Masukเปรี้ยง!!
เสียงกึกก้องดังลั่นก่อนจะตามด้วยแสงสว่างวาบที่สาดเข้ามาด้านในผ่านรอยแยกของผ้าม่านที่เปิดกว้างของคอนโด ส่งผลให้คนที่เพิ่งย่องเข้ามาในห้องหมายจะเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่มชะงักหยุดกึกหลังมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
สะโพกแน่นหนันขยับโยกอยู่กลางหว่างขาอย่างแข็งขัน เสียงหอบหายใจกระเส่าเคล้าคลอกับเสียงกรีดร้องด้วยความรัญจวนใจดังออกมาจากสองร่างที่กำลังกอดรัดนัวเนียเป็นระยะ ๆ ไม่ต้องถามก็รู้โดยสัญชาตญาณว่าทั้งสองกำลังทำกิจกรรมอะไร
ทำไมเขาถึงทำกับเธอแบบนี้!?
บริ้งค์เฝ้าถามตัวเองซ้ำ ๆ ขณะที่แววตาวูบไหวเหม่อมองภาพเคลื่อนไหวตรงหน้านิ่งนานราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์
ริมฝีปากบางเม้มแน่นสั่นระริก ไร้เสียงสะอื้นไห้ มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาไม่ขาดสายจนอาบเต็มสองพวงแก้มบ่งบอกถึงความเสียใจ
หยุดยืนมองภาพบาดตาอยู่นานนับนาทีกว่าจะตัดใจเบือนหน้าหนีได้ เธอหลุบตาลงมองเค้กก้อนเล็กในมือเพียงนิดก่อนจะหมุนตัว เดินจากมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเฉกเช่นตอนมาเยือน
2nd Happy Anniversary
ดวงตาแดงก่ำมองไล่ไปตามตัวอักษรที่บรรจงเขียนไว้บนหน้าเค้กแล้วเหยียดยิ้มเย้ยหยัน
ทั้งที่เธอเพิ่งให้อภัยในทุกสิ่งที่เขาเคยกระทำ ทั้งที่เราเพิ่งกลับมาคบกัน ทั้งที่เขาเพิ่งให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่หวนกลับไปทำผิดอีกแล้วแท้ ๆ แล้วนี่คืออะไร? คือการตอบแทนความรักความไว้ใจของเธองั้นเหรอ?
มือเรียวหย่อนสิ่งที่ทุ่มเทซุ่มเรียนมากว่าเดือนครึ่งลงถังขยะอย่างไม่มีลังเลก่อนก้าวฉับ ๆ เข้าไปในลิฟต์ ทว่าทันทีที่บานประตูปิดลงคนที่ทำเหมือนเข้มแข็งมานานมก็ทรุดกายลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง
ใบหน้าเปื้อนน้ำตาแหงนขึ้นมองดวงไฟแล้วแค่นหัวเราะ มือเรียวกำหมัดแน่นทุบเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายซ้ำ ๆ ระบายความอัดอั้น
สุดท้าย 'แฟน' ที่ว่ารักหนักหนา มาวันนี้กลับกลายเป็น 'ของตาย' ที่ไร้ค่าไปแล้วสินะ
"โง่! ทำไมแกถึงได้โง่ไม่มีใครเกินแบบนี้วะบริ้งค์!"
ก่นด่าตอกย้ำถึงความผิดพลาดของตัวเองด้วยความคับแค้นใจ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รับรู้ว่าแฟนหนุ่มมีพฤติกรรมนอกใจเป็นปกติ แต่เพราะที่ผ่านมาเธอเชื่อเสมอว่าคนเราจะสามารถปรับเปลี่ยนกันได้
เธอเชื่อว่าสักวันคนที่มองไม่เห็นคุณค่าในความรักจะตระหนักรู้ได้ แล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้น ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอน่าจะงมงายไปเพียงคนเดียว
ไม่ว่าจะให้อภัยกี่สิบรอบ ทุกอย่างก็วนลูปอยู่ที่เดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง ... พลันถ้อยคำที่เพื่อนสาวคนสนิทเคยยุยงเมื่อวันก่อนก็ผุดขึ้นมาในหัว
'ถ้ามันมี แกก็มีบ้างดิ! หาคนใหม่ไปเย้ยมันเลย! เอาแบบหล่อ รวย แซ่บ ๆ ไม่งั้นก็จ้างเอา ร้อยทั้งร้อยพวกนี้มันชอบหวงก้าง! ทำให้มันรู้สึกเสียดายที่เลิกกับแกไป'
ในวันนั้นเธอมองว่านี่เป็นคำแนะนำที่แสนไม่เข้าท่าและอาจสร้างปัญหาให้ชีวิตรักยุ่งเหยิง หากแต่วินาทีนี้มุมมองและความคิดบางอย่างกลับแปรเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
มันจะเป็นยังไงนะ หากว่าเธอลองดู?
แม้ความจริงอยากจะตวาดเธอดัง ๆ แต่เพราะใบหน้าจิ้มลิ้มอยู่ห่างจากใบหน้าเพียงคืบ ติณณ์จึงทำเพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พึมพำบ่นกับภาระที่โถมเข้าใส่อย่างไม่ทันได้ตั้งตัวทว่าในจังหวะที่หลุบตาลงมอง ใจแกร่งก็พลันกระตุกไหวหวิว ความปรารถนาบางอย่างก่อตัวขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเจอกับความแดงระเรื่อสุดเย้ายวนในระยะประชิดซ้ำยังมีกลิ่นกายหอมละมุนที่โชยขึ้นมาแตะจมูก กลิ่นหอมที่มัน...ไม่เหมือนใครปึก!เสียงโครมครามดังลั่นก่อนจะตามมาด้วยแรงกระแทกบริเวณช่วงล้อหลังส่งผลให้คนที่กำลังก้มโค้งสะดุ้งหลุดออกจากห้วงภวังค์ แถมยังเสียหลักหน้าคะมำ ปลายจมูกโด่งกดฝังเข้าที่พวงแก้มเนียนใสที่กำลังจดจ้องเต็มรัก!สัมผัสอ่อนนุ่มและแรงขยับตอกย้ำให้ติณณ์ได้สติว่าเผลอและพลาด! อารามความตกใจว่าเด็กสาวจะรู้สึกตัว สองแขนจึงกางกว้างอัตโนมัติ ปล่อยร่างของคนที่กำลังสะลึมสะลือให้กลิ้งหล่นลงมานอนแผ่อยู่บนหน้าตัก"ขอโทษครับนาย ผมมองไม่เห็นหลุม!"เสียงตะโกนดังมาจากด้านหน้าบวกกับแรงกระแทกปลุกให้คนผล็อยหลับกลางอากาศนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมามองอย่างงัวเงียและในวินาทีที่สองสายตาสบประสาน เธอก็เบิกตาโพลง ลนลานดึงตัวขึ้นมาน
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังออกมาจากร่างเล็กบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้สติเธอคงหลุดลอยไปไกล ดังนั้นคงป่วยการจะปลุกให้เธอลุกขึ้นมานั่งทำหน้าทรมานอย่างเมื่อครู่ สุดท้ายติณณ์จึงตัดสินใจปล่อยเลยตามเลยแล้วลงมือสะสางงานที่คงค้างต่อ หากแต่เปลี่ยนวิธีจากการพิมพ์เป็นการอ่านแล้วเขียนสรุปไว้ในใจเสียงที่เงียบไปดึงให้สารถีเงยขึ้นมอง พลันริมฝีปากหนาหยักก็หลุดยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อสายตาปะทะเข้ากับภาพที่สะท้อนบนกระจกมองหลังโดยบังเอิญแหม...เสียดายที่มือไม่ว่าง ไม่อย่างนั้นคงได้แอบเก็บเป็นที่ระทึกไว้อีกสักภาพสองภาพ หึ เห็นแล้วมันอดคันปากไม่ได้"น่ารักดีนะครับ"เสียงทุ้มดังมาจากด้านหน้าดึงให้ติณณ์ละสายตาจากใบหน้าหวานขึ้นมามอง ก่อนจะถลึงตาดุใส่ลูกน้องคนสนิทที่กำลังทำสีหน้าล้อเลียน"อะไรของมึง""ถึงจะตรงกันข้ามกับนายไปหน่อย แต่ผมว่า...ก็ดูเข้ากันดีนะครับ""หยุดความคิดมึงซะ ไร้สาระ""หื้มมมม? นายรู้เหรอครับว่าผมคิดอะไรอยู่"กรกันต์ย้อนถามเสียงสูง สบสายตาดุดันของผู้เป็นนายผ่านกระจกมองหลังแล้วหลุดหัวเราะขบขัน เลื่อนมือลงจรดปลายนิ้วบนปุ่มกดหมายจะปิดฉากกั้นระหว่างห้องโดยสารให้เพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ไม่วายทิ้งคำหยอกเย้า
ด้วยเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดเธอจึงหยิบฉวยเฉพาะสิ่งที่แอบเล็งไว้มาวางบนเคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว ทว่าในจังหวะที่กำลังจะส่งบัตรเครดิตให้พนักงาน มือเรียวก็ชะงักค้างกลางอากาศ หางตาเหลือบไปเห็นบางอย่าง"แป็บหนึ่งนะคะ"บริ้งค์ส่งยิ้มหวานละมุนไปให้พนักงานจากนั้นก็ก้าวฉับ ๆ ตรงไปหาคนหน้าบึ้ง พลันดวงตาก็เปล่งประกายแวววาวทันทีที่เห็นในสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายหยุดยืนมองอยู่นานสองนาน"สวยนะเนี้ย"เธอเอ่ยชมทั้งลวดลายบนเนื้อผ้าและรสนิยมของคนเลือกไปพร้อม ๆ กัน จากนั้นมือเรียวจะเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาวางทาบบนเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะ เอียงคอมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาชื่นชม"ทำอะไรของเธอ!"ติณณ์ขึงตาดุเด็กซนพลางขยับกายถอยหนี แต่แทนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วส่งชิ้นนั้นให้พนักงานนำไปชำระเงิน ทำเอาใบหน้าคมคายยิ่งถมึงทึงขึ้นกว่าเดิมหลายส่วนฮึ! ที่แท้ก็หวังจะใช้เขาเป็นหุ่นพ่นลมหายใจฮึดฮัดแล้วก็ผลุนผลันออกไปโดยคิดถามไถ่เลยว่าเด็กสาวเสร็จธุระหรือยัง ทิ้งให้คนที่เพิ่งรับถุงมาคล้องมือตาเหลือกลานด้วยกลัวถูกลอยแพให้กลับเองจะรีบไปตามควายที่ไหนเนี้ย?สงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามทำได้เพียงสับขาถี่ยิบแล้วร
แต่แทนที่เด็กสาวจะขุ่นเคืองกับการกระทำที่ค่อนข้างไร้มารยาทนั้น มุมปากกลับยกยิ้ม เคี้ยวตุ่ย ๆ จนพวงแก้มพองขยายแล้วอ้าปากเป็นเชิงขอเพิ่มหลังกลืนชิ้นนั้นลงท้องไปจนหมด"อีกชิ้นสิคะ""มือก็มี""เร็วสิคะ จะหมดแล้วเนี้ย~ "ตั้งใจจะทำหูทวนลม แต่พอโดนอีกฝ่ายส่งสายตาเร่งเร้าระคนกระเง้ากระงอด เขาก็ตัดรำคาญ หยิบอีกชิ้นมาส่งให้เธออย่างไม่มีทางเลือก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นเด็กโลภที่ได้คืบแล้วก็คิดจะเอาศอก"ขอชิ้นสีชมพูฝั่งคุณลุงหน่อยค่าาา~""เรื่องมาก""งั้นเอาสีเหลืองก่อนก็ได้ค่าา~"เด็กสาวส่งเสียงร้องบอกเป็นระยะ ๆ พร้อมกับทำหน้าออดอ้อนเว้าวอน ส่วนคนถูกอ้อนแม้จะมีสีหน้าเอือมระอาและพ่นลมหายใจหนัก ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าทว่ามือใหญ่กลับยังส่งขนมให้ตามคำขออย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ซ้ำเมื่อเจ้าหล่อนกระแอมไอคล้ายฝืดคอ น้ำชาอุ่น ๆ จะถูกดันส่งไปให้ตรงหน้าทุกครั้งสุดยอด!ทุกการกระทำอันน่าเหลือเชื่อนี้ทำเอาคนสนิทที่ลอบชำเลืองมองมาจากมุมหนึ่งของร้านถึงกับอุทานว่าโอเอ็มจี อดใจไม่ไหวจนต้องแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอัดวิดีโอ เก็บทุกอิริยาบถหายากนี้ไว้เป็นที่ระทึก!"หึหึ แววมาแต่ไกลเลยนายกู"++"กลับได้หรือยัง"เสียงทุ
"ไปให้เพื่อนเธอช่วยสิ""เอ้า ได้ไงคะ ไหนคุณลุงรับปากว่าจะช่วยหนูแล้วไง อย่ามาพูดจากลับกลอก หลอกให้ดีใจเก้อสิคะ"บริ้งค์ทำหน้ามุ่ย ซันน่ะเข้าออกบ้านเธอตั้งหลายรอบจนสนิทกับป๊าไปแล้ว ดังนั้นถ้าขอป๊าไปฝึกงานกับรายนู้นมีหรือที่ป๊าจะมองไม่ออกว่าพวกเธอเตี๊ยมกันไว้ส่วนเขา ... อายุอานามที่มากกว่าเธอเกือบรอบ มีความเป็นผู้ใหญ่แถมยังเป็นนักธุรกิจ น้ำหนักของคำพูดจึงแตกต่างกับซันมากโขฉะนั้นหากได้เขามาช่วยเกลี้ยกล่อมล่ะก็ ทุกอย่างจะต้องราบรื่นแน่ ๆ"ทำไมคะ คิดจะยกเลิกเงื่อนไขเพราะคิดว่าไม่คุ้มกับการลงทุนเหรอคะ หนูแค่ยืมชื่อยืมตำแหน่งแป็บเดียวเอง รับรองด้วยเกียรติของนางสาวโชติกานต์เลยว่าจะไม่ทำให้คุณลุงต้องเสื่อมเสียและมัวหมอง"บริ้งค์ให้คำมั่นด้วยสีหน้าจริงจัง ทว่านั่นกลับไม่ได้ทำให้ความเคร่งขรึมของใบหน้าคมคายลดลงเลยแม้แต่น้อยพลันใจดวงน้อยก็วูบไหวเมื่อตระหนักได้ว่าเธอหมกมุ่นกับความฝันของตัวเองมากไปเสียจนหลงลืมข้อจำกัดบางข้อไปหรือที่เขาไม่อยากช่วยเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ แต่เป็นเพราะว่า 'เขามีภรรยาแล้ว' บ้าเอ้ย! ก็ไหนในนิตยสารบอกว่าโสดไง"ถ้า ... เอ่อ ... ถ้าคนที่บ้านคุณลุงไม่โอเค
"ว่าไง"เสียงทุ้มถามย้ำดึงให้บริ้งค์สะดุ้งหลุดออกจากห้วงความคิด บรรจงวางขนมอีกชิ้นลงบนจานแล้วเงยขึ้นมาคลี่ยิ้มบาง ๆ ในหัวก็นึกสรรหาคำเอ่ยอ้างที่พอมีน้ำหนักไปด้วย"อา ก็~""รุ่นเดียวกันก็มี""คะ?""เมื่อกี้"เมื่อเห็นเด็กสาวยังเอาแต่ทำหน้างงงวย ไม่เข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะสื่อ ติณณ์จึงเบนสายตาไปจดจ้องเจ้าเครื่องสีดำซึ่งยังส่งเสียงดังเป็นครั้งคราวพลางพยักพเยิดเป็นสัญญาณแทนการชี้บอก"อ้อ" อุทานแล้วก็หยิบมันมากดปิดเสียงเพราะเข้าใจว่าเขาคงรำคาญเสียงรบกวน ทว่าเมื่อเงยขึ้นมาเธอก็ยังเจอกับสายตาคาดคั้นขอคำตอบเหมือนเดิม"ปะ..ปิดแล้วค่ะ""เธอไม่มี ... เพื่อนผู้ชาย?""อ๋ออ~ มีค่ะ แต่ถ้าเอาแบบสนิท ๆ กันเลยก็มีอยู่หนึ่งคน""ไม่ชอบ?""แคกแคก"บริ้งค์ตาเหลือกลาน ส่งเสียงไอโขลก ๆ จนหน้าดำหน้าแดงเมื่อคำถามทำเอาขนมที่เพิ่งส่งเข้าปาก ลื่นลงคอหากแต่ติดค้างอยู่กลางทางจนกลายเป็นสำลักแทนมือหนึ่งทุบหน้าอกระรัวขณะที่อีกมือยื่นไปรับแก้วน้ำจากต้นเหตุแล้วยกขึ้นจิบอย่างระมัดระวัง กระทั่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วจึงเงยขึ้นมาทำหน้าเหลือเชื่อใส่คนที่จับจ้องมองเธออย่างไม่วางตา"ถามอะไรแบบนั้นคะ นั่นเพื่อนค่ะ เพื่อน!"







