[3]
คืนเข้าหอ
อารดาเดินไปส่งบิดาที่ห้องนอน เหมือนว่ามีบางอย่างที่ท่านยังใคร่รู้ และพอแม่เลี้ยงของเธอเข้าห้องไปก่อน บิดาจึงได้เอ่ยขึ้นด้วยเสียงไม่ดังนัก
“เรื่องนั้น...คุณแม่ว่ายังไงบ้าง” เอ่ยถึงเรื่องบางอย่างที่เคยปรึกษาบุตรสาวไว้
“ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ”
คนเป็นบิดาหาเชื่อไม่ ท่านพอจะเข้าใจอะไรๆ บ้างแล้ว
“ที่ยอมแต่งงานกับเด็กคนนั้น เพราะเรื่องที่ฉันขอร้องสินะ”
อารดาเลือกที่จะเงียบแทนการเอ่ยคำตอบ
“ก็รู้ละว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ฉันขอ แต่ว่า...นี่มันมากเกินไปนะ รู้จักมักคุ้นกันหรือก็เปล่า คิดดีแล้วหรือที่จะฝากชีวิตไว้กับเด็กคนนั้น”
“ย่ามั่นใจว่าเขาเป็นคนดี หนูก็เลย...”
โอภาสถอนหายใจอย่างปลดปลง เพราะท่านเองกระมังที่ทำให้เรื่องมันยุ่งเหยิง
“อย่าคิดถึงคนอื่นให้มากนัก คิดถึงตัวเองบ้าง ก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง คราวหน้า ถ้าฉันเอ่ยปากขอ...ก็รู้จักปฏิเสธบ้าง”
“หนูไม่เป็นไร อย่าคิดมากเลยนะคะ”
คำพูดของลูกจุกในอกของคนเป็นพ่อ รู้ว่าอารดาต้องทำทุกอย่างก็เพื่อตัวท่านเอง
“แต่งงานแล้วก็ออกไปอยู่บ้านสามี ไปอยู่ที่โน่นเถอะ อย่าอยู่ที่นี่เลย” เอ่ยออกไปหัวใจก็ปวดหนึบ ถ้าลูกสาวยังอยู่ ท่านคงได้เอ่ยวาจาที่ทำให้ตัวเองละอายใจไม่จบไม่สิ้น
“หนูไม่ไป หนูจะอยู่ที่นี่ ถ้าบริษัทมันไปต่อไม่ไหว พ่อก็แค่พอ พอได้ไหมคะ”
เอ่ยวาจาหว่านล้อมบิดาอย่างที่เคยทำมาแล้ว บริษัทม่านมุกที่เคยรุ่งเรืองเริ่มมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงินตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว แต่บิดาก็ประคองมันมาได้ กระทั่งไม่กี่เดือนมานี้ที่ท่านเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ในยามที่เป็นลูกสาวที่ถูกลืม แทนที่จะคิดว่าท่านทำร้ายจิตใจด้วยการโยนภาระมาให้ หัวใจอันแล้งไร้ความรักของเธอกลับมองว่าท่านคงหมดหนทางจริงๆ จึงได้บ่ายหน้ามาหา แล้วเธอที่เป็นลูกจะปฏิเสธได้อย่างไร ไม่ว่าจะช่วยได้หรือไม่ ในตอนนั้นเธอรับปากท่านอย่างไม่ต้องคิดทีเดียว
โอภาสหนักใจเกินจะกล่าว อายุที่มากขึ้นทำให้ท่านเหนื่อยกับการงานเหลือเกิน
“ถ้าฉันพอ แล้วป้าแกล่ะ จะทำยังไง”
“ป้าอรอายุมากแล้ว จะใช้จ่ายสักเท่าไหร่กัน ยัยรุ้งกับสามีก็ทำงานมีเงินเดือนนะคะ”
“ใช่ว่าลูกทุกคนจะเลี้ยงดูพ่อแม่นี่นา ถ้าไม่มีรายได้จากบริษัท ป้าแกได้ทึ้งหัวฉันวันละสามหนแน่ๆ”
อารดาเหนื่อยใจไม่แพ้บิดาเลยในเรื่องนี้
“ทำไมต้องโอบอุ้มครอบครัวนั้นมากขนาดนี้คะ”
“เพราะเป็นครอบครัวน่ะสิ แกก็รู้ว่าตอนที่บริษัทลำบาก ลุงของแกเคยช่วยฉันไว้ มาถึงตอนนี้ ฉันจะทิ้งพี่อรไปก็ละอายใจ ฉันทำไม่ได้หรอก อีกอย่างนั่นก็พี่สาวแท้ๆ นี่ถ้าคุณแม่ยอมช่วยดีๆ ก็คงไม่ต้องหนักใจอย่างนี้”
ชายสูงวัยไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะกู้ธนาคารมาพยุงบริษัท ตลอดปีที่ผ่านมาก็ทำจนสุดความสามารถแล้ว และในเมื่อมารดามีเงินไม่น้อย ดีกว่าแน่ๆ ถ้าได้จากท่านมา แต่ว่า...ตั้งแต่ลูกชายแต่งงานใหม่ มารดาที่เคารพก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่มีใครแตะเงินของท่านได้ หากท่านไม่อนุญาต และคนที่พอจะคุยกับท่านได้ก็มีเพียงอารดาเท่านั้น
“หนูจะคุยกับย่าให้เร็วที่สุดค่ะ พ่อรับปากหนูได้ไหมคะว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ถ้ามันไปไม่ไหว ก็หยุดเถอะนะคะ หนูจะหาเงินมาใช้หนี้ จะหาเงินมาจ่ายชดเชยให้พนักงานเอง”
ก้อนขมๆ วิ่งมาจุกในลำคอของคนเป็นพ่อ หยดน้ำใสรื้นขึ้นมาในดวงตาของชายสูงวัย ในเวลาที่หาทางออกให้เรื่องหนักใจไม่ได้ ลูกสาวที่ถูกลืมกลับบอกท่านว่าไม่เป็นไร จะแก้ไขทุกอย่างให้เอง นี่เป็น...การลงโทษจากสวรรค์หรือ อารดาไม่ควรกตัญญูต่อท่านเลย เจ้าตัวควรโกรธเคือง ควรเกลียดท่านด้วยซ้ำ นับตั้งแต่พาเมียใหม่เข้าบ้าน ท่านไม่ค่อยดูดำดูดีลูกสาวคนนี้เลย
“ไป...ไปนอนเถอะลูก” โอภาสเอื้อมมือไปหาลูกสาว แตะบ่าบางของอีกฝ่ายแล้วบีบเบาๆ ด้วยไม่รู้จะทำอย่างไรดี
อารดาขยับไปหา เอื้อมมือไปหมายว่าจะกอดปลอบบิดาสักนิด เธอรู้ดีว่าท่านรู้สึกเช่นไร แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น ท่านเบี่ยงกายเปิดประตูเข้าห้องไป ไม่ทันให้ลูกอย่างเธอได้โอบกอดปลอบประโลมด้วยซ้ำ
หญิงสาวส่งบิดาเข้าห้องด้วยความน้อยใจ นานแล้วนะ นานเหลือเกินที่เธอไม่เคยได้กอดท่านเลย
อารดาเดินขึ้นบันไดไปห้องนอนของตัวเอง ในตอนที่ศรัณค่อยๆ เดินออกมาจากหลังต้นเสา ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่าทำไมอารดาถึงยอมแต่งงาน หล่อนไม่คิดถึงตัวเองบ้างเลยหรือ ทำไมต้องยอมเป็นเครื่องมือให้คนโน้นคนนี้ใช้งานอยู่เรื่อย ทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนอารดาได้นะ เขาจะทำอย่างไรดี
[4]ไม่ทันตั้งตัว__________อารดายังไม่เห็นศรัณเลยตั้งแต่ตื่นนอน เธออาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาข้างล่างเพราะวันนี้วันเสาร์ ไม่ต้องไปทำงาน เธออยากคุยกับศรัณอีกสักนิดเรื่องความเป็นมาของเขา อย่างน้อยเผื่อคนที่บ้านถามไถ่เรื่องสามี จะได้ตอบถูกเธอไม่ต้องตามหาอะไรมากมาย เขาอยู่ในห้องรับแขกกับพี่พุดซ้อนที่กำลังแกะกล่องอะไรสักอย่างอยู่ มีอรุณฉายยืนเหล่มองทั้งคู่อยู่ใกล้บานหน้าต่าง“ทำอะไรอยู่คะ”พุดซ้อนหันมองเจ้านาย ยิ้มให้เจ้าหล่อนก่อนจะแกะห่อต่อ ศรัณเดินไปหาภรรยา โอบบ่าแล้วพาเดินเร็วๆ ไปยังโต๊ะที่พี่พุดซ้อนกำลังจัดการกับลังกระดาษใบหนาแล้วอารดาก็ได้ตาเบิกโต เมื่อเห็นกล่องสี่เหลี่ยมเรียบหรูเรียงอยู่ในลังถึงหกใบด้วยกัน ถ้าไม่รู้จักแพ็กเกจมาก่อน คงเข้าใจว่าในกล่องคือเครื่องเพชร“พอไหม หามาได้แค่หกขวดเอง”อารดายังงงอยู่ พี่พุดซ้อนเปิดกล่องให้ดูก็เห็นขวดน้ำหอมอยู่ในนั้น ขวดแก้วสีสวยมีฝาปิดรูปมงกุฎที่ทำจากทองคำแท้ยี่สิบสี่กะรัต ใช่แล้วล่ะ มันคือน้ำหอม CLIVE CHRIS
ภายในห้องนอนอารดาทิ้งกายลงปลายเตียง เสียดายน้ำหอมก็เสียดาย แต่ก็เท่านั้นแหละ ต่อให้ไม่มีศรัณมาช่วยเร่งเร้า อย่างไรเสียคืนนี้น้ำหอมขวดนั้นก็ต้องไปอยู่ในมือของอรุณฉายอยู่ดี กำลังใจในการสู้คนมันหมดลงตั้งนานแล้ว หมดลงตั้งแต่วันที่บิดาเลิกกอดลูกสาวคนโตกระมังหมับ!อยู่ๆ แขนแข็งแรงของสามีก็สวมกอดเข้ามาแนบแน่น มันอบอุ่นและสื่อให้รู้ถึงการปกป้องคุ้มภัย เธออยากผลักไส อยากด่าสักนิด แต่ตอนที่มีแขนเขาโอบรัดร่างอยู่ มันก็อุ่นดีเหมือนกัน“พรุ่งนี้หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนี้นะ”“เป็นยังไง” เธอย้อนทันควัน“เป็นคนที่ยอมทุกอย่างยังไงล่ะ”อารดาแกะแขนเขาออก เจ้าเด็กคนนี้ชอบบงการเสียจริง“บางครั้งมันก็เรื่องเล็กน้อย ช่วยได้ก็ช่วยไป คนในบ้านก็ไม่ใช่คนอื่น ครอบครัวแท้ๆ”“แต่เหมือนว่าทุกคนไม่ได้เห็นคุณเป็นครอบครัวเลย พร้อมที่จะเบียดเบียน รังแก และสร้างความกดดันต่างๆ นานาให้แก่คุณ”อารดาไม่ชอบเลยที่เขาพูดอย่างนั้น มันแทงใจดำจนเธอเจ็บแปลบเหลือเกิน“ถ้าคุณไ
ศรัณส่งสายตายั่วเย้าเฝ้ามองเธอ แผ่นอกหนั่นแน่นของเขาลอยอยู่เบื้องบน เธออธิบายเป็นคำพูดไม่พูด รู้แต่ว่าในวินาทีที่เขาพามือเธอไปลูบไล้ลอนกล้ามแน่นๆ เหล่านั้น หัวใจในอกก็ได้สั่นรัวๆ ให้ตายเถอะ ไม่ว่าจะกล้ามเขา ใบหน้าเขา หรือเสียงเขา เธอตอบรวมๆ ได้แค่ว่ามันละลานตาไปหมด!ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูยุติบทรักในตอนเริ่ม อารดาได้ยินมันก่อนและพยายามบอกให้ศรัณรู้ เขาเองก็ได้ยิน แต่เลือกที่จะเมินเฉย ผิวเนื้อตรงซอกคอของอารดาน่าชื่นชมกว่าเสียงเคาะนั่นนักก๊อกๆๆเสียงเคาะดังขึ้นอีกตามด้วยเสียงของคนที่อยู่ด้านนอก อารดาจำต้องผลักศรัณออก หัวหูยุ่งเหยิง พวงแก้มเห่อร้อน ต้องรีบลุกมาจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้ไว ก่อนจะตรงดิ่งไปที่ประตูแอ๊ด...บานประตูเปิดอ้าพร้อมหน้ายุ่งๆ ของอรุณฉาย“ทำอะไรอยู่ฮะ เรียกตั้งนานก็ไม่ขานรับ”อรุณฉายถามพี่สาวแต่ตานั้นมองไกลเข้าไปถึงเตียงนอน แลเห็นผู้ชายตัวใหญ่กำลังสอดกายเข้าใต้ผ้านวม เธอเห็นบ่าเขาแวบๆ คล้ายว่าเขาจะไม่ได้สวมเสื้อ หรือว่าสองคนนี้กำลัง...“มีอะไรหรือเปล่า” อารดาถามน้อง“ก็...เปล่า คือ...จำได้ว่าพี่มีน้ำหอมยี่ห้อเดียวกันกับฉันน่ะ ของฉันหมดพอดี ขอยืมใช้สักวันสองวันสิ”อารดา
“ถ้ามันไม่สนุกแล้วคุณอยู่ในนั้นทำไม ผมเป็นพวกขี้ร้อนด้วย ผมไม่เข้าไปอยู่ในลิ้นชักกับคุณหรอก แต่ผม...จะดึงคุณออกมา เชื่อสิ...โลกของผมสนุกกว่าโลกของคุณเยอะเลย”อารดามองเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอก้าวออกจากโลกแคบๆ ในลิ้นชัก เขาคงต้องใช้เวลาอีกนาน และเขาอาจทำสำเร็จหากไม่ท้อถอยเสียก่อน“กลับไปได้แล้ว ฉันจะนอน”เธอบอกแต่เขาไม่ลุกจากเตียง แถมยังทิ้งกายลงบนฟูกนุ่มของเธอ“ไม่กลับ จะนอนนี่ ห้องผมร้อนจะตาย นอนนี่เย็นดี”เขาว่าแล้วยิ้ม ไม่สนไม่แคร์ อารดาได้แต่มุ่นคิ้ว“ให้เวลากันบ้างสิ อย่างน้อยฉันควรได้เวลาทำใจที่ต้องมีสามีอายุน้อยกว่า”“ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นหรอกน่า ทีคุณอายุมากกว่าผมยังไม่คิดมากเลย”“ศรัณ!”“ครับโผ้มมม...” เขาขานรับด้วยเสียงที่โอเว่อร์เกินจริงอารดาส่ายหัวระอา เมื่อกี้ฟังคำพูดคำจาแล้วช่างน่าฟังนัก แต่เพียงพริบตาดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาป่วนประสาทกันอีกแล้ว“ฉันไม่ชิน เรารู้จักกันยังไม่ถึงยี่สิบ
คนถูกสอนสั่ง ฟังวาจาของคนที่อ่อนวัยกว่า นี่เธอต้องให้เด็กอย่างเขามาสั่งสอนแล้วหรือ“ฉันจะไม่เปลี่ยนอะไรทั้งนั้น”“งั้นผมจะหย่ากับคุณ”อารดาเม้มปากแน่น มองคนตรงหน้าราวกับว่าเธอเป็นเพียงแมวตัวน้อยๆ แล้วเขาคือราชสีห์ตัวใหญ่แต่วัยขบเผาะ“มาแต่งงานกับฉันเพราะอะไรกันแน่นะ”“สักวันหนึ่งผมจะบอก ผมไม่ได้ต้องการแค่ภรรยา แต่ต้องการผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวและมีหัวใจโอบอ้อมอารี จากที่ย่าพร้อมสาธยายความดีงามของคุณให้ผมฟัง ผมไม่ลังเลเลยที่จะยอมแต่งงาน เพราะฉะนั้น อย่าทำให้ผมผิดหวังสิ” มิใช่เพียงร้องขอ แต่ปลายนิ้วแข็งแรงเลื่อนไปหาปลายคางของสาวเจ้า บีบมันเบาๆ แต่ถูกอารดาปัดทิ้ง“ฉันจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร”“งั้นพรุ่งนี้เราไปหย่ากัน และคุณ...จะไม่ได้เงินสักบาทจากย่าพร้อม”“นี่รู้เหรอ?” เธอประหลาดใจที่เขารู้เรื่องนี้ด้วย“ก็...พอจะรู้มาบ้าง ไม่มีผู้หญิงที่ไหนยอมแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเจอหน้าหรอก ถ้าไม่มีเรื่องเงินเข้ามาข้องเกี่ยว”
อารดาแปรงฟันเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว มีตู้เสื้อผ้ามากกว่าสามหลังตั้งอยู่ เธอเปลื้องชุดอยู่บ้านออกแล้วเลือกชุดนอนในตู้ มิได้รู้เลยว่าที่มุมหนึ่งของห้องนอนอันกว้างขวาง ศรัณยืนอยู่พร้อมกับหมอนใบใหญ่ มีกระเป๋าเสื้อผ้าใบพอเหมาะวางอยู่แทบเท้าด้วย มือที่กอดหมอนอยู่เริ่มกอดมันแน่นขึ้นเมื่อได้ยลเรือนร่างของอารดาที่มีเพียงชุดชั้นในสองชิ้นบนล่าง หล่อนไม่เห็นเขาหรอกหรือ เขาตัวใหญ่ขนาดนี้ มองไม่เห็นหรืออย่างไรชุดนอนตัวสวยถูกพาดไว้บนพนักเก้าอี้ ก่อนที่บราเซียร์จะถูกปลดออก กางเกงชั้นในตัวจิ๋วถูกรูดลงไปตามเรียวขา และในวินาทีที่มันหลุดออกจากปลายเท้า หมอนที่ศรัณกอดอยู่ก็หนักอึ้งขึ้นมาจนเขาไม่อาจกอดมันไว้ได้อีกต่อไปตุ้บ...เสียงของหล่นทำให้อารดาต้องหันมอง ความตื่นตระหนกพาให้มือคว้าชุดนอนมาสวมบนร่างอย่างรวดเร็ว“นี่!? ขะ...เข้า เข้ามาได้ยังไง!?”หญิงสาวตื่นตะลึง ถอยหลังจนบั้นท้ายชนเข้ากับขอบโต๊ะ ขวดน้ำหอมขวดหนึ่งล้มกลิ้งเพราะแรงกระแทกก่อนจะตกแตกบนพื้น เธอไม่สนมันด้วยซ้ำ สองแขนรีบยกขึ้นกอดอก ทั้งอายทั้งตกใจในสถานการณ์นี้ เธอขยับปลายเท้า หมายว่าจะพาร