Share

บทที่ 4/2

last update Last Updated: 2025-10-05 21:58:30

เรือนอู่ถงนับว่ากว้างขวางสะดวกสบาย เครื่องเรือนแต่ละชิ้นล้ำค่าสมฐานะ สาวใช้ บ่าวชายและองครักษ์ครบตามจำนวนที่ตำแหน่งพระชายาเอกพึงมี

ด้านข้างเรือนทางฝั่งค่อนไปทางทิศใต้ มีสวนดอกไม้ สระบัวและศาลาริมน้ำ มองแล้วร่มรื่นสบายตาน่าพักผ่อน การได้รับความเอาใจใส่เช่นนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของมู่ซูซินไปมาก

คราแรกนางคิดว่าเขาจะส่งนางมาอยู่เรือนเล็กๆ ค่อนไปทางทรุดโทรมห่างไกลผู้คนเสียอีก เห็นทีนางต้องประเมินเขาใหม่เสียแล้ว บางทีฉีอ๋องอาจไม่ได้เลวบริสุทธิ์อย่างที่ใครๆ เข้าใจก็เป็นได้

หลังจัดข้าวของเข้าที่ กินมื้อเที่ยงเสร็จ เสร็จมู่ซูซินก็เปลี่ยนมาใส่ชุดทะมัดทะแมงสีแดงเข้ม เดินตรงไปยังคอกม้าอย่างร่าเริง เพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายตามสัญญา

ผู้ดูแลม้าทั้งสองคนมารอนางอยู่แล้วตามคำสั่งของนายเหนือหัว พวกเขาความเคารพนางอย่างนอบน้อม จากนั้นจึงพาเดินดูม้าทั้งสิบสองตัว

ภายในคอกที่ใหญ่ที่สุด อาชาเหงื่อโลหิตคู่หนึ่งถูกเลี้ยงไว้ในนั้น พวกมันรีบรุดมาที่ขอบรั้วอย่างลิงโลด เมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายคุ้นเคย ขยับหัวขอให้นางลูบจมูกลูบแผงคอด้วยท่าทางออดอ้อนประหนึ่งเด็กน้อยอ้อนมารดา

พฤติกรรมของม้าทั้งสองตัว สร้างความประหลาดใจให้ผู้ดูแล เป็นเพราะปกติพวกมันมีนิสัยหยิ่งทะนงไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ง่ายๆ แต่เวลานี้กลับแสดงออกว่าดีใจนักหนาเมื่อได้พบพระชายาฉีอ๋อง เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกมันชอบคนงาม?

พวกเขาจึงบอกกับนางตามความจริง เรื่องที่พวกตนดูม้าทั้งสองตัวนี้มาหลายปี ทว่ายังไม่เคยได้รับการต้อนรับเช่นนี้มาก่อน

มู่ซูซินฟังแล้วระบายยิ้มกว้างจนตาโค้ง สีหน้าเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มปีติ

“จริงหรือ ข้าดีใจที่ม้าของท่านอ๋องชอบข้า แบบนี้ค่อยเบาใจหน่อย ข้าจะได้ไม่โดนท่านอ๋องตำหนิ คิกๆๆ” เสียงหัวเราะด้วยความสดใสของนาง ลอยเข้าหูร่างสูงที่เพิ่งเดินมาถึง

เฟิ่งเสวียนจีตั้งใจมาแอบดู ว่านางจะดูแลม้าได้จริงเหมือนอย่างที่คุยอวดไว้หรือเปล่า แต่เมื่อได้เห็นอาชาเหงื่อโลหิตที่ปกติหวงตัวหนักหนา กำลังคลอเคลียมู่ซูซินอย่างออดอ้อนจึงอดประหลาดใจไม่ได้

หากจะมองว่าเพราะนางเป็นสตรี อาชาทั้งสองจึงอ่อนโยนด้วยก็คงไม่ใช่ เพราะเขาเคยพาพวกมันออกไปขี่เล่นนอกเมือง โดยชวนฉู่ฟางอิ๋งไปด้วย ทว่าพวกมันไม่ยอมให้นางเข้าใกล้ ทำท่าจะพยศใส่จนฉู่ฟางอิ๋งหวาดกลัว เขาเลยต้องให้หานเย่กับหานจิ้งพาพวกมันไปวิ่งเล่นแทน

นอกจากเขาและคนดูแลม้า ยังมีอีกหนึ่งคนที่อาชาทั้งสองชอบคลอเคลียด้วย คนผู้นั้นคือ…

นายน้อยแห่งหอเหว่ยตี้!

“น่าสนใจจริงๆ” สุรเสียงทุ้มต่ำรับสั่งขึ้นมาลอยๆ เริ่มสนใจในตัวมู่ซูซินขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ในฉับพลันนั้นความคิดบางอย่างพลันผุดขึ้นในหัว วรกายสูงก้าวเข้ามาในคอกม้า เปล่งเสียงถามคนตัวเล็กในชุดทะมัดทะแมงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ขี่ม้าเป็นรึเปล่า”

สุรเสียงก้องกังวานสะกดทุกคนตรงนั้นให้หันมาตามเสียง ก่อนแสดงความเคารพกันอย่างพร้อมเพรียง

“คารวะท่านอ๋อง”

“ไม่ต้องมากพิธี เปิ่นหวางถามว่าขี่ม้าเป็นรึเปล่า”

มู่ซูซินเงยหน้ามองคนตัวสูงด้วยสีหน้าฉงน ใบหน้าเรียวรูปไข่มีแก้มอิ่มเอิบ ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งจนแทบคั้นน้ำออกมาได้ ดวงตาคู่สวยวามวาวราวลูกกวางน้อย ริมฝีปากอวบอิ่มแดงเรื่อราวผลอิงเถา* ยิ่งมองยิ่งงดงามจนยากจะละสายตา เรียวคิ้วสวยเลิกขึ้นเล็กน้อย ชี้นิ้วเรียวเข้าหาตนเอง

“ทรงถามซินเอ๋อร์หรือเพคะ”

เฟิ่งเสวียนจีโดนภาพสาวงามสะกดสายตาอีกครั้ง หัวใจเต้นผิดจังหวะไปคราหนึ่ง ลำคอรู้สึกแห้งผากต้องลอบกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ก่อนรับสั่งตอบนาง

“ใช่ เปิ่นหวางถามเจ้า ว่าอย่างไร ขี่ม้าเป็นหรือไม่”

“ขะ ขี่เป็นเพคะแต่ไม่เก่ง แค่วิ่งเหยาะๆพอได้ ไม่กล้าให้ม้าวิ่งเร็ว กลัวเพคะ” เสียงหวานตอบกลับมาอ้อมแอ้มท่าทางประหม่าอย่างเป็นธรรมชาติ

สาวใช้สองลี่ก้มหน้างุดยิ่งกว่าเก่า ไม่กล้าเงยขึ้นมาเพราะกลัวโดนจับพิรุธในแววตา ด้วยว่าเจ้านายของพวกนางเชี่ยวชาญการขี่ม้ายิงธนูไม่แพ้บุรุษ ครั้นมาเห็นมู่ซูซินทำตัวอ่อนแอราวตุ๊กตากระเบื้องเยี่ยงนี้เลยไม่ชิน เพราะปกติถึกทนอย่างกับสิงโตหินฮวากั่งฉือ* ที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าจวน ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับร้อยนับพันปี!

วรกายสูงใหญ่ก้าวมาใกล้ชายาของตน ยกปลายนิ้วเชยคางมนของมู่ซูซิน เพ่งมองดวงตาคู่งามกลมโตที่กำลังสั่นระริก “ไปขี่ม้าเล่นกับเปิ่นหวางนอกเมือง”

จากนั้นจึงสั่งให้คนดูแลม้าพาอาชาตัวโปรดทั้งสองออกมาใส่อานและบังเหียน เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขายื่นบังเหียนม้าเพศเมียให้นาง “เจ้าขี่เถาฮวาก็แล้วกัน”

มือเรียวรับบังเหียนมาอย่าง งง งง “เอ่อ ท่านอ๋องจะให้ซินเอ๋อร์ขี่ม้าตัวนี้จริงๆหรือเพคะ ไม่กลัวว่าซินเอ๋อร์จะทำให้เถาฮวาเจ็บตัวโดยใช่เหตุหรือเพคะ”

“ถ้าเถาฮวาเป็นอะไรขึ้นมา เปิ่นหวางจะจับเจ้าฝังทั้งเป็น”

ดวงตากลมโตของมู่ซูซินเบิกกว้าง ตกตะลึงในถ้อยคำของเฟิ่งเสวียนจี นี่คงเป็นแผนคิดกำจัดนางแบบแนบเนียนสินะ ไม่มีทางเสียล่ะ

“ถ้าเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ขออนุญาตไม่ไปเพคะ ขออยู่กวาดคอกม้าดีกว่า ยังไม่อยากถูกฝังทั้งเป็น”

“เจ้ากล้าขัดคำสั่งเปิ่นหวาง?” เฟิ่งเสวียนจีกดเสียงต่ำขณะรับสั่งถาม

“มิบังอาจเพคะ แค่ยังไม่อยากถูกฝังทั้งเป็น…ท่านอ๋องปล่อยซินเอ๋อร์ไปเถิดนะเพคะ เดี๋ยวซินเอ๋อร์ลงโทษตัวเองด้วยการไม่กินมื้อเย็นก็ได้” ใบหน้างามสลดหดหู่ รีบเสนอบทลงโทษให้ตัวเอง ดีกว่าให้อีกฝ่ายเป็นคนระบุโทษ

ทว่าการอ้อนวอนของนางกลับไม่เป็นผล คนตัวโตสาวเท้าเขามาใกล้แสยะยิ้มไม่น่าไว้ใจ ก้มช้อนอุ้มร่างนุ่มนิ่มขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ว้าย จะทรงทำสิ่งใดเพคะ” มู่ซูซินร้องเสียงหลงยกแขนคล้องลำคอแกร่งด้วยความตกใจ

*******************

*ผลอิงเถา : ลูกเชอร์รี่

*ฮวากั่วฉือ : หินแกรนิต

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/2

    ในระหว่างที่มู่ซูซินเดินไปคอกม้า บ่าวรับใช้ก็กำลังยกฟูกที่นำมาจากเรือนอู่ถง เข้าไปเปลี่ยนในห้องนอนของฉีอ๋องอย่างระมัดระวัง ตามคำสั่งของเหวินกงกง เจ้าของตำหนักเองก็เพิ่งหารือกับกุนซือของตนเสร็จ ทั้งสองเดินไปยังเรือนของเฟิ่งเสวียนจี เพื่อรับมื้อกลางวันที่นั่น ได้ทันเห็นเหวินกงกงยืนคุมบ่าวชาย กำลังย้ายฟูกออกมาจากเรือนของตนพอดี วรกายสูงเดินแยกจากสหาย ตรงเข้าไปถามไถ่ด้วยความฉงน “เหวินกงกง ท่านกำลังทำอะไร ยกฟูกออกมาจากเรือนนอนของข้าทำไม” ครั้นได้ยินเสียงของนายเหนือหัว เหวินกงกงรีบหมุนตัวกลับมา จีบปากจีบคอรายงานด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรียนท่านอ๋อง พระชายาขอให้กระหม่อม นำฟูกที่เรือนอู่ถงมาเปลี่ยนให้ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ จะได้ทรงนอนหลับสบายยามค่ำคืน ไม่ต้องลำบากเสด็จไปอาศัยนอนที่เรือนอู่ถง” เฟิ่งเสวียนจีนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก คาดไม่ถึงว่ามู่ซูซินจะกล้าสั่งให้เหวินกงกงยกฟูกมาเปลี่ยนให้เขา พรืดด ซ่งเฉินซีได้ยินคำบอกเล่าของเหวินกงกงก็หลุดขำ ชี้พัดจีบในมือชี้ไปที่เฟิ่งเสวียนจีพร้อมทำหน้าตาล้อเลียน “กระหม่อมเพิ่งรู้ว่าที่แท้ท่านอ๋องเป็นคนนอนยาก ฮ่าๆๆ กระหม่อมชักอยากพบหน้าพระชายามู่ขึ้นมาเสียแล้ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/1 ไม่เอาปลาแล้วเจ้าจะเอาอะไร

    มู่ซูซินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าลี่มี่ยังปลอดภัยดีไม่ได้ถูกเฟิ่งเสวียนจีจัดการอย่างที่เคยขู่นางไว้ เพียงแต่ข้องใจว่าไฉนลี่มี่ถึงได้ยอมให้คนตัวโต แอบมานอนบนเตียงแทนที่มันได้อย่างง่ายดาย ดวงตาคู่สวยมองมายังร่างแกร่งที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นอนยิ้มกริ่มหน้าตาสดใสประหนึ่งได้นอนหลับสนิทแปดชั่วโมงขั้นต่ำ “ชายารักมองสามีจริงจังแบบนี้ กำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่รึเปล่า” พูดจบก็ขยับนอนตะแคงพิงแขน สาบเสื้อนอนเจ้ากรรมแหวกออกจนเห็นแผ่นอกแกร่งกับหน้าท้องเป็นลอนขาวจั๊วะยั่วยวนสายตาคนมองแต่เช้า “…” มู่ซูซิน เรียกแทนตัวเองว่าสามีด้วย กรี๊ดดด อารมณ์ไหนแต่เช้าเนี่ย ตามไม่ทันโว้ย!! พร้อมกับลอบกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ “ท่านอ๋อง เหตุใดถึงมานอนที่นี่ได้เพคะ ทรงเมาแล้วเดินละเมอมาหรือ” รีบเอาข้อเรื่องเมาขึ้นมาดักคอ นางอยากรู้นักว่าเขาจะแก้ตัวยังไง “ฟูกที่เรือนนี้นอนสบายกว่าฟูกที่เรือนของเปิ่นหวาง” ง่ายๆได้ใจความ แต่ทำคนฟังหน้าเหวอไปอีกรอบ รับสั่งจบก็ลุกออกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าล้างตา ปล่อยให้มู่ซูซินนั่งอ้าปากค้างมองตามแผ่นหลังกว้างตาแป๋ว พูดอะไรไม่ออกไปโดยปริยาย พฤติกรรมของมนุษย์ทั้งสองสร้างความขบ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/2

    
 แผนการมาดักรอพบฉีอ๋องในวันนี้นับว่าไม่สูญเปล่า นอกจากฝ่ายชายจะยอมให้นางอาศัยรถม้า เขายังทิ้งพระชายาที่เพิ่งอภิเษกได้เพียงไม่กี่วันให้กลับตำหนักเว่ยจงไปคนเดียว แล้วเลือกมากินมื้อเย็นกับนางที่นี่แทน ฉู่ฟางอิ๋งรู้สึกราวกับตนเป็นผู้ชนะ “คุณหนูฉู่อิ่มแล้วหรือ เปิ่นหวางเห็นเจ้ากินไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ไม่กินอีกสักหน่อยเล่า เจ้าดูเหมือนซูบผอมไปนะ” เขาพูดไปตามที่เห็นเมื่อเดือนก่อนนางยังดูมีเนื้อหนังมากกว่านี้ ภายในใจของฉู่ฟางอิ๋งลิงโลด แผนอดข้าวอดน้ำมาระยะหนึ่ง จนทำให้ร่างกายซูบผอมลงเหมือนคนตรอมใจถือว่าไม่เหนื่อยเปล่า ฉีอ๋องสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้จริงๆ “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงห่วงใย อิงเอ๋อร์อิ่มแล้วเพคะ คงเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก” “เจ้าซูบผอมแบบนี้ใต้เท้าฉู่ไม่เป็นห่วงแย่หรือ” ฉู่ฟางอิ๋งเม้มปาก สีหน้าเผยถึงความน้อยใจยามนึกถึงบิดา “ช่วงนี้ท่านพ่อถ้าไม่อยู่ที่ทำงาน ก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องหนังสือหลังกลับมาจากในวัง กระทั่งข้าวปลาก็ไม่ออกมากิน พ่อบ้านต้องยกไปให้ที่นั่น มีบางวันที่ออกไปกับพี่ใหญ่จนมืดค่ำถึงกลับจวน อิ๋งเอ๋อร์กับท่านแม่แทบจะไม่ได้เห็นหน้า

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/1 ลี่มี่เกลียดคนจำพวกนี้น่ะคุณหนูฉู่

    นอกจากรับสั่งถามมู่ซูซินเสียงลอดไรฟัน เฟิ่งเสวียนจียังเผลอปล่อยไอสังหารออกมาบางส่วน ทำหญิงสาวบอบบาง ผู้มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเป็นช่วงเวลาอย่างฉู่ฟางอิ๋งแทบหายใจไม่ออก ใบหน้างามเริ่มซีดเป็นไก่ต้มยกมือกุมหน้าอกคล้ายจะเป็นลม พระชายาฉีอ๋องผู้ใจกว้างดั่งมหาสมุทร รีบฉวยโอกาสเบี่ยงเบนความสนใจของสามีอารมณ์แปรปรวนอย่างแนบเนียน “ตายแล้ว คุณหนูฉู่ ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ล่ะ ท่านหน้ามืดอีกแล้วหรือ หานเย่! บอกให้สาวใช้ของคุณหนูฉู่เข้ามาด้านในหน่อย คุณหนูฉู่ตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอท่านอ๋องจนลมจับแน่ะ” “…” เฟิ่งเสวียนจี 0_0! ฉู่ฟางอิ๋ง หลังจากจิกกัดคู่สร้างคู่สมไปคนละคำ มู่ซูซินรีบกุลีกุจอหยิบยาดมสมุนไพรขึ้นมาจ่อจมูกตนเอง สูดกลิ่นเสียงดัง ฟื้ดดดด ไม่ส่งให้ฉู่ฟางอิ๋งทันที “ข้าดมให้ดูก่อนว่าไม่มีพิษ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ” เกิดมีคนตั้งใจใส่ร้ายว่าถูกพิษจากยาดมของนาง จะได้มีคำแก้ต่างรวมทั้งพยานตัวโตข้างๆมายืนยัน เสี่ยวจู สาวใช้ของฉู่ฟางอิ๋งก้าวเข้ามาด้านในรถม้าพอดี มู่ซูซินจึงส่งยาดมให้ “เอาให้คุณหนูของเจ้าดม อาการหน้ามืดจะได้ดีขึ้น” สาวใช้กล่าวขอบคุณพระชายาฉีอ๋อง รีบนั่งลงจ่อยาดมให้เจ้านายด้วยความเป็นห่ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/2

    ทุกคนในห้องหันขวับมองเฟิ่งเสวียนจีเป็นตาเดียว แม้แต่ลี่มี่ที่กำลังปล่อยให้หยางซื่อเกาพุงยังรีบลุกขึ้นมาจ้องชายหนุ่มด้วยอีกตัว มู่ซูซินเอียงหน้ามองเขาตาค้าง เพียงแค่ระยะเวลาสองสามวันฉีอ๋องทำนางตกตะลึง ประหลาดใจ แปลกใจ สติหลุดและอีกหลากหลายอารมณ์ไปไม่รู้จักกี่ครั้งแล้ว “ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?” ตำหนักก็ของเขาจะมาถามความเห็นนางทำไม “อืม มู่เหยียนเป็นน้องชายของพระชายา เปิ่นหวางจึงให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ” คนฟังแทบไม่เชื่อหูตนเอง ฉีอ๋องเพิ่งบอกว่าให้นางเป็นคนตัดสินใจ จริงดิ! อารมณ์สามีให้เกียรติภรรยาว่างั้น แต่ไม่ดีกว่า บุรุษตรงหน้ายิ่งหาความแน่นอนทางอารมณ์ไม่ได้ ขอกลับไปทำข้อตกลงกับเขาให้เรียบร้อยก่อน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของน้องชาย ตรองได้ดังนั้นมู่ซูซินจึงหันไปพูดกับมู่เหยียนแทน “เสี่ยวเหยียน พี่ใหญ่ขอกลับไปหารือกับท่านอ๋องก่อนนะ ได้คำตอบอย่างไรพี่ใหญ่จะส่งคนมาบอก” มู่เหยียนเป็นเด็กฉลาดรู้ความ เขาไม่งอแงเอาแต่ใจ หากพี่สาวขอหารือกับพี่เขยก่อนเขาก็ไม่มีปัญหา ผ่านไปพักหนึ่งเฟิ่งเสวียนจีจึงชวนชายากลับ มู่ซูซินร่ำลาครอบครัว รับลี่มี่มาจากอ้อมแขนของมู่เหยียน ที่เพิ่งก

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/1 ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?

    ลี่มี่ได้ยินเสียงในความคิดของเฟิ่งเสวียนจี มันเงยหน้าจ้องตามู่ซูซินคล้ายสื่อสารบางอย่าง หญิงสาวหน้าตาเลิ่กลั่ก ก้มกระซิบกับแมวของตน “เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือลี่มี่” เมี้ยว ลี่มี่ส่งเสียงหวานตอบรับ พร้อมหรี่ตามองนางทาสของมันด้วยสายตาจับผิด และนี่คือความลับอีกหนึ่งเรื่องของมู่ซูซิน ลี่มี่หาใช่แมวปกติ แต่เป็นแมวพิเศษที่ยมทูตมอบให้นางตอนอายุครบสิบปี หลังมื้อกลางวันที่จวนตระกูลมู่ พ่อตากับลูกเขยสูงศักดิ์ก็พากันไปเดินหมาก ร่วมกับการเสวนาเรื่องอาชากันอย่างถูกคอ ปล่อยให้มู่ซูซินได้ใช้เวลากับคนที่เหลือในครอบครัว องครักษ์สองหานลอบพยักหน้าให้กันอย่างโล่งอก ในชีวิตของฉีอ๋องนอกจากอาชาและการทำศึก…หมากล้อม อาหารและสุรารสเลิศ คือสิ่งที่ทรงโปรดปราน นับว่าคนตระกูลมู่มาถูกทางเลยทีเดียว ภายในเรือนส่วนตัวของหยางซื่อ เมื่อประตูของเรือนปิดลง ลี่อิ่ง ลี่เจิน รวมถึงองครักษ์ตระกูลหยาง หรือพูดให้ถูกว่าองครักษ์ของหอเหว่ยตี้ได้เข้าประจำที่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเข้าใกล้เรือน ขณะที่นายใหญ่และนายน้อยของหอเหว่ยตี้กำลังหารือเรื่องสำคัญ “ซินเอ๋อร์ เรื่องที่ลูกสงสัย คนของเราสืบมาได้ว่า พ่อลูกตระกูลฉู่แอบติด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status