Share

บทที่ 2/2

last update Last Updated: 2025-10-05 21:57:49

ช่วงเย็นวันเดียวกัน

ในที่สุดข่าวสำคัญที่นายน้อยเหว่ยซินรอคอยก็มาถึง นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้นางเดินมาเมืองหลวงก่อนกำหนด

“เรียนนายน้อย คนผู้นั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้วขอรับ เป็นไปตามที่ท่านคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด” บุรุษชุดดำเอ่ยรายงานเจ้านาย พร้อมมอบจดหมายในมือให้องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของนาง

มือขาวรับจดหมายมาเปิดอ่าน แววตาพลันเปลี่ยนเป็นคมกล้า เมื่ออ่านจบจึงเผาจดหมายทิ้ง “จับตาดูอย่าให้คลาดสายตา หาทางส่งคนของเราเข้าจวนหลังนั้นให้จงได้ ข้าต้องการหลักฐานยืนยัน ว่าตาแก่นั่นคิดการใหญ่จริง” นางมอบคำสั่งใหม่ให้ลูกน้องตรงหน้า จากนั้นจึงหันมากำชับองครักษ์คนสนิท

“ปี้หลาง กำชับคนของเราให้คุ้มกันแม่นางอู๋ดีๆ หากเห็นท่าไม่ดีให้พาตัวนางออกมา อย่าให้เป็นอันตรายเด็ดขาด ส่วนสายลับที่เราจับได้ จัดการให้เรียบร้อย…อย่าให้หลงเหลือเศษซากล่ะ”

น้ำเสียงของผู้เป็นนายเยียบเย็น แม้แต่ปี้หลางยังหนาวเยือกไปถึงขั้วหัวใจ นายน้อยเหว่ยยามดี ดีใจหาย ทว่ายามร้าย…แค่คิดก็ขนหัวลุก!

เห็นทีคนร้ายทั้งสามคงกินดีหมีหัวใจเสือ*เข้าไป ถึงได้กล้าลอบเข้ามาในจวนเหว่ยตี้ยามวิกาลเมื่อเจ็ดวันก่อน

หลังถูกจับได้และสอบถามด้วยวิธีละมุนละม่อม โดยการบดกระดูกคนร้ายทีละส่วน ปี้หลางจึงเค้นเอาความจริงออกมาจากปากนักโทษได้สำเร็จ เพียงแต่น่าเสียดายที่คนร้ายไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังแท้จริงคือใคร มีเพียงชื่อของผู้ว่าจ้างที่พวกมันรู้

ข้อมูลเพียงเท่านี้มู่ซูซินก็พอเดาได้ว่า เรื่องนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการที่นางปฏิเสธคำขอซื้อยาห้ามเลือดและยารักษาบาดแผลฉกรรจ์สำหรับใช้ในกองทัพจำนวนมาก จากบุคคลลึกลับเมื่อหลายเดือนก่อน

ส่วนแม่นางอู๋คือนางคณิกามีชื่อของหอเซียงอวี้ นางขายศิลปะแต่ไม่ขายเรือนร่าง เป็นสตรีที่ ฉู่ปิน บุตรชายของเสนาบดีคลังไปติดพันอยู่

มู่ซูซินสงสัยว่าฉู่ปิน อาจเป็นคนคนเดียวกันกับบุคคลลึกลับผู้นั้น เพราะได้ข้อมูลสำคัญมาจากแม่นางอู๋ ประจวบเหมาะกับชื่อของผู้ว่าจ้างที่คนร้ายยอมคายออกมา เฟ่ยทง คือคนที่ไปมาหาสู่กับฉู่ปินอยู่เป็นประจำ

ครึ่งเดือนก่อนถึงกำหนดอภิเษกสมรส ครอบครัวเจ้าเมืองตงเฉิงก็เดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อตระเตรียมจวนที่ซื้อไว้ มู่ซูซินบัดนี้กลับมาเป็นคุณหนูใหญ่ผู้น่าสงสาร ถูกดวงพิฆาตของฉีอ๋องกัดกินจนเกือบชะตาขาดอยู่หลายหน

นางสวมหมวกเหวยเม่า*เพื่ออำพรางใบหน้า โดยอ้างว่ายังมีรอยแดงจากผื่นหัดจึงไม่อยากให้ผิวโดนแดดโดนลมก่อนงานแต่ง

เมื่อเจิ้งฮองเฮาทราบข่าวเรื่องว่าที่ชายาฉีอ๋องเดินทางถึงเมืองหลวงแล้ว นางรีบส่งนางกำนัลและมามาหลายคนมาช่วยอบรมกิริยามารยาท รวมถึงธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์ให้มู่ซูซินก่อนถึงวันอภิเษก

การกระทำข้ามหน้าข้ามตาของฮองเฮาสร้างความขุ่นเคืองใจให้ซูเฟยจนนั่งไม่ติด นางแล่นไปฟ้องฮ่องเต้ถึงห้องทรงงาน ทว่าฮ่องเต้ฮุ่ยจงไม่อยากก้าวก่ายความบาดหมางในวังหลัง จึงรับสั่งอย่างเป็นกลางว่า

“ให้ฮองเฮาออกหน้าน่ะดีแล้ว ซูเฟยจะได้ไม่เหนื่อย หากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา ฮองเฮาจะได้รับผิดชอบไปคนเดียว”

ซูเฟยได้ยินอย่างนั้นจึงเดินกลับตำหนักอย่างสบายใจ อันที่จริงนางก็ไม่ได้อยากข้องแวะกับว่าที่หลานสะใภ้คนนี้อยู่แล้ว

จุดประสงค์แท้จริงของฮองเฮาที่ส่งคนของตนมาดูแลมู่ซูซิน เป็นเพราะนางต้องการทราบว่าฝ่ายหญิงหน้าตาท่าทางเป็นอย่างไร พอจะมีหวังทำให้ฉีอ๋องลุ่มหลงได้บ้างหรือเปล่า นางอุตส่าห์เป่าหูฮ่องเต้เรื่องสมรสพระราชทานนี้อยู่ตั้งนาน จะให้แผนการนี้ล้มเหลวไม่ได้!

มามาคนสนิทกลับมารายงานเจิ้งฮองเฮาเรื่องรูปร่างหน้าตา และท่าทางของมู่ซูซินตามความเป็นจริง

“คุณหนูใหญ่มู่ปีนี้อายุสิบเจ็ด กำลังเป็นสาวสะพรั่งรูปร่างเย้ายวน ผิวขาวเนียนละเอียด งดงามหยาดเยิ้มยิ่งกว่าคุณหนูฉู่ฟางอิ๋งอีกเพคะ กิริยามารยาทก็เรียบร้อย แต่ค่อนข้างจะขี้อาย โดยรวมแล้วหม่อมฉันสามารถช่วยขัดเกลาให้ดีขึ้นได้เพคะ”

เจิ้งฮองเฮาพอพระทัยในสิ่งที่ได้ยิน โดยเฉพาะเรื่องที่มู่ซูซินงดงามกว่าฉู๋ฟางอิ๋ง ที่ชื่อว่าเป็นยอดพธูอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

“กู่มามา เจ้าช่วยสอนวิธียั่วยวนและปรนนิบัติบุรุษให้นางด้วย ข้าต้องการให้ฉีอ๋องลุ่มหลงนางจนลืมฉู๋ฟางอิ๋ง หากเป็นไปได้ให้หาทางเกลี้ยกล่อมให้นางยอมเป็นคนของข้า คอยรายงานความเคลื่อนไหวของฉีอ๋อง แล้วข้าจะช่วยสนับสนุนนางและครอบครัวของนางอย่างเต็มที่”

“เพคะ” กู่มามารับคำนายเหนือหัวจากนั้นจึงออกจากวังตรงกลับจวนสกุลมู่

กว่าจะถึงวันอภิเษก มู่ซูซินถูกมามาของเจิ้งฮองเฮาเคี่ยวกรำ เรื่องธรรมเนียมปฏิบัติของเชื้อพระวงศ์ ไปจนถึงวิธียั่วยวนและปรนนิบัติบุรุษจนหูชา นางอยากจะบอกกู่มามาเหลือเกินว่า ขอให้นางรอดตายจากเงื้อมมือฉีอ๋องก่อนเถอะ

อีกอย่าง…หากรวมอายุของนางในชาตินี้เข้ากับชาติที่แล้ว ปีนี้นางอายุเกือบถึงครึ่งศตวรรษพอดี แม่เจ้า! เพราะฉะนั้นเรื่องยั่วยวนหรือปรนนิบัติบุรุษ นางพอมีประสบการณ์สั่งสมไม่ต้องมาสอนจระเข้ว่ายน้ำเจ้าค่ะ!

ต้นฤดูสารท

ในที่สุดก็มาถึงวันสำคัญ ขบวนเจ้าบ่าวเดินทางออกจากตำหนักเว่ยจง โดยมีขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ร่วมขบวนมาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าฉีอ๋องจะเป็นผู้ไปรับเจ้าสาวด้วยตนเอง ไม่ได้ส่งไก่โต้งไปรับตัวเจ้าสาวเหมือนที่บางคนเคยทำ

ดูจากสภาพการณ์แล้ว เฟิ่งเสวียนจีคงเป็นเจ้าบ่าวที่หน้าไร้อารมณ์ที่สุดในปฐพี ตลอดเส้นทางมารับเจ้าสาว พระพักตร์พักตร์หล่อเหลาที่สมควรประดับด้วยรอยยิ้ม กลับเย็นชาประหนึ่งฉาบไว้ด้วยน้ำแข็งพันปีกระทั่งมาถึงจวนตระกูลมู่ก็ยังไม่ยอมละลายน้ำแข็ง

ครอบครัวตระกูลมู่แต่ละคนมือสั่นระริก แทบอยากจะปรี่เข้าไปบีบคอลูกเขยสูงศักดิ์ให้ตายคามือ แม้แต่เสี่ยวเหยียนน้อยยังหมั่นไส้พี่เขยจนกัดฟันดังกรอด

ลี่มีหรี่ตามองบุรุษที่กำลังจะเป็นสามีนายหญิงของมันด้วยดวงตาวาวโรจน์ ร่างกายอ้วนฟูเครียดเกร็งเหมือนกำลังจะไปออกรบ กะว่าหากฉีอ๋องเล่นตุกติกมันจะข่วนอีกฝ่ายให้หน้าแหก แง้วววว!!!

หลังกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จเรียบร้อย มู่ซูซินที่บัดนี้กลายเป็นพระชายาฉีอ๋องถูกต้องตามประเพณี ถูกแม่สื่อพาตัวมายังห้องหอ ประคองนางมานั่งที่เตียงเพื่อรอเจ้าบ่าวมาเปิดผ้าคลุมหน้า จากนั้นจึงผละไปปล่อยให้สาวใช้ทั้งสองคอยดูแล

เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้วมู่ซูซินจึงเปิดผ้าคลุมหน้าออก รีบสุมหัววางแผนรับมือฉีอ๋องทันที

*******************

*กินดีหมีหัวใจเสือ : มีความกล้ามากกว่าปกติ

“หมวกเหวยเม่า : หมวกที่มีลักษณะคล้ายร่ม มีผ้าโปร่งหรือม่านยาวลงมาปิดบังใบหน้าถึงลำคอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/2

    ในระหว่างที่มู่ซูซินเดินไปคอกม้า บ่าวรับใช้ก็กำลังยกฟูกที่นำมาจากเรือนอู่ถง เข้าไปเปลี่ยนในห้องนอนของฉีอ๋องอย่างระมัดระวัง ตามคำสั่งของเหวินกงกง เจ้าของตำหนักเองก็เพิ่งหารือกับกุนซือของตนเสร็จ ทั้งสองเดินไปยังเรือนของเฟิ่งเสวียนจี เพื่อรับมื้อกลางวันที่นั่น ได้ทันเห็นเหวินกงกงยืนคุมบ่าวชาย กำลังย้ายฟูกออกมาจากเรือนของตนพอดี วรกายสูงเดินแยกจากสหาย ตรงเข้าไปถามไถ่ด้วยความฉงน “เหวินกงกง ท่านกำลังทำอะไร ยกฟูกออกมาจากเรือนนอนของข้าทำไม” ครั้นได้ยินเสียงของนายเหนือหัว เหวินกงกงรีบหมุนตัวกลับมา จีบปากจีบคอรายงานด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรียนท่านอ๋อง พระชายาขอให้กระหม่อม นำฟูกที่เรือนอู่ถงมาเปลี่ยนให้ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ จะได้ทรงนอนหลับสบายยามค่ำคืน ไม่ต้องลำบากเสด็จไปอาศัยนอนที่เรือนอู่ถง” เฟิ่งเสวียนจีนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก คาดไม่ถึงว่ามู่ซูซินจะกล้าสั่งให้เหวินกงกงยกฟูกมาเปลี่ยนให้เขา พรืดด ซ่งเฉินซีได้ยินคำบอกเล่าของเหวินกงกงก็หลุดขำ ชี้พัดจีบในมือชี้ไปที่เฟิ่งเสวียนจีพร้อมทำหน้าตาล้อเลียน “กระหม่อมเพิ่งรู้ว่าที่แท้ท่านอ๋องเป็นคนนอนยาก ฮ่าๆๆ กระหม่อมชักอยากพบหน้าพระชายามู่ขึ้นมาเสียแล้ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/1 ไม่เอาปลาแล้วเจ้าจะเอาอะไร

    มู่ซูซินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าลี่มี่ยังปลอดภัยดีไม่ได้ถูกเฟิ่งเสวียนจีจัดการอย่างที่เคยขู่นางไว้ เพียงแต่ข้องใจว่าไฉนลี่มี่ถึงได้ยอมให้คนตัวโต แอบมานอนบนเตียงแทนที่มันได้อย่างง่ายดาย ดวงตาคู่สวยมองมายังร่างแกร่งที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นอนยิ้มกริ่มหน้าตาสดใสประหนึ่งได้นอนหลับสนิทแปดชั่วโมงขั้นต่ำ “ชายารักมองสามีจริงจังแบบนี้ กำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่รึเปล่า” พูดจบก็ขยับนอนตะแคงพิงแขน สาบเสื้อนอนเจ้ากรรมแหวกออกจนเห็นแผ่นอกแกร่งกับหน้าท้องเป็นลอนขาวจั๊วะยั่วยวนสายตาคนมองแต่เช้า “…” มู่ซูซิน เรียกแทนตัวเองว่าสามีด้วย กรี๊ดดด อารมณ์ไหนแต่เช้าเนี่ย ตามไม่ทันโว้ย!! พร้อมกับลอบกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ “ท่านอ๋อง เหตุใดถึงมานอนที่นี่ได้เพคะ ทรงเมาแล้วเดินละเมอมาหรือ” รีบเอาข้อเรื่องเมาขึ้นมาดักคอ นางอยากรู้นักว่าเขาจะแก้ตัวยังไง “ฟูกที่เรือนนี้นอนสบายกว่าฟูกที่เรือนของเปิ่นหวาง” ง่ายๆได้ใจความ แต่ทำคนฟังหน้าเหวอไปอีกรอบ รับสั่งจบก็ลุกออกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าล้างตา ปล่อยให้มู่ซูซินนั่งอ้าปากค้างมองตามแผ่นหลังกว้างตาแป๋ว พูดอะไรไม่ออกไปโดยปริยาย พฤติกรรมของมนุษย์ทั้งสองสร้างความขบ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/2

    
 แผนการมาดักรอพบฉีอ๋องในวันนี้นับว่าไม่สูญเปล่า นอกจากฝ่ายชายจะยอมให้นางอาศัยรถม้า เขายังทิ้งพระชายาที่เพิ่งอภิเษกได้เพียงไม่กี่วันให้กลับตำหนักเว่ยจงไปคนเดียว แล้วเลือกมากินมื้อเย็นกับนางที่นี่แทน ฉู่ฟางอิ๋งรู้สึกราวกับตนเป็นผู้ชนะ “คุณหนูฉู่อิ่มแล้วหรือ เปิ่นหวางเห็นเจ้ากินไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ไม่กินอีกสักหน่อยเล่า เจ้าดูเหมือนซูบผอมไปนะ” เขาพูดไปตามที่เห็นเมื่อเดือนก่อนนางยังดูมีเนื้อหนังมากกว่านี้ ภายในใจของฉู่ฟางอิ๋งลิงโลด แผนอดข้าวอดน้ำมาระยะหนึ่ง จนทำให้ร่างกายซูบผอมลงเหมือนคนตรอมใจถือว่าไม่เหนื่อยเปล่า ฉีอ๋องสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้จริงๆ “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงห่วงใย อิงเอ๋อร์อิ่มแล้วเพคะ คงเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก” “เจ้าซูบผอมแบบนี้ใต้เท้าฉู่ไม่เป็นห่วงแย่หรือ” ฉู่ฟางอิ๋งเม้มปาก สีหน้าเผยถึงความน้อยใจยามนึกถึงบิดา “ช่วงนี้ท่านพ่อถ้าไม่อยู่ที่ทำงาน ก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องหนังสือหลังกลับมาจากในวัง กระทั่งข้าวปลาก็ไม่ออกมากิน พ่อบ้านต้องยกไปให้ที่นั่น มีบางวันที่ออกไปกับพี่ใหญ่จนมืดค่ำถึงกลับจวน อิ๋งเอ๋อร์กับท่านแม่แทบจะไม่ได้เห็นหน้า

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/1 ลี่มี่เกลียดคนจำพวกนี้น่ะคุณหนูฉู่

    นอกจากรับสั่งถามมู่ซูซินเสียงลอดไรฟัน เฟิ่งเสวียนจียังเผลอปล่อยไอสังหารออกมาบางส่วน ทำหญิงสาวบอบบาง ผู้มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเป็นช่วงเวลาอย่างฉู่ฟางอิ๋งแทบหายใจไม่ออก ใบหน้างามเริ่มซีดเป็นไก่ต้มยกมือกุมหน้าอกคล้ายจะเป็นลม พระชายาฉีอ๋องผู้ใจกว้างดั่งมหาสมุทร รีบฉวยโอกาสเบี่ยงเบนความสนใจของสามีอารมณ์แปรปรวนอย่างแนบเนียน “ตายแล้ว คุณหนูฉู่ ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ล่ะ ท่านหน้ามืดอีกแล้วหรือ หานเย่! บอกให้สาวใช้ของคุณหนูฉู่เข้ามาด้านในหน่อย คุณหนูฉู่ตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอท่านอ๋องจนลมจับแน่ะ” “…” เฟิ่งเสวียนจี 0_0! ฉู่ฟางอิ๋ง หลังจากจิกกัดคู่สร้างคู่สมไปคนละคำ มู่ซูซินรีบกุลีกุจอหยิบยาดมสมุนไพรขึ้นมาจ่อจมูกตนเอง สูดกลิ่นเสียงดัง ฟื้ดดดด ไม่ส่งให้ฉู่ฟางอิ๋งทันที “ข้าดมให้ดูก่อนว่าไม่มีพิษ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ” เกิดมีคนตั้งใจใส่ร้ายว่าถูกพิษจากยาดมของนาง จะได้มีคำแก้ต่างรวมทั้งพยานตัวโตข้างๆมายืนยัน เสี่ยวจู สาวใช้ของฉู่ฟางอิ๋งก้าวเข้ามาด้านในรถม้าพอดี มู่ซูซินจึงส่งยาดมให้ “เอาให้คุณหนูของเจ้าดม อาการหน้ามืดจะได้ดีขึ้น” สาวใช้กล่าวขอบคุณพระชายาฉีอ๋อง รีบนั่งลงจ่อยาดมให้เจ้านายด้วยความเป็นห่ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/2

    ทุกคนในห้องหันขวับมองเฟิ่งเสวียนจีเป็นตาเดียว แม้แต่ลี่มี่ที่กำลังปล่อยให้หยางซื่อเกาพุงยังรีบลุกขึ้นมาจ้องชายหนุ่มด้วยอีกตัว มู่ซูซินเอียงหน้ามองเขาตาค้าง เพียงแค่ระยะเวลาสองสามวันฉีอ๋องทำนางตกตะลึง ประหลาดใจ แปลกใจ สติหลุดและอีกหลากหลายอารมณ์ไปไม่รู้จักกี่ครั้งแล้ว “ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?” ตำหนักก็ของเขาจะมาถามความเห็นนางทำไม “อืม มู่เหยียนเป็นน้องชายของพระชายา เปิ่นหวางจึงให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ” คนฟังแทบไม่เชื่อหูตนเอง ฉีอ๋องเพิ่งบอกว่าให้นางเป็นคนตัดสินใจ จริงดิ! อารมณ์สามีให้เกียรติภรรยาว่างั้น แต่ไม่ดีกว่า บุรุษตรงหน้ายิ่งหาความแน่นอนทางอารมณ์ไม่ได้ ขอกลับไปทำข้อตกลงกับเขาให้เรียบร้อยก่อน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของน้องชาย ตรองได้ดังนั้นมู่ซูซินจึงหันไปพูดกับมู่เหยียนแทน “เสี่ยวเหยียน พี่ใหญ่ขอกลับไปหารือกับท่านอ๋องก่อนนะ ได้คำตอบอย่างไรพี่ใหญ่จะส่งคนมาบอก” มู่เหยียนเป็นเด็กฉลาดรู้ความ เขาไม่งอแงเอาแต่ใจ หากพี่สาวขอหารือกับพี่เขยก่อนเขาก็ไม่มีปัญหา ผ่านไปพักหนึ่งเฟิ่งเสวียนจีจึงชวนชายากลับ มู่ซูซินร่ำลาครอบครัว รับลี่มี่มาจากอ้อมแขนของมู่เหยียน ที่เพิ่งก

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/1 ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?

    ลี่มี่ได้ยินเสียงในความคิดของเฟิ่งเสวียนจี มันเงยหน้าจ้องตามู่ซูซินคล้ายสื่อสารบางอย่าง หญิงสาวหน้าตาเลิ่กลั่ก ก้มกระซิบกับแมวของตน “เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือลี่มี่” เมี้ยว ลี่มี่ส่งเสียงหวานตอบรับ พร้อมหรี่ตามองนางทาสของมันด้วยสายตาจับผิด และนี่คือความลับอีกหนึ่งเรื่องของมู่ซูซิน ลี่มี่หาใช่แมวปกติ แต่เป็นแมวพิเศษที่ยมทูตมอบให้นางตอนอายุครบสิบปี หลังมื้อกลางวันที่จวนตระกูลมู่ พ่อตากับลูกเขยสูงศักดิ์ก็พากันไปเดินหมาก ร่วมกับการเสวนาเรื่องอาชากันอย่างถูกคอ ปล่อยให้มู่ซูซินได้ใช้เวลากับคนที่เหลือในครอบครัว องครักษ์สองหานลอบพยักหน้าให้กันอย่างโล่งอก ในชีวิตของฉีอ๋องนอกจากอาชาและการทำศึก…หมากล้อม อาหารและสุรารสเลิศ คือสิ่งที่ทรงโปรดปราน นับว่าคนตระกูลมู่มาถูกทางเลยทีเดียว ภายในเรือนส่วนตัวของหยางซื่อ เมื่อประตูของเรือนปิดลง ลี่อิ่ง ลี่เจิน รวมถึงองครักษ์ตระกูลหยาง หรือพูดให้ถูกว่าองครักษ์ของหอเหว่ยตี้ได้เข้าประจำที่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเข้าใกล้เรือน ขณะที่นายใหญ่และนายน้อยของหอเหว่ยตี้กำลังหารือเรื่องสำคัญ “ซินเอ๋อร์ เรื่องที่ลูกสงสัย คนของเราสืบมาได้ว่า พ่อลูกตระกูลฉู่แอบติด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status