Beranda / รักโบราณ / เพียงนางที่ข้าจะรัก / บทที่ 3 หม่อมฉันไม่ได้ทำสิ่งใดเลยจริงๆ ตอนต้น

Share

บทที่ 3 หม่อมฉันไม่ได้ทำสิ่งใดเลยจริงๆ ตอนต้น

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-05 21:57:57

“ลี่อิ่ง สัญญาข้อตกลงการแต่งงานที่ร่างไว้เอามารึเปล่า”

“อยู่นี่เจ้าค่ะ เอ้ย เพคะ” ลี่อิ่งดึงสมุดพับออกมาจากอกเสื้อยื่นให้เจ้านาย

“ไม่ต้องมากพิธี รอให้ข้ารอดตายพ้นคืนนี้ไปก่อนค่อยมาพูดเพคะ” มู่ซูซินแกล้งเย้าลี่อิ่ง ก่อนเปลี่ยนมากระซิบถามลี่เจินเสียงเบาราวยุงบินผ่าน “ลี่เจิน ยากระทิงเมามายพร้อม?”

“พร้อมเจ้าค่ะ เมื่อไหร่ที่ท่านอ๋องก้าวเข้ามาในห้อง รับรองว่าเสร็จแน่นอนเจ้าค่ะ คิกๆๆ” ลี่เจินหัวเราะคิกอย่างเจ้าเล่ห์ เรื่องสูตรยาเอาไว้ใช้กลั่นแกล้งคนนางถนัดนัก

“สมมุติว่าท่านอ๋องแข็งแกร่งยิ่งกว่ากระทิงแล้วไม่ยอมเมามาย เช่นนั้นจะทำอย่างไรเจ้าคะ” ลี่อิ่งเป็นคนรอบคอบจึงเอ่ยถามเพื่อป้องกันความผิดพลาด

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ข้าคงต้องจิ้มเข็มยาสลบใส่เขาแล้วล่ะ” มู่ซูซินเปิดเข็มเงินที่ซ่อนไว้ในสาบเสื้อให้สาวใช้ดู

(0;0!) สาวใช้สองลี่ คุณหนูของพวกนางพกเข็มยาสลบเข้าห้องหอเสียด้วย สมกับที่เป็นนายน้อยแห่งหอเหว่ยตี้ ไม่เคยลดการป้องกันตัวเองแม้แต่ก้าวเดียว!

ราวยามโหย่ว (17:00-18:59) เสียงฝีเท้าหนักดังขึ้นหน้าห้องหอ บานประตูถูกผลักออกอย่างไม่เบามือนัก ทว่าเจ้าบ่าวในชุดสีแดงสง่างาม ดวงพักตร์ยังคงเฉยชาไม่บ่งบอกอารมณ์ เขายืนตระหง่านอยู่หน้าประตูไม่ยอมก้าวเข้ามาเสียอย่างนั้น

สาวใช้ทั้งสองที่คอยอยู่เป็นเพื่อนเจ้าสาวรีบเดินออกไปจากห้องหออย่างรู้งาน วรกายสูงสง่าถึงได้ยอมก้าวเข้ามาด้านใน ตามมาด้วยเสียงปิดประตูด้วยฝีมือสาวใช้ของมู่ซูซิน

เฟิ่งเสวียนจีขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก ขยับขาเดินผ่านม่านไข่มุก กลิ่นหอมอ่อนโชยเข้าจมูก ขายาวก้าวมาหาชายาของตนอย่างไม่เร่งรีบ เมื่ออยู่ห่างจากนางราวหนึ่งจั้ง* สุรเสียงทุ้มต่ำเย็นชาถึงดังขึ้น

“เปิ่นหวางแต่งกับเจ้าตามพระบัญชาของฝ่าบาท เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังว่าเปิ่นหวางจะพิศวาสเข้าหอกับเจ้า พรุ่งนี้เช้าพ่อบ้านของตำหนักจะพาเจ้าไปยังเรือนที่จัดเตรียมไว้” รับสั่งเรียกแทนตนเองอย่างห่างเหินจบก็เตรียมหันหลังจากไป แต่ถูกเสียงหวานไพเราะรื่นหูของมู่ซูซินฉุดรั้งไว้เสียก่อน

“ท่านอ๋องจะไม่ทรงเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวตามธรรมเนียมเสียหน่อยหรือเพคะ หม่อมฉันทราบดีว่าทรงมิได้เต็มใจแต่งกับหม่อมฉัน และในทางกลับกันหม่อมฉันก็ไม่มีทางเลือก ทรงน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน ว่าหากขัดพระราชโองการของฝ่าบาทจะมีโทษเยี่ยงไร…

ขอทรงโปรดเมตตา อยู่เจรจาเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกันกับหม่อมสักหน่อยเถิดนะเพคะ หม่อมฉันสัญญาว่าจะไม่รบกวนเวลาของพระองค์นานนัก” น้ำเสียงอ่อนหวานเว้าวอนเจือสั่นเครือ เอื้อนเอ่ยอย่างน่าสงสาร หากเป็นบุรุษอื่นคงหันกลับมาหานางแล้ว…ทว่ามิใช่กับบุรุษตรงหน้า

เฟิ่งเสวียนจีหาได้สนใจคำวิงวอนของนาง ขยับขาเตรียมหันหลังจากไป ทว่าในฉับพลันนั้นร่างกายเกิดซวนเซมีอาการคล้ายคนมึนเมาสุรา สติสัมปชัญญะยังอยู่ถึงแปดเก้าส่วน เพียงแต่มิอาจควบคุมร่างกายให้ยืนหรือก้าวขาต่อไปได้อย่างมั่นคง

ร่างสูงจำต้องนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะอาหารกลางห้อง ซึ่งมีสุราอาหารมงคลจัดเตรียมรอไว้ เขาเอื้อมหยิบป้านน้ำชามารินดื่มด้วยตนเอง ถึงแม้จะดื่มชาไปหลายจอก ร่วมกับเดินพลังเพื่อขับไล่อาการมึนเมา แต่กลับมิช่วยให้รู้สึกดีขึ้น เขาเริ่มเอะใจ หยัดกายเดินซวนเซไปหาร่างบางบนเตียง สะบัดมือเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวอย่างหยาบกระด้าง ตั้งใจจะตะคอกถามด้วยความโกรธเกรี้ยว

ทว่าเมื่อได้ยลโฉมงามพิลาสราวไม่มีอยู่จริง กอปรกับดวงตากลมโตฉ่ำน้ำแวววาวน่าหลงใหล กลีบปากอวบอิ่มเผยอเล็กน้อยดูเย้ายวน

ภาพหญิงงามเบื้องหน้าทำเขาคอแห้งผากขึ้นมากะทันหัน ทั้งที่ตนเพิ่งดื่มชาไปหลายจอก สุ้มเสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปจึงมีเพียงคำว่า

“จะ…เจ้า เจ้า”

ดวงตากลมโตทรงเสน่ห์กะพริบปริบๆ ขนตายาวหนาเป็นแพกระพือขึ้นลงราวปีกผีเสื้อ นางจ้องเขาด้วยแววตาใสซื่อไร้พิษภัย ขยับลุกขึ้นยืนยอบกายแช่มช้อยให้สามี ก่อนเอ่ยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

“หม่อมฉัน มู่ซูซิน ปีนี้อายุสิบเจ็ด ถวายพระพรฉีอ๋องเพคะ” นางสงสัยว่าฉีอ๋องอาจจำชื่อนางไม่ได้ เลยต้องแนะนำตัวใหม่อีกรอบเพราะเห็นพูดแค่ เจ้า เจ้า

คนตัวโตจ้องร่างระหงเบื้องหน้าตาค้าง คำปรามาสที่ตั้งใจจะกล่าวก่อนหน้านี้เลือนหายไปจากความคิด คาดไม่ถึงว่านางจะมาไม้นี้

เขากับนางกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จสรรพตามประเพณีตามด้วยส่งตัวเข้าหอเรียบร้อย เพิ่งจะมาแนะนำตัวเนี่ยนะ! ให้ตายเถอะ! นี่นางล้มป่วยหลายหนจนสติฟั่นเฟือนไปแล้วหรืออย่างไร

ริมฝีปากหยักอ้าแล้วหุบอยู่หลายคราราวต้องการเอ่ยบางสิ่ง สุดท้ายกลับเปลี่ยนใจพลางขยับขาต้องการจากไป ทว่าร่างกายเกิดโงนเงนอีกครั้ง

“อ๊ะ ท่านอ๋องระวังเพคะ ทรงนั่งลงก่อนดีกว่าเพคะ” มู่ซูซินปรี่เข้ามาพยุงร่างสูงประคองเขาไปนั่งพักที่เตียงอย่างเกร็งๆ

ร่างสูงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ดวงเนตรคู่คมจดจ้องใบหน้างามด้วยสายตาไม่ไว้ใจ รับสั่งเรื่องที่คิดออกมาในที่สุด

“เจ้าวางยาเปิ่นหวาง?”

มู่ซูซินทำหน้าตื่นตกใจสุดชีวิตประหนึ่งผู้บริสุทธิ์ถูกใส่ความ แต่ถึงจะถูกเขาจับได้นางก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด แค่ทำให้เขาขาแข้งอ่อนออกไปจากห้องไม่ได้ หาใช่จะหมายชีวิตเสียหน่อย

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไรเพคะ! หากทรงเป็นอะไรขึ้นมาคนที่จะเดือดร้อนก็คือตัวของหม่อมฉันและครอบครัว แล้วหม่อมฉันมีเหตุผลใดที่จะหาเรื่องใส่ตัวให้ฝ่าบาทลงโทษประหารยกตระกูลเพคะ

อีกทั้งพวกเราไม่เคยมีความแค้นกันมาก่อน หากมิใช่เพราะสมรสพระราชทาน มีหรือคนต่ำต้อยอย่างหม่อมฉัน จะมีโอกาสมายืนต่อหน้าพระพักตร์ของท่านอ๋องในวันนี้ ขอทรงโปรดเมตตาเชื่อหม่อมฉันเถิดนะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ทำสิ่งใดเลยจริงๆ!”

สีหน้าของมู่ซูซินเหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ กลีบปากอิ่มสีแดงสดสั่นระริก น้ำตาคลอหน่วย ดวงหน้าหวานล้ำสลดหดหู่และแฝงการอ้อนวอนอยู่ในที

เฟิ่งเสวียนจีนั่งนิ่งไม่พูดจาอยู่ชั่วอึดใจ ตรึกตรองถึงข้ออ้างที่นางกล่าวมา นั่นสินะหากเขาเป็นอะไรขึ้นมาตระกูลมู่ได้ถูกประหารยกตระกูลแน่ บางทีเขาอาจระแวงมากเกินไป จากนั้นจึงเหยียดแผ่นหลังก่อนรับสั่งกับนางเสียงเข้ม

*******************

*จั้ง : หนึ่งจั้งเท่ากับ10 ฉื่อ หรือประมาณ 3.3 เมตร

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~4

    เย่เฟิงคล้ายเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง รีบพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ ผู้ช่วยแม่ครัวจึงคลายมือออก ปล่อยให้ชายหนุ่มเริ่มนวดแป้งด้วยตนเอง ในขณะที่มือก็กำลังนวดแป้ง ในหัวก็จินตนาการไปว่า ตนกำลังนวดต้นขานุ่มๆของลี่เจินไปด้วย และอาจเป็นเพราะตั้งใจมากไปนิดเลยเผลอคิดดังไปหน่อย ”ขาของเจ้าช่างนุ่มนวลเหลือเกินเจินเอ๋อร์“ ”…“ ทั้งแม่ครัวและผู้ช่วยคิ้วกระตุกยิกๆ พ่อหนุ่มองครักษ์กำลังสิ่งใดอยู่กันแน่!!! จากแป้งสีขาวนวลเวลานี้กลายเป็นก้อนแป้งสีชมพูเข้ม เพราะชายหนุ่มใส่ผงกุหลาบหนักมือไปนิด แต่ไม่เป็นไรแม่ครัวบอกกับเขาอย่างนั้น คราวหน้าค่อยลดปริมาณลง ถึงตอนนี้ แป้งพร้อม ไส้พร้อม ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนการห่อก่อนกดใส่พิมพ์ขนม ผู้ช่วยแสดงวิธีนวดแป้งทั้งสองสีให้กลายเป็นก้อนเดียว รวมไปถึงวิธีแผ่แป้งและห่อไส้ ก่อนนำไปกดใส่พิมพ์ขนมบัวหิมะ “น่ากินมากเลยขอรับ” เอ่ยชื่นชมจบก็ลงมือทำเองบ้าง เพียงแต่… “ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้เนี่ย! ทำไมข้าห่อแล้วแป้งถึงแตกไส้ทะลัก ไม่เห็นเรียบเนียนเหมือนของท่านป้าเลย” “…” ผู้ช่วยแม่ครัว ข้าควรเวทนาคนหรือสงสารขนมดีเนี่ย “แรกก็เป็นแบบนี้แหละ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชำนาญขึ้

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~3

    ไม่ใช่เพียงแค่หานจิ้งที่เดินหน้าเกี้ยวพานลี่อิ่งอย่างเปิดเผย แม้แต่องครักษ์เงาขั้นหนึ่งอย่างเย่เฟิง ก็ขอฉีอ๋องย้ายตำแหน่งงานมาเป็นองครักษ์ขั้นหนึ่งของพระชายามู่ซูซินแทน เหตุผลหลักคือเขาทำงานให้พระชายาจนคุ้นเคยไปแล้ว ส่วนเหตุผลรองคือหัวใจของเขาเฝ้าติดตามลี่เจินไปแล้วนั่นเอง เรียกกลับมาเท่าไหร่หัวใจเจ้ากรรมก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เย่เฟิงเลยตั้งปณิธานว่า เขาจะไม่ยอมแพ้องครักษ์รุ่นน้องอย่างหานจิ้งเด็ดขาด ชีวิตนี้เขาต้องได้แต่งลี่เจินเป็นภรรยาผูกผม! หากทำไม่ได้ก่อนอายุสามสิบ เย่เฟิงจะไปออกบวชมันให้มันรู้แล้วรู้รอด! ครัวหลักของตำหนักเว่ยจง แม่ครัวฝ่ายขนมหวานมุมปากกระตุกยิกๆ ขณะยืนมององครักษ์ของพระชายากวนแป้งทำขนมบัวหิมะกุหลาบ “เอ่อ ท่านองครักษ์เจ้าคะ กวนแป้งไม่ต้องออกแรงขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ค่อยๆทำไป ท่านเล่นกวนแรงและเร็วแบบนี้ แป้งมันก็กระเด็นออกจากกระทะหมดสิเจ้าคะ แล้วจะเหลือให้กินไหมเนี่ย! โอย ข้าจะเป็นลม” พูดจบก็ยกยาดมขึ้นมาสูดเข้าปอดดัง ฟื้ด... บรรดาสาวใช้ในโรงครัวยกมือป้องปากหัวเราะคิกคักด้วยความเอ็นดูในตัวเย่เฟิง คาดไม่ถึงว่าองครักษ์หน้าเข้มผู้นี้ จะยอมลงทุนมาเรียน

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~2

    กร๊ากกกก เสียงหลุดขำของหานเย่ลอยมาตามลม องครักษ์หนุ่มนึกภาพยวนยางบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่สหายรักนั่งปักมาทั้งคืน ซึ่งมองอย่างไรก็เหมือนลูกเจี๊ยบหัวโตผิดขนาดสองตัวหันหน้าแยกเขี้ยวใส่กัน หานจิ้งสูดหายใจยาวอยากตามไปบีบคอสหายรักใจแทบขาด แต่พอนึกถึงภาพปักบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเขาก็มิอาจถือโทษที่หานเย่หลุดขำออกมา เหวินกงกงพอมีฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อยอยู่บ้าง เดินมาขอดูผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าว พอได้เห็นสภาพก็ถึงกับหน้ากระตุก ไม่เพียงแค่ลายปักจะอดสู แต่การมีหยดเลือดติดเป็นหย่อมๆนี่มันคืออะไร?! โอย ขันทีอย่างเขาหมดคำจะกล่าว ”เดี๋ยวตอนบ่ายเจ้าไปหาข้าที่เรือน ข้าจะช่วยแนะนำวิธีปักผ้าที่เริ่มจากลายง่ายๆไปก่อน ว่าแต่ลายนี้คือ เอ่อ เจ้าปักลายอะไรรึอาจิ้ง” เขามองไม่ออกจริงๆ “ลายยวนยางขอรับท่านกงกง” หานจิ้งตอบกลับมาเสียงอ่อย “…” เหวินกงกง เวรกรรมที่แท้คือยวนยางหรอกรึ ทีแรกนึกว่าปีศาจลูกเจี๊ยบ เหวินกงกงรู้สึกผิดขึ้นมาจับจิตที่มองลายบนผ้าเช็ดหน้าผิดไปมาก เลยยกมือตบบ่าหานจิ้งเบาๆเป็นการปลอบใจ ‘ข้าขอโทษนะอาจิ้งที่เข้าใจผิด’ หลังกินข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อย หานจิ้งก็ตามไปที่เรือนขอ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~1

    ตำหนักเว่ยจง หลังผ่านเหตุการณ์สำคัญเรื่องกบฏเยี่ยนอ๋องมาได้ เจ้าของตำหนักก็เลิกปิดกั้นความรู้สึกตัวเองและหันมาสนทนากับคนรอบตัวมากขึ้น กระทั่งเอ่ยปากถามไถ่ความเป็นอยู่ของบ่าวไพร่ในตำหนักด้วยตนเอง ทั้งที่เมื่อก่อนฉีอ๋องไม่เคยสนใจเรื่องบ่าวไพร่ในตำหนักเลยสักนิด ปล่อยให้เหวินกงกงดูแลจัดการธุระในส่วนนี้แทน จนเมื่อพระชายามู่ซูซินถามสามีว่า เขาทราบหรือไม่ว่าบ่าวไพร่ในตำหนักมีกี่คน “…” เฟิ่งเสวียนจี นั่นสินะเขาไม่เคยนับจริงๆด้วย หลายวันต่อมา บ่าวไพร่ของแต่ละเรือนแต่ละฝ่าย ได้ถูกเรียกมาพบเพื่อแนะนำตัวกับฉีอ๋องอย่างเป็นทางการ เจ้าของตำหนักถึงประจักษ์ว่า เขามีบ่าวไพร่ทั้งหมดเกือบร้อยชีวิตทำงานอยู่ในตำหนักเว่ยจง!! ทั้งที่จำนวนคนก็มากขนาดนี้ แต่เหตุไฉนตำหนักของเขาถึงได้ดูวังเวงนัก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ นั่นเป็นเพราะเจ้าตัวลืมไปว่า ตำหนักของตนกว้างใหญ่ขนาดไหน อันที่จริงสมควรมีบ่าวไพร่มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเหวินกงกงรู้ใจนายเหนือหัว เรื่องที่ไม่ชอบให้มีคนวุ่นวายในตำหนักมากจนเกินไป ถึงได้จ้างบ่าวไพร่ในจำนวนเท่าที่จำเป็น ไม่ได้จ้างไว้ประดับบารมีเหมือนเชื้อพระวงศ์ตำหนักอื่นๆ ที่ค

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนปลาย

    เมืองตงเฉิง จวนเจ้าเมือง เรือนไฉอวี้ ค่ำคืนเดียวกันกับที่ฉีอ๋องฝันถึงงูขาวตัวหอม หญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงามราวปีศาจจิ้งจอกจำแลง วางตำราสมุนไพรในมือลงก่อนขยับตัวไปดับตะเกียงข้างหัวเตียงเพื่อเข้านอน “ราตรีสวัสดิ์ลี่มี่ ขอให้นอนหลับฝันดีนะ” เสียงหวานบอกแมวสาวตัวอวบในอ้อมกอดจูบเหม่งมันไปหนึ่งที จากนั้นจึงหลับตาลง เมี้ยว… “ฝันดีซินเอ๋อร์ “ ลี่มี่แลบลิ้นเลียแก้มใสของนางทาสไปหนึ่งทีเพื่อเป็นการแสดงความรัก ผ่านไปไม่นานจังหวะหายใจของมู่ซูซินก็สม่ำเสมอ แสดงถึงว่านางเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ลี่มี่ลืมตาโพลงในความมืด ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาว เดินไปนั่งบนกรอบหน้าต่างเงยหน้ามองดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ “หิวจัง อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม พรุ่งนี้ขอให้ซินเอ๋อร์ทำให้กินดีกว่า” ในขณะที่ลี่มี่กำลังนึกถึงขนมไหว้พระจันทร์อยู่นั้น มู่ซูซินก็กำลังเข้าสู่ห้วงฝันอันแปลกประหลาด นางกำลังยืนอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ เหมือนที่เคยไปเที่ยวมาเมื่อชาติที่แล้ว บนท้องฟ้าสีครามสดใส ก้อนเมฆสีขาวปุกปุยรูปร่างมองไปแล้วเหมือนหัวใจดวงเล็กๆ ลอยเต็มท้องฟ้า แสงแดดอบอุ่นอาบไล้ผิวขาวเนียนละออของนาง มู่

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนต้น

    แดนเหนือ ค่ายพยัคฆ์อหังการ ในที่สุดการต่อสู้อันยาวนานระหว่างแคว้นต้าเฟิ่ง กับชนเผ่านอกด่านทั้งหมดของแดนเหนือได้สิ้นสุดลง ความเสียหายที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญ หนักหนาสาหัสไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทว่าผู้ที่กำชัยชนะในสงครามใหญ่ครั้งนี้คือแคว้นต้าเฟิ่ง ซึ่งมีฉีอ๋อง เฟิ่งเสวียนจีเป็นผู้นำทัพ หลังเสร็จศึกได้ครึ่งเดือน ในขณะที่ฉีอ๋องกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในกระโจมบัญชาการ ของค่ายพยัคฆ์อหังการในคืนพระจันทร์เต็มดวง จู่ๆ บรรยากาศโดยรอบพลันหยุดนิ่ง เฟิ่งเสวียนจีคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชากอย่างแรง จากที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในยามค่ำคืน บัดนี้ตัวเขายืนอยู่กลางทุ่งสมุนไพรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสะอาดสดใส มีปุยเมฆสีขาวลอยอยู่ประปราย แสงแดดสีทองอบอุ่นโลมไล้ผิวกาย กลิ่นหอมเย็นสดชื่นเฉพาะตัวของสมุนไพร ช่วยให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรือนกายสูงหันมองไปรอบๆ สายตาก็ประสบเข้ากับต้นอู๋ถงต้นใหญ่ บริเวณใต้ต้นมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ ร่างสูงตัดสินใจเดินไปที่นั่นหย่อนตัวลงบนแคร่ ตั้งใจว่าจะนอนเล่นที่นี่สักพักเพื่อซึมซับความรู้สึกอันแสนจะรื่นรมย์นี้ เขาใช้แขนของตนแทนหมอน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status