึ้นมาสูดเข้าปอดดัง ฟื้ด... บรรดาสาวใช้ในโรงครัวยกมือป้องปากหัวเราะคิกคักด้วยความเอ็นดูในตัวเย่เฟิง คาดไม่ถึงว่าองครักษ์หน้าเข้มผู้นี้ จะยอมลงทุนมาเรียน

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~2

    กร๊ากกกก เสียงหลุดขำของหานเย่ลอยมาตามลม องครักษ์หนุ่มนึกภาพยวนยางบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่สหายรักนั่งปักมาทั้งคืน ซึ่งมองอย่างไรก็เหมือนลูกเจี๊ยบหัวโตผิดขนาดสองตัวหันหน้าแยกเขี้ยวใส่กัน หานจิ้งสูดหายใจยาวอยากตามไปบีบคอสหายรักใจแทบขาด แต่พอนึกถึงภาพปักบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเขาก็มิอาจถือโทษที่หานเย่หลุดขำออกมา เหวินกงกงพอมีฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อยอยู่บ้าง เดินมาขอดูผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าว พอได้เห็นสภาพก็ถึงกับหน้ากระตุก ไม่เพียงแค่ลายปักจะอดสู แต่การมีหยดเลือดติดเป็นหย่อมๆนี่มันคืออะไร?! โอย ขันทีอย่างเขาหมดคำจะกล่าว ”เดี๋ยวตอนบ่ายเจ้าไปหาข้าที่เรือน ข้าจะช่วยแนะนำวิธีปักผ้าที่เริ่มจากลายง่ายๆไปก่อน ว่าแต่ลายนี้คือ เอ่อ เจ้าปักลายอะไรรึอาจิ้ง” เขามองไม่ออกจริงๆ “ลายยวนยางขอรับท่านกงกง” หานจิ้งตอบกลับมาเสียงอ่อย “…” เหวินกงกง เวรกรรมที่แท้คือยวนยางหรอกรึ ทีแรกนึกว่าปีศาจลูกเจี๊ยบ เหวินกงกงรู้สึกผิดขึ้นมาจับจิตที่มองลายบนผ้าเช็ดหน้าผิดไปมาก เลยยกมือตบบ่าหานจิ้งเบาๆเป็นการปลอบใจ ‘ข้าขอโทษนะอาจิ้งที่เข้าใจผิด’ หลังกินข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อย หานจิ้งก็ตามไปที่เรือนขอ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~1

    ตำหนักเว่ยจง หลังผ่านเหตุการณ์สำคัญเรื่องกบฏเยี่ยนอ๋องมาได้ เจ้าของตำหนักก็เลิกปิดกั้นความรู้สึกตัวเองและหันมาสนทนากับคนรอบตัวมากขึ้น กระทั่งเอ่ยปากถามไถ่ความเป็นอยู่ของบ่าวไพร่ในตำหนักด้วยตนเอง ทั้งที่เมื่อก่อนฉีอ๋องไม่เคยสนใจเรื่องบ่าวไพร่ในตำหนักเลยสักนิด ปล่อยให้เหวินกงกงดูแลจัดการธุระในส่วนนี้แทน จนเมื่อพระชายามู่ซูซินถามสามีว่า เขาทราบหรือไม่ว่าบ่าวไพร่ในตำหนักมีกี่คน “…” เฟิ่งเสวียนจี นั่นสินะเขาไม่เคยนับจริงๆด้วย หลายวันต่อมา บ่าวไพร่ของแต่ละเรือนแต่ละฝ่าย ได้ถูกเรียกมาพบเพื่อแนะนำตัวกับฉีอ๋องอย่างเป็นทางการ เจ้าของตำหนักถึงประจักษ์ว่า เขามีบ่าวไพร่ทั้งหมดเกือบร้อยชีวิตทำงานอยู่ในตำหนักเว่ยจง!! ทั้งที่จำนวนคนก็มากขนาดนี้ แต่เหตุไฉนตำหนักของเขาถึงได้ดูวังเวงนัก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ นั่นเป็นเพราะเจ้าตัวลืมไปว่า ตำหนักของตนกว้างใหญ่ขนาดไหน อันที่จริงสมควรมีบ่าวไพร่มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเหวินกงกงรู้ใจนายเหนือหัว เรื่องที่ไม่ชอบให้มีคนวุ่นวายในตำหนักมากจนเกินไป ถึงได้จ้างบ่าวไพร่ในจำนวนเท่าที่จำเป็น ไม่ได้จ้างไว้ประดับบารมีเหมือนเชื้อพระวงศ์ตำหนักอื่นๆ ที่ค

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนปลาย

    เมืองตงเฉิง จวนเจ้าเมือง เรือนไฉอวี้ ค่ำคืนเดียวกันกับที่ฉีอ๋องฝันถึงงูขาวตัวหอม หญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงามราวปีศาจจิ้งจอกจำแลง วางตำราสมุนไพรในมือลงก่อนขยับตัวไปดับตะเกียงข้างหัวเตียงเพื่อเข้านอน “ราตรีสวัสดิ์ลี่มี่ ขอให้นอนหลับฝันดีนะ” เสียงหวานบอกแมวสาวตัวอวบในอ้อมกอดจูบเหม่งมันไปหนึ่งที จากนั้นจึงหลับตาลง เมี้ยว… “ฝันดีซินเอ๋อร์ “ ลี่มี่แลบลิ้นเลียแก้มใสของนางทาสไปหนึ่งทีเพื่อเป็นการแสดงความรัก ผ่านไปไม่นานจังหวะหายใจของมู่ซูซินก็สม่ำเสมอ แสดงถึงว่านางเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ลี่มี่ลืมตาโพลงในความมืด ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาว เดินไปนั่งบนกรอบหน้าต่างเงยหน้ามองดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ “หิวจัง อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม พรุ่งนี้ขอให้ซินเอ๋อร์ทำให้กินดีกว่า” ในขณะที่ลี่มี่กำลังนึกถึงขนมไหว้พระจันทร์อยู่นั้น มู่ซูซินก็กำลังเข้าสู่ห้วงฝันอันแปลกประหลาด นางกำลังยืนอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ เหมือนที่เคยไปเที่ยวมาเมื่อชาติที่แล้ว บนท้องฟ้าสีครามสดใส ก้อนเมฆสีขาวปุกปุยรูปร่างมองไปแล้วเหมือนหัวใจดวงเล็กๆ ลอยเต็มท้องฟ้า แสงแดดอบอุ่นอาบไล้ผิวขาวเนียนละออของนาง มู่

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนต้น

    แดนเหนือ ค่ายพยัคฆ์อหังการ ในที่สุดการต่อสู้อันยาวนานระหว่างแคว้นต้าเฟิ่ง กับชนเผ่านอกด่านทั้งหมดของแดนเหนือได้สิ้นสุดลง ความเสียหายที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญ หนักหนาสาหัสไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทว่าผู้ที่กำชัยชนะในสงครามใหญ่ครั้งนี้คือแคว้นต้าเฟิ่ง ซึ่งมีฉีอ๋อง เฟิ่งเสวียนจีเป็นผู้นำทัพ หลังเสร็จศึกได้ครึ่งเดือน ในขณะที่ฉีอ๋องกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในกระโจมบัญชาการ ของค่ายพยัคฆ์อหังการในคืนพระจันทร์เต็มดวง จู่ๆ บรรยากาศโดยรอบพลันหยุดนิ่ง เฟิ่งเสวียนจีคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชากอย่างแรง จากที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในยามค่ำคืน บัดนี้ตัวเขายืนอยู่กลางทุ่งสมุนไพรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสะอาดสดใส มีปุยเมฆสีขาวลอยอยู่ประปราย แสงแดดสีทองอบอุ่นโลมไล้ผิวกาย กลิ่นหอมเย็นสดชื่นเฉพาะตัวของสมุนไพร ช่วยให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรือนกายสูงหันมองไปรอบๆ สายตาก็ประสบเข้ากับต้นอู๋ถงต้นใหญ่ บริเวณใต้ต้นมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ ร่างสูงตัดสินใจเดินไปที่นั่นหย่อนตัวลงบนแคร่ ตั้งใจว่าจะนอนเล่นที่นี่สักพักเพื่อซึมซับความรู้สึกอันแสนจะรื่นรมย์นี้ เขาใช้แขนของตนแทนหมอน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status