Home / รักโบราณ / เพียงนางที่ข้าจะรัก / บทที่ 3 หม่อมฉันไม่ได้ทำสิ่งใดเลยจริงๆ ตอนปลาย

Share

บทที่ 3 หม่อมฉันไม่ได้ทำสิ่งใดเลยจริงๆ ตอนปลาย

last update Huling Na-update: 2025-10-05 21:58:07

“ได้ เปิ่นหวางจะลองเชื่อเจ้าดูสักครั้ง แต่ถ้าจับได้ว่าเจ้ากล้าวางยาเปิ่นหวางล่ะก็ ถึงตอนนั้นก็อย่าหาว่าเปิ่นหวางอำมหิต!” น้ำเสียงในท้ายประโยคเหี้ยมเกรียมไร้ซึ่งความปราณี

ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความหวาดกลัว รีบปฏิเสธน้ำเสียงหนักแน่น

“หม่อมฉันมิกล้าทำเช่นนั้นแน่นอนเพคะ ขอท่านอ๋องทรงวางพระทัย” นางไม่ได้โกหกจริงๆนะ

คนที่วางยาเขาไม่ใช่นาง แต่เป็นลี่เจิน อีกทั้งยากระทิงเมามายมิใช่ยาพิษอยู่ในร่างกายเพียงครึ่งชั่วยามก็จะสลายไปเอง ตรวจไปก็ไม่มีทางพบ แถมฝีมือการวางยาของลี่เจินก็ไม่ใช่ง่อยๆ ท่านตาของนางสั่งสอนมากับมือเชียวนะ

ดวงพักตร์หล่อเหลาพิศมองชายาพระราชทานของตนด้วยสายตาอ่านยากครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเปล่งเสียงรับสั่งถามถึงเรื่องที่นางเกริ่นไว้ก่อนหน้านี้

“ที่เจ้าบอกต้องการเจรจากับเปิ่นหวางเรื่องการใช้ชีวิตในตำหนักนี้ ไหนลองว่ามาซิ”

เรือนร่างอรชรในชุดเจ้าสาวสีแดงงดงาม ที่กำลังยืนก้มหน้าอย่างเจียมตัว รีบเงยขึ้นด้วยความกระตือรือร้น ก้าวขาเดินไปที่ปลายเตียง หยิบสมุดพับขึ้นมาจากข้างเสาของเตียงและยื่นให้เขาด้วยสองมือ

“ท่านอ๋องจะทรงเมตตาซินเอ๋อร์ ช่วยอ่านข้อความในนี้สักเล็กน้อยจะได้หรือไม่เพคะ”

ในนั้นคือข้อตกลงที่นางร่างไว้ มุมล่างซ้ายมือคือชื่อและลายนิ้วของนาง เฟิ่งเสวียนจีคิ้วกระตุกเมื่อได้อ่านข้อตกลงในสัญญาการแต่งงาน สตรีตรงหน้าเป็นใครถึงคิดว่าเขาจะยอมให้ความร่วมมือ

“เฮอะ! เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางเป็นคนใจดีมีเมตตา จนยอมทำตามคำขอ ปล่อยให้เจ้าเสวยสุขอยู่ในตำหนักแห่งนี้เป็นเวลาครึ่งปีเชียวรึ มู่ซูซิน” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเยียบเย็นกึ่งข่มขู่

คนตัวเล็กหลุบตาต่ำ บีบมือตัวเองแน่นเปลี่ยนไปนั่งพับเพียบบนพื้น ขยับปากสีแดงสดต่อรองกับคนตัวโตด้วยท่าทางบอบบางราวกับจะแตกหักได้ทุกเมื่อ

“ท่านอ๋องโปรดคิดเสียว่า เลี้ยงซินเอ๋อร์ไว้ดูเล่นหรือเอ็นดูแบบน้องสาวก็ได้นี่เพคะ ซินเอ๋อร์กินไม่เยอะรับรองว่าไม่เปลืองแน่นอน นอกจากนี้ยังทำอาหารเป็นและอร่อยด้วยนะเพคะ

ถ้าท่านอ๋องไม่เชื่อ พรุ่งนี้ให้ซินเอ๋อร์ทำอาหารมาให้ลองเสวยดีไหมเพคะ นอกจากทำอาหารอร่อยแล้ว ซินเอ๋อร์ยังดูแลม้าก็เก่งมากเลยนะเพคะ” นางรีบบรรยายสรรพคุณความดีของตนให้เขาฟังเสียงเจื้อยแจ้ว พร้อมคลี่รอยยิ้มประจบประแจงร่วมไปด้วย

ประโยคที่ว่า ‘ดูแลม้าเก่ง’ ดึงความสนใจของเฟิ่งเสวียนจีได้จริงๆ

เขารู้มาจากอาเต๋อว่า ในจวนเจ้าเมืองตงเฉิงมีคอกม้า ที่นั่นมีแม่พันธุ์ม้าเหงื่อโลหิตสวยมากตัวหนึ่ง ส่วนม้าตัวอื่นๆ ก็แข็งแรงสุขภาพดี รูปร่างสง่างามได้สัดส่วนเทียบได้กับม้าของเขาเลยทีเดียว

การที่จะดูแลม้าให้สุขภาพดีมีรูปร่างสวยงามได้ขนาดนี้ ผู้ดูแลต้องมีความรู้และเชี่ยวชาญเกี่ยวกับม้ามากพอสมควร

จากที่ตั้งใจจะสั่งให้องครักษ์สังหารนางทิ้งด้วยการจับแขวนคอ แล้วบอกว่ากับทุกคนว่านางผูกคอตายไปเองเพราะอับอายที่ถูกเขาทอดทิ้งในคืนเข้าหอ เปลี่ยนเป็นมานั่งฟังข้อเสนอของนางต่อด้วยความสนใจ

“เจ้าแน่ใจนะว่าดูแลม้าเป็น ถ้าพูดไม่จริง เปิ่นหวางจะจับเจ้ายัดใส่โลงแล้วส่งกลับเมืองตงเฉิง”

แหม! ขู่เก่งเหลือเกินนะท่านอ๋อง!!

“แน่ใจที่สุดเลยเพคะ!” ถ้าไม่แน่ใจนางไม่กล้าเสนอตัวเป็นอันขาด เรื่องดูแลม้ากับเรื่องกินนางมั่นใจเต็มสิบส่วน

พอได้เห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของคนตัวเล็ก เฟิ่งเสวียนจียกมุมปาก รับสั่งถามย้ำเรื่องข้อตกลงในการสัญญาแต่งงานระหว่างเขากับนาง “เมื่อครบหกเดือนเจ้าจะเดินทางกลับเมืองตงเฉิงและจะไม่กลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก?”

“เพคะ” มู่ซูซินพยักหน้ารัวเป็นไก่จิกข้าวสาร

“ทำไมถึงต้องเป็นหกเดือน สามเดือนก็พอมั้ง”

“สามเดือนสั้นไปเพคะ หกเดือนกำลังดี ฝ่าบาทจะได้ไม่เพ่งเล็ง…” รีบยกฮ่องเต้มาเป็นข้ออ้างอย่างเต็มปากเต็มคำ

“อา เป็นเช่นนั้น” แม้ว่าน้ำเสียงจะเย็นชาแต่กลับแฝงความยียวนอยู่ในนั้น

“เป็นเช่นนั้นเพคะ” มู่ซูซินยังคงยิ้มหวานตอบกลับไป

“หึ!…” เสียงแค่นจมูกดังขึ้นสั้นๆ จ้องตาโฉมสะคราญด้วยแววตาคมปลาบ ราวคมกระบี่ที่พาดอยู่บนคอระหงของนาง

มู่ซูซินพอจับทางได้จึงรีบเอ่ยวาจาต่อทันที

“พอครบหกเดือนปุ๊บ ซินเอ๋อร์จะหายเข้ากลีบเมฆปั๊บ ไม่ข้องแวะเรื่องใดๆ ของท่านอ๋องแน่นอนเพคะ…แค่ท่านอ๋องอย่างเพิ่งแต่งชายาใหม่หรือรับอนุเข้าตำหนักก่อนครบสัญญาก็พอ ซินเอ๋อร์ไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่ต้องเสียหน้าก่อนที่ซินเอ๋อร์จะย้ายกลับไปเมืองตงเฉิงถาวรน่ะเพคะ” รอยยิ้มประจบประแจงหายไป ใบหน้างามก้มต่ำเล็กน้อย เปล่งวาจาออกมาเสียงเบา ท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวสุดๆ

ส่วนเหตุผลแท้จริงที่มู่ซูซิน ขอให้เฟิ่งเสวียนจีอย่าเพิ่งรับชายารองหรืออนุชายาเข้าตำหนัก เพราะนางขี้เกียจมาเสียเวลารับมือหญิงสาวพวกนั้น หาใช่เพราะหึงหวงสามี

เพราะเท่าที่ได้ยินมา คุณหนูฉู่ฟางอิ๋งสตรีที่ฉีอ๋องพึงใจ ถูกเลี้ยงดูมาประหนึ่งไข่มุกล้ำค่ากลางมือของบิดา ภายนอกดูงดงามบริสุทธิ์ประดุจดอกบัวขาว แต่กลับมีนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจและชอบเอาชนะเป็นที่สุด หากฉู่ฟางอิ๋งแต่งเข้ามาเป็นชายารองในเร็วๆนี้ อีกฝ่ายคงได้มาหาเรื่องกลั่นแกล้งนางไม่เว้นวันแน่ พนันได้เลย!

และด้วยนิสัยแท้จริงของนาง จะให้มาเล่นบทพระชายาเอกผู้มีจิตใจเมตตา ไม่ถือสาหาความอีกฝ่ายคงไม่มีทางเป็นไปได้ ฟาดมาฟาดกลับนะเจ้าคะ อย่าหาว่าไม่เตือน

ยังไม่รวมที่นางต้องลอบออกจากตำหนัก ไปสวมบทนายน้อยเหว่ยซินเมื่อถึงเวลาเป็นบางครั้ง

ส่วนเรื่องจะรับมือฉีอ๋องอย่างไรในหกเดือนนี้ นางคงต้องวางแผนดีๆ เพราะทรราชอย่างเขาคงรับมือได้ไม่ง่าย มู่ซูซินต้องพร้อม!

บรรยากาศในห้องหอที่สมควรอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความหวานชื่นกลับอึมครึมจนน่าอึดอัด

ชั่วขณะหนึ่ง เฟิ่งเสวียนจีรู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายของนางอย่างประหลาด ท่าทางประจบประแจงแต่แฝงการต่อรองแบบนี้ เหมือนเคยประสบมาจากที่ไหนสักแห่ง…

*****************

อ๋อง คุ้นๆชิมิ นึกไม่ออกล่ะสิท่า

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~4

    เย่เฟิงคล้ายเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง รีบพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ ผู้ช่วยแม่ครัวจึงคลายมือออก ปล่อยให้ชายหนุ่มเริ่มนวดแป้งด้วยตนเอง ในขณะที่มือก็กำลังนวดแป้ง ในหัวก็จินตนาการไปว่า ตนกำลังนวดต้นขานุ่มๆของลี่เจินไปด้วย และอาจเป็นเพราะตั้งใจมากไปนิดเลยเผลอคิดดังไปหน่อย ”ขาของเจ้าช่างนุ่มนวลเหลือเกินเจินเอ๋อร์“ ”…“ ทั้งแม่ครัวและผู้ช่วยคิ้วกระตุกยิกๆ พ่อหนุ่มองครักษ์กำลังสิ่งใดอยู่กันแน่!!! จากแป้งสีขาวนวลเวลานี้กลายเป็นก้อนแป้งสีชมพูเข้ม เพราะชายหนุ่มใส่ผงกุหลาบหนักมือไปนิด แต่ไม่เป็นไรแม่ครัวบอกกับเขาอย่างนั้น คราวหน้าค่อยลดปริมาณลง ถึงตอนนี้ แป้งพร้อม ไส้พร้อม ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนการห่อก่อนกดใส่พิมพ์ขนม ผู้ช่วยแสดงวิธีนวดแป้งทั้งสองสีให้กลายเป็นก้อนเดียว รวมไปถึงวิธีแผ่แป้งและห่อไส้ ก่อนนำไปกดใส่พิมพ์ขนมบัวหิมะ “น่ากินมากเลยขอรับ” เอ่ยชื่นชมจบก็ลงมือทำเองบ้าง เพียงแต่… “ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้เนี่ย! ทำไมข้าห่อแล้วแป้งถึงแตกไส้ทะลัก ไม่เห็นเรียบเนียนเหมือนของท่านป้าเลย” “…” ผู้ช่วยแม่ครัว ข้าควรเวทนาคนหรือสงสารขนมดีเนี่ย “แรกก็เป็นแบบนี้แหละ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชำนาญขึ้

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~3

    ไม่ใช่เพียงแค่หานจิ้งที่เดินหน้าเกี้ยวพานลี่อิ่งอย่างเปิดเผย แม้แต่องครักษ์เงาขั้นหนึ่งอย่างเย่เฟิง ก็ขอฉีอ๋องย้ายตำแหน่งงานมาเป็นองครักษ์ขั้นหนึ่งของพระชายามู่ซูซินแทน เหตุผลหลักคือเขาทำงานให้พระชายาจนคุ้นเคยไปแล้ว ส่วนเหตุผลรองคือหัวใจของเขาเฝ้าติดตามลี่เจินไปแล้วนั่นเอง เรียกกลับมาเท่าไหร่หัวใจเจ้ากรรมก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เย่เฟิงเลยตั้งปณิธานว่า เขาจะไม่ยอมแพ้องครักษ์รุ่นน้องอย่างหานจิ้งเด็ดขาด ชีวิตนี้เขาต้องได้แต่งลี่เจินเป็นภรรยาผูกผม! หากทำไม่ได้ก่อนอายุสามสิบ เย่เฟิงจะไปออกบวชมันให้มันรู้แล้วรู้รอด! ครัวหลักของตำหนักเว่ยจง แม่ครัวฝ่ายขนมหวานมุมปากกระตุกยิกๆ ขณะยืนมององครักษ์ของพระชายากวนแป้งทำขนมบัวหิมะกุหลาบ “เอ่อ ท่านองครักษ์เจ้าคะ กวนแป้งไม่ต้องออกแรงขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ค่อยๆทำไป ท่านเล่นกวนแรงและเร็วแบบนี้ แป้งมันก็กระเด็นออกจากกระทะหมดสิเจ้าคะ แล้วจะเหลือให้กินไหมเนี่ย! โอย ข้าจะเป็นลม” พูดจบก็ยกยาดมขึ้นมาสูดเข้าปอดดัง ฟื้ด... บรรดาสาวใช้ในโรงครัวยกมือป้องปากหัวเราะคิกคักด้วยความเอ็นดูในตัวเย่เฟิง คาดไม่ถึงว่าองครักษ์หน้าเข้มผู้นี้ จะยอมลงทุนมาเรียน

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~2

    กร๊ากกกก เสียงหลุดขำของหานเย่ลอยมาตามลม องครักษ์หนุ่มนึกภาพยวนยางบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่สหายรักนั่งปักมาทั้งคืน ซึ่งมองอย่างไรก็เหมือนลูกเจี๊ยบหัวโตผิดขนาดสองตัวหันหน้าแยกเขี้ยวใส่กัน หานจิ้งสูดหายใจยาวอยากตามไปบีบคอสหายรักใจแทบขาด แต่พอนึกถึงภาพปักบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเขาก็มิอาจถือโทษที่หานเย่หลุดขำออกมา เหวินกงกงพอมีฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อยอยู่บ้าง เดินมาขอดูผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าว พอได้เห็นสภาพก็ถึงกับหน้ากระตุก ไม่เพียงแค่ลายปักจะอดสู แต่การมีหยดเลือดติดเป็นหย่อมๆนี่มันคืออะไร?! โอย ขันทีอย่างเขาหมดคำจะกล่าว ”เดี๋ยวตอนบ่ายเจ้าไปหาข้าที่เรือน ข้าจะช่วยแนะนำวิธีปักผ้าที่เริ่มจากลายง่ายๆไปก่อน ว่าแต่ลายนี้คือ เอ่อ เจ้าปักลายอะไรรึอาจิ้ง” เขามองไม่ออกจริงๆ “ลายยวนยางขอรับท่านกงกง” หานจิ้งตอบกลับมาเสียงอ่อย “…” เหวินกงกง เวรกรรมที่แท้คือยวนยางหรอกรึ ทีแรกนึกว่าปีศาจลูกเจี๊ยบ เหวินกงกงรู้สึกผิดขึ้นมาจับจิตที่มองลายบนผ้าเช็ดหน้าผิดไปมาก เลยยกมือตบบ่าหานจิ้งเบาๆเป็นการปลอบใจ ‘ข้าขอโทษนะอาจิ้งที่เข้าใจผิด’ หลังกินข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อย หานจิ้งก็ตามไปที่เรือนขอ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~1

    ตำหนักเว่ยจง หลังผ่านเหตุการณ์สำคัญเรื่องกบฏเยี่ยนอ๋องมาได้ เจ้าของตำหนักก็เลิกปิดกั้นความรู้สึกตัวเองและหันมาสนทนากับคนรอบตัวมากขึ้น กระทั่งเอ่ยปากถามไถ่ความเป็นอยู่ของบ่าวไพร่ในตำหนักด้วยตนเอง ทั้งที่เมื่อก่อนฉีอ๋องไม่เคยสนใจเรื่องบ่าวไพร่ในตำหนักเลยสักนิด ปล่อยให้เหวินกงกงดูแลจัดการธุระในส่วนนี้แทน จนเมื่อพระชายามู่ซูซินถามสามีว่า เขาทราบหรือไม่ว่าบ่าวไพร่ในตำหนักมีกี่คน “…” เฟิ่งเสวียนจี นั่นสินะเขาไม่เคยนับจริงๆด้วย หลายวันต่อมา บ่าวไพร่ของแต่ละเรือนแต่ละฝ่าย ได้ถูกเรียกมาพบเพื่อแนะนำตัวกับฉีอ๋องอย่างเป็นทางการ เจ้าของตำหนักถึงประจักษ์ว่า เขามีบ่าวไพร่ทั้งหมดเกือบร้อยชีวิตทำงานอยู่ในตำหนักเว่ยจง!! ทั้งที่จำนวนคนก็มากขนาดนี้ แต่เหตุไฉนตำหนักของเขาถึงได้ดูวังเวงนัก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ นั่นเป็นเพราะเจ้าตัวลืมไปว่า ตำหนักของตนกว้างใหญ่ขนาดไหน อันที่จริงสมควรมีบ่าวไพร่มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเหวินกงกงรู้ใจนายเหนือหัว เรื่องที่ไม่ชอบให้มีคนวุ่นวายในตำหนักมากจนเกินไป ถึงได้จ้างบ่าวไพร่ในจำนวนเท่าที่จำเป็น ไม่ได้จ้างไว้ประดับบารมีเหมือนเชื้อพระวงศ์ตำหนักอื่นๆ ที่ค

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนปลาย

    เมืองตงเฉิง จวนเจ้าเมือง เรือนไฉอวี้ ค่ำคืนเดียวกันกับที่ฉีอ๋องฝันถึงงูขาวตัวหอม หญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงามราวปีศาจจิ้งจอกจำแลง วางตำราสมุนไพรในมือลงก่อนขยับตัวไปดับตะเกียงข้างหัวเตียงเพื่อเข้านอน “ราตรีสวัสดิ์ลี่มี่ ขอให้นอนหลับฝันดีนะ” เสียงหวานบอกแมวสาวตัวอวบในอ้อมกอดจูบเหม่งมันไปหนึ่งที จากนั้นจึงหลับตาลง เมี้ยว… “ฝันดีซินเอ๋อร์ “ ลี่มี่แลบลิ้นเลียแก้มใสของนางทาสไปหนึ่งทีเพื่อเป็นการแสดงความรัก ผ่านไปไม่นานจังหวะหายใจของมู่ซูซินก็สม่ำเสมอ แสดงถึงว่านางเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ลี่มี่ลืมตาโพลงในความมืด ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาว เดินไปนั่งบนกรอบหน้าต่างเงยหน้ามองดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ “หิวจัง อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม พรุ่งนี้ขอให้ซินเอ๋อร์ทำให้กินดีกว่า” ในขณะที่ลี่มี่กำลังนึกถึงขนมไหว้พระจันทร์อยู่นั้น มู่ซูซินก็กำลังเข้าสู่ห้วงฝันอันแปลกประหลาด นางกำลังยืนอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ เหมือนที่เคยไปเที่ยวมาเมื่อชาติที่แล้ว บนท้องฟ้าสีครามสดใส ก้อนเมฆสีขาวปุกปุยรูปร่างมองไปแล้วเหมือนหัวใจดวงเล็กๆ ลอยเต็มท้องฟ้า แสงแดดอบอุ่นอาบไล้ผิวขาวเนียนละออของนาง มู่

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนต้น

    แดนเหนือ ค่ายพยัคฆ์อหังการ ในที่สุดการต่อสู้อันยาวนานระหว่างแคว้นต้าเฟิ่ง กับชนเผ่านอกด่านทั้งหมดของแดนเหนือได้สิ้นสุดลง ความเสียหายที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญ หนักหนาสาหัสไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทว่าผู้ที่กำชัยชนะในสงครามใหญ่ครั้งนี้คือแคว้นต้าเฟิ่ง ซึ่งมีฉีอ๋อง เฟิ่งเสวียนจีเป็นผู้นำทัพ หลังเสร็จศึกได้ครึ่งเดือน ในขณะที่ฉีอ๋องกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในกระโจมบัญชาการ ของค่ายพยัคฆ์อหังการในคืนพระจันทร์เต็มดวง จู่ๆ บรรยากาศโดยรอบพลันหยุดนิ่ง เฟิ่งเสวียนจีคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชากอย่างแรง จากที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในยามค่ำคืน บัดนี้ตัวเขายืนอยู่กลางทุ่งสมุนไพรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสะอาดสดใส มีปุยเมฆสีขาวลอยอยู่ประปราย แสงแดดสีทองอบอุ่นโลมไล้ผิวกาย กลิ่นหอมเย็นสดชื่นเฉพาะตัวของสมุนไพร ช่วยให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรือนกายสูงหันมองไปรอบๆ สายตาก็ประสบเข้ากับต้นอู๋ถงต้นใหญ่ บริเวณใต้ต้นมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ ร่างสูงตัดสินใจเดินไปที่นั่นหย่อนตัวลงบนแคร่ ตั้งใจว่าจะนอนเล่นที่นี่สักพักเพื่อซึมซับความรู้สึกอันแสนจะรื่นรมย์นี้ เขาใช้แขนของตนแทนหมอน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status