ศรัณเดินออกมารับลมยามจบมื้อค่ำ ที่โต๊ะอาหารนั่น บรรยากาศช่างน่าอึดอัดเหลือเกิน เขาอยากเข้าใจอารดาในสิบวินาทีที่ได้เจอหน้า แต่คงฝันเฟื่องเกินไป ความเป็นอารดาคงยากที่จะรู้ซึ้งในเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง และนั่นทำให้เขาหงุดหงิดใจชะมัด
อารดาไม่ใช่ผู้หญิงสวยจัด น้องสาวหล่อนนั้นยังสวยกว่ามาก สวยแบบมองแล้วต้องมองอีก แต่เขาก็ไม่อาจละสายตาจากอารดาไปได้ ดูเหมือนว่าแววตาอันแสนเศร้าของหล่อนตรึงเขาให้อยู่กับที่ ให้เขาสงสัยใคร่รู้จนไม่มีหัวใจไว้ชื่นชมความงดงามของผู้ใด
ชายหนุ่มยังเดินเตร่อยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ทันได้เห็นสตรีสองนางเจรจากันอยู่ที่มุมหนึ่ง ก็ไม่ได้อยากแอบฟังนะ แต่พุ่มไม้ใหญ่นี่ดันบังร่างเขาได้พอดิบพอดี
“คิดว่ายัยอุ่นแต่งงานแล้วจริงเหรอ”
รสิกาถามลูกพี่ลูกน้อง อรุณฉายยักไหล่ก่อนตอบ
“ไม่รู้สิ คนอย่างพี่อุ่นไม่ทำอะไรโดยไม่คิดหรอก บางทีคุณย่าอาจจะมีเอี่ยวก็ได้”
“คุณยายน่ะเหรอ” รสิกาท้วงอีก คิ้วสวยๆ ยิ่งขมวดเป็นปมเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงย่าพร้อม ซึ่งเป็นยายของเธอ
“อือ...คุณย่าน่ะจอมบงการจะตายไป”
“นั่นสินะ”
“ถ้าพี่อยากรู้ว่าพี่อุ่นแต่งงานจริงหรือเปล่า เดี๋ยวคืนนี้จะไปดูให้ละกัน”
“ไปดู?”
“ก็ไปดูให้เห็นกับตาน่ะสิว่าพวกเขานอนเตียงเดียวกัน”
รสิกาพยักหน้าเห็นด้วย อรุณฉายรีบเอ่ยต่อ
“จะว่าไป ตั้งแต่พลาดจากพี่ธีก็ไม่เห็นว่าพี่อุ่นจะมีแฟนใหม่ แต่อยู่ๆ มามีสามีอย่างนี้ ใครเชื่อก็โง่ละ”
“จริง พี่ก็ว่างั้นแหละ” รสิกาสำทับเป็นการด่วน การเห็นอารดาได้แต่งงานกับคนที่อายุน้อยกว่า บอกตรงๆ ว่าไม่ชอบใจ หล่อนไม่ควรได้แต่งงานกับใครด้วยซ้ำ ควรจะอยู่ขึ้นคานไปเลย
สองสาวยังเจรจากันอีกหลายความ ศรัณค่อยๆ ถอยออกมาเมื่อรู้ถึงสิ่งที่อรุณฉายคิดจะทำ เขาเดินกลับทางเก่า เกือบปะทะกับนางอรดีกับลูกเขยที่เดินออกมาสมทบกับรสิกาที่หน้าบ้าน พอคนพวกนั้นจากไป เขาก็ได้โอกาสก้าวเข้าข้างใน แต่ว่า...
“อะแฮ่ม! นี่...นายชื่อศรัณใช่ไหม”
ศรัณมุ่นคิ้ว เมื่อได้ยินน้องเมียเอ่ยเรียกเช่นนั้น พวกผู้ดีนี่เขาไม่เคร่งมารยาทกันกระมัง
“ถึงคุณไม่อยากให้เกียรติผมก็ควรให้เกียรติพี่สาวคุณบ้าง ถึงยังไงผมก็เป็นสามีของเธอ อย่างน้อยคุณก็ควรเรียกผมว่าพี่”
อรุณฉายยักไหล่ “เราสองคนคงอายุห่างกันไม่เท่าไหร่”
“คุณอายุเท่าไหร่ล่ะ ผมยี่สิบหกแล้ว”
“ฉันยี่สิบเอ็ด”
“นั่นไง สี่ห้าปีก็คือว่าเยอะพอสมควรนะ”
อรุณฉายมองผู้ชายของพี่สาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ผิวเขาไม่ใช่ขาวอย่างพวกเธอ แต่ก็ไม่ใช่คนดำคล้ำ หน้าตายิ่งน่ามองนัก เขาหล่อเหลาทีเดียว ตอนมหา’ลัยนี่คงฮอตน่าดู ยิ่งกล้ามอกแน่นๆ นั่นน่ะ น่าลูบแตะชะมัด
เธอเคลื่อนกายเข้าหาเขาอีกนิด ช้อนตามองเขาสักหน่อย ส่งสายตายั่วยวนไปให้ หากเขาไม่โง่จนเกินไป คงรู้ว่าเธอกำลัง อ่อย อยู่
ศรัณมองอรุณฉายอย่างรู้ทัน ถึงไม่ใช่คนที่คบผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่ก็พอดูออก ผู้หญิงอย่างหล่อนเคยเห็นน้องชายเขาควงเล่นมานักต่อนักแล้ว และเขาไม่เคยชอบใจเลย ไม่รู้สิ เขาชอบผู้หญิงดีๆ ที่วางตัวเรียบร้อย เป็นหน้าเป็นตาให้สามีมากกว่า
“คุณรักพี่อุ่นเหรอ” สรรพนามที่ใช้สุภาพขึ้น เมื่ออีกฝ่ายโต้กลับมาด้วยวุฒิภาวะของคนที่อายุมากกว่า
“อือฮึ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อเช้า”
“หา!?”
“ได้ยินไม่ผิดหรอก ผมตกหลุมรักพี่สาวคุณ เมื่อเช้านี้”
“บ้าบอชะมัด คุณรักเธอตรงไหน ผู้หญิงจืดชืดอย่างนั้นไม่สนุกหรอก ฉันสนุกกว่าเยอะ” เอ่ยพลางม้วนปลายผมของตัวเองเล่น ราวกับว่าเรื่องที่เพิ่งเอ่ยเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่ทำให้คนพูดรื่นเริงใจ
“มีประสบการณ์ว่างั้น”
ศรัณลองเชิง ไม่คิดว่าได้ประโยชน์จากการเจรจากับหล่อนหรอก แต่อย่างน้อยคำพูดคำจาของหล่อนก็ทำให้เขาหาทางรับมือได้
“แน่นอน”
“คุณสติดีอยู่หรือเปล่า ผมเป็นพี่เขยคุณนะ”
“แล้วไง ฉันไม่ใช่น้องสาวที่กอดคอรักพี่นี่นา ก็แค่พี่คนละแม่ ฉันไม่สนหรอก” มิใช่เพียงบอกกล่าว แต่เอื้อมมือไปหาเขา แตะลูบที่แผ่นอกหนั่นแน่นเบาๆ แล้วก็ได้ตาเบิกโตเมื่อรู้ถึงความเรียบตึงชวนสัมผัส ทำไมผู้ชายของพี่สาวถึงงานดีขนาดนี้ ชักอยากได้แล้วสิ
ศรัณปัดปลายนิ้วอรุณฉายออกด้วยหลังมือ เขายิ้มเยาะสาวเจ้า
“ขอโทษนะ พอดีท้องไส้ผมไม่ค่อยดี ชอบกินอะไรจืดๆ ชืดๆ มันอาจจะไม่อร่อย แต่ไม่เป็นพิษแน่ๆ ไม่เหมือนอาหารรีไซเคิลแถวนี้ ดูจากความเป็นมืออาชีพคงถูกใครต่อใครเคี้ยวมาจนพรุน ไม่ไหวละครับ ขอตัว”
“นี่!? ว่าฉันเหรอ!”
ศรัณยักไหล่ “ก็พูดลอยๆ ถ้าอยากรับไปก็เชิญครับ”
“ร้ายกาจจริงๆ กล้าพูดกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง”
“ผมต่างหากต้องถามคุณ คุณจะเผ็ดจะแซ่บมาจากไหนผมไม่รู้หรอก แต่ผมรู้อยู่อย่างหนึ่ง เป็นน้องสาวที่ดีอย่าอ่อยผัวพี่สิครับ มันไม่งาม”
“นาย!!!???” อรุณฉายหน้าแหกไปหลายตลบ อยากจะกรี๊ดดังๆ แต่มันจุกจนร้องไม่ออก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอผู้ชายที่ไหนปากจัดขนาดนี้เลย
“ผมมีชื่อ ช่วยเรียกชื่อผมด้วย หรือถ้ามันเรียกยากนัก เรียกพี่เขยก็ได้ครับ”
“ต่ำ! ต่ำจริงๆ มาเถียงผู้หญิงฉอดๆ ได้ยังไง ทุเรศที่สุด”
“เถียงเฉพาะคนที่เถียงได้น่ะ ไปดูตอนที่ผมอยู่กับพี่สาวคุณสิ ลูกแมวดีๆ นี่เอง” เขายั่วเย้าโทสะของน้องเมีย เบื่อจริงๆ ผู้หญิงพรรค์นี้ “เอาละนะ ผมขอตัวดีกว่า อ้อ...แล้วอย่ามาอ่อยผมอีกล่ะ ผมไม่อินกับผู้หญิงร้ายๆ เจอมาเยอะ เกลียด!” ศรัณเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วหันหลังจากไป
อรุณฉายกลั้นเสียงกรี๊ดจนหน้าดำหน้าแดง เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ ผู้ชายบ้าอะไรร้ายกาจชะมัด เธอไม่สวยเหรอ หุ่นไม่ดีหรืออย่างไร ทำไมทำกับเธออย่างไม่ไว้หน้าขนาดนี้! โอ๊ย!!! โมโห!!!
ส่งท้ายขึ้นหลังพี่ไหม______________วันหนึ่งเมื่อครั้งอดีตเสียงพูดคุยกันของผู้ใหญ่บนเรือนเคร่งเครียดขึ้นมา เมื่อบิดาของเด็กน้อยพาภรรยาคนใหม่มาเยี่ยมมารดาของท่าน อารดาในวัยย่างสิบเอ็ดขวบเข้าใจย่าดี ย่าเมตตามารดาของเธอมาก จนรับไม่ได้เมื่อลูกชายแต่งงานใหม่ เธอไม่ได้ไม่ชอบใจ ดีแล้วที่บิดามีรอยยิ้มหลังจากมารดาของเธอจากไป แต่คงดีกว่านี้ หากท่านใส่ใจลูกสาวอย่างเธอบ้าง มิใช่คอยดูแลแต่แม่คนใหม่ และเด็กน้อยอีกคนที่อยู่ในท้องของแม่เลี้ยง เธอเลี่ยงหลบลงมาจากบนเรือน เจอกับพี่พุดซ้อนกับน้าพุดตานกำลังเร่งทำมื้อเที่ยงกันอยู่“คุณอุ่น หิวหรือคะ เอาขนมไหม พี่หยิบให้”“ไม่หิวค่ะ ไปเดินเล่นได้ไหม อยากเห็นกล้วยหอมของย่า”“ค่า...แต่อย่าไปไกลนักนะคะ เดี๋ยวหลง”เด็กหญิงอารดายิ้มให้พี่เลี้ยงคนดี เธอไม่หลงหรอกน่า ยิ่งแปลงปลูกที่สิบสี่ ย่าพาเธอเดินดูจนทั่วหมดแล้วเด็กหญิงตัวน้อยเดินไปเรื่อยๆ ชื่นชมใบกล้วยสีเขียวสด ปัดเรื่อ
ในเวลาที่ผัวหนุ่มเมียสาวคู่หนึ่งกำลังบรรเลงเพลงรักอยู่ในห้องข้างๆ ผัวหนุ่มเมียสาวอีกคู่ กลับต้องลืมตาปริบๆ ใต้แสงสลัว เพราะไม่อาจบรรเลงเพลงรักได้อย่างที่ใจคิด“ฮึ่ม! พังแน่...เสาเรือนมีหักแน่ๆ คุณอุ่น”อารดายิ้มขันวาจาของสามี เสียงร้องครางของชนนท์กับอรุณฉาย ดังแทรกความเงียบสงัดของยามราตรีมาให้พวกเขาได้ยิน“สงสัย...ยัยออมจะไม่ได้นอนห้องฟีฟ่า”“แน่นอน!” ศรัณเอ่ยออกมา ยิ่งยามได้ยินเสียงไอ้บ้านั้นครางกระเส่า เขาก็ยิ่งอยากกระโจนใส่เมียรัก แต่ว่า...“โอ้ว...เฉียงแมวที่ไหนอ่า” เสียงเล็กๆ ดังแทรกเสียงบิดามารดา พ่อตัวแสบลุกขึ้นมานั่ง เอียงคอฟังเสียงที่ไม่คุ้นเคย“โอ๊ะ!? ยังไม่หลับอีก นอนได้แล้วลูก” อารดาดึงลูกชายลงมากอด ให้เขานอนหนุนแขน“ก็เฉียงดัง แม่ได้ยินมะ มันดัง...โอ้วๆ อ๊าๆ อุ๊บ!”ศรัณเอามือปิดปากลูกในนาทีนั้น“โอ๊ย...เจ้าเด็กแสบ นอนสักทีเถอะ เดี๋ยวแมวจะมากินตับนะ ได้ยินไหม นั่นน่ะ มันกำลังกินตับเด็กน้อยคนอื่นอยู่” บอกลูกน้อยแล้วเลื่อนมือที่
[27]ผู้ชายคนนี้เมื่อวันนั้น_____________________คุณแม่ลูกหนึ่งนั่งเล่นอยู่แถวนั้น นั่งรออยู่นานแต่ชนนท์ก็ไม่พาลูกสาวออกมาเสียที จนต้องลุกไปเคาะประตูห้องเขา เคาะอยู่สองสามทีเจ้าตัวก็มาเปิด“ลูกล่ะ”“หลับแล้ว”“หือ?” เธอมองเข้าไปในห้องที่เปิดไฟเลือนราง แม่ตัวแสบของเธอนอนอยู่กลางฟูกหนา หลับปุ๋ยโดยที่สองมือกอดตุ๊กตาหมูตัวโปรดเอาไว้ “ฉันจะพาลูกไปนอนห้องฟีฟ่า”“นอนห้องนี้จะเป็นไรไป ฟูกหลังเบ้อเร่อ”เธอค้อนเขาวงใหญ่ พูดไม่คิดนะ ถ้าลูกนอนอยู่นี่ เธอก็ต้องนอนนี่สิ ใครจะไปนอนห้องเดียวกับเขาสองต่อสองกันล่ะ“มันไม่เหมาะ” บอกเขาแล้วก้าวข้ามธรณีประตูของบ้านเรือนไทย แต่เธอทำผิดมหันต์ เพราะเพียงแค่ร่างพ้นประตูเข้ามา ประตูห้องก็ถูกปิดและล็อกแน่น “นั่นล็อกประตูเหรอ”“อือ...จะนอนแล้วก็ต้องล็อกสิ” ไม่ใช่แค่บอกกล่าว แต่เสื้อที่สวมอยู่ก็ถูกถอดทิ้งอรุณฉายหันหน้าหนี เธอไม่ได้เห็น
“เรื่องไร้สาระที่ไหน เวลาที่ผ่านมายังไม่ได้พิสูจน์หรอกหรือว่าฉันโคตรจริงจังเลย ฉันยอมเธอทุกอย่างทำไมไม่สงสารฉันบ้าง”“ฉันอาจกลับไปเป็นอรุณฉายคนเดิมก็ได้ ฉันเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก”“ให้วันนั้นมันมาถึงก่อนได้ไหมล่ะ ตั้งแต่ลูกเกิด ฉันยังไม่เห็นเลยว่าเธอจะเป็นคนเหลวไหล เธอเป็นคนดีมากแล้วออม เธอดีพอ...ให้คนอื่นรักได้แล้ว”อยู่ๆ กระบอกตาของอรุณฉายก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ทำไมเขาถึงล่วงรู้ความรู้สึกของเธอ“หรือฉันยังไม่ดีพอ” เขาย้อนถามบ้าง“ดีแล้ว ดีขึ้นมากแล้ว สำนึกผิด ไม่เจ้าชู้ ไม่หลายใจ ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ได้เจอผู้ชายแบบนนท์ก็นับว่าดีมากแล้ว”“แล้วทำไมถึงไม่ใจอ่อนสักที”“นั่นสิ...ทำไมกันนะ”ถ้อยวาจานั้น อยู่ๆ ก็กระจ่างในใจของชนนท์ สามสี่ปีมาแล้วที่เขาอยู่ตรงนี้ เฝ้ารอความรักของอรุณฉาย แต่ทุกอย่างเหมือนเสียเวลาเปล่า หล่อนก็ยังอยู่ในจุดเดิม จุดที่ไม่อยากมีเขาในชีวิต“ฉันคิดว่า...ฉันรู้แล้วล่ะ”“อะไร”“
เขาครางเบาๆ เมื่อแรงที่กระแทกเข้าใส่หล่อนก่อเกิดความรื่นรมย์อย่างหาที่เปรียบมิได้ โพรงเนื้อนุ่มอ่อนที่อยู่ข้างในกำลังกอดรัดเอาตัวตนเขาจนปวดไปหมด“รัณ...เร็ว...อ๊า...รัณ”เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพั่บๆๆ มิมีหยุดหย่อน ยามที่ศรัณโยกกายท่อนล่างเข้าหาร่างของอารดา ความลื่นด้วยแรงปรารถนาอันมากล้น ส่งผลให้การเสพสมดำเนินไปได้ด้วยดี พอโยกกายเข้าหาหล่อนจนพอใจ อารดาก็เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายคุมเกม หล่อนผลักเขาให้อยู่เบื้องล่าง ในขณะที่หล่อนควบขี่เขาอยู่เบื้องบน ผมสลวยของหล่อนแผ่สยายและเคลื่อนไหวรัวเร็วตามแรงที่หล่อนกระแทกลงมา พุ่มทรวงอวบใหญ่ก็กระเพื่อมไหวในทุกคราที่หล่อนร่อนส่ายสะโพกอย่างงดงาม“ดี...คุณอุ่น โยกเร็วๆ แรงๆ เลยได้โปรด...อา...”เสียงครางกระเส่าของสามียังดังอยู่เนืองๆ กระทั่งอารดานำพาเขาถึงฝั่งฝัน ให้เขาได้ปลดปล่อยเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตเข้าสู่ร่างของเธอ เม็ดเหงื่อของสองร่างไหลรวมเป็นหนึ่ง และแม้ว่าบทรักจะสิ้นสุด แต่ปลายลิ้นของสามีก็ยังแตะชิมที่พุ่มทรวงของเธอ“พอแล้ว...ไม่ไหวแล้ว”“เหงื่อคุณอุ่นออกเยอะนี่นา ผมเช
[26]เศษใจที่ถูกเติมเต็ม__________________วันเวลาเคลื่อนผ่านไปช้าๆ แต่ช่างรวดเร็วในความรู้สึกของอารดา เพียงพริบตา ลูกน้อยในครรภ์ก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก เจ้าลูกชายแข็งแรงสมบูรณ์ดี และมีหน้าตาที่ถอดแบบมาจากศรัณอย่างกับฝาแฝด เจ้าตัวอายุน้อยกว่าลูกพี่ลูกน้องราวสี่ห้าเดือนได้ แต่เชื่อไหม พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาก็โตทันกันอยู่ดี บางวันที่อรุณฉายเข้าเมืองไปทำธุระให้ย่า ชนนท์ก็จะไปรับลูกมาอยู่ที่นี่ ให้น้ามาลาช่วยเลี้ยง พอเขากลับจากสวน ก็จะเล่นกับลูกสาวจนหนำใจแล้วค่อยพากลับเรือนย่า มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กน้อยเริ่มเดินได้เมื่อตอนขวบเศษ กระทั่งบัดนี้สามขวบเข้าไปแล้ววันนี้ก็เป็นเช่นวันที่ผ่านมา ชนนท์ไปรับลูกสาวมาแต่เช้า น้ามาลาช่วยเลี้ยงแกตอนลูกชายเข้าสวน และเธอช่วยพาลูกหลานนอนกลางวัน พอกล่อมเด็กน้อยจนหลับปุ๋ย เธอเองก็ผล็อยหลับตามไป...ทว่าหลับได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกกวนจนได้เธอรู้สึกเย็นๆ แถวเนินอก แต่เหนื่อยเกินกว่าจะปรือตาขึ้นมอง พอรู้สึกเย็นๆ นานเข้า จึงได้ฝืนร่างกายปรือตาขึ้นมาดู เจ้าตัวเล็กในเปลยังหลับอยู่