Home / รักโบราณ / เพียงนางที่ข้าจะรัก / บทที่ 4/1 โดนแค่นี้ถึงกับหูแดง

Share

บทที่ 4/1 โดนแค่นี้ถึงกับหูแดง

last update Last Updated: 2025-10-05 21:58:16

“ในเมื่อเจ้ายืนยันว่าไม่กล้า ข้าก็จะลองเชื่อเจ้าดูสักครั้ง”

เฟิ่งเสวียนจียอมรับข้อเสนอในสัญญาการแต่งงาน รวมถึงยินยอมให้นางเอาแมวมาเลี้ยงที่ตำหนักตามคำขอ แต่ยังไม่วายที่จะข่มขู่ ว่าถ้าหากม้าของเขาเกิดรอยขีดข่วนหรือเป็นอะไรขึ้นมา เขาจะส่งนางไปเยือนแดนน้ำพุเหลือง และห้ามแมวของนางทำตำหนักสกปรก มิฉะนั้นอย่าหาว่าเขาใจร้าย

“…” มู่ซูซินแอบกลอกตามองบนในความคิด ขู่เก่งเหลือเกินนะ นิสัยช่างไม่เข้ากับหน้าตา เสียของจริงๆ!

หลังจากแอบบ่นเขาในใจเสร็จถึงได้เงยหน้าขึ้น เอ่ยรับปากเขาเสียงอ่อย

“ซินเอ๋อร์น้อมรับคำสั่งท่านอ๋องเพคะ ถ้าอย่างไรซินเอ๋อร์ขอรบกวนท่านอ๋องอีกสักนิดนึงนะเพคะ ขอทรงช่วยประทับลายนิ้วมือ…ตรงนี้ด้วยได้หรือไม่เพคะ เพื่อความอุ่นใจ”

นางคลานเข่าเข้ามาหาเขา เอียงตัวไปทางขวา ยกนิ้วเรียวยาวราวต้นหอมชี้ไปยังชื่อของเขาที่นางเขียนไว้แล้ว

“ทำไม เจ้าไม่เชื่อใจข้า?”

“เชื่อเพคะ! ซินเอ๋อร์เชื่อใจท่านอ๋อง เพียงแต่…ซินเอ๋อร์อยากได้ลายนิ้วมือท่านอ๋องเอาไว้กราบไหว้บูชาคืนนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ผีเจ้าที่เจ้าทางจะได้ไม่มาอำซินเอ๋อร์ตอนนอนหลับเพคะ” ดุขนาดนี้แม้แต่ผียังกลัว เชื่อสิ!

“…” เฟิ่งเสวียนจีมุมปากกระตุกหลังได้ฟังเหตุผลแปลกๆของนาง แต่ก็มิได้ต่อว่าหรือตำหนิใดๆ

“เรื่องมากเสียจริง ตอนนี้ไม่มีชาดสำหรับใช้ประทับ เอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาทำให้”

“เดี๋ยวก่อนเพคะ ทำแบบนี้ก็ได้” เสียงไพเราะดังขึ้นเพื่อเสนอแนะตัวช่วยอย่างกระตือรือร้น

ในเสี้ยวลมหายใจถัดมา สิ่งที่เฟิ่งเสวียนจีคาดไม่ถึงพลันบังเกิด มู่ซูซินขยับมือ จับนิ้วโป้งของเขากดลงบนกลีบปากอวบอิ่มของนาง จากนั้นนำไปกดลงบนหนังสือสัญญา ลายนิ้วมือจากชาดสีแดงบนริมฝีปากหญิงสาว ประทับลงบนกระดาษเรียบร้อย มู่ซูซินคลี่ยิ้มสดใสด้วยความพอใจ ทั้งยังเอ่ยขอบคุณเขาเสียงหวาน

“เรียบร้อยแล้วเพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง”

คนตัวโตนั่งตัวแข็งทื่อพูดอะไรไม่ออกไปแล้ว ความร้อนขุมหนึ่งแผ่ซ่านจากลำคอไปจนถึงใบหู สัมผัสนุ่มหยุ่นจากกลีบปากอิ่มเย้ายวนของหญิงสาว ยังตราตรึงอยู่บนปลายนิ้วโป้งไม่จางหาย จังหวะการเต้นของหัวใจพลันกระตุก นี่เขาเพิ่งถูกนางหลอกกินเต้าหู้สดๆร้อนๆ

“มู่ซูซิน เจ้า!”

“หืม? ซินเอ๋อร์ทำไมหรือเพคะ” ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เอียงหน้าถามเขาอย่างใสซื่อ คล้ายไม่รู้ว่าตนเพิ่งทำอะไรลงไป

อากัปกิริยาของนางยามนี้น่ารักน่าเอ็นดูราวกระต่ายน้อย ทำเฟิ่งเสวียนจีรู้สึกอยากยกมือไปลูบหัวทุยของนางเล่นขึ้นมาตะหงิดๆ ทว่ารีบสลัดความรู้สึกนี้ออกจากความคิดอย่างรวดเร็ว

มาจนถึงตอนนี้ อาการมึนเมาที่เคยมีดีขึ้นมาก ร่างสูงจึงลุกขึ้นจากเตียง ชี้นิ้วไปยังประตูที่อยู่ใกล้ฉากกั้น

“คืนนี้เจ้าไปนอนที่ห้องข้างๆนั่น เข้าไปทางประตูนั้นได้ พรุ่งนี้เช้าพ่อบ้านจะพาเจ้ายังไปเรือนที่จัดไว้ให้ ช่วงบ่ายเจ้าเริ่มงานดูแลม้าได้เลย” รับสั่งโดยไม่มองหน้าคนบนพื้น ขยับขาเดินไปยังห้องอาบน้ำ

(*_*”) มู่ซูซิน แบบนี้เรียกว่าได้ทีรีบจิกหัวใช้สินะ

”ซินเอ๋อร์น้อมรับคำสั่งฉีอ๋องเพคะ” นางรับคำเขาอย่างเชื่อฟัง ดวงตาคู่สวยมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับสายตา ทว่าในเสี้ยวอึดใจนั้น แววตาพลันเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่ม เมื่อมองเห็นใบหูของเขาที่ยังเป็นสีแดงไม่หาย

‘โดนแค่นี้ถึงกับหูแดง น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย คิกๆๆๆ’

ราวกลางยามเหม่า (05:00-06:59) มู่ซูซินลืมตาตื่น ขยับตัวลงจากเตียงก้าวตรงไปยังห้องนอนใหญ่ ซึ่งบัดนี้ปราศจากเงาของฉีอ๋อง นางจึงเดินไปเปิดประตูเรียกสาวใช้คนสนิทให้เข้ามาช่วยแต่งตัว

ทันทีที่ได้พบหน้าเจ้านาย ลี่อิ่งรีบกระซิบถามถึงเรื่องสำคัญ ค่ำคืนที่ผ่านมานางกับลี่เจินลุ้นกันแทบตาย “พระชายาได้สิ่งที่ต้องการมาหรือไม่เพคะ”

“อืม เรียบร้อยแล้ว หลังช่วยข้าแต่งตัวเสร็จ ลี่เจินช่วยไปตามพ่อบ้านของตำหนักให้หน่อย ข้าอยากย้ายไปที่เรือนเร็วๆ มีหลายอย่างต้องทำวันนี้ กลัวว่าจะเสร็จไม่ทันช่วงบ่าย เพราะข้าต้องไปทำหน้าที่คนดูแลม้าให้ท่านอ๋อง”

มือของลี่อิ่งที่กำลังหวีผมให้เจ้านายชะงักค้างกลางอากาศ แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน คุณหนูของนางกลายคนเลี้ยงม้าของฉีอ๋อง! อย่าบอกนะว่านี่คือข้อแลกเปลี่ยน

มู่ซูซินเดาความคิดสาวใช้ของตนออกจึงพยักหน้าเป็นเชิงรับ

“โถ คุณหนูของบ่าว” ลี่อิ่งครางเสียงแผ่ว ดูท่าว่าเจ้านายของนาง คงจุติมาจากดาวคนเลี้ยงม้า ถึงได้หนีหน้าที่นี้ไม่พ้น แต่ก็อีกล่ะนะ การได้ดูแลม้าเป็นความชอบส่วนตัวของมู่ซูซินอยู่แล้ว ช่วงเช้าเป็นพระชายาฉีอ๋อง ตกบ่ายเป็นคนดูแลม้า ชีวิตไม่ซ้ำซากจำเจ

เมื่อได้เวลาพ่อบ้านของตำหนักก็มาถึงพอดี ชายวัยกลางอายุราวห้าสิบนามว่า เหวินซาน หรือ เหวินกงกง ท่าทางเข้มงวดแววตาเฉียบคมสมกับเป็นคนสนิทของอ๋องทรราช!

เขาทำความเคารพนายหญิงของตำหนักอย่างให้เกียรติ ก่อนเดินนำไปยังเรือนอู่ถง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของตำหนักเว่ยจง เป็นเรือนที่อยู่ใกล้คอกม้าที่สุด สะดวกต่อการเดินไปทำงานอย่างไม่มีข้อกังขา!

คล้อยหลังเหวินกงกงและพาพระชายามู่ นางกำนัลคนหนึ่งที่ซุ่มอยู่แถวนั้น แอบมากระซิบถามนางกำนัลผู้มีหน้าที่ทำความสะอาดห้องบรรทมของฉีอ๋อง เรื่องของผ้ารองเลือดพรหมจรรย์ ก่อนผละไปด้วยรอยยิ้ม

เรือนอู่ถง

“ท่านอ๋องรับสั่งให้กระหม่อมจัดเตรียมเรือนแห่งนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ ทั้งยังกำชับมาด้วยว่าในช่วงบ่าย เอ่อ…”

เหวินกงกงมีท่าทีลังเล กำลังตรึกตรองว่าควรใช้คำพูดแบบใด ที่ฟังแล้วไม่ทำร้ายจิตใจดวงน้อยของพระชายา เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ปล่อยให้หญิงสาวทั้งสามเลิกคิ้วสูงรอฟังความ

“ในช่วงบ่าย พระชายาอย่าลืมไปเยี่ยมชมคอกม้าตามที่สัญญาไว้ด้วยนะพะย่ะค่ะ”

“โธ่ นึกว่าเรื่องสำคัญอะไร ขอบคุณเหวินกงกงมากเจ้าค่ะ รบกวนช่วยบอกท่านอ๋องให้ที ว่าข้าไม่ผิดสัญญาแน่นอน” ที่แท้ก็เรื่องนี้ ปล่อยให้นางลุ้นเสียจนตัวเกร็ง

“ขอพระชายาอย่าได้เกรงใจ ท่านอ๋องกำชับไว้ว่าให้ดูแลพระชายาเป็นอย่างดีพะย่ะค่ะ” เหวินกงกงยิ้มในหน้ากล่าวตอบมาอย่างนอบน้อม

เหวินกงกงมีลางสังหรณ์ว่า กำลังจะมีวีรบุรุษยากผ่านด่านหญิงงามเพิ่มขึ้นอีกคน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/2

    ในระหว่างที่มู่ซูซินเดินไปคอกม้า บ่าวรับใช้ก็กำลังยกฟูกที่นำมาจากเรือนอู่ถง เข้าไปเปลี่ยนในห้องนอนของฉีอ๋องอย่างระมัดระวัง ตามคำสั่งของเหวินกงกง เจ้าของตำหนักเองก็เพิ่งหารือกับกุนซือของตนเสร็จ ทั้งสองเดินไปยังเรือนของเฟิ่งเสวียนจี เพื่อรับมื้อกลางวันที่นั่น ได้ทันเห็นเหวินกงกงยืนคุมบ่าวชาย กำลังย้ายฟูกออกมาจากเรือนของตนพอดี วรกายสูงเดินแยกจากสหาย ตรงเข้าไปถามไถ่ด้วยความฉงน “เหวินกงกง ท่านกำลังทำอะไร ยกฟูกออกมาจากเรือนนอนของข้าทำไม” ครั้นได้ยินเสียงของนายเหนือหัว เหวินกงกงรีบหมุนตัวกลับมา จีบปากจีบคอรายงานด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรียนท่านอ๋อง พระชายาขอให้กระหม่อม นำฟูกที่เรือนอู่ถงมาเปลี่ยนให้ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ จะได้ทรงนอนหลับสบายยามค่ำคืน ไม่ต้องลำบากเสด็จไปอาศัยนอนที่เรือนอู่ถง” เฟิ่งเสวียนจีนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก คาดไม่ถึงว่ามู่ซูซินจะกล้าสั่งให้เหวินกงกงยกฟูกมาเปลี่ยนให้เขา พรืดด ซ่งเฉินซีได้ยินคำบอกเล่าของเหวินกงกงก็หลุดขำ ชี้พัดจีบในมือชี้ไปที่เฟิ่งเสวียนจีพร้อมทำหน้าตาล้อเลียน “กระหม่อมเพิ่งรู้ว่าที่แท้ท่านอ๋องเป็นคนนอนยาก ฮ่าๆๆ กระหม่อมชักอยากพบหน้าพระชายามู่ขึ้นมาเสียแล้ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/1 ไม่เอาปลาแล้วเจ้าจะเอาอะไร

    มู่ซูซินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าลี่มี่ยังปลอดภัยดีไม่ได้ถูกเฟิ่งเสวียนจีจัดการอย่างที่เคยขู่นางไว้ เพียงแต่ข้องใจว่าไฉนลี่มี่ถึงได้ยอมให้คนตัวโต แอบมานอนบนเตียงแทนที่มันได้อย่างง่ายดาย ดวงตาคู่สวยมองมายังร่างแกร่งที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นอนยิ้มกริ่มหน้าตาสดใสประหนึ่งได้นอนหลับสนิทแปดชั่วโมงขั้นต่ำ “ชายารักมองสามีจริงจังแบบนี้ กำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่รึเปล่า” พูดจบก็ขยับนอนตะแคงพิงแขน สาบเสื้อนอนเจ้ากรรมแหวกออกจนเห็นแผ่นอกแกร่งกับหน้าท้องเป็นลอนขาวจั๊วะยั่วยวนสายตาคนมองแต่เช้า “…” มู่ซูซิน เรียกแทนตัวเองว่าสามีด้วย กรี๊ดดด อารมณ์ไหนแต่เช้าเนี่ย ตามไม่ทันโว้ย!! พร้อมกับลอบกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ “ท่านอ๋อง เหตุใดถึงมานอนที่นี่ได้เพคะ ทรงเมาแล้วเดินละเมอมาหรือ” รีบเอาข้อเรื่องเมาขึ้นมาดักคอ นางอยากรู้นักว่าเขาจะแก้ตัวยังไง “ฟูกที่เรือนนี้นอนสบายกว่าฟูกที่เรือนของเปิ่นหวาง” ง่ายๆได้ใจความ แต่ทำคนฟังหน้าเหวอไปอีกรอบ รับสั่งจบก็ลุกออกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าล้างตา ปล่อยให้มู่ซูซินนั่งอ้าปากค้างมองตามแผ่นหลังกว้างตาแป๋ว พูดอะไรไม่ออกไปโดยปริยาย พฤติกรรมของมนุษย์ทั้งสองสร้างความขบ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/2

    
 แผนการมาดักรอพบฉีอ๋องในวันนี้นับว่าไม่สูญเปล่า นอกจากฝ่ายชายจะยอมให้นางอาศัยรถม้า เขายังทิ้งพระชายาที่เพิ่งอภิเษกได้เพียงไม่กี่วันให้กลับตำหนักเว่ยจงไปคนเดียว แล้วเลือกมากินมื้อเย็นกับนางที่นี่แทน ฉู่ฟางอิ๋งรู้สึกราวกับตนเป็นผู้ชนะ “คุณหนูฉู่อิ่มแล้วหรือ เปิ่นหวางเห็นเจ้ากินไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ไม่กินอีกสักหน่อยเล่า เจ้าดูเหมือนซูบผอมไปนะ” เขาพูดไปตามที่เห็นเมื่อเดือนก่อนนางยังดูมีเนื้อหนังมากกว่านี้ ภายในใจของฉู่ฟางอิ๋งลิงโลด แผนอดข้าวอดน้ำมาระยะหนึ่ง จนทำให้ร่างกายซูบผอมลงเหมือนคนตรอมใจถือว่าไม่เหนื่อยเปล่า ฉีอ๋องสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้จริงๆ “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงห่วงใย อิงเอ๋อร์อิ่มแล้วเพคะ คงเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก” “เจ้าซูบผอมแบบนี้ใต้เท้าฉู่ไม่เป็นห่วงแย่หรือ” ฉู่ฟางอิ๋งเม้มปาก สีหน้าเผยถึงความน้อยใจยามนึกถึงบิดา “ช่วงนี้ท่านพ่อถ้าไม่อยู่ที่ทำงาน ก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องหนังสือหลังกลับมาจากในวัง กระทั่งข้าวปลาก็ไม่ออกมากิน พ่อบ้านต้องยกไปให้ที่นั่น มีบางวันที่ออกไปกับพี่ใหญ่จนมืดค่ำถึงกลับจวน อิ๋งเอ๋อร์กับท่านแม่แทบจะไม่ได้เห็นหน้า

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/1 ลี่มี่เกลียดคนจำพวกนี้น่ะคุณหนูฉู่

    นอกจากรับสั่งถามมู่ซูซินเสียงลอดไรฟัน เฟิ่งเสวียนจียังเผลอปล่อยไอสังหารออกมาบางส่วน ทำหญิงสาวบอบบาง ผู้มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเป็นช่วงเวลาอย่างฉู่ฟางอิ๋งแทบหายใจไม่ออก ใบหน้างามเริ่มซีดเป็นไก่ต้มยกมือกุมหน้าอกคล้ายจะเป็นลม พระชายาฉีอ๋องผู้ใจกว้างดั่งมหาสมุทร รีบฉวยโอกาสเบี่ยงเบนความสนใจของสามีอารมณ์แปรปรวนอย่างแนบเนียน “ตายแล้ว คุณหนูฉู่ ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ล่ะ ท่านหน้ามืดอีกแล้วหรือ หานเย่! บอกให้สาวใช้ของคุณหนูฉู่เข้ามาด้านในหน่อย คุณหนูฉู่ตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอท่านอ๋องจนลมจับแน่ะ” “…” เฟิ่งเสวียนจี 0_0! ฉู่ฟางอิ๋ง หลังจากจิกกัดคู่สร้างคู่สมไปคนละคำ มู่ซูซินรีบกุลีกุจอหยิบยาดมสมุนไพรขึ้นมาจ่อจมูกตนเอง สูดกลิ่นเสียงดัง ฟื้ดดดด ไม่ส่งให้ฉู่ฟางอิ๋งทันที “ข้าดมให้ดูก่อนว่าไม่มีพิษ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ” เกิดมีคนตั้งใจใส่ร้ายว่าถูกพิษจากยาดมของนาง จะได้มีคำแก้ต่างรวมทั้งพยานตัวโตข้างๆมายืนยัน เสี่ยวจู สาวใช้ของฉู่ฟางอิ๋งก้าวเข้ามาด้านในรถม้าพอดี มู่ซูซินจึงส่งยาดมให้ “เอาให้คุณหนูของเจ้าดม อาการหน้ามืดจะได้ดีขึ้น” สาวใช้กล่าวขอบคุณพระชายาฉีอ๋อง รีบนั่งลงจ่อยาดมให้เจ้านายด้วยความเป็นห่ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/2

    ทุกคนในห้องหันขวับมองเฟิ่งเสวียนจีเป็นตาเดียว แม้แต่ลี่มี่ที่กำลังปล่อยให้หยางซื่อเกาพุงยังรีบลุกขึ้นมาจ้องชายหนุ่มด้วยอีกตัว มู่ซูซินเอียงหน้ามองเขาตาค้าง เพียงแค่ระยะเวลาสองสามวันฉีอ๋องทำนางตกตะลึง ประหลาดใจ แปลกใจ สติหลุดและอีกหลากหลายอารมณ์ไปไม่รู้จักกี่ครั้งแล้ว “ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?” ตำหนักก็ของเขาจะมาถามความเห็นนางทำไม “อืม มู่เหยียนเป็นน้องชายของพระชายา เปิ่นหวางจึงให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ” คนฟังแทบไม่เชื่อหูตนเอง ฉีอ๋องเพิ่งบอกว่าให้นางเป็นคนตัดสินใจ จริงดิ! อารมณ์สามีให้เกียรติภรรยาว่างั้น แต่ไม่ดีกว่า บุรุษตรงหน้ายิ่งหาความแน่นอนทางอารมณ์ไม่ได้ ขอกลับไปทำข้อตกลงกับเขาให้เรียบร้อยก่อน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของน้องชาย ตรองได้ดังนั้นมู่ซูซินจึงหันไปพูดกับมู่เหยียนแทน “เสี่ยวเหยียน พี่ใหญ่ขอกลับไปหารือกับท่านอ๋องก่อนนะ ได้คำตอบอย่างไรพี่ใหญ่จะส่งคนมาบอก” มู่เหยียนเป็นเด็กฉลาดรู้ความ เขาไม่งอแงเอาแต่ใจ หากพี่สาวขอหารือกับพี่เขยก่อนเขาก็ไม่มีปัญหา ผ่านไปพักหนึ่งเฟิ่งเสวียนจีจึงชวนชายากลับ มู่ซูซินร่ำลาครอบครัว รับลี่มี่มาจากอ้อมแขนของมู่เหยียน ที่เพิ่งก

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/1 ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?

    ลี่มี่ได้ยินเสียงในความคิดของเฟิ่งเสวียนจี มันเงยหน้าจ้องตามู่ซูซินคล้ายสื่อสารบางอย่าง หญิงสาวหน้าตาเลิ่กลั่ก ก้มกระซิบกับแมวของตน “เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือลี่มี่” เมี้ยว ลี่มี่ส่งเสียงหวานตอบรับ พร้อมหรี่ตามองนางทาสของมันด้วยสายตาจับผิด และนี่คือความลับอีกหนึ่งเรื่องของมู่ซูซิน ลี่มี่หาใช่แมวปกติ แต่เป็นแมวพิเศษที่ยมทูตมอบให้นางตอนอายุครบสิบปี หลังมื้อกลางวันที่จวนตระกูลมู่ พ่อตากับลูกเขยสูงศักดิ์ก็พากันไปเดินหมาก ร่วมกับการเสวนาเรื่องอาชากันอย่างถูกคอ ปล่อยให้มู่ซูซินได้ใช้เวลากับคนที่เหลือในครอบครัว องครักษ์สองหานลอบพยักหน้าให้กันอย่างโล่งอก ในชีวิตของฉีอ๋องนอกจากอาชาและการทำศึก…หมากล้อม อาหารและสุรารสเลิศ คือสิ่งที่ทรงโปรดปราน นับว่าคนตระกูลมู่มาถูกทางเลยทีเดียว ภายในเรือนส่วนตัวของหยางซื่อ เมื่อประตูของเรือนปิดลง ลี่อิ่ง ลี่เจิน รวมถึงองครักษ์ตระกูลหยาง หรือพูดให้ถูกว่าองครักษ์ของหอเหว่ยตี้ได้เข้าประจำที่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเข้าใกล้เรือน ขณะที่นายใหญ่และนายน้อยของหอเหว่ยตี้กำลังหารือเรื่องสำคัญ “ซินเอ๋อร์ เรื่องที่ลูกสงสัย คนของเราสืบมาได้ว่า พ่อลูกตระกูลฉู่แอบติด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status