LOGINเมื่อทั้งสองลงจากรถเมล์ องุ่นและกันยาได้เดินคุยกันมาราวกับว่าสนิทกันมาเนิ่นนาน อาจจะเป็นเพราะว่ากันยาเป็นหญิงสาวร่าเริงมองโลกในแง่ดี เธอจึงเข้ากับคนได้ง่าย แต่องุ่นกลับเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยคุยกับใคร มีโลกส่วนตัวสูง ตั้งแต่เรียนมอต้นจวบจนมัธยมปลายเธอก็แทบจะไม่มีเพื่อนคุยเลยด้วยซ้ำไป และที่เข้าเรียนที่นี่ได้ก็เพราะว่าองุ่นสอบชิงทุนการศึกษา แข่งกับคนเป็นร้อยเป็นพันเข้ามา ซึ่งมีผู้ใหญ่ใจดี ออกค่าเทอมให้รวมทั้งค่าขนมเป็นรายเดือน เนื่องจากฐานะทางบ้านของเธอนั้นถือว่ายากจนเลยก็ว่าได้
"องุ่นบรรยากาศในมหา'ลัย โคตรแตกต่างจากรั้วโรงเรียนมากเลยเธอว่าไหม" ฉันพูดออกมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพราะมหาวิทยาลัยนี้ดูกว้างใหญ่ไพศาล เนื้อที่คงมีเป็นร้อยไร่
"อืม... เก็บอาการบ้างก็ดี ไม่เห็นเหรอใครๆ เขาก็มองมาที่เธอ จะกระโดดโลดเต้นทำไมเนี่ย"
"อ้าว! มองก็ช่างเขาสิ เขาก็มีตาไว้มองนี่ ยังไงเราก็ห้ามเขาไม่ได้หรอก" ฉันพูดออกไปด้วยใบหน้ายิ้มร่า ฉันก็ไม่ได้ทำผิดอะไรนี่นา แค่กระโดดโลดเต้นหมุนตัวไปมา ก็คนมันตื่นเต้นจะให้ทำยังไงเล่า
"เฮ้ย! กันยาระวัง! "
"ว้ายย! "
เอี๊ยดดด!!!
"นี่เธอ! เดินประสาอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเลย ดูสิรถฉันสีถลอกหรือเปล่าเนี่ย" หญิงสาวหน้าตาดี ใส่ชุดนักศึกษาเดินลงมาจากรถ พร้อมกับพูดบ่อยๆ ออกมาเสียงดังทำให้ทุกคนแถวนั้นมองไปที่กันยาและคู่กรณีของเธอ
"นี่! เธอพูดออกมาได้ไงว่ารถสีจะถลอก ตาของเธอบอดหรือไงฉันเจ็บอยู่เห็นไหม ดูสิหัวเข่าฉันเขียวเป็นจ้ำเลย" ฉันป่วยวายออกมาเสียงดังอย่างเหลืออด ฉันไม่คิดเลยว่าผู้หญิงหน้าตาดี แต่กลับพูดจาสุนัขไม่รับประทาน
"อ๋อ... อยากได้ค่าเสียหายก็ไม่บอก ที่แท้แกล้งวิ่งมาตัดรถก็เพื่อจะเรียกเงินทำขวัญ"
ฉันเกลียดที่สุดเลยแววตาแบบนี้ แถมคำพูดของเธอนั้นยังดูถูกคนอื่น ต่อให้ฉันจะจนแค่ไหนก็ไม่มีทางเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง เพื่อจะเรียกเงินทำขวัญอย่างที่เธอกล่าวหาเป็นเด็ดขาด
"กันยาเจ็บมากไหมอย่ามีเรื่องกับคุณเกรซ เลยนะ เธอรู้เปล่าว่าพ่อเขาเป็นใคร พ่อของคุณเกรซชื่อคุณกริชมีอิทธิพลมากเลยนะ" องุ่นนั่งลงไปข้างๆ กันยา พร้อมกับกระซิบลงไปที่ข้างหูของหญิงสาว เพราะที่เธอได้เข้าเรียนมหาลัยแห่งนี้ ก็ได้ความอนุเคราะห์จากคุณกริช ซึ่งเป็นนักธุรกิจอัญมณีเพชรพลอยที่ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ
"อุ๊ย! นึกว่าใคร ที่แท้ก็พวกนักเรียนทุน ฉันจะบอกอะไรให้นะ ค่าเทอมของพวกเธอ รวมทั้งค่าขนมนั่นแค่เศษเงินของพ่อฉัน แต่มันคงไม่พอสินะวันนี้ถึงอยากได้เงินค่าทำขวัญอีก" เวลานี้ไทยมุงเริ่มจับกลุ่มกันเพื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหลายคนต่างก็รู้จักเกรซเป็นอย่างดี เมื่อเธอเคยมาเรียนที่นี่ และได้สร้างวีรกรรมเอาไว้มากมาย หญิงสาวเงียบหายไปเป็นปีก่อนจะกลับมาเรียนใหม่ที่นี่อีกครั้ง
"หน้าตาก็ดี ฐานะทางสังคมก็น่าจะอยู่ในขั้นที่เรียกว่าไฮโซ แต่ไม่รู้ว่าที่บ้านเลี้ยงดูแบบไหนถึงได้โตมาให้เป็นภาระกับสังคม มองคนอื่นในด้านลบไปหมด"
"เฮ้ยเกรซ! แกยอมได้ยังไงวะ ท่าทางปากดีแบบนี้ น่าจะตบสั่งสอนสักทีสองที" ตอนนี้ฉันเริ่มจะรู้สึกหมั่นไส้เพื่อนของยายปากปลาร้าเน่านี้เต็มที อยากเจอดีเดี๋ยวฉันจัดให้ ดูสิว่าพ่อของหล่อนกับพ่อของฉันใครจะเหนือกว่ากัน แต่เมื่อนึกถึงพ่อกลับทำให้ฉันรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ อีกอย่างถ้าแม่รู้คงเสียใจมาก ที่ฉันมีเรื่องตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
"วันนี้เป็นวันแรก ที่ฉันตั้งใจเข้ามาในมหา'ลัยแห่งนี้ ก็เพื่อศึกษาหาความรู้ นำไปพัฒนาปรับปรุงในสิ่งที่ตัวเองบกพร่องและยังไม่รู้แจ้ง ฉันจะถือว่าเหตุการณ์วันนี้ ที่เกิดขึ้นฟาดเคราะห์ไปละกัน พอใจหรือยัง" ความจริงแล้วที่ฉันยอมอ่อนข้อให้กับคู่กรณี เพียงเพราะว่าไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ เนื่องจากพ่อของฉันเคยบอกเอาไว้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ถ้าหากมีเรื่องให้คิดมาก หรือมีอะไรกระทบจิตใจ ก็จะพลอยส่งผลต่อลูกในครรภ์ด้วย
"ทำรอยไว้ที่รถของฉัน แล้วจะหนีไปดื้อๆ แบบนี้นะเหรอ ง่ายไปหน่อยไหม"
"รอยอะไร รถของคุณไม่ได้โดนตัวฉันสักหน่อย และที่ฉันล้มลงไปก็เพราะตกใจ จะมาเรียกร้องค่าเสียหายอะไรฉันไม่จ่ายให้หรอกนะ" ฉันไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าต้องการอะไร แต่เธอและเพื่อนๆ รวมกันประมาณสี่คน มองมาที่ฉันและองุ่นด้วยสายตาที่หยามเหยียด เมื่อพวกหล่อนกำลังพยายามที่จะแบ่งชนชั้น
"ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม เมื่อกี้เธอพูดอะไรออกมา เห็นหรือเปล่าว่าเธอตั้งใจที่จะล้มลงไปกองกับพื้น เพื่อเรียกร้องเอาค่าทำขวัญ พอฉันจับได้ไล่ทัน ก็รีบพูดออกตัวแรงในทันที"
"ที่ฉันล้มลงไปก็เพราะตกใจ และอีกอย่างฉันก็ไม่ได้พูดสักคำว่ารถของเธอเฉี่ยวชน เธอต้องให้ฉันแปลภาษาไทย เป็นภาษาไทยให้เธอฟังอีกหรือไง หรือว่าไปอยู่ต่างดาวนานเลยพูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง"
กรี๊ดดด!!!
"นี่แกหาว่าฉันเป็นเอเลี่ยนเหรอ คอยดูนะฉันจะให้คุณพ่อยกเลิกค่าเทอมพวกเธอ จนแล้วยังไม่รู้จักเจียมตัว" เมื่อเกรซพูดจบประโยค ใบหน้าขององุ่นกลับซีดเผือด เพราะถ้าหากคุณกริช ยกเลิกค่าเทอมนั่นก็หมายความว่าเธอคงไม่มีปัญญาจะเรียนมหา'ลัยนี้อย่างแน่นอน
"จะนั่งอ่อยอยู่ตรงนั้นอีกนานไหมยัยตัวแสบ" เสียงทุ้มอันทรงพลังของใครบางคนดังขึ้น ท่ามกลางพวกสาวๆ ที่มองไปยังเขาด้วยความรู้สึก อยากจะจับจองมาเป็นเจ้าของ
"องุ่นดึงฉันขึ้นที" ฉันพยายามตะเกียกตะกายดันตัวเองลุกขึ้นยืน เพื่อจะดูว่าเสียงที่ดังขึ้นนั้น เป็นเสียงของใคร และทำไมเขาถึงเรียกฉันว่ายัยตัวแสบ แต่ถ้าจะเป็นตุลาก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเขาเรียนอยู่คนละมหา'ลัยกับฉัน
"อุ๊ย! หล่อจังหน้าตายังกับซูเปอร์สตาร์ ขอจองได้ไหมอ่ะ" เพื่อนคนหนึ่งที่มากับเกรซ พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
"อย่ายุ่ง! เขาเป็นของฉัน คนนี้ฉันจอง ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันแรกที่นี่ก็มีอะไรน่าสนใจเยอะเลยโดยเฉพาะผู้ชาย" เกรดพูดออกมาอย่างไม่อายปาก เธอมองผู้ชายที่เดินผ่านหน้าไปด้วยความชื่นชม
"ไม่โกรธหรอก แต่ถ้ามีคราวหน้าไม่แน่ ฉันเห็นนะไอ้หมอนั่นมันแอบจับมือเธอด้วย ฉันเกือบทนไม่ไหวเดินไปชกหน้ามันแล้ว" ผมแกล้งพูดออกไปด้วยใบหน้าและท่าทางที่งอน เพราะอยากรู้ว่ากันยาจะง้อผมยังไง "อย่าโกรธเลยน๊า... นะ นะ นะ กันยาไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย คนที่กันยาจะฝากชีวิตเอาไว้ มีเพียงแค่สิงโตเท่านั้นแหละ" ผมชอบจังเวลาที่กันยาอ้อนแบบนี้ เธอพูดพร้อมกับเอาใบหน้ามาแนบลงที่ต้นแขนของผม ช่วงเวลาดีๆ ที่เราสองคนมีร่วมกันไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปีมันก็ไม่เคยจืดจางลงไปเลยสักที เมื่อทุกวินาทีผมต้องการแต่กันยา "พรุ่งนี้คิดเอาไว้หรือยังจะเอาต้นอะไรปลูกที่มหาลัย" "ยังเลย นายปลูกต้นอะไร ฉันก็ปลูกต้นนั้นแหละ" ฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อน ในขณะที่ยังคงเอาใบหน้าแนบลงไปที่ต้นแขนของสิงโต "นี่ไงฉันกำลังปลูกต้นรักกับเธอ" ทุกครั้งที่มีโอกาสผมก็มักจะหยอดคำหวานเสมอ แต่ทุกถ้อยคำนั้น ล้วนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่เคยเสแสร้งใดๆ ทั้งสิ้น
ในขณะที่เขาพูดกับตุลานั้น สิงโตได้มองไปที่กันยาด้วยแววตาที่มีเลศนัย เมื่อชายหนุ่มได้คาดโทษเธอเอาไว้ ข้อหาที่ยอมรับช่อดอกไม้จากชายอื่น แถมยังให้พี่รหัสจับมืออีกด้วย "กลับบ้านเรามีเรื่องต้องคุยกัน" สิงโตพูดพร้อมกับโอบกันยาเดินตรงไปที่รถของเขา ปล่อยให้ราชันทำหน้างงอยู่ตรงนั้น "อ้าว! อะไรวะเนี่ย" "ฉันมีเรื่องสนุกๆ จะให้นายทำ เตรียมตัวให้พร้อมรับรองว่างานนี้ นายมีแต่ได้กับได้" เกรซหันไปพูดกับราชัน ก่อนจะกัดฟันพร้อมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อระงับความโกรธ ขณะที่ดวงตาคู่สวยฉายแววอาฆาตแค้นออกมา เมื่อหล่อนรู้สึกเกลียดองุ่นและมารดาของเธอจนเข้าไส้ ทั้งที่สองแม่ลูกพยายามหนีห่างไม่ข้องแวะใดๆ แล้วทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลก เมื่อเกรซและบิดาของเธอ ไม่ยอมจบเรื่องนี้สักที รถสปอร์ตคันหรูเคลือบเงาสีแดงวาววับ แล่นออกมาจากมหาวิทยาลัย โดยมีหญิงสาวในชุดนักศึกษาอย่างกันยา นั่งเคียงคู่ออก
"รับไปเถอะครับน้องกันยา พี่ตั้งใจสั่งทางร้าน จัดทำให้น้องรหัสเป็นพิเศษเลยนะครับ อีกอย่างพี่ยังไม่มีแฟน ถ้าน้องไม่รับ... พี่เองก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปให้ใคร คงต้องทิ้งมันไป น่าเสียดายแย่เลยนะครับ" ชายหนุ่มพูดออกมา พร้อมกับตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ แม้ว่าเขาจะปฏิเสธผู้หญิงทุกคนว่าไม่ใช่แฟน แต่คู่นอนของเขานั้นแทบจะไม่ซ้ำหน้าเลยทีเดียวก็ว่าได้ ต่อให้กันยาไม่รับ เขาก็หาคนใหม่เพื่อมอบช่อดอกไม้ให้ได้อยู่ดี เพียงแค่พูดจาให้ตัวเองดูดี เพราะหวังที่จะได้กันยาไปขึ้นเตียงกับเขาอีกคน และคงคิดว่าหญิงสาวเป็นเหมือนกับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา "ถ้าอย่างนั้นกันยาก็จะรับเอาไว้ เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ ขอบคุณนะคะ" "ด้วยความยินดีครับ" จังหวะที่ยื่นช่อดอกไม้ให้กับกันยา ราชันพยายามที่จะลูบไล้ลงไปที่หลังมือของเธอ จนสิงโตที่แอบซุ่มดูอยู่แทบทนไม่ไหว เขาอยากจะเดินออกไปชกหน้ารุ่นพี่สักทีสอ
"นายพูดเหมือนกับว่ามีอะไรปิดบังฉันอยู่ หรือว่าซ่อนผู้หญิงคนไหนเอาไว้ อย่าให้ฉันจับได้นะ ฉันเอานายตายแน่สิงโต" ฉันแกล้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด พร้อมกับคาดโทษสิงโตเอาไว้ ในขณะที่ใบหน้าของเขามีท่าทีเหลอหลาเหมือนกับว่ากำลังกลัวฉันมาก "ปะ... เปล่าสักหน่อย แล้วทำไมเธอต้องทำท่าทางจริงจังขึงขังแบบนั้นด้วย" ผมพูดพร้อมกับพยายามหลบสายตากันยา เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายให้เธอฟังยังไงดี ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ฉันหลุดขำออกมา เพราะใบหน้าสิงโตมันเริ่มซีดเผือด เหมือนกับว่าคำขู่ของฉันจะได้ผล "ฉันแค่ล้อเล่น ทำไมต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วย ถ้านายมีใครหรือว่าหมดรักฉันแล้วก็แค่บอกมาตรงๆ ฉันจะไม่รั้งและจะไม่ห้ามนายเลยจริงๆ" ทุกถ้อยคำที่พูดออกมานั้นได้กลั่นกรองมาจากส่วนลึกของหัวใจ ถ้าวันหนึ่งเขามีใครหรือคิดจะจากไป ฉันก็จะไม่รั้งเขาไว้จริงๆ เพราะฉันเชื่อว่าความรักไม่จำเป็นต้องครอบครอง ต่อให้เราเป็นเจ้าของกายเขาไปจนตาย แต่ไม่ได้ใจมันก็เปล่าประโยชน์ "ฉันไม่มีวันหมดรักเธอ เพราะเธอเป็นดั่งดวงใจ เป็นทุกอย่างที่ฉันมี
"กันยาถ้าวันหนึ่งเธอได้รู้ความจริง ฉันคือผู้ชายที่ถูกกล่าวหาและมีมลทิน ซึ่งเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วเธอยังจะอภัยให้ผู้ชายอย่างฉันได้หรือเปล่า" เมื่อคำว่าลูกผู้ชายมันค้ำคอให้ผมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมไม่ได้กระทำ ผมจึงต้องจำใจรับกรรม ตามหลักฐานที่มีอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทุกวันนี้ผมก็ไม่ต่างจากผู้ชายที่เคยมีภรรยามาแล้ว แม้ว่าผมนั้นจะบอกเลิกใบหม่อนอย่างเป็นทางการ แต่เธอกลับตามระรานและไม่ยอม ปล่อยผมไปง่ายๆ ซึ่งการมาเรียนที่กรุงเทพฯ เหตุผลหลักก็มาจากใบหม่อน แต่เหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือผมคิดถึงและอยากใกล้ชิดกับกันยามากกว่าเหตุผลข้อแรก "อื้ม... สิงโตสว่างแล้วเหรอ นายกวนฉันทำไมคนจะนอน" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ เมื่อสิงโตไม่อยู่นิ่งเดี๋ยวก็จุ๊บตรงนั้นทีตรงนี้ที สัมผัสที่ได้รับทำให้ฉันตื่นขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาปรับกับแสง "ใกล้สว่างแล้ว ยังเจ็บอยู่ไหม" ผมถามกันยาออกไปด้วยความห่วงใย ในขณะที่กันยาใส่ชุด นอนขนาดบิ๊กไซซ์ของผม
"อื้ม...อ๊าย นายทำให้ฉันรู้สึกเสียว" น้ำเสียงหวาน ได้เผยความรู้สึกออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อสิงโตกำลังใช้มือคลำแล้วนวดเฟ้นสองเต้าอวบอย่างมันมือ ก่อนจะใช้ปากไล้เลียดูดดึง ส่งผลให้หญิงสาวรู้สึกเสียวซ่านพล่านไปทั้งตัว จนร่างกายของเธออ่อนระทวย ในขณะที่ใต้หว่างขาของทั้งคู่เสียดสีไปมา ยิ่งส่งผลให้กันยาอยากลิ้มลองความแปลกใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในกายเธอ "อ๊าาา... สะ สิงโต" ฉันเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อเขาใช้ปากดูดดึงที่เม็ดบัวอมชมพูครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักพอ "อื้ม..." ในเวลานี้ชายหนุ่มเองก็รู้สึกเสียวซ่านไม่ต่างจากกันยา เมื่อเขากำลังรู้สึกว่าเจ้ามังกรยักษ์พองตัวจวนจะแตก ถ้าหากว่ามันไม่ได้เข้าไปสำรวจถ้ำในตอนนี้ "อื้ม อ๊ะ อ๊ะ อ๊าาา... สะ สะ สิงโต" คนตัวเล็กส่งเสียงหวานครางกระท่อนกระแท่นออกมา เมื่อชายหนุ่มชายใช้ฝ่ามือคลี่ลงไปที่กลีบก







