Home / รักโบราณ / เพียงนางที่ข้าจะรัก / บทที่ 3/1 หม่อมฉันไม่ได้ทำสิ่งใดเลยจริงๆ

Share

บทที่ 3/1 หม่อมฉันไม่ได้ทำสิ่งใดเลยจริงๆ

last update Last Updated: 2025-10-05 21:57:57

“ลี่อิ่ง สัญญาข้อตกลงการแต่งงานที่ร่างไว้เอามารึเปล่า”

“อยู่นี่เจ้าค่ะ เอ้ย เพคะ” ลี่อิ่งดึงสมุดพับออกมาจากอกเสื้อยื่นให้เจ้านาย

“ไม่ต้องมากพิธี รอให้ข้ารอดตายพ้นคืนนี้ไปก่อนค่อยมาพูดเพคะ” มู่ซูซินแกล้งเย้าลี่อิ่ง ก่อนเปลี่ยนมากระซิบถามลี่เจินเสียงเบาราวยุงบินผ่าน “ลี่เจิน ยากระทิงเมามายพร้อม?”

“พร้อมเจ้าค่ะ เมื่อไหร่ที่ท่านอ๋องก้าวเข้ามาในห้อง รับรองว่าเสร็จแน่นอนเจ้าค่ะ คิกๆๆ” ลี่เจินหัวเราะคิกอย่างเจ้าเล่ห์ เรื่องสูตรยาเอาไว้ใช้กลั่นแกล้งคนนางถนัดนัก

“สมมุติว่าท่านอ๋องแข็งแกร่งยิ่งกว่ากระทิงแล้วไม่ยอมเมามาย เช่นนั้นจะทำอย่างไรเจ้าคะ” ลี่อิ่งเป็นคนรอบคอบจึงเอ่ยถามเพื่อป้องกันความผิดพลาด

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ข้าคงต้องจิ้มเข็มยาสลบใส่เขาแล้วล่ะ” มู่ซูซินเปิดเข็มเงินที่ซ่อนไว้ในสาบเสื้อให้สาวใช้ดู

(0;0!) สาวใช้สองลี่ คุณหนูของพวกนางพกเข็มยาสลบเข้าห้องหอเสียด้วย สมกับที่เป็นนายน้อยแห่งหอเหว่ยตี้ ไม่เคยลดการป้องกันตัวเองแม้แต่ก้าวเดียว!

ราวยามโหย่ว (17:00-18:59) เสียงฝีเท้าหนักดังขึ้นหน้าห้องหอ บานประตูถูกผลักออกอย่างไม่เบามือนัก ทว่าเจ้าบ่าวในชุดสีแดงสง่างาม ดวงพักตร์ยังคงเฉยชาไม่บ่งบอกอารมณ์ เขายืนตระหง่านอยู่หน้าประตูไม่ยอมก้าวเข้ามาเสียอย่างนั้น

สาวใช้ทั้งสองที่คอยอยู่เป็นเพื่อนเจ้าสาวรีบเดินออกไปจากห้องหออย่างรู้งาน วรกายสูงสง่าถึงได้ยอมก้าวเข้ามาด้านใน ตามมาด้วยเสียงปิดประตูด้วยฝีมือสาวใช้ของมู่ซูซิน

เฟิ่งเสวียนจีขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก ขยับขาเดินผ่านม่านไข่มุก กลิ่นหอมอ่อนโชยเข้าจมูก ขายาวก้าวมาหาชายาของตนอย่างไม่เร่งรีบ เมื่ออยู่ห่างจากนางราวหนึ่งจั้ง* สุรเสียงทุ้มต่ำเย็นชาถึงดังขึ้น

“เปิ่นหวางแต่งกับเจ้าตามพระบัญชาของฝ่าบาท เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังว่าเปิ่นหวางจะพิศวาสเข้าหอกับเจ้า พรุ่งนี้เช้าพ่อบ้านของตำหนักจะพาเจ้าไปยังเรือนที่จัดเตรียมไว้” รับสั่งเรียกแทนตนเองอย่างห่างเหินจบก็เตรียมหันหลังจากไป แต่ถูกเสียงหวานไพเราะรื่นหูของมู่ซูซินฉุดรั้งไว้เสียก่อน

“ท่านอ๋องจะไม่ทรงเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวตามธรรมเนียมเสียหน่อยหรือเพคะ หม่อมฉันทราบดีว่าทรงมิได้เต็มใจแต่งกับหม่อมฉัน และในทางกลับกันหม่อมฉันก็ไม่มีทางเลือก ทรงน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน ว่าหากขัดพระราชโองการของฝ่าบาทจะมีโทษเยี่ยงไร…

ขอทรงโปรดเมตตา อยู่เจรจาเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกันกับหม่อมสักหน่อยเถิดนะเพคะ หม่อมฉันสัญญาว่าจะไม่รบกวนเวลาของพระองค์นานนัก” น้ำเสียงอ่อนหวานเว้าวอนเจือสั่นเครือ เอื้อนเอ่ยอย่างน่าสงสาร หากเป็นบุรุษอื่นคงหันกลับมาหานางแล้ว…ทว่ามิใช่กับบุรุษตรงหน้า

เฟิ่งเสวียนจีหาได้สนใจคำวิงวอนของนาง ขยับขาเตรียมหันหลังจากไป ทว่าในฉับพลันนั้นร่างกายเกิดซวนเซมีอาการคล้ายคนมึนเมาสุรา สติสัมปชัญญะยังอยู่ถึงแปดเก้าส่วน เพียงแต่มิอาจควบคุมร่างกายให้ยืนหรือก้าวขาต่อไปได้อย่างมั่นคง

ร่างสูงจำต้องนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะอาหารกลางห้อง ซึ่งมีสุราอาหารมงคลจัดเตรียมรอไว้ เขาเอื้อมหยิบป้านน้ำชามารินดื่มด้วยตนเอง ถึงแม้จะดื่มชาไปหลายจอก ร่วมกับเดินพลังเพื่อขับไล่อาการมึนเมา แต่กลับมิช่วยให้รู้สึกดีขึ้น เขาเริ่มเอะใจ หยัดกายเดินซวนเซไปหาร่างบางบนเตียง สะบัดมือเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวอย่างหยาบกระด้าง ตั้งใจจะตะคอกถามด้วยความโกรธเกรี้ยว

ทว่าเมื่อได้ยลโฉมงามพิลาสราวไม่มีอยู่จริง กอปรกับดวงตากลมโตฉ่ำน้ำแวววาวน่าหลงใหล กลีบปากอวบอิ่มเผยอเล็กน้อยดูเย้ายวน

ภาพหญิงงามเบื้องหน้าทำเขาคอแห้งผากขึ้นมากะทันหัน ทั้งที่ตนเพิ่งดื่มชาไปหลายจอก สุ้มเสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปจึงมีเพียงคำว่า

“จะ…เจ้า เจ้า”

ดวงตากลมโตทรงเสน่ห์กะพริบปริบๆ ขนตายาวหนาเป็นแพกระพือขึ้นลงราวปีกผีเสื้อ นางจ้องเขาด้วยแววตาใสซื่อไร้พิษภัย ขยับลุกขึ้นยืนยอบกายแช่มช้อยให้สามี ก่อนเอ่ยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

“หม่อมฉัน มู่ซูซิน ปีนี้อายุสิบเจ็ด ถวายพระพรฉีอ๋องเพคะ” นางสงสัยว่าฉีอ๋องอาจจำชื่อนางไม่ได้ เลยต้องแนะนำตัวใหม่อีกรอบเพราะเห็นพูดแค่ เจ้า เจ้า

คนตัวโตจ้องร่างระหงเบื้องหน้าตาค้าง คำปรามาสที่ตั้งใจจะกล่าวก่อนหน้านี้เลือนหายไปจากความคิด คาดไม่ถึงว่านางจะมาไม้นี้

เขากับนางกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จสรรพตามประเพณีตามด้วยส่งตัวเข้าหอเรียบร้อย เพิ่งจะมาแนะนำตัวเนี่ยนะ! ให้ตายเถอะ! นี่นางล้มป่วยหลายหนจนสติฟั่นเฟือนไปแล้วหรืออย่างไร

ริมฝีปากหยักอ้าแล้วหุบอยู่หลายคราราวต้องการเอ่ยบางสิ่ง สุดท้ายกลับเปลี่ยนใจพลางขยับขาต้องการจากไป ทว่าร่างกายเกิดโงนเงนอีกครั้ง

“อ๊ะ ท่านอ๋องระวังเพคะ ทรงนั่งลงก่อนดีกว่าเพคะ” มู่ซูซินปรี่เข้ามาพยุงร่างสูงประคองเขาไปนั่งพักที่เตียงอย่างเกร็งๆ

ร่างสูงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ดวงเนตรคู่คมจดจ้องใบหน้างามด้วยสายตาไม่ไว้ใจ รับสั่งเรื่องที่คิดออกมาในที่สุด

“เจ้าวางยาเปิ่นหวาง?”

มู่ซูซินทำหน้าตื่นตกใจสุดชีวิตประหนึ่งผู้บริสุทธิ์ถูกใส่ความ แต่ถึงจะถูกเขาจับได้นางก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด แค่ทำให้เขาขาแข้งอ่อนออกไปจากห้องไม่ได้ หาใช่จะหมายชีวิตเสียหน่อย

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไรเพคะ! หากทรงเป็นอะไรขึ้นมาคนที่จะเดือดร้อนก็คือตัวของหม่อมฉันและครอบครัว แล้วหม่อมฉันมีเหตุผลใดที่จะหาเรื่องใส่ตัวให้ฝ่าบาทลงโทษประหารยกตระกูลเพคะ

อีกทั้งพวกเราไม่เคยมีความแค้นกันมาก่อน หากมิใช่เพราะสมรสพระราชทาน มีหรือคนต่ำต้อยอย่างหม่อมฉัน จะมีโอกาสมายืนต่อหน้าพระพักตร์ของท่านอ๋องในวันนี้ ขอทรงโปรดเมตตาเชื่อหม่อมฉันเถิดนะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ทำสิ่งใดเลยจริงๆ!”

สีหน้าของมู่ซูซินเหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ กลีบปากอิ่มสีแดงสดสั่นระริก น้ำตาคลอหน่วย ดวงหน้าหวานล้ำสลดหดหู่และแฝงการอ้อนวอนอยู่ในที

เฟิ่งเสวียนจีนั่งนิ่งไม่พูดจาอยู่ชั่วอึดใจ ตรึกตรองถึงข้ออ้างที่นางกล่าวมา นั่นสินะหากเขาเป็นอะไรขึ้นมาตระกูลมู่ได้ถูกประหารยกตระกูลแน่ บางทีเขาอาจระแวงมากเกินไป จากนั้นจึงเหยียดแผ่นหลังก่อนรับสั่งกับนางเสียงเข้ม

*******************

*จั้ง : หนึ่งจั้งเท่ากับ10 ฉื่อ หรือประมาณ 3.3 เมตร

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/2

    ในระหว่างที่มู่ซูซินเดินไปคอกม้า บ่าวรับใช้ก็กำลังยกฟูกที่นำมาจากเรือนอู่ถง เข้าไปเปลี่ยนในห้องนอนของฉีอ๋องอย่างระมัดระวัง ตามคำสั่งของเหวินกงกง เจ้าของตำหนักเองก็เพิ่งหารือกับกุนซือของตนเสร็จ ทั้งสองเดินไปยังเรือนของเฟิ่งเสวียนจี เพื่อรับมื้อกลางวันที่นั่น ได้ทันเห็นเหวินกงกงยืนคุมบ่าวชาย กำลังย้ายฟูกออกมาจากเรือนของตนพอดี วรกายสูงเดินแยกจากสหาย ตรงเข้าไปถามไถ่ด้วยความฉงน “เหวินกงกง ท่านกำลังทำอะไร ยกฟูกออกมาจากเรือนนอนของข้าทำไม” ครั้นได้ยินเสียงของนายเหนือหัว เหวินกงกงรีบหมุนตัวกลับมา จีบปากจีบคอรายงานด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรียนท่านอ๋อง พระชายาขอให้กระหม่อม นำฟูกที่เรือนอู่ถงมาเปลี่ยนให้ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ จะได้ทรงนอนหลับสบายยามค่ำคืน ไม่ต้องลำบากเสด็จไปอาศัยนอนที่เรือนอู่ถง” เฟิ่งเสวียนจีนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก คาดไม่ถึงว่ามู่ซูซินจะกล้าสั่งให้เหวินกงกงยกฟูกมาเปลี่ยนให้เขา พรืดด ซ่งเฉินซีได้ยินคำบอกเล่าของเหวินกงกงก็หลุดขำ ชี้พัดจีบในมือชี้ไปที่เฟิ่งเสวียนจีพร้อมทำหน้าตาล้อเลียน “กระหม่อมเพิ่งรู้ว่าที่แท้ท่านอ๋องเป็นคนนอนยาก ฮ่าๆๆ กระหม่อมชักอยากพบหน้าพระชายามู่ขึ้นมาเสียแล้ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/1 ไม่เอาปลาแล้วเจ้าจะเอาอะไร

    มู่ซูซินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าลี่มี่ยังปลอดภัยดีไม่ได้ถูกเฟิ่งเสวียนจีจัดการอย่างที่เคยขู่นางไว้ เพียงแต่ข้องใจว่าไฉนลี่มี่ถึงได้ยอมให้คนตัวโต แอบมานอนบนเตียงแทนที่มันได้อย่างง่ายดาย ดวงตาคู่สวยมองมายังร่างแกร่งที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นอนยิ้มกริ่มหน้าตาสดใสประหนึ่งได้นอนหลับสนิทแปดชั่วโมงขั้นต่ำ “ชายารักมองสามีจริงจังแบบนี้ กำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่รึเปล่า” พูดจบก็ขยับนอนตะแคงพิงแขน สาบเสื้อนอนเจ้ากรรมแหวกออกจนเห็นแผ่นอกแกร่งกับหน้าท้องเป็นลอนขาวจั๊วะยั่วยวนสายตาคนมองแต่เช้า “…” มู่ซูซิน เรียกแทนตัวเองว่าสามีด้วย กรี๊ดดด อารมณ์ไหนแต่เช้าเนี่ย ตามไม่ทันโว้ย!! พร้อมกับลอบกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ “ท่านอ๋อง เหตุใดถึงมานอนที่นี่ได้เพคะ ทรงเมาแล้วเดินละเมอมาหรือ” รีบเอาข้อเรื่องเมาขึ้นมาดักคอ นางอยากรู้นักว่าเขาจะแก้ตัวยังไง “ฟูกที่เรือนนี้นอนสบายกว่าฟูกที่เรือนของเปิ่นหวาง” ง่ายๆได้ใจความ แต่ทำคนฟังหน้าเหวอไปอีกรอบ รับสั่งจบก็ลุกออกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าล้างตา ปล่อยให้มู่ซูซินนั่งอ้าปากค้างมองตามแผ่นหลังกว้างตาแป๋ว พูดอะไรไม่ออกไปโดยปริยาย พฤติกรรมของมนุษย์ทั้งสองสร้างความขบ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/2

    
 แผนการมาดักรอพบฉีอ๋องในวันนี้นับว่าไม่สูญเปล่า นอกจากฝ่ายชายจะยอมให้นางอาศัยรถม้า เขายังทิ้งพระชายาที่เพิ่งอภิเษกได้เพียงไม่กี่วันให้กลับตำหนักเว่ยจงไปคนเดียว แล้วเลือกมากินมื้อเย็นกับนางที่นี่แทน ฉู่ฟางอิ๋งรู้สึกราวกับตนเป็นผู้ชนะ “คุณหนูฉู่อิ่มแล้วหรือ เปิ่นหวางเห็นเจ้ากินไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ไม่กินอีกสักหน่อยเล่า เจ้าดูเหมือนซูบผอมไปนะ” เขาพูดไปตามที่เห็นเมื่อเดือนก่อนนางยังดูมีเนื้อหนังมากกว่านี้ ภายในใจของฉู่ฟางอิ๋งลิงโลด แผนอดข้าวอดน้ำมาระยะหนึ่ง จนทำให้ร่างกายซูบผอมลงเหมือนคนตรอมใจถือว่าไม่เหนื่อยเปล่า ฉีอ๋องสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้จริงๆ “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงห่วงใย อิงเอ๋อร์อิ่มแล้วเพคะ คงเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก” “เจ้าซูบผอมแบบนี้ใต้เท้าฉู่ไม่เป็นห่วงแย่หรือ” ฉู่ฟางอิ๋งเม้มปาก สีหน้าเผยถึงความน้อยใจยามนึกถึงบิดา “ช่วงนี้ท่านพ่อถ้าไม่อยู่ที่ทำงาน ก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องหนังสือหลังกลับมาจากในวัง กระทั่งข้าวปลาก็ไม่ออกมากิน พ่อบ้านต้องยกไปให้ที่นั่น มีบางวันที่ออกไปกับพี่ใหญ่จนมืดค่ำถึงกลับจวน อิ๋งเอ๋อร์กับท่านแม่แทบจะไม่ได้เห็นหน้า

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/1 ลี่มี่เกลียดคนจำพวกนี้น่ะคุณหนูฉู่

    นอกจากรับสั่งถามมู่ซูซินเสียงลอดไรฟัน เฟิ่งเสวียนจียังเผลอปล่อยไอสังหารออกมาบางส่วน ทำหญิงสาวบอบบาง ผู้มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเป็นช่วงเวลาอย่างฉู่ฟางอิ๋งแทบหายใจไม่ออก ใบหน้างามเริ่มซีดเป็นไก่ต้มยกมือกุมหน้าอกคล้ายจะเป็นลม พระชายาฉีอ๋องผู้ใจกว้างดั่งมหาสมุทร รีบฉวยโอกาสเบี่ยงเบนความสนใจของสามีอารมณ์แปรปรวนอย่างแนบเนียน “ตายแล้ว คุณหนูฉู่ ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ล่ะ ท่านหน้ามืดอีกแล้วหรือ หานเย่! บอกให้สาวใช้ของคุณหนูฉู่เข้ามาด้านในหน่อย คุณหนูฉู่ตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอท่านอ๋องจนลมจับแน่ะ” “…” เฟิ่งเสวียนจี 0_0! ฉู่ฟางอิ๋ง หลังจากจิกกัดคู่สร้างคู่สมไปคนละคำ มู่ซูซินรีบกุลีกุจอหยิบยาดมสมุนไพรขึ้นมาจ่อจมูกตนเอง สูดกลิ่นเสียงดัง ฟื้ดดดด ไม่ส่งให้ฉู่ฟางอิ๋งทันที “ข้าดมให้ดูก่อนว่าไม่มีพิษ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ” เกิดมีคนตั้งใจใส่ร้ายว่าถูกพิษจากยาดมของนาง จะได้มีคำแก้ต่างรวมทั้งพยานตัวโตข้างๆมายืนยัน เสี่ยวจู สาวใช้ของฉู่ฟางอิ๋งก้าวเข้ามาด้านในรถม้าพอดี มู่ซูซินจึงส่งยาดมให้ “เอาให้คุณหนูของเจ้าดม อาการหน้ามืดจะได้ดีขึ้น” สาวใช้กล่าวขอบคุณพระชายาฉีอ๋อง รีบนั่งลงจ่อยาดมให้เจ้านายด้วยความเป็นห่ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/2

    ทุกคนในห้องหันขวับมองเฟิ่งเสวียนจีเป็นตาเดียว แม้แต่ลี่มี่ที่กำลังปล่อยให้หยางซื่อเกาพุงยังรีบลุกขึ้นมาจ้องชายหนุ่มด้วยอีกตัว มู่ซูซินเอียงหน้ามองเขาตาค้าง เพียงแค่ระยะเวลาสองสามวันฉีอ๋องทำนางตกตะลึง ประหลาดใจ แปลกใจ สติหลุดและอีกหลากหลายอารมณ์ไปไม่รู้จักกี่ครั้งแล้ว “ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?” ตำหนักก็ของเขาจะมาถามความเห็นนางทำไม “อืม มู่เหยียนเป็นน้องชายของพระชายา เปิ่นหวางจึงให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ” คนฟังแทบไม่เชื่อหูตนเอง ฉีอ๋องเพิ่งบอกว่าให้นางเป็นคนตัดสินใจ จริงดิ! อารมณ์สามีให้เกียรติภรรยาว่างั้น แต่ไม่ดีกว่า บุรุษตรงหน้ายิ่งหาความแน่นอนทางอารมณ์ไม่ได้ ขอกลับไปทำข้อตกลงกับเขาให้เรียบร้อยก่อน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของน้องชาย ตรองได้ดังนั้นมู่ซูซินจึงหันไปพูดกับมู่เหยียนแทน “เสี่ยวเหยียน พี่ใหญ่ขอกลับไปหารือกับท่านอ๋องก่อนนะ ได้คำตอบอย่างไรพี่ใหญ่จะส่งคนมาบอก” มู่เหยียนเป็นเด็กฉลาดรู้ความ เขาไม่งอแงเอาแต่ใจ หากพี่สาวขอหารือกับพี่เขยก่อนเขาก็ไม่มีปัญหา ผ่านไปพักหนึ่งเฟิ่งเสวียนจีจึงชวนชายากลับ มู่ซูซินร่ำลาครอบครัว รับลี่มี่มาจากอ้อมแขนของมู่เหยียน ที่เพิ่งก

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/1 ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?

    ลี่มี่ได้ยินเสียงในความคิดของเฟิ่งเสวียนจี มันเงยหน้าจ้องตามู่ซูซินคล้ายสื่อสารบางอย่าง หญิงสาวหน้าตาเลิ่กลั่ก ก้มกระซิบกับแมวของตน “เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือลี่มี่” เมี้ยว ลี่มี่ส่งเสียงหวานตอบรับ พร้อมหรี่ตามองนางทาสของมันด้วยสายตาจับผิด และนี่คือความลับอีกหนึ่งเรื่องของมู่ซูซิน ลี่มี่หาใช่แมวปกติ แต่เป็นแมวพิเศษที่ยมทูตมอบให้นางตอนอายุครบสิบปี หลังมื้อกลางวันที่จวนตระกูลมู่ พ่อตากับลูกเขยสูงศักดิ์ก็พากันไปเดินหมาก ร่วมกับการเสวนาเรื่องอาชากันอย่างถูกคอ ปล่อยให้มู่ซูซินได้ใช้เวลากับคนที่เหลือในครอบครัว องครักษ์สองหานลอบพยักหน้าให้กันอย่างโล่งอก ในชีวิตของฉีอ๋องนอกจากอาชาและการทำศึก…หมากล้อม อาหารและสุรารสเลิศ คือสิ่งที่ทรงโปรดปราน นับว่าคนตระกูลมู่มาถูกทางเลยทีเดียว ภายในเรือนส่วนตัวของหยางซื่อ เมื่อประตูของเรือนปิดลง ลี่อิ่ง ลี่เจิน รวมถึงองครักษ์ตระกูลหยาง หรือพูดให้ถูกว่าองครักษ์ของหอเหว่ยตี้ได้เข้าประจำที่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเข้าใกล้เรือน ขณะที่นายใหญ่และนายน้อยของหอเหว่ยตี้กำลังหารือเรื่องสำคัญ “ซินเอ๋อร์ เรื่องที่ลูกสงสัย คนของเราสืบมาได้ว่า พ่อลูกตระกูลฉู่แอบติด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status