หน้าหลัก / รักโบราณ / เพียงนางที่ข้าจะรัก / บทที่ 5 กรี๊ด…ใครก็ได้ช่วยด้วย ตอนต้น

แชร์

บทที่ 5 กรี๊ด…ใครก็ได้ช่วยด้วย ตอนต้น

ผู้เขียน: ชวี่เหว่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-05 21:58:38

ฟึ่บ! เฟิ่งเสวียนจีวางมู่ซูซินบนหลังม้าโดยที่นางไม่ทันตั้งตัว ก่อนเดินไปกระโดดขึ้นม้าอีกตัวด้วยท่วงท่าสง่างาม เปล่งเสียงออกคำสั่งเด็ดขาดโดยไม่สนใจท่าทางตื่นตระหนกของร่างบางบนหลังม้าแต่อย่างใด

“หากเจ้าปีนลงมาเปิ่นหวางจะหักขาเจ้าซะ”

(*_*”)มู่ซูซินที่กำลังจะปีนลงมาจากหลังม้าชะงักกึก

“คนใจร้าย!เผด็จการที่สุดเลย!” ใบหน้างามง้ำงอ อมลมแก้มป่องจำต้องยอมไปขี่ม้ากับเขาอย่างมิอาจขัดขืน

ดวงเนตรคู่คมเหลือบมองดวงหน้างามที่กำลังบึ้งตึงปราดหนึ่ง มุมปากกดลึกแววตาฉายประกายขบขัน

องครักษ์สองหานสบตากันอย่างมีความนัย ‘ท่านอ๋องยิ้ม!’

ขบวนขี่ม้าออกทางประตูหลังจวนโดยใช้เส้นทางเลียบแม่น้ำไปจนถึงประตูเมืองฝั่งตะวันตก ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่งมีป่าไผ่ข้างทางอากาศไม่ร้อนอบอ้าวเพราะเป็นต้นฤดูสารทแล้ว

ในขณะที่มู่ซูซินถูกบังคับให้ออกไปขี่ม้าเป็นเพื่อนฉีอ๋องอย่างไม่เต็มใจอยู่นั้น หมัวมัวจากตำหนักซูเฟยที่มารอรับผ้ารองเลือดพรหมจรรย์ตามธรรมเนียม เพื่อนำไปแสดงแก่ญาติผู้ใหญ่ที่เป็นสตรีของฝ่ายชายได้นำผ้าไปมอบให้ซูเฟยตามคำสั่ง

ฟ่านซูเฟยเมื่อเห็นว่าผ้ายังขาวสะอาดปราศจากคราบเปรอะเปื้อนใดๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีผุดพรายบนดวงพักตร์ “นับว่าฉีอ๋องรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ส่งข่าวไปจวนตระกูลไป๋เรื่องที่ฉีอ๋องไม่ได้เข้าหอกับพระชายาบ้านนอกคนนั้น อย่าลืมทำอย่างเงียบๆ ด้วยล่ะ” รับสั่งบอกหมัวมัวข้างกายด้วยสีหน้ารื่นเริง ซูเฟยยังไม่ยอมแพ้เรื่องที่ต้องการดึงตระกูลไป๋มาเป็นพวก

จวนตระกูลฉู่

เพล้ง! เพล้ง!

“กรี๊ดดด ข้าไม่ยอม!ท่านอ๋องทำแบบนี้กับข้าได้ยังไง!”

เสียงข้าวของถูกปาลงพื้นเคล้าเสียงกรีดร้องของฉู่ฟางอิ๋งดังขึ้นในรือนเจียวเมิ่ง เมื่อช่วงเช้านางยังดีใจที่ฉีอ๋องไม่ได้เข้าหอกับมู่ซูซิน ตามที่นางกำนัลคนหนึ่งในตำหนักเว่ยจงรายงานมา

แต่ใครจะคิดว่าพอตกบ่ายฝ่ายชายกลับพาผู้หญิงคนนั้นออกไปขี่ม้าเล่น และยังยอมให้นางขี่อาชาเหงื่อโลหิตที่เขาแสนจะหวงแหน!

สาวใช้คนสนิทรีบไปตามฮูหยินรอง ต่งโหยว มารดาของฉู่ฟางอิ๋งให้มาช่วยปลอบบุตรสาวอย่างเร่งรีบ เพราะนอกจากต่งซื่อไม่มีใครสามารถทำให้คุณหนูสามผู้นี้สงบลงได้ สาวใช้หลายคนไม่อยากเข้าใกล้ยามนางอาละวาดเพราะกลัวโดนลูกหลง

ตงซื่อที่เพิ่งมาถึงมองสภาพสาวใช้ที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่หน้าเรือนเจียวเมิ่งก่อนถอนหายใจหนัก

“อิ๋งเอ๋อร์ หยุดอาละวาดได้แล้ว ใครทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจอย่างนั้นรึ”

เพียงได้เห็นหน้ามารดาฉู่ฟางอิ๋งโผเข้าสู่อ้อมอกผู้ให้กำเนิด น้ำตาเม็ดโตพรั่งพรูเป็นสายจากความน้อยเนื้อต่ำใจในตัวฉีอ๋อง “ฮือ…อ ท่านแม่ ท่านต้องช่วยลูกนะเจ้าคะ ฮึก ท่านอ๋อง…”

เรื่องราวที่เฟิ่งเสวียนจีพาพระชายาออกไปขี่ม้าเล่นนอกเมืองถูกเล่าให้ต่งซื่อฟัง

“มิใช่ว่าเจ้าเพิ่งบอกแม่เมื่อช่วงสาย ว่าท่านอ๋องไม่ได้เข้าหอกับชายาหรอกรึ เหตุไฉนตอนนี้ถึงได้ยอมให้นางขี่ม้าที่ทรงหวงแหนนักหนาได้กันล่ะ ลูกไม่ได้ฟังมาผิดแน่นะ”

“ไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ” ฉู่ฟางอิ๋งบอกกับมารดา เรื่องที่ตนแอบซื้อตัวสาวใช้คนหนึ่งในตำหนักเว่ยจงไว้ ข่าวที่ได้มาไม่ผิดพลาดแน่นอน ต่งซื่อนั่งนิ่งไปครู่หนึ่งคล้ายกำลังตรึกตรองบางสิ่ง เสี้ยวลมหายใจต่อมาดวงตาของนางพลันทอประกาย

”อีกสิบวันจะเป็นวันเกิดของท่านอัครมหาเสนาบดีซ่ง ฉีอ๋องต้องพาพระชายาไปร่วมงานแน่ แม่ไม่เชื่อหรอกว่าหากท่านอ๋องได้เห็นเจ้าแล้วจะไม่รู้สึกอะไร ระหว่างนี้แม่จะช่วยคิดแผนเล่นงานพระชายาบ้านนอกคนนั้นไปพลางๆ

มิสู้วันพรุ่งนี้ เจ้าเรียกคนมาสั่งตัดชุดและเลือกเครื่องประดับใหม่จะดีกว่า อย่าให้น้อยหน้าสตรีบ้านนอกคนนั้นเด็ดขาด และที่สำคัญ เจ้าต้องทำให้ท่านอ๋องและทุกคนในงานประทับใจ ว่าเจ้าต่างหากคือสตรีที่คู่ควรกับท่านอ๋อง”

สีหน้าของฉู่ฟางอิ๋งดีขึ้นมากเมื่อได้ยินถ้อยคำของมารดา ใช่แล้ว นางไม่มีทางยอมแพ้ผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด!

มู่ซูซินไม่รู้ตัวเลยว่าการออกไปขี่ม้าอย่างไม่เต็มใจกับเฟิ่งเสวียนจี ทำให้นางถูกฉู่ฟางอิ๋งเขม่นเป็นที่เรียบร้อย

เปลือกตาของนางกระตุกไม่หยุดในขณะที่กำลังขี่เถาฮวาสุดสวยด้วยความระมัดระวังอย่างสุดชีวิต เพื่อไม่ให้มันเกิดรอยขีดข่วนใดๆอยู่นั้น

บุรุษตัวโตนิสัยเสียแถมเป็นจอมเผด็จการกลับไม่ปล่อยให้นางขี่ม้ากินลมชมทิวทัศน์สบายใจอย่างที่คิด

แต่กลับควบอาชาเหงื่อโลหิตเพศผู้นาม เหลยถิง ด้วยความเร็วสูงวิ่งผ่านหน้านางไปจนฝุ่นตลบปล่อยให้นางกินฝุ่นแดงเป็นของว่างยามบ่าย

แค่กๆๆ มู่ซูซินไอจนหน้าดำหน้าแดงแอบก่นด่าเฟิ่งเสวียนจีไปยันบรรพบุรุษ

“เด็กแว้นยุคจีนโบราณเอ้ย! ลูกฮ่องเต้สุนัข นิสัยกวนประสาทบ้าอำนาจอยู่ว่างไม่เป็นต้องหาเรื่องให้ชาวบ้านเดือดร้อนมิต่างจากบิดา แถมยังหน้าหนาโรคจิตชอบบังคับจิตใจคนอื่น เด็กโข่งขาดความอบอุ่นบรรพบุรุษไม่สั่งสอน ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

เรื่องยังไม่จบแค่นั้น คนที่คิดว่าควบม้าไปไกลแล้วกลับมาโผล่ข้างๆนางราวกับผีสาง ได้ทันเห็นนางกำลังทำปากขมุบขมิบพร่ำบ่นอะไรบางอย่างเข้าพอดี

“เจ้ากำลังแอบด่าเปิ่นหวางลับหลัง?”

ร่างบางบนหลังม้าสะดุ้งโหยง “ท่านอ๋อง! ตกใจหมดเลยเพคะโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้ เกิดซินเอ๋อร์ตกใจทำเถาฮวาเป็นรอยจะมาโทษกันไม่ได้นะเพคะ”

“อย่ามานอกเรื่อง เปิ่นหวางถามว่าเจ้ากำลังแอบด่าเปิ่นหวางลับหลังอยู่รึเปล่า”

“ใครจะไปกล้าทำแบบนั้นเพคะ ซินเอ๋อร์แค่ท่องกลอนชมธรรมชาติไปเรื่อย” นางเถียงกลับมาอย่างไวใครจะไปยอมรับว่าแอบด่าเขาจริงนางไม่ได้โง่เสียหน่อย

“อย่าให้จับได้ก็แล้วกันว่าเจ้าแอบด่าเปิ่นหวางลับหลัง” เฟิ่งเสวียนจีหรี่ตามองคนตัวเล็กที่กำลังแถหน้าซื่อตาใส เขาแสยะยิ้มร้ายก่อนฟาดมือไปที่ก้นของเถาฮวาพร้อมออกคำสั่งให้มันออกวิ่ง “ไป!”

ทันทีที่ม้าสาวถูกตีก้นพร้อมคำสั่งเสียงเข้มของเจ้านาย มันก็ทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็ว มู่ซูซินที่ไม่ทันระวังส่งเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจเกือบพลัดตกจากหลังม้า “กรี๊ดดด”

คราแรกนางเกือบจะลืมตัวเตรียมตั้งท่าตีลังกาเล่นท่าสวย เหมือนตอนฝึกขี่ม้ายิงธนูแบบผาดโผนในค่ายฝึกองครักษ์ของหอเหว่ยตี้อยู่แล้วเชียว ทว่ายังมีสติจึงไม่เผลอหลุดจากบทสตรีบ้านนอกแสนบอบบางไร้พิษภัย

ท่อนแขนเรียวรีบเปลี่ยนมากอดคอเถาฮวาแน่น หลับตาปี๋กรีดร้องขอความช่วยเหลือเสียงหลงแทน

“กรี๊ด…ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยหยุดม้าที ข้ากลัว ฮือออ”

คนตัวโตขี้แกล้งมองสภาพของหญิงสาวด้วยความชอบใจ คิดว่าปล่อยให้นางแหกปากร้องไปอีกสักพักค่อยสั่งให้ลูกน้องไปหยุดเถาฮวา

หานจิ้งเห็นท่าไม่ดีรีบหันไปถามเจ้านาย “ท่านอ๋อง จะปล่อยพระชายาไว้แบบนั้นหรือพะย่ะค่ะ อีกไม่ไกลก็จะถึงทะเลสาบพระชายาว่ายน้ำไม่เป็นนะพะย่ะค่ะ“

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~4

    เย่เฟิงคล้ายเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง รีบพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ ผู้ช่วยแม่ครัวจึงคลายมือออก ปล่อยให้ชายหนุ่มเริ่มนวดแป้งด้วยตนเอง ในขณะที่มือก็กำลังนวดแป้ง ในหัวก็จินตนาการไปว่า ตนกำลังนวดต้นขานุ่มๆของลี่เจินไปด้วย และอาจเป็นเพราะตั้งใจมากไปนิดเลยเผลอคิดดังไปหน่อย ”ขาของเจ้าช่างนุ่มนวลเหลือเกินเจินเอ๋อร์“ ”…“ ทั้งแม่ครัวและผู้ช่วยคิ้วกระตุกยิกๆ พ่อหนุ่มองครักษ์กำลังสิ่งใดอยู่กันแน่!!! จากแป้งสีขาวนวลเวลานี้กลายเป็นก้อนแป้งสีชมพูเข้ม เพราะชายหนุ่มใส่ผงกุหลาบหนักมือไปนิด แต่ไม่เป็นไรแม่ครัวบอกกับเขาอย่างนั้น คราวหน้าค่อยลดปริมาณลง ถึงตอนนี้ แป้งพร้อม ไส้พร้อม ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนการห่อก่อนกดใส่พิมพ์ขนม ผู้ช่วยแสดงวิธีนวดแป้งทั้งสองสีให้กลายเป็นก้อนเดียว รวมไปถึงวิธีแผ่แป้งและห่อไส้ ก่อนนำไปกดใส่พิมพ์ขนมบัวหิมะ “น่ากินมากเลยขอรับ” เอ่ยชื่นชมจบก็ลงมือทำเองบ้าง เพียงแต่… “ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้เนี่ย! ทำไมข้าห่อแล้วแป้งถึงแตกไส้ทะลัก ไม่เห็นเรียบเนียนเหมือนของท่านป้าเลย” “…” ผู้ช่วยแม่ครัว ข้าควรเวทนาคนหรือสงสารขนมดีเนี่ย “แรกก็เป็นแบบนี้แหละ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชำนาญขึ้

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~3

    ไม่ใช่เพียงแค่หานจิ้งที่เดินหน้าเกี้ยวพานลี่อิ่งอย่างเปิดเผย แม้แต่องครักษ์เงาขั้นหนึ่งอย่างเย่เฟิง ก็ขอฉีอ๋องย้ายตำแหน่งงานมาเป็นองครักษ์ขั้นหนึ่งของพระชายามู่ซูซินแทน เหตุผลหลักคือเขาทำงานให้พระชายาจนคุ้นเคยไปแล้ว ส่วนเหตุผลรองคือหัวใจของเขาเฝ้าติดตามลี่เจินไปแล้วนั่นเอง เรียกกลับมาเท่าไหร่หัวใจเจ้ากรรมก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เย่เฟิงเลยตั้งปณิธานว่า เขาจะไม่ยอมแพ้องครักษ์รุ่นน้องอย่างหานจิ้งเด็ดขาด ชีวิตนี้เขาต้องได้แต่งลี่เจินเป็นภรรยาผูกผม! หากทำไม่ได้ก่อนอายุสามสิบ เย่เฟิงจะไปออกบวชมันให้มันรู้แล้วรู้รอด! ครัวหลักของตำหนักเว่ยจง แม่ครัวฝ่ายขนมหวานมุมปากกระตุกยิกๆ ขณะยืนมององครักษ์ของพระชายากวนแป้งทำขนมบัวหิมะกุหลาบ “เอ่อ ท่านองครักษ์เจ้าคะ กวนแป้งไม่ต้องออกแรงขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ค่อยๆทำไป ท่านเล่นกวนแรงและเร็วแบบนี้ แป้งมันก็กระเด็นออกจากกระทะหมดสิเจ้าคะ แล้วจะเหลือให้กินไหมเนี่ย! โอย ข้าจะเป็นลม” พูดจบก็ยกยาดมขึ้นมาสูดเข้าปอดดัง ฟื้ด... บรรดาสาวใช้ในโรงครัวยกมือป้องปากหัวเราะคิกคักด้วยความเอ็นดูในตัวเย่เฟิง คาดไม่ถึงว่าองครักษ์หน้าเข้มผู้นี้ จะยอมลงทุนมาเรียน

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~2

    กร๊ากกกก เสียงหลุดขำของหานเย่ลอยมาตามลม องครักษ์หนุ่มนึกภาพยวนยางบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่สหายรักนั่งปักมาทั้งคืน ซึ่งมองอย่างไรก็เหมือนลูกเจี๊ยบหัวโตผิดขนาดสองตัวหันหน้าแยกเขี้ยวใส่กัน หานจิ้งสูดหายใจยาวอยากตามไปบีบคอสหายรักใจแทบขาด แต่พอนึกถึงภาพปักบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเขาก็มิอาจถือโทษที่หานเย่หลุดขำออกมา เหวินกงกงพอมีฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อยอยู่บ้าง เดินมาขอดูผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าว พอได้เห็นสภาพก็ถึงกับหน้ากระตุก ไม่เพียงแค่ลายปักจะอดสู แต่การมีหยดเลือดติดเป็นหย่อมๆนี่มันคืออะไร?! โอย ขันทีอย่างเขาหมดคำจะกล่าว ”เดี๋ยวตอนบ่ายเจ้าไปหาข้าที่เรือน ข้าจะช่วยแนะนำวิธีปักผ้าที่เริ่มจากลายง่ายๆไปก่อน ว่าแต่ลายนี้คือ เอ่อ เจ้าปักลายอะไรรึอาจิ้ง” เขามองไม่ออกจริงๆ “ลายยวนยางขอรับท่านกงกง” หานจิ้งตอบกลับมาเสียงอ่อย “…” เหวินกงกง เวรกรรมที่แท้คือยวนยางหรอกรึ ทีแรกนึกว่าปีศาจลูกเจี๊ยบ เหวินกงกงรู้สึกผิดขึ้นมาจับจิตที่มองลายบนผ้าเช็ดหน้าผิดไปมาก เลยยกมือตบบ่าหานจิ้งเบาๆเป็นการปลอบใจ ‘ข้าขอโทษนะอาจิ้งที่เข้าใจผิด’ หลังกินข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อย หานจิ้งก็ตามไปที่เรือนขอ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~1

    ตำหนักเว่ยจง หลังผ่านเหตุการณ์สำคัญเรื่องกบฏเยี่ยนอ๋องมาได้ เจ้าของตำหนักก็เลิกปิดกั้นความรู้สึกตัวเองและหันมาสนทนากับคนรอบตัวมากขึ้น กระทั่งเอ่ยปากถามไถ่ความเป็นอยู่ของบ่าวไพร่ในตำหนักด้วยตนเอง ทั้งที่เมื่อก่อนฉีอ๋องไม่เคยสนใจเรื่องบ่าวไพร่ในตำหนักเลยสักนิด ปล่อยให้เหวินกงกงดูแลจัดการธุระในส่วนนี้แทน จนเมื่อพระชายามู่ซูซินถามสามีว่า เขาทราบหรือไม่ว่าบ่าวไพร่ในตำหนักมีกี่คน “…” เฟิ่งเสวียนจี นั่นสินะเขาไม่เคยนับจริงๆด้วย หลายวันต่อมา บ่าวไพร่ของแต่ละเรือนแต่ละฝ่าย ได้ถูกเรียกมาพบเพื่อแนะนำตัวกับฉีอ๋องอย่างเป็นทางการ เจ้าของตำหนักถึงประจักษ์ว่า เขามีบ่าวไพร่ทั้งหมดเกือบร้อยชีวิตทำงานอยู่ในตำหนักเว่ยจง!! ทั้งที่จำนวนคนก็มากขนาดนี้ แต่เหตุไฉนตำหนักของเขาถึงได้ดูวังเวงนัก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ นั่นเป็นเพราะเจ้าตัวลืมไปว่า ตำหนักของตนกว้างใหญ่ขนาดไหน อันที่จริงสมควรมีบ่าวไพร่มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเหวินกงกงรู้ใจนายเหนือหัว เรื่องที่ไม่ชอบให้มีคนวุ่นวายในตำหนักมากจนเกินไป ถึงได้จ้างบ่าวไพร่ในจำนวนเท่าที่จำเป็น ไม่ได้จ้างไว้ประดับบารมีเหมือนเชื้อพระวงศ์ตำหนักอื่นๆ ที่ค

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนปลาย

    เมืองตงเฉิง จวนเจ้าเมือง เรือนไฉอวี้ ค่ำคืนเดียวกันกับที่ฉีอ๋องฝันถึงงูขาวตัวหอม หญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงามราวปีศาจจิ้งจอกจำแลง วางตำราสมุนไพรในมือลงก่อนขยับตัวไปดับตะเกียงข้างหัวเตียงเพื่อเข้านอน “ราตรีสวัสดิ์ลี่มี่ ขอให้นอนหลับฝันดีนะ” เสียงหวานบอกแมวสาวตัวอวบในอ้อมกอดจูบเหม่งมันไปหนึ่งที จากนั้นจึงหลับตาลง เมี้ยว… “ฝันดีซินเอ๋อร์ “ ลี่มี่แลบลิ้นเลียแก้มใสของนางทาสไปหนึ่งทีเพื่อเป็นการแสดงความรัก ผ่านไปไม่นานจังหวะหายใจของมู่ซูซินก็สม่ำเสมอ แสดงถึงว่านางเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ลี่มี่ลืมตาโพลงในความมืด ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาว เดินไปนั่งบนกรอบหน้าต่างเงยหน้ามองดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ “หิวจัง อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม พรุ่งนี้ขอให้ซินเอ๋อร์ทำให้กินดีกว่า” ในขณะที่ลี่มี่กำลังนึกถึงขนมไหว้พระจันทร์อยู่นั้น มู่ซูซินก็กำลังเข้าสู่ห้วงฝันอันแปลกประหลาด นางกำลังยืนอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ เหมือนที่เคยไปเที่ยวมาเมื่อชาติที่แล้ว บนท้องฟ้าสีครามสดใส ก้อนเมฆสีขาวปุกปุยรูปร่างมองไปแล้วเหมือนหัวใจดวงเล็กๆ ลอยเต็มท้องฟ้า แสงแดดอบอุ่นอาบไล้ผิวขาวเนียนละออของนาง มู่

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนต้น

    แดนเหนือ ค่ายพยัคฆ์อหังการ ในที่สุดการต่อสู้อันยาวนานระหว่างแคว้นต้าเฟิ่ง กับชนเผ่านอกด่านทั้งหมดของแดนเหนือได้สิ้นสุดลง ความเสียหายที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญ หนักหนาสาหัสไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทว่าผู้ที่กำชัยชนะในสงครามใหญ่ครั้งนี้คือแคว้นต้าเฟิ่ง ซึ่งมีฉีอ๋อง เฟิ่งเสวียนจีเป็นผู้นำทัพ หลังเสร็จศึกได้ครึ่งเดือน ในขณะที่ฉีอ๋องกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในกระโจมบัญชาการ ของค่ายพยัคฆ์อหังการในคืนพระจันทร์เต็มดวง จู่ๆ บรรยากาศโดยรอบพลันหยุดนิ่ง เฟิ่งเสวียนจีคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชากอย่างแรง จากที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในยามค่ำคืน บัดนี้ตัวเขายืนอยู่กลางทุ่งสมุนไพรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสะอาดสดใส มีปุยเมฆสีขาวลอยอยู่ประปราย แสงแดดสีทองอบอุ่นโลมไล้ผิวกาย กลิ่นหอมเย็นสดชื่นเฉพาะตัวของสมุนไพร ช่วยให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรือนกายสูงหันมองไปรอบๆ สายตาก็ประสบเข้ากับต้นอู๋ถงต้นใหญ่ บริเวณใต้ต้นมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ ร่างสูงตัดสินใจเดินไปที่นั่นหย่อนตัวลงบนแคร่ ตั้งใจว่าจะนอนเล่นที่นี่สักพักเพื่อซึมซับความรู้สึกอันแสนจะรื่นรมย์นี้ เขาใช้แขนของตนแทนหมอน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status