เพียงขวัญ...หญิงสาววัยยี่สิบสี่ยืนกอดเอกสารแน่นอยู่หน้าห้องสัมภาษณ์งานของบริษัทโมเดลลิงซึ่งเปิดรับสมัครผู้ช่วยพิเศษสำหรับนายแบบชื่อดังทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นจนไม่สามารถก้าวเท้าเข้าไปในห้องได้เลย
"คุณเพียงขวัญ รัตนะวิสัยค่ะ" ชื่อของเพียงขวัญเอ่ยขึ้นเรียกสติของหญิงสาวเป็นรอบที่สอง ทำให้เธอรีบเปิดประตูเข้าไปก่อนจะเดินเข้าไปนั่งตำแหน่งสำหรับผู้รับการสอบสัมภาษณ์เมื่อหญิงสาวเงยหน้ามองบุคคลตรงหน้าก็แทบจะหยุดหายใจเมื่อคนที่กำลังจ้องเธออยู่คือธาม...นายแบบชื่อดังกำลังมองเธออย่างไม่สบอารมณ์นักจนเธอรู้สึกสงสัย เพราะก่อนหน้านี้เธอได้ยินเพื่อนสนิทที่เป็นแฟนคลับของเขาเล่าให้ฟังว่าผู้ชายคนนี้เป็นเทพบุตรที่ยิ้มเก่งแถมยังสดใสแต่ตอนนี้มันช่างแตกต่างจากที่เธอได้ยินมาเสียจริง "แนะนำตัวเลย ว่าอะไรทำให้อยากทำงานที่นี่"ชายหนุ่มวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเรียกสติของเพียงขวัญ "ค่ะ ชื่อเพียงขวัญ รัตนะวิสัย อายุยี่สิบสี่ปีเพิ่งเรียนจบค่ะแต่มีความสนใจทางด้านแฟชั่นเพราะก่อนหน้านี้มักจะถูกล้อเรื่องรสนิยมการแต่งตัวไม่เป็นมาตลอดจึงอยากเรียนรู้เรื่องนี้ให้มากค่ะ" เพียงขวัญพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส "อันที่จริงแล้วเธอไม่มีรสนิยมการแต่งตัวเลยต่างหาก" เจ้าของเสียงนั้นคือ ธาม นายแบบอายุ 27 ปีที่โลดแล่นในวงการทั้งงานแสดงและเดินแบบจนโด่งดังระดับโลกและตอนนี้ธามกำลังนั่งมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าเอ่ยออกมาเสียงนิ่งจนคนฟังสะอึก มันก็จริงที่เขาพูดเพราะเธอไม่รู้จักแต่งตัวจริงๆ วันนี้เธอเองก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีส้มคอปกกับกางเกงสีน้ำเงินลายนกกระยางตัวโปรดซึ่งอาจจะไม่เข้ากันในสายตาคนอื่นแต่สำหรับเธอมันก็พอไปได้ "ก็ยิ่งต้องรับดิฉันแล้วค่ะ ช่วยสอนให้ดิฉันมีรสนิยมด้วยนะคะ" เพียงขวัญยืนขึ้นก้มหัวให้กรรมการทั้งหมดก่อนที่ธามคนเจ้าอารมณ์จะสั่งให้พนักงานชายสองคนมาลากเธอออกไปจากห้องทันทีที่เธอพูดจบ จนเพียงขวัญงงไปหมดเมื่อร่างของเธอถูกพาออกมานอกห้องแล้วได้รับแจ้งว่าจะติดต่อกลับ เท่านั้นทำให้เธอรู้ทันทีว่าเธอคงต้องหางานใหม่เสียแล้ว : ร้านกาแฟ "ฮ่าๆ ฮ่า"เสียงหัวเราะของเจ้าของร้านดังลั่นเมื่อเขาฟังเพียงขวัญเล่าจบ นะโมเจ้าของร้านกาแฟผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับหลุดมาจากนิยายหัวเราะลูกค้าประจำสาวอย่างสุดเสียงจนคนเล่าต้องตีเข้าที่แขนลำเป็นการลงโทษ "หัวเราะอะไรนักหนาเล่า" "ก็บอกแล้วว่าให้ส่งรูปมาให้ดูก่อนออกไป แล้วดูสิได้พูดแค่ไม่กี่ประโยคเอง" นะโมแซวหญิงสาวเข้าอีกหนึ่งดอกทำเอาสาวเจ้าคอตกนอนฟุบกับเคาร์เตอร์ด้วยความเซ็ง เมื่อเขาเห็นเธอรู้สึกไม่ดีเช่นนั้นมือหนาก็จัดการลงมือทำลาเต้หวานร้อยของโปรดคนสิ้นหวังตรงหน้าให้เธอ "ของฉันใช่ไหม?"ดวงตาเศร้าเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นดวงตามีประกายสดใสทันทีที่เห็นแก้วลาเต้หอมวางลงตรงหน้า เธอไม่รอฟังคำตอบแต่รีบคว้ามันขึ้นมาดื่มทันทีด้วยความชื่นใจ "เป็นไง? หวานร้อยยยยย" "รอบหน้าขอเกินร้อยได้ไหม" "กินหวานแค่พอให้อารมณ์ดี ไม่ใช่กินจนเบาหวานถามหาเข้าใจไหมยัยโก๊ะ" นะโมดีดเข้าที่หน้าผากมนเบาๆ เป็นการหยอกล้อก่อนจะจ้องมองใบหน้าหวานตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี เพียงขวัญมักจะเป็นเช่นนี้เสมอเมื่อก่อนที่เขามาเปิดร้านใหม่เพียงขวัญเดินเข้ามาใช้บริการเป็นคนแรกแถมยังสั่งลาเต้ความหวานสองร้อยจนเขายังตกใจที่เธอชอบกินหวานขนาดนั้นทั้งแต่หลังๆ มาเขาก็ค่อยๆ ปรับพฤติกรรมเธอให้กินหวานน้อยลงผ่านกาแฟที่เธอกินทุกวัน "แฮ่มมม ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ"นกยูงเพื่อนสนิทของเพียงขวัญทักขึ้นก่อนจะโบกมือทักทายนะโมอย่างทุกวันเธอดึงลาเต้จากมือของเพื่อนรักมาชิมแล้วต้องรีบส่งคืนทันทีแล้วรีบหันไปถามคนชง "หวานเกินไปปะโม" "วันนี้ยัยนี่อารมณ์ไม่ดีเลยตามใจสักหน่อย" "หวานสองร้อยเหรอ? ถึงว่าอร่อยจัง"เพียงขวัญพูดพร้อมกอดแก้วลาเต้แน่นที่เพื่อนชายยอมชงในแบบที่เธอให้ชิมสักที "ขนลุก ว่าแต่แกอารมณ์ไม่ดีอะไร"นกยูงถามอย่างอยากรู้อยากเห็น "ฉันถูกลากออกจากห้องสัมภาษณ์เพราะการแต่งตัว" พอพูดถึงจุดนี้เพียงขวัญก็ทำหน้าเศร้าขึ้นมาอีก "ไม่แปลกใจเลยเพื่อน ดูจากการแต่งตัวของแกแล้วหน้าสวยๆ ก็ช่วยไม่ได้" นกยูงแซวจี้จุดจนเพียงขวัญต้องดูดลาเต้หวานๆ ลงคอเพื่อปลอบใจตัวเองพอนกยูงเห็นเพื่อนไม่สบายใจจึงโอบเข้าที่ร่างเธอเบาๆ เป็นการปลอบโยนทำเอาคนที่มองอยู่อย่างนะโมถึงกับอมยิ้ม "ไอ้ธามบ้า อย่างน้อยก็ควรให้ฉันได้พูดมากกว่านั้นหน่อยสิ!" "ห๊า อย่าบอกนะ...ว่าแกไปสมัครบริษัทพี่ธามของฉันจริงๆ" "ก็จริงน่ะสิ" นกยูงอึ้งเมื่อเพื่อนสาวตอบมาแบบนั้น ตอนแรกที่เธอได้ยินเพียงขวัญสอบถามเรื่องบริษัทธามโมเดลลิ่งเธอคิดแค่ว่าเพื่อนรักอาจจะแค่อยากศึกษาแต่ที่ไหนได้เพียงขวัญกลับไปสมัครงานโดยที่ไม่บอกเธอด้วยซ้ำ "แล้วดูแกแต่งตัวดิ โอยยย" "แต่ใช่ว่าจะไม่มีหวัง เขาบอกจะติดต่อมานะ" "คิดว่าเขาจะติดต่อมาจริงๆ เหรอ"นกยูงหันไปถามนะโม นะโมมองเพียงขวัญนิ่งแล้วส่ายหัวเบาๆ เป็นคำตอบทำเอาเพียงขวัญถึงกับต้องทำใจยอมรับความจริงว่าเธอคงต้องหางานใหม่ ตืดๆ ตืด เพียงขวัญก้มมองโทรศัพท์ตัวเองที่สั่นอยู่ข้างๆ แล้วต้องแปลกใจเมื่อเบอร์ที่โชว์ขึ้นนั้นไม่คุ้นมาก่อน เธอจึงคว้ามันขึ้นมาแนบหูด้วยความรู้สึกหงุดหงิด "ถ้าจะโทรมาก่อกวน ไม่ว่างค่ะ" (โมเดลลิ่งนะคะ คุณเพียงขวัญ รัตนะวิสัยถูกต้องไหมคะ) เพียงขวัญตกใจลุกขึ้นยืนก่อนจะค่อยๆ กดเปิดลำโพงให้เพื่อนทั้งสองที่ฟังอยู่ได้ยินพร้อมกัน เพียงขวัญสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะกรอกเสียงตอบคนในโทรศัพท์ไป "ชะ ใช่ค่ะ" (ยินดีด้วยค่ะ คุณได้รับการคัดเลือกพรุ่งนี้เข้ามาฟังคำชี้แจงหน้าที่ได้ตามเวลาที่ส่งให้ทางอีเมลนะคะ) "ขะ ขอบคุณค่ะ" เพียงขวัญตัดสายไป ก่อนจะยืนเอามือทั้งสองข้างเท้าเอวมองเพื่อนทั้งสองอย่างภูมิใจเธอเดินไปมาหน้าเคาร์เตอร์ราวกับกำลังเรียนแบบท่าเดินของบรรดานางแบบสาวในทีวีต่อหน้าเพื่อนทั้งสองที่ยังคงอึ้งอยู่ "สะ สุดยอด"นะโมพูด "ฉันบอกแล้วว่าชุดนำโชคของฉันไม่เคยทำให้ผิดหวัง": ร้านนะโมเพื่อนทั้งสองเรียกตัวเพียงขวัญมาที่ร้านทันทีที่ได้เห็นข่าวการคบหาต่างวัยของนายแบบหนุ่มอันดับหนึ่งและผู้ช่วยสาวที่ดังไปทั่วอินเทอร์เน็ต แต่เพื่อนสนิทอย่างเขาสองคนกับไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนกอดอกนั่งมองตัวการที่กำลังยิ้มแห้งๆ โดยไม่ยอมพูดอะไรจนนะโมต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน"ยังไม่อธิบายมาอีก ในข่าวนั้นมันหมายความว่ายังไง""ก็ตามนั่นแหละ ก็คบกันสักพักแล้ว""แล้วไม่คิดจะบอกเพื่อนอย่างพวกเราเลยหรือไง?"นกยูงโวยขึ้นอีกคน"ก็ไม่รู้ว่าจะคบกันนานไหมเลยไม่บอก กลัวหน้าแตกที่มีแฟนฮอตขนาดนั้นอีกอย่างฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะให้ข่าวด้วยตัวเองแบบนั้น"เพียงขวัญพูดแล้วทำท่าทีเขินอายจนเพื่อนสองคนต้องกลอกตามองบน ไอ้ประโยคที่พูดมาเมื่อครู่นั้นไม่ต่างจากการอวดเลยสักนิด ทำให้นกยูงถึงขั้นหมั่นไส้ทำท่าทางล้อเลียนเธอจนเจ้าตัวต้องตีเข้าที่ไหล่ของเพื่อนสาวเป็นการแก้เขิน"แล้วนี่บอกแม่กับพ่อยัง? เขาจะตกใจไหมเนี่ยอยู่ๆ ก็มีแฟนแถมเป็นคนดัง อีกอย่างอายุพวกเธอก็ห่างกันด้วย"นะโมพูดพร้อมกับมองเพื่อนสาวที่มีสีหน้ากังวลขึ้นมาเพียงเท่านั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอยังไม่ได้บอกครอบครัว"ยัยบ้าแล้วอย่างนี้พ
ธามยังคงนั่งมองรูปของน้องสาวอยู่ในห้องด้วยความรู้สึกคิดถึงจนเพียงขวัญต้องเดินเข้ามาสวมกอดเขาเข้าที่ด้านหลังเบาๆ หลังจากที่เรื่องทุกอย่างผ่านไปธามก็ขอให้เพียงขวัญเขามาอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ของเขาที่สภาวะอารมณ์ยังไม่คงที่ อย่างน้อยถ้าพวกท่านได้เห็นหญิงสาวที่สดใสอย่างเพียงขวัญอาจจะรู้สึกดีขึ้น "พี่ดีขึ้นหรือยังคะ?""พี่อ่อนแอได้ที่ไหนล่ะ""พี่อ่อนแอได้ตลอดนะ มีหนูอยู่ข้างๆ ทั้งคนจะร้องไห้ก็ได้หนูไม่ว่าหรอกไม่ล้อด้วย"เพียงขวัญพูดพร้อมกับโยกตัวไปมาเพื่อเอาใจคนตัวสูง ธามเองก็รู้สึกดีขึ้นจนต้องหันมากอดขอบคุณเพียงขวัญที่คอยอยู่ข้างๆ เขามาจนถึงวันนี้ แถมยังคอยดูแลพ่อและแม่ของเขาให้อีกด้วย"ขอบคุณนะ...หนูน่ารักที่สุดเลย""แน่นอนอยู่แล้ว""ถ่อมตัวบ้างก็ได้นะหนูเพียง"ธามพูดพร้อมขยี้ผมเพียงขวัญเบาๆ ด้วยความเอ็นดูจนคนถูกแกล้งโวยวายใหญ่ที่เขาทำทรงผมเธอเสียทรง ช่วงนี้ธามยังอยู่ในช่วงลาพักร้อนทำให้พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นและฟางก็เข้าใจเพราะตอนที่ทางบริษัทรู้ข่าวทุกคนก็ต่างตกใจจนต้องเคลียร์a dตารางงานให้ธามทั้งหมดทั้งคู่ตกลงจะคบหากันต่อไป และจะบอกทุกคนหลังจากที่สภาพจิตของครอบครัวธามดี
:ธามหลังจากที่จัดการเรื่องในงานเสร็จผมก็เดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวเพื่อดูอาการพ่อกับแม่ที่นั่งรออยู่ด้านใน ผมถอนหายใจทิ้งด้วยหัวใจที่หวาดหวั่นเพราะไม่อยากจะเห็นภาพของพ่อและแม่ที่กำลังทุกข์ใจจนไม่กล้าที่จะเปิดประตูเข้าไป...จนมือเล็กๆ ของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ จับเข้าที่แขนผมเบาๆ เป็นการให้กำลังใจก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้ผมเป็นการปลอบโยนแล้วส่งสัญญาณให้ผมเข้าไปดูพวกท่าน "เธอรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ...""ฉันจะรอคุณตรงนี้ค่ะไม่ต้องกังวล"ผมสวมกอดเพียงขวัญครั้งหนึ่งเป็นการขอกำลังใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปหาคนเป็นพ่อแม่ ซึ่งตอนนี้ตรงหน้าผมก็คือภาพพ่อที่กำลังกอดแม่ไว้ในอ้อมกอดแน่นและท่านทั้งสองคนกำลังร้องไห้... ผมจึงคลานเข้าไปนั่งตรงหน้าทั้งสองคนแล้วกอดท่านไว้เช่นกัน"ผมขอโทษที่ทำให้ต้องรู้เรื่องนี้""มันถูกต้องแล้วลูก ลูกช่วยท้วงความยุติธรรมให้น้องมันถูกต้องแล้ว"พ่อลูบเข้าที่ไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่แม่จะค่อยๆ เอื้อมมือมาปาดน้ำตาที่ไหลออกมาให้ผม"ลูกรู้มานานขนาดนั้น แถมยังต้องปิดบังเพราะกลัวพ่อแม่เป็นทุกข์...ลูกต้องทุกข์ใจคนเดียวขนาดนั้นแม่ขอโทษนะ""แม่อย่าร้อง..."ผมโผล่เข้ากอดคนเป็นแม่แน่น"ถึงธันย่
: เพียงขวัญงานหมั้นเริ่มขึ้นด้วยบรรยากาศที่ดูครึกครื้นแขกในงานเต็มไปด้วยนายแบบและนางแบบชื่อดังแถมยังมีบรรดาไฮโซเต็มงานไปหมด ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใสและดีใจกับคู่รักในวันนี้จะเว้นก็แต่ชายหนุ่มที่ต้องยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างานที่ตั้งแต่เช้ายังไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มของเขาเลย นอกจากเขาจะมีสีหน้าเรียบเฉยแล้วดวงตายังเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัดจนฉันเป็นกังวล"หนู...ใช่ผู้ช่วยเจ้าธามไหม"ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกจากด้านหลัง หญิงสาววัยกลางคนที่มีท่าทางสง่าและสูงศักดิ์กำลังยืนยิ้มให้ฉันอยู่ด้วยรอยยิ้มที่สดใสถ้าให้เดาจากโครงหน้าที่เด่นชัดนี่คนคนนี้คงจะเป็นแม่ของคุณธาม"ใช่ค่ะ"ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันทีก่อนจะยิ้มตอบอย่างนอบน้อมก่อนที่จะชายวัยกลางคนจะเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา เขาคงจะเป็นคุณพ่อของคุณธามฉันเลยแนะนำตัวไปคร่าวๆ ว่าฉันเป็นเพียงผู้ช่วยของเขาทำให้ทั้งคู่ชื่นชมฉันยกใหญ่ที่สามารถดูแลคนเรื่องมากอย่างเขาได้"ตอนเด็กน่ะนะ ตาธามนี่กินยากอยู่ยากชอบอยู่คนเดียวไม่ค่อยพูดจากับใคร ไม่คิดว่าโตมาจะได้เป็นนายแบบเบอร์หนึ่งดังขนาดนี้"คนเป็นแม่พูดพร้อมกับมองคนที่ถูกพูดถึงด้วยสายตาภูมิใจ"ตอนนี้เขาดังมากเลยค่ะคุณน้า"ฉั
: งานหมั้นธามยืนจ้องเมียสาวที่กำลังแต่งตัวให้เขาด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง เขาไม่สามารถเก็บความเจ็บปวดนี้ไว้ได้เลย เพียงขวัญเองก็ไม่ต่างกันเธอกำลังสวมสูทให้คนรักอย่างอ่อนโยนแม้ในใจมันช่างทรมานสุดแสนจะบรรยายได้ ฟืบร่างสูงของธามสวมกอดเพียงขวัญแน่นจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน เพียงขวัญเองก็ได้แต่เอื้อมมือไปลูบหลังคนรักอย่างปลอบโยนด้วยความเข้าใจ สุดท้ายแล้วไม่ว่าเขาจะเลือกหมั้นเพราะอะไรเธอก็พร้อมจะปล่อยเขาไป"เวลามันผ่านไปเร็วมากเลย...""เวลาเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ค่ะ""เธอทรมานเหมือนฉันไหม?""ฉันเลือกอะไรไม่ได้ค่ะ สุดท้ายคุณก็ไม่ใช่ของฉัน"เพียงขวัญพูดอย่างพยายามอดกลั้นความเสียใจที่มันปนออกมาพร้อมกับน้ำเสียงสั่น แต่เหมือนธามจะรับรู้ได้ว่าเธอเสียใจมากจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอย่างหวงแหน"หลังจากหมั้น ฉันจะถอนหมั้นทันทีถึงตอนนั้นเธอจะยังไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร แต่ฉันจะพยายามจีบเธอใหม่""อย่าเลยค่ะ คุณคิดจะหมั้นแล้วคุณก็ต้องอยู่กับเธอให้นานๆ สิ""มันไม่ใช่ความต้องการของฉันแล้วเพียงขวัญ เธอคือคนที่ฉันต้องการไม่ใช่โรส แต่ฉันไม่บังคับเธอนะเธอรอดูพฤติกรรมฉันก่อนก็ได้""คุณพูดอะไรของคุณ"เพ
: เพียงขวัญหลังจากที่คุณธามออกไปหาพี่ไนท์ที่ร้านอาหาร ฉันก็แอบมาพบกับพี่มอสอีกครั้งโดยที่ไม่ได้บอกใครเขาส่งข้อความมานัดฉันตั้งแต่เช้าโชคดีที่คุณธามไม่รู้ไม่อยากนั้นเขาคงไม่ให้ฉันมาแน่ ที่มาวันนี้ไม่ใช่เพราะฉันยังเหลือเยื่อใยอะไร แต่ฉันคิดว่าการที่ฉันไม่พูดหรือตัดความสัมพันธ์อย่างตรงไปตรงมาจะยังทำให้เขาคิดว่ายังมีโอกาสกลับไปคบกันได้อีก เพราะหลายวันที่ผ่านมาพี่มอสยังคงส่งข้อความราวกับว่าเรายังเป็นคนรักกันอยู่มันเหมือนกับว่าเขาคิดจะรอฉัน"พี่มอสมานานหรือยังคะ?"ฉันถามขึ้นก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้ามเขาและพบว่าบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่ฉันชอบหลายเมนู และนั้นทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังพยายามเอาใจฉันอยู่ "ไม่นานหรอก ทานเลยสิเดี๋ยววันนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ?""อาทิตย์นี้เพียงพักค่ะ พอดีคุณธามเขาต้องเตรียมตัวหมั้นตารางงานเลยว่างค่ะ"ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบราวกับไม่รู้สึกอะไร แต่อันที่จริงแล้วในใจของฉันมันยังเจ็บไม่น้อยเลยที่ต้องยอมเห็นคนที่ตัวเองรักไปเป็นของคนอื่น แต่จะทำยังไงได้ละนอกจากทำมันให้ดีที่สุดก่อนจะจากกัน"หลังจากนั้น...เพียงจะทำยังไงต่อละ?""หมายถึงอะไรคะ?""หลังจากค