/ รักโบราณ / เพียงนางที่ข้าจะรัก / บทที่ 4 โดนแค่นี้ถึงกับหูแดง ตอนต้น

공유

บทที่ 4 โดนแค่นี้ถึงกับหูแดง ตอนต้น

last update 최신 업데이트: 2025-10-05 21:58:16

“ในเมื่อเจ้ายืนยันว่าไม่กล้า ข้าก็จะลองเชื่อเจ้าดูสักครั้ง”

เฟิ่งเสวียนจียอมรับข้อเสนอในสัญญาการแต่งงาน รวมถึงยินยอมให้นางเอาแมวมาเลี้ยงที่ตำหนักตามคำขอ แต่ยังไม่วายที่จะข่มขู่ ว่าถ้าหากม้าของเขาเกิดรอยขีดข่วนหรือเป็นอะไรขึ้นมา เขาจะส่งนางไปเยือนแดนน้ำพุเหลือง และห้ามแมวของนางทำตำหนักสกปรก มิฉะนั้นอย่าหาว่าเขาใจร้าย

“…” มู่ซูซินแอบกลอกตามองบนในความคิด ขู่เก่งเหลือเกินนะ นิสัยช่างไม่เข้ากับหน้าตา เสียของจริงๆ!

หลังจากแอบบ่นเขาในใจเสร็จถึงได้เงยหน้าขึ้น เอ่ยรับปากเขาเสียงอ่อย

“ซินเอ๋อร์น้อมรับคำสั่งท่านอ๋องเพคะ ถ้าอย่างไรซินเอ๋อร์ขอรบกวนท่านอ๋องอีกสักนิดนึงนะเพคะ ขอทรงช่วยประทับลายนิ้วมือ…ตรงนี้ด้วยได้หรือไม่เพคะ เพื่อความอุ่นใจ”

นางคลานเข่าเข้ามาหาเขา เอียงตัวไปทางขวา ยกนิ้วเรียวยาวราวต้นหอมชี้ไปยังชื่อของเขาที่นางเขียนไว้แล้ว

“ทำไม เจ้าไม่เชื่อใจข้า?”

“เชื่อเพคะ! ซินเอ๋อร์เชื่อใจท่านอ๋อง เพียงแต่…ซินเอ๋อร์อยากได้ลายนิ้วมือท่านอ๋องเอาไว้กราบไหว้บูชาคืนนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ผีเจ้าที่เจ้าทางจะได้ไม่มาอำซินเอ๋อร์ตอนนอนหลับเพคะ” ดุขนาดนี้แม้แต่ผียังกลัว เชื่อสิ!

“…” เฟิ่งเสวียนจีมุมปากกระตุกหลังได้ฟังเหตุผลแปลกๆของนาง แต่ก็มิได้ต่อว่าหรือตำหนิใดๆ

“เรื่องมากเสียจริง ตอนนี้ไม่มีชาดสำหรับใช้ประทับ เอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาทำให้”

“เดี๋ยวก่อนเพคะ ทำแบบนี้ก็ได้” เสียงไพเราะดังขึ้นเพื่อเสนอแนะตัวช่วยอย่างกระตือรือร้น

ในเสี้ยวลมหายใจถัดมา สิ่งที่เฟิ่งเสวียนจีคาดไม่ถึงพลันบังเกิด มู่ซูซินขยับมือ จับนิ้วโป้งของเขากดลงบนกลีบปากอวบอิ่มของนาง จากนั้นนำไปกดลงบนหนังสือสัญญา ลายนิ้วมือจากชาดสีแดงบนริมฝีปากหญิงสาว ประทับลงบนกระดาษเรียบร้อย มู่ซูซินคลี่ยิ้มสดใสด้วยความพอใจ ทั้งยังเอ่ยขอบคุณเขาเสียงหวาน

“เรียบร้อยแล้วเพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง”

คนตัวโตนั่งตัวแข็งทื่อพูดอะไรไม่ออกไปแล้ว ความร้อนขุมหนึ่งแผ่ซ่านจากลำคอไปจนถึงใบหู สัมผัสนุ่มหยุ่นจากกลีบปากอิ่มเย้ายวนของหญิงสาว ยังตราตรึงอยู่บนปลายนิ้วโป้งไม่จางหาย จังหวะการเต้นของหัวใจพลันกระตุก นี่เขาเพิ่งถูกนางหลอกกินเต้าหู้สดๆร้อนๆ

“มู่ซูซิน เจ้า!”

“หืม? ซินเอ๋อร์ทำไมหรือเพคะ” ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เอียงหน้าถามเขาอย่างใสซื่อ คล้ายไม่รู้ว่าตนเพิ่งทำอะไรลงไป

อากัปกิริยาของนางยามนี้น่ารักน่าเอ็นดูราวกระต่ายน้อย ทำเฟิ่งเสวียนจีรู้สึกอยากยกมือไปลูบหัวทุยของนางเล่นขึ้นมาตะหงิดๆ ทว่ารีบสลัดความรู้สึกนี้ออกจากความคิดอย่างรวดเร็ว

มาจนถึงตอนนี้ อาการมึนเมาที่เคยมีดีขึ้นมาก ร่างสูงจึงลุกขึ้นจากเตียง ชี้นิ้วไปยังประตูที่อยู่ใกล้ฉากกั้น

“คืนนี้เจ้าไปนอนที่ห้องข้างๆนั่น เข้าไปทางประตูนั้นได้ พรุ่งนี้เช้าพ่อบ้านจะพาเจ้ายังไปเรือนที่จัดไว้ให้ ช่วงบ่ายเจ้าเริ่มงานดูแลม้าได้เลย” รับสั่งโดยไม่มองหน้าคนบนพื้น ขยับขาเดินไปยังห้องอาบน้ำ

(*_*”) มู่ซูซิน แบบนี้เรียกว่าได้ทีรีบจิกหัวใช้สินะ

”ซินเอ๋อร์น้อมรับคำสั่งฉีอ๋องเพคะ” นางรับคำเขาอย่างเชื่อฟัง ดวงตาคู่สวยมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับสายตา ทว่าในเสี้ยวอึดใจนั้น แววตาพลันเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่ม เมื่อมองเห็นใบหูของเขาที่ยังเป็นสีแดงไม่หาย

‘โดนแค่นี้ถึงกับหูแดง น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย คิกๆๆๆ’

ราวกลางยามเหม่า (05:00-06:59) มู่ซูซินลืมตาตื่น ขยับตัวลงจากเตียงก้าวตรงไปยังห้องนอนใหญ่ ซึ่งบัดนี้ปราศจากเงาของฉีอ๋อง นางจึงเดินไปเปิดประตูเรียกสาวใช้คนสนิทให้เข้ามาช่วยแต่งตัว

ทันทีที่ได้พบหน้าเจ้านาย ลี่อิ่งรีบกระซิบถามถึงเรื่องสำคัญ ค่ำคืนที่ผ่านมานางกับลี่เจินลุ้นกันแทบตาย “พระชายาได้สิ่งที่ต้องการมาหรือไม่เพคะ”

“อืม เรียบร้อยแล้ว หลังช่วยข้าแต่งตัวเสร็จ ลี่เจินช่วยไปตามพ่อบ้านของตำหนักให้หน่อย ข้าอยากย้ายไปที่เรือนเร็วๆ มีหลายอย่างต้องทำวันนี้ กลัวว่าจะเสร็จไม่ทันช่วงบ่าย เพราะข้าต้องไปทำหน้าที่คนดูแลม้าให้ท่านอ๋อง”

มือของลี่อิ่งที่กำลังหวีผมให้เจ้านายชะงักค้างกลางอากาศ แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน คุณหนูของนางกลายคนเลี้ยงม้าของฉีอ๋อง! อย่าบอกนะว่านี่คือข้อแลกเปลี่ยน

มู่ซูซินเดาความคิดสาวใช้ของตนออกจึงพยักหน้าเป็นเชิงรับ

“โถ คุณหนูของบ่าว” ลี่อิ่งครางเสียงแผ่ว ดูท่าว่าเจ้านายของนาง คงจุติมาจากดาวคนเลี้ยงม้า ถึงได้หนีหน้าที่นี้ไม่พ้น แต่ก็อีกล่ะนะ การได้ดูแลม้าเป็นความชอบส่วนตัวของมู่ซูซินอยู่แล้ว ช่วงเช้าเป็นพระชายาฉีอ๋อง ตกบ่ายเป็นคนดูแลม้า ชีวิตไม่ซ้ำซากจำเจ

เมื่อได้เวลาพ่อบ้านของตำหนักก็มาถึงพอดี ชายวัยกลางอายุราวห้าสิบนามว่า เหวินซาน หรือ เหวินกงกง ท่าทางเข้มงวดแววตาเฉียบคมสมกับเป็นคนสนิทของอ๋องทรราช!

เขาทำความเคารพนายหญิงของตำหนักอย่างให้เกียรติ ก่อนเดินนำไปยังเรือนอู่ถง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของตำหนักเว่ยจง เป็นเรือนที่อยู่ใกล้คอกม้าที่สุด สะดวกต่อการเดินไปทำงานอย่างไม่มีข้อกังขา!

คล้อยหลังเหวินกงกงและพาพระชายามู่ นางกำนัลคนหนึ่งที่ซุ่มอยู่แถวนั้น แอบมากระซิบถามนางกำนัลผู้มีหน้าที่ทำความสะอาดห้องบรรทมของฉีอ๋อง เรื่องของผ้ารองเลือดพรหมจรรย์ ก่อนผละไปด้วยรอยยิ้ม

เรือนอู่ถง

“ท่านอ๋องรับสั่งให้กระหม่อมจัดเตรียมเรือนแห่งนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ ทั้งยังกำชับมาด้วยว่าในช่วงบ่าย เอ่อ…”

เหวินกงกงมีท่าทีลังเล กำลังตรึกตรองว่าควรใช้คำพูดแบบใด ที่ฟังแล้วไม่ทำร้ายจิตใจดวงน้อยของพระชายา เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ปล่อยให้หญิงสาวทั้งสามเลิกคิ้วสูงรอฟังความ

“ในช่วงบ่าย พระชายาอย่าลืมไปเยี่ยมชมคอกม้าตามที่สัญญาไว้ด้วยนะพะย่ะค่ะ”

“โธ่ นึกว่าเรื่องสำคัญอะไร ขอบคุณเหวินกงกงมากเจ้าค่ะ รบกวนช่วยบอกท่านอ๋องให้ที ว่าข้าไม่ผิดสัญญาแน่นอน” ที่แท้ก็เรื่องนี้ ปล่อยให้นางลุ้นเสียจนตัวเกร็ง

“ขอพระชายาอย่าได้เกรงใจ ท่านอ๋องกำชับไว้ว่าให้ดูแลพระชายาเป็นอย่างดีพะย่ะค่ะ” เหวินกงกงยิ้มในหน้ากล่าวตอบมาอย่างนอบน้อม

เหวินกงกงมีลางสังหรณ์ว่า กำลังจะมีวีรบุรุษยากผ่านด่านหญิงงามเพิ่มขึ้นอีกคน

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~4

    เย่เฟิงคล้ายเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง รีบพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ ผู้ช่วยแม่ครัวจึงคลายมือออก ปล่อยให้ชายหนุ่มเริ่มนวดแป้งด้วยตนเอง ในขณะที่มือก็กำลังนวดแป้ง ในหัวก็จินตนาการไปว่า ตนกำลังนวดต้นขานุ่มๆของลี่เจินไปด้วย และอาจเป็นเพราะตั้งใจมากไปนิดเลยเผลอคิดดังไปหน่อย ”ขาของเจ้าช่างนุ่มนวลเหลือเกินเจินเอ๋อร์“ ”…“ ทั้งแม่ครัวและผู้ช่วยคิ้วกระตุกยิกๆ พ่อหนุ่มองครักษ์กำลังสิ่งใดอยู่กันแน่!!! จากแป้งสีขาวนวลเวลานี้กลายเป็นก้อนแป้งสีชมพูเข้ม เพราะชายหนุ่มใส่ผงกุหลาบหนักมือไปนิด แต่ไม่เป็นไรแม่ครัวบอกกับเขาอย่างนั้น คราวหน้าค่อยลดปริมาณลง ถึงตอนนี้ แป้งพร้อม ไส้พร้อม ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนการห่อก่อนกดใส่พิมพ์ขนม ผู้ช่วยแสดงวิธีนวดแป้งทั้งสองสีให้กลายเป็นก้อนเดียว รวมไปถึงวิธีแผ่แป้งและห่อไส้ ก่อนนำไปกดใส่พิมพ์ขนมบัวหิมะ “น่ากินมากเลยขอรับ” เอ่ยชื่นชมจบก็ลงมือทำเองบ้าง เพียงแต่… “ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้เนี่ย! ทำไมข้าห่อแล้วแป้งถึงแตกไส้ทะลัก ไม่เห็นเรียบเนียนเหมือนของท่านป้าเลย” “…” ผู้ช่วยแม่ครัว ข้าควรเวทนาคนหรือสงสารขนมดีเนี่ย “แรกก็เป็นแบบนี้แหละ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชำนาญขึ้

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~3

    ไม่ใช่เพียงแค่หานจิ้งที่เดินหน้าเกี้ยวพานลี่อิ่งอย่างเปิดเผย แม้แต่องครักษ์เงาขั้นหนึ่งอย่างเย่เฟิง ก็ขอฉีอ๋องย้ายตำแหน่งงานมาเป็นองครักษ์ขั้นหนึ่งของพระชายามู่ซูซินแทน เหตุผลหลักคือเขาทำงานให้พระชายาจนคุ้นเคยไปแล้ว ส่วนเหตุผลรองคือหัวใจของเขาเฝ้าติดตามลี่เจินไปแล้วนั่นเอง เรียกกลับมาเท่าไหร่หัวใจเจ้ากรรมก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เย่เฟิงเลยตั้งปณิธานว่า เขาจะไม่ยอมแพ้องครักษ์รุ่นน้องอย่างหานจิ้งเด็ดขาด ชีวิตนี้เขาต้องได้แต่งลี่เจินเป็นภรรยาผูกผม! หากทำไม่ได้ก่อนอายุสามสิบ เย่เฟิงจะไปออกบวชมันให้มันรู้แล้วรู้รอด! ครัวหลักของตำหนักเว่ยจง แม่ครัวฝ่ายขนมหวานมุมปากกระตุกยิกๆ ขณะยืนมององครักษ์ของพระชายากวนแป้งทำขนมบัวหิมะกุหลาบ “เอ่อ ท่านองครักษ์เจ้าคะ กวนแป้งไม่ต้องออกแรงขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ค่อยๆทำไป ท่านเล่นกวนแรงและเร็วแบบนี้ แป้งมันก็กระเด็นออกจากกระทะหมดสิเจ้าคะ แล้วจะเหลือให้กินไหมเนี่ย! โอย ข้าจะเป็นลม” พูดจบก็ยกยาดมขึ้นมาสูดเข้าปอดดัง ฟื้ด... บรรดาสาวใช้ในโรงครัวยกมือป้องปากหัวเราะคิกคักด้วยความเอ็นดูในตัวเย่เฟิง คาดไม่ถึงว่าองครักษ์หน้าเข้มผู้นี้ จะยอมลงทุนมาเรียน

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~2

    กร๊ากกกก เสียงหลุดขำของหานเย่ลอยมาตามลม องครักษ์หนุ่มนึกภาพยวนยางบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่สหายรักนั่งปักมาทั้งคืน ซึ่งมองอย่างไรก็เหมือนลูกเจี๊ยบหัวโตผิดขนาดสองตัวหันหน้าแยกเขี้ยวใส่กัน หานจิ้งสูดหายใจยาวอยากตามไปบีบคอสหายรักใจแทบขาด แต่พอนึกถึงภาพปักบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเขาก็มิอาจถือโทษที่หานเย่หลุดขำออกมา เหวินกงกงพอมีฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อยอยู่บ้าง เดินมาขอดูผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าว พอได้เห็นสภาพก็ถึงกับหน้ากระตุก ไม่เพียงแค่ลายปักจะอดสู แต่การมีหยดเลือดติดเป็นหย่อมๆนี่มันคืออะไร?! โอย ขันทีอย่างเขาหมดคำจะกล่าว ”เดี๋ยวตอนบ่ายเจ้าไปหาข้าที่เรือน ข้าจะช่วยแนะนำวิธีปักผ้าที่เริ่มจากลายง่ายๆไปก่อน ว่าแต่ลายนี้คือ เอ่อ เจ้าปักลายอะไรรึอาจิ้ง” เขามองไม่ออกจริงๆ “ลายยวนยางขอรับท่านกงกง” หานจิ้งตอบกลับมาเสียงอ่อย “…” เหวินกงกง เวรกรรมที่แท้คือยวนยางหรอกรึ ทีแรกนึกว่าปีศาจลูกเจี๊ยบ เหวินกงกงรู้สึกผิดขึ้นมาจับจิตที่มองลายบนผ้าเช็ดหน้าผิดไปมาก เลยยกมือตบบ่าหานจิ้งเบาๆเป็นการปลอบใจ ‘ข้าขอโทษนะอาจิ้งที่เข้าใจผิด’ หลังกินข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อย หานจิ้งก็ตามไปที่เรือนขอ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~1

    ตำหนักเว่ยจง หลังผ่านเหตุการณ์สำคัญเรื่องกบฏเยี่ยนอ๋องมาได้ เจ้าของตำหนักก็เลิกปิดกั้นความรู้สึกตัวเองและหันมาสนทนากับคนรอบตัวมากขึ้น กระทั่งเอ่ยปากถามไถ่ความเป็นอยู่ของบ่าวไพร่ในตำหนักด้วยตนเอง ทั้งที่เมื่อก่อนฉีอ๋องไม่เคยสนใจเรื่องบ่าวไพร่ในตำหนักเลยสักนิด ปล่อยให้เหวินกงกงดูแลจัดการธุระในส่วนนี้แทน จนเมื่อพระชายามู่ซูซินถามสามีว่า เขาทราบหรือไม่ว่าบ่าวไพร่ในตำหนักมีกี่คน “…” เฟิ่งเสวียนจี นั่นสินะเขาไม่เคยนับจริงๆด้วย หลายวันต่อมา บ่าวไพร่ของแต่ละเรือนแต่ละฝ่าย ได้ถูกเรียกมาพบเพื่อแนะนำตัวกับฉีอ๋องอย่างเป็นทางการ เจ้าของตำหนักถึงประจักษ์ว่า เขามีบ่าวไพร่ทั้งหมดเกือบร้อยชีวิตทำงานอยู่ในตำหนักเว่ยจง!! ทั้งที่จำนวนคนก็มากขนาดนี้ แต่เหตุไฉนตำหนักของเขาถึงได้ดูวังเวงนัก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ นั่นเป็นเพราะเจ้าตัวลืมไปว่า ตำหนักของตนกว้างใหญ่ขนาดไหน อันที่จริงสมควรมีบ่าวไพร่มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเหวินกงกงรู้ใจนายเหนือหัว เรื่องที่ไม่ชอบให้มีคนวุ่นวายในตำหนักมากจนเกินไป ถึงได้จ้างบ่าวไพร่ในจำนวนเท่าที่จำเป็น ไม่ได้จ้างไว้ประดับบารมีเหมือนเชื้อพระวงศ์ตำหนักอื่นๆ ที่ค

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนปลาย

    เมืองตงเฉิง จวนเจ้าเมือง เรือนไฉอวี้ ค่ำคืนเดียวกันกับที่ฉีอ๋องฝันถึงงูขาวตัวหอม หญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงามราวปีศาจจิ้งจอกจำแลง วางตำราสมุนไพรในมือลงก่อนขยับตัวไปดับตะเกียงข้างหัวเตียงเพื่อเข้านอน “ราตรีสวัสดิ์ลี่มี่ ขอให้นอนหลับฝันดีนะ” เสียงหวานบอกแมวสาวตัวอวบในอ้อมกอดจูบเหม่งมันไปหนึ่งที จากนั้นจึงหลับตาลง เมี้ยว… “ฝันดีซินเอ๋อร์ “ ลี่มี่แลบลิ้นเลียแก้มใสของนางทาสไปหนึ่งทีเพื่อเป็นการแสดงความรัก ผ่านไปไม่นานจังหวะหายใจของมู่ซูซินก็สม่ำเสมอ แสดงถึงว่านางเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ลี่มี่ลืมตาโพลงในความมืด ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาว เดินไปนั่งบนกรอบหน้าต่างเงยหน้ามองดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ “หิวจัง อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม พรุ่งนี้ขอให้ซินเอ๋อร์ทำให้กินดีกว่า” ในขณะที่ลี่มี่กำลังนึกถึงขนมไหว้พระจันทร์อยู่นั้น มู่ซูซินก็กำลังเข้าสู่ห้วงฝันอันแปลกประหลาด นางกำลังยืนอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ เหมือนที่เคยไปเที่ยวมาเมื่อชาติที่แล้ว บนท้องฟ้าสีครามสดใส ก้อนเมฆสีขาวปุกปุยรูปร่างมองไปแล้วเหมือนหัวใจดวงเล็กๆ ลอยเต็มท้องฟ้า แสงแดดอบอุ่นอาบไล้ผิวขาวเนียนละออของนาง มู่

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนต้น

    แดนเหนือ ค่ายพยัคฆ์อหังการ ในที่สุดการต่อสู้อันยาวนานระหว่างแคว้นต้าเฟิ่ง กับชนเผ่านอกด่านทั้งหมดของแดนเหนือได้สิ้นสุดลง ความเสียหายที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญ หนักหนาสาหัสไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทว่าผู้ที่กำชัยชนะในสงครามใหญ่ครั้งนี้คือแคว้นต้าเฟิ่ง ซึ่งมีฉีอ๋อง เฟิ่งเสวียนจีเป็นผู้นำทัพ หลังเสร็จศึกได้ครึ่งเดือน ในขณะที่ฉีอ๋องกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในกระโจมบัญชาการ ของค่ายพยัคฆ์อหังการในคืนพระจันทร์เต็มดวง จู่ๆ บรรยากาศโดยรอบพลันหยุดนิ่ง เฟิ่งเสวียนจีคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชากอย่างแรง จากที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในยามค่ำคืน บัดนี้ตัวเขายืนอยู่กลางทุ่งสมุนไพรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสะอาดสดใส มีปุยเมฆสีขาวลอยอยู่ประปราย แสงแดดสีทองอบอุ่นโลมไล้ผิวกาย กลิ่นหอมเย็นสดชื่นเฉพาะตัวของสมุนไพร ช่วยให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรือนกายสูงหันมองไปรอบๆ สายตาก็ประสบเข้ากับต้นอู๋ถงต้นใหญ่ บริเวณใต้ต้นมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ ร่างสูงตัดสินใจเดินไปที่นั่นหย่อนตัวลงบนแคร่ ตั้งใจว่าจะนอนเล่นที่นี่สักพักเพื่อซึมซับความรู้สึกอันแสนจะรื่นรมย์นี้ เขาใช้แขนของตนแทนหมอน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status