Share

5

Author: Clear Clouds
last update Last Updated: 2025-09-25 21:05:11

ชายร่างอ้วนไม่สนใจ เขาเดินกรากเข้ามาที่โต๊ะเพื่อจะลากตัวเด็กชายออกไป เฟิงหลี่เฉียงพยายามดิ้นรนและตะโกนด้วยความโมโหว่า “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!”

ลู่ปู่รีบลุกขึ้นและผลักชายคนนั้นออก “ปล่อยเด็กเดี๋ยวนี้! ไม่มีใครเอาเงินเจ้าไปนะ ปล่อย!”

“พวกเจ้าร่วมมือกันละสิ!” ชายอ้วนไม่ยอมหยุด พวกเขาจึงยื้อยุดกันอยู่อย่างนั้น

จนเจ้าของร้านต้องรีบวิ่งบอกว่า “หยุดก่อน! ข้าวของพังเสียหายหมดแล้ว ออกไปทะเลาะกันข้างนอก!”

ลู่ปู่ผลักอกชายคนนั้นออก ในที่สุดเด็กชายก็ยกแขนของอีกฝ่ายขึ้นและกัดลงไปเต็มแรง จนชายร่างอ้วนร้องออกมาด้วยความเจ็บ เฟิงหลี่เฉียงจึงดิ้นหลุดออกมาได้ ลู่ปู่พยายามดึงรั้งแขนอีกข้างของชายคนนั้นเอาไว้ เขาตะโกนขึ้นว่า “ใครก็ได้! ช่วยไปแจ้งที่อำเภอที ชายคนนี้จะทำร้ายพวกข้า!”

เจ้าของร้านจึงสั่งให้ลูกชายรีบวิ่งไปแจ้งที่อำเภอ ในขณะที่บางคนก็พูดว่า “พวกเจ้าคืนเงินเขาไปเถอะ”

บางคนก็พูดว่า “เจ้าสองคนนี้ ขโมยเงินเขาไปแล้ว ยังจะหัวหมออีก”

ชายร่างอ้วนที่ฉุดกระชากลากถูอยู่กับลู่ปู่ก็ตะโกนขึ้นว่า “ใช่ พวกมันร่วมมือกันขโมยเงินข้า!”

เฟิงหลี่เฉียงยืนหอบด้วยความเหนื่อย และปวดร้าวไปหมดทั้งตัว จึงโต้ตอบด้วยเสียงดังว่า “ท่านมากล่าวหาข้าแบบนี้ มีหลักฐานอะไร! แล้วท่านก็ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายข้าแบบนี้ด้วย!”

แต่ชายอ้วนยังคงโวยวาย และดิ้นรนเพื่อจะสลัดตัวให้หลุดจากลู่ปู่ ซึ่งใกล้จะหมดแรงเช่นกัน ในที่สุด เด็กชายจึงบอกตัวเองว่า เขาจะยอมให้ความโมโหมาครอบงำไม่ได้ เขาจึงถามขึ้นว่า “เอาล่ะ เจ้าบอกมาสิว่า ในถุงนั้นมีเงินเท่าไหร่”

ตอนนี้ ชายอ้วนชะงัก เขาหยุดต่อสู้ดิ้นรน  และก็รีบตอบเสียงดังหนักแน่นว่า “มี 800 เหวิน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟิงหลี่เฉียงจึงพูดเสียงดังฟังชัด เพื่อให้ทุกคนได้ยินด้วยว่า “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะหยิบเงินของตัวเองกับของพี่ลู่ปู่ให้ท่านและคนอื่นดู จะได้รู้ว่าทั้งตัวของพวกเรามีเงินอยู่เท่าไหร่”

ชาวบ้านที่ยืนฟังต่างก็เห็นด้วย เด็กชายจึงวางย่ามที่หิ้วมา และเทของออกวางบนโต๊ะ ในนั้นมีผ้าที่ห่อเข็มเอาไว้สองชุด ซึ่งเขาแกะห่อผ้าให้ทุกคนดู และมีเงินที่อยู่ในถุงเงินเล็กๆอีก 5-6 เหวิน ในขณะที่ลู่ปู่แกะห่อผ้าใส่เงินของเขาให้ดูเช่นกัน ในนั้นมีเงินอยู่ประมาณ 4-5 กวานเท่านั้น

อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ “พวกเจ้าซ่อนเอาไว้น่ะสิ!”

เฟิงหลี่เฉียงหรี่ตาลง เขาจึงหันไปบอกเจ้าของร้านว่า “ท่านลุงขอรับ มาช่วยค้นตัวพวกข้ากับโต๊ะเก้าอี้แถวนี้ด้วยว่า พวกเราซ่อนเงินไว้ตรงไหนหรือเปล่า”

เจ้าของร้านรีบมาค้นดูตามเสื้อผ้าของทั้งสองคน ซึ่งก็ไม่พบอะไร และเมื่อมองหาตามโต๊ะเก้าอี้ที่พวกเขานั่งอยู่ ก็ไม่พบเช่นกัน ถึงตอนนี้ หลายคนเริ่มหันไปมองชายร่างอ้วนคนนั้นด้วยสายตาไม่แน่ใจ

แต่อีกฝ่ายก็ยังคงอ้างต่อโดยไม่สะทกสะท้านว่า “เจ้าส่งเงินให้คนอื่นยังไงล่ะ”

เด็กชายแสยะปาก ช่างหน้าไม่อายนัก! เขาจึงหันไปถามคนที่นั่งอยู่ใกล้กับโต๊ะของเขาว่า “พวกท่านรับเงินจากข้าไปหรือเปล่าขอรับ หรือมีใครเห็นข้าส่งเงินให้กับเขาบ้างไหม”

ชายคนนั้นรีบตอบด้วยความโมโห “ข้าไม่รู้จักเจ้านะ อย่ามากล่าวหากันลอยๆ สิ!”

เมื่อเฟิงหลี่เฉียงถามคนอื่นในร้านว่า มีใครรู้จักเขาไหม หรือมีใครเห็นเขาส่งเงินให้คนในร้านหรือนอกร้านบ้างไหม หลายคนก็ส่ายหน้า และแม้แต่เจ้าของร้านก็ยังพูดว่า “ข้าเห็นพวกเขาเดินเข้ามาแค่สองคนเท่านั้น ข้ายืนยันได้!”

ถึงตอนนี้ เริ่มชัดเจนขึ้นมาแล้วว่า ไม่มีใครรู้จักเฟิงหลี่เฉียงและลู่ปู่ และไม่มีใครเห็นทั้งสองคนส่งเงินให้กับคนอื่นในร้านด้วย

ชายร่างอ้วนเริ่มหน้าเสีย แต่ยังคงดื้อดึงต่อ “พวกเจ้าทำเป็นไม่รู้จักกัน แล้วก็แอบขโมยเงินข้าไปยังไงล่ะ!”

ในที่สุด ชายคนที่นั่งใกล้กับเฟิงหลี่เฉียงก็ฉุนกึก และชี้หน้าด่าชายอ้วนทันที “นี่เจ้าหาว่าข้าเป็นขโมยอย่างงั้นหรือ เจ้าอยากโดนดีใช่ไหม!”

ชาวบ้านที่ยืนฟังอยู่ตลอด เริ่มมองชายร่างอ้วนด้วยความไม่พอใจ และรู้สึกแล้วว่า ชายคนนี้มีความผิดปกติ  

เจ้าของร้านจึงพูดยืนยันขึ้นอีกว่า “พี่ชายคนนี้เป็นลูกค้าประจำของข้า แล้วเขาก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ด้วย ข้ารู้จักเขาดี ส่วนเจ้าหนูกับน้องชายคนนี้ที่ท่านกล่าวหา ก็น่าจะมาจากที่อื่น ข้าเพิ่มเคยเห็นเป็นครั้งแรก ท่านจะไปกล่าวหาว่าพวกเขารู้จักกัน แล้วสมคบกันขโมยเงินได้อย่างไร!”

เมื่อเห็นสถานการณ์พลิกกลับแบบนี้ ชายร่างอ้วนรีบเปลี่ยนแผนเขารีบคว้าแขนของเฟิงหลี่เฉียง และลากออกไปนอกร้าน “ไม่รู้ล่ะ! ไอ้เด็กนี่มันขโมยเงินข้า ข้าจะพามันไปที่อำเภอ!” ลู่ปู่ตกใจมาก เขาวิ่งเข้าไปเพื่อจะดึงชายร่างอ้วนเอาไว้  

แต่แล้วทุกคนก็อ้าปากค้าง เมื่อจู่ๆ ก็มีเงาสีเขียวของชายคนหนึ่งกระโดดลอยขึ้นมา และถีบเข้าไปที่หลังของชายร่างอ้วนจนล้มถลาลงไปที่พื้นเสียงดังพลั่ก ในขณะที่เฟิงหลี่เฉียงถูกชายคนนั้นคว้าตัวเอาไว้ทำให้เขาไม่ล้มลงไปด้วย

แล้วเด็กชายก็ได้เห็นผู้ที่ช่วยเขาเอาไว้ เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ หน้าตาดี อายุประมาณ 26-27 ปี แต่งกายด้วยชุดสีเขียวเข้ม ใบหน้าของเขาเย็นชา เมื่อชายร่างอ้วนตั้งสติได้ ก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้น และทำท่าจะกระโจนใส่ชายชุดเขียว

แต่แล้วทุกคนก็ได้เห็นชายร่างอ้วน ถูกถีบเข้าที่กลางลำตัวอีกครั้ง เสียงรองเท้ากระทบเนื้อปนไขมันดังลั่น จนทำให้บางคนเผลอกุมท้องด้วยความเจ็บแทน หลังจากนั้นชายชุดเขียวก็ระดมเตะไปที่ชายร่างอ้วนไม่ยั้ง จนหงายหลังลงไปนอนกับพื้น ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

เมื่อเตะจนพอใจแล้ว ชายชุดเขียวก็พูดขึ้นด้วยเสียงดุดันเย็นชาว่า “เจ้านี่มันชั่วร้ายมาก คิดจะใช่เล่ห์กลหลอกลวงเพื่อลักพาตัวเด็กอย่างนั้นหรือ!”

ถึงตอนนี้ ทุกคนจึงเริ่มเข้าใจแล้วว่า เหตุใดเจ้าอ้วนคนนี้ ถึงพยายามจะกล่าวหาว่าเด็กน้อยคนนี้ขโมยเงินไป ถึงจะไม่มีหลักฐานก็ยังดึงดันจะลากเอาตัวเด็กไปให้ได้ แล้วถ้าเด็กถูกมันเอาตัวไป ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งโกรธแค้นและหวาดกลัว หลายคนอดโมโหไม่ได้ จึงพากันระดมหมัดและเท้าเพื่อลงโทษจนชายร่างอ้วนต้องอ้อนวอนร้องขอชีวิต

เมื่อตำรวจจากอำเภอมาถึง ชายอ้วนจึงถูกลากตัวไปรับโทษที่อำเภอ โดยเฟิงหลี่เฉียง ลู่ปู่ และชายชุดเขียวจะต้องเดินทางไปให้ปากคำด้วย ในระหว่างที่เดินไปด้วยกันนั้น เฟิงหลี่เฉียงก็หันไปพูดกับชายชุดเขียวว่า “ข้ากับพี่ลู่ปู่ขอขอบคุณท่านมากนะขอรับ ที่ช่วยพวกเราเอาไว้ ไม่เช่นนั้น ข้าคงโดนไอ้โจรนี่จับตัวไปแน่นอน!” แล้วเขากับลู่ปู่ก็ก้มลงคำนับชายชุดเขียวอย่างจริงใจ

ชายชุดเขียวยิ้มและพูดว่า “ข้ายืนฟังมาตลอด ก็รู้ว่าเจ้านี่มีเจตนาไม่ดีตั้งแต่แรกแล้ว”

เมื่อเดินทางมาถึงที่อำเภอ พวกเขาถูกนำตัวไปที่ห้องสอบสวนและได้พบกับนายอำเภอ คือ เกาซือจื่อ อายุประมาณ 40 กว่าปี ในระหว่างสอบสวนนั้น เฟิงหลี่เฉียงได้เห็นวิธีการทำงานของข้าราชการในระดับท้องถิ่น และได้เห็นถึงอำนาจในการฟ้องร้องและจับกุม ทำให้เด็กชายได้คิดว่า ถ้าวันนี้ไม่มีชายชุดเขียวมาช่วยไว้ เขาก็คงจะถูกลากตัวไปแน่ คงไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้ามาช่วยเขา บางคนก็ยังคิดว่าเขาเป็นขโมยเสียด้วยซ้ำไป เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ เด็กชายก็ต้องกำมือเอาไว้แน่นด้วยความรู้สึกขมขื่นในใจ

เมื่อนายอำเภอพบว่าเฟิงหลี่เฉียงและลู่ปู่เป็นคนของหมอต้วนเจี่ยซิน ก็ทำให้พวกเขาได้รับการปฏิบัติดีขึ้น เมื่อให้ข้อมูลจบแล้ว พวกเขาจึงเดินทางกลับ ในขณะที่ชายชุดเขียวก็จากไปแล้วเช่นกัน

พวกเขากลับมาถึงบ้านที่หลานเถียนในตอนเย็น ทั้งสองเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ต้วนเจี่ยซินฟัง ชายชรามองหน้าเด็กชายที่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเจ็บใจอยู่มาก ในขณะที่ลู่ปู่ก็เสียใจที่ไม่สามารถปกป้องเด็กชายได้  ต้วนเจี่ยซินจึงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เจ้าจะต้องเรียนวรยุทธ์แล้วล่ะ”

เฟิงหลี่เฉียงเงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกาย “ข้าเรียนได้ด้วยหรือขอรับ!”

ชายชราพยักหน้า “เจ้ายังเด็ก กระดูกยังอ่อน ยังไม่สายที่จะฝึกฝน แต่บอกก่อนนะว่า การฝึกวรยุทธ์เป็นเรื่องที่ยากมาก เจ้าจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเดินลมปราณและฝึกการต่อสู้ ตอนนี้เจ้าเรียนหนังสือกับบัณฑิตโม่ แล้วยังเรียนหมอกับข้าอีก เจ้าจะรับไหวหรือเปล่า”

เฟิงหลี่เฉียงเข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูด แต่เขาไม่อยากถูกรังแกแบบวันนี้อีกต่อไป เด็กชายจึงตอบอย่างจริงจังว่า “ข้าอยากเรียนขอรับ ถึงลำบากก็ยินดี ข้าไม่อยากถูกใครรังแกอีกแล้ว!” เด็กชายจ้องมองอาจารย์ของเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ

 เมื่อเห็นความมุ่งมั่นเช่นนั้น ชายชราจึงพูดขึ้นว่า “ถึงตอนนี้จะยังไม่มีคนสอนวรยุทธ์ให้ แต่ข้าจะสอนการเดินลมปราณให้เจ้าก่อน จากนั้นก็ฝึกทำสมาธิ

เจ้าเรียนหมอมาระยะหนึ่งแล้ว ย่อมรู้จักเส้นลมปราณในร่างกายทุกเส้นดี ถึงข้าไม่มีวรยุทธ์ แต่ข้ารู้ว่าจะสร้างชี่ในตันเถียนแต่ละจุดได้อย่างไร เมื่อวันหนึ่งเจ้าได้พบคนที่จะสอนวรยุทธ์ให้เจ้า ก็จะได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะมีพื้นฐานที่ดีเตรียมเอาไว้แล้ว”

เช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ต้วนเจี่ยซินพาเฟิงหลี่เฉียงมาที่ลานบ้าน เขาให้เด็กชายนั่งฟังสิ่งที่เขาสอน และทำตามไปด้วย

“ในร่างกายของคนเรานั้น จะมีชี่หรือลมปราณไหลเวียนอยู่ ชี่ คือพลังงานของชีวิตขนาดเล็กในร่างกาย ที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ช่วยให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ได้ และทำให้อวัยวะทำงานได้ดีไม่ติดขัด และมีความสมดุล”

 เฟิงหลี่เฉียงนั่งฟัง และพยายามสัมผัสถึงชี่ที่ไหลเวียนตามเส้นลมปราณในร่างกาย  เสียงนิ่งสงบของต้วนเจี่ยซินดังก้องอยู่ในหูของเขา

“ในการแพทย์ เราจะต้องรักษาให้ชี่เหล่านี้ไหลเวียนและทำงานในร่างกายให้ดี 

ชี่หรือลมปราณ จะเดินทางไปตามเส้นลมปราณหรือจิงลั่วหลายเส้น ที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์

การฝึกวรยุทธ์ คือการสร้างชี่และเลือดขึ้นมา เพื่อให้เดินทางไปตามเส้นลมปราณเหล่านี้ได้อย่างสะดวก”

เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กชายจึงถามขึ้นว่า “หมายความว่า ถ้าเราสร้างชี่ให้มีมาก เราจะเป็นจอมยุทธ์ได้ใช่ไหมขอรับ”

ต้วนเจี่ยซินพยักหน้า “ถูกต้อง ผู้ที่เก่งวรยุทธ์ จึงต้องสร้างชี่และเดินชี่ได้สะดวกเหนือกว่าคนทั่วไป แต่คนทั่วไปก็มักคิดว่า จอมยุทธ์เท่านั้นจึงจะสร้างชี่ได้ แต่แท้จริงแล้ว ร่างกายของเรามีชี่ที่พ่อแม่ให้มาตั้งแต่เกิด จากนั้นเราก็สร้างขึ้นมาเองจากอาหารและอากาศที่อยู่รอบตัว นั่นคือสาเหตุที่เราต้องกินอาหารที่ดีและหายใจเอาอากาศที่ดีเข้าไป เพื่อให้สร้างชี่ได้มากนั่นเอง”

“ตั้งแต่ข้ามาอยู่ที่นี่ ก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงและมีพลังมากขึ้นขอรับ” เด็กชายบอกอย่างดีใจ เพราะเขารู้สึกได้ว่า อากาศที่เชิงเขาหลานเถียนนี้ดี ทำให้เขาสุขภาพดีขึ้นมาก

ชายชรายิ้มและอธิบายต่อ “แล้วร่างกายของเรามีแหล่งสร้างชี่จากตรงไหนได้บ้าง เราสามารถสร้างชี่ได้จากอวัยวะ 4 อย่างนี้ นั่นคือ ไต กระเพาะอาหาร ม้าม และปอด เจ้าจะเห็นว่าชี่ที่เกิดจาก 4 แหล่งนี้ มาจากอาหารและอากาศที่เรานำเข้าไปร่างกาย และอวัยวะเหล่านี้ สร้างชี่ออกมา ที่ข้าพูดนี้ เป็นการสร้างชี่ตามหลักการแพทย์”

 “แต่การฝึกวรยุทธ์นั้น เจ้าจะต้องรวบรวมชี่ที่มีอยู่ในร่างกายทั้งหมด ให้เกิดขึ้นหรือไปรวมตัวกันที่ตันเถียนล่าง กลาง และบน”

เมื่อเห็นเด็กชายทำหน้าสงสัย ต้วนเจี่ยซินจึงอธิบายว่า  

“ตันเถียนบน อยู่ที่ตรงกลางระหว่างคิ้ว ตันเถียนกลาง อยู่ตรงกลางหัวใจ และตันเถียนล่าง อยู่ที่ท้องน้อยใต้สะดือลงมา 3 นิ้ว”

“ถ้าเจ้าจะฝึกวรยุทธ์ให้ดี เจ้ายังต้องสร้างทั้งชี่ภายในหรือเน่ยชี่ และชี่ภายนอก หรือเว่ยชี่ให้เกิดขึ้นพร้อมกันด้วย ซึ่งทั้งหมดนั้น อยู่ในตำราการแพทย์ที่อาจารย์ให้เจ้าอ่านอยู่แล้ว”

เฟิงหลี่เฉียงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น “ข้าเคยอ่านหลักเหล่านี้มาแล้ว แสดงว่าข้าสามารถใช้หลักการแพทย์มาช่วยฝึกวิทยายุทธ์ก็ได้ใช่ไหมขอรับอาจารย์”

ต้วนเจี่ยซินหัวเราะเมื่อเห็นเด็กชายตื่นเต้นดีใจ เขารู้ดีว่า เฟิงหลี่เฉียงเป็นเด็กที่ต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรียนรู้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด และการที่เขาเป็นหมอ ยังจะเป็นข้อได้เปรียบในการฝึกวิทยายุทธ์ด้วย เพราะเขาสามารถสร้างชี่ให้เกิดขึ้นได้ และยังสามารถรักษาตัวเวลาที่ชี่หรือลมปราณติดขัดได้อีกด้วย โดยที่ไม่ต้องรอให้หายเอง เหมือนคนทั่วไป

เฟิงหลี่เฉียงจึงดีใจมาก และในระหว่างที่เขาตั้งใจฝึกการสร้างชี่ การควบคุมชี่ หรือการเดินลมปราณอยู่นั้น คนที่จะสอนวรยุทธ์ให้เขาก็กำลังเดินทางมาที่หมู่บ้านหลานเถียนแล้ว!

ทุกวันในตอนเช้ามืด เฟิงหลี่เฉียงจะตื่นมาทำสมาธิและฝึกลมปราณทุกวัน โดยมีต้วนเจี่ยซินคอยให้คำแนะนำ ถึงตอนนี้เขาจะยังไม่สามารถสร้างชี่ให้มีจำนวนมากตามตันเถียนทั้งสามแหล่งได้ แต่เขาก็เข้าถึงสมาธิได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ส่งผลดีอย่างมากต่อการฝึกฝนเรียนรู้วิชาทั้งบู๊และบุ๋นของเขาในอนาคต

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เฟิงหลี่เฉียง ยอดเสนาบดีแห่งหมิง   16 (จบเล่ม 1)

    ในห้องทรงพระอักษร ชายร่างสูงใหญ่วัย 40 ปี ท่าทางสง่างาม เปี่ยมไปด้วยอำนาจและความเด็ดขาด ใส่ชุดสีดำเดินลายสีทอง ปักรูปมังกร 5 เล็บอยู่ด้านหน้า กำลังนั่งอ่านกระดาษคำตอบของบัณฑิตจำนวน 10 คน ที่ผ่านการคัดเลือกให้เป็นอันดับหนึ่งหรืออี้เจี่ย ในจำนวนนี้จะมีเพียง 3 คน ที่ได้รับการคัดเลือกจากฮ่องเต้ให้เป็น “จ้วงหยวน” “ป๋างเหยี่ยน” และ “ทั่นฮวา”ขันทีที่ใกล้ชิดของหย่งเล่อ เดินเข้ามาใกล้ๆ อย่างระมัดระวัง และยกน้ำชามาเสิร์ฟ พร้อมกับช่วยฝนหมึกที่แท่นวางหมึกหยกให้อย่างเงียบๆฮ่องเต้หย่งเล่อพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจว่า “เจ้าฟังนะ จงเซียน ในคำถามแรก ข้าถามว่า ในยุคราชวงศ์หมิง จักรพรรดิเป็นผู้นำสูงสุดที่มีบทบาทในการรักษาความมั่นคงภายในและภายนอกของจักรวรรดิ หากนำแนวคิดของขงจื๊อมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการความมั่นคงของรัฐ จักรพรรดิหมิงควรจะปฏิบัติอย่างไรในการปกครองและการใช้กองทัพเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย จงเซียน เจ้ารู้ไหม บัณฑิตคนนี้ตอบว่าอย่างไร”จงเซียน ขันทีวัย 43 ปี ซึ่งอยู่รับใช้จักพรรดิหย่งเล่อมาตั้งแต่เขายังเป็นอ๋องแห่

  • เฟิงหลี่เฉียง ยอดเสนาบดีแห่งหมิง   15

    สวี่เฟิงหยวนตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขามองไปรอบๆ ห้องแล้วก็สะดุ้ง นี่ไม่ใช่ห้องที่คุ้นเคย แต่สักพักก็นึกได้ว่า เขามานอนค้างที่บ้านของบัณฑิตเฟิง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เขาก็รู้สึกโกรธตัวเองและสิ่งที่เกิดขึ้น แต่แล้วก็ได้ยินเสียงไม้กระทบกันและเสียงพูดคุยจากสนามด้านล่าง เขาจึงลุกขึ้นและชะโงกออกไปที่หน้าต่างที่สนามหน้าบ้าน เขาพบเฟิงหลี่เฉียงกำลังใช้ดาบไม้ฟาดฟันไปที่หุ่นไม้ตัวหนึ่งอยู่ เด็กหนุ่มตะลึงมอง เขาไม่คิดว่าคนที่เป็นบัณฑิตฮุ่ยหยวนคนนี้จะเก่งทั้งบู๊และบุ๋น แล้วเขาก็สะดุ้งเมื่อเฟิงหลี่เฉียงหยุดและเงยหน้าขึ้นมอง และตะโกนถามว่า “ตื่นแล้วหรือ มีห้องน้ำอยู่ด้านล่างนะ ที่นี่เราไม่มีคนรับใช้ช่วยยกน้ำขึ้นไปให้”สวี่เฟิงหยวนเดินลงมา และพบกับสองแม่ลูกกำลังทำอาหารอยู่ในครัว ทั้งสองไม่แปลกใจที่เห็นเขา เพราะเฟิงหลี่เฉียงบอกพวกเขาเอาไว้แล้ว อันเฟยจูเป็นคนพาเขาไปที่ห้องน้ำ และบอกว่าอีกสักพักอาหารเช้าใกล้จะเสร็จแล้ว และเมื่อกินเสร็จ เธอจะให้ลู่ปู่ขี่รถลากไปส่งในระหว่างที่กินข้าวเช้า เด็กหนุ่มมองดูครอบครัวสามแม่ลูกที่พูดคุยกันอย่างอบอุ่น เขารู้สึกอิจ

  • เฟิงหลี่เฉียง ยอดเสนาบดีแห่งหมิง   14

    “ทำไมเจ้าถึงต้องเฝ้าอยู่หน้าห้องตลอด” เจียงอู๋ตี้ถามด้วยความสงสัยซูเว่ย ผู้จัดการภัตตาคารจึงพูดว่า “ข้าขออนุญาตตอบแทนนะขอรับ ภัตตาคารของเรามีกฎให้มีเสี่ยวเอ้อสองคน ประจำอยู่บนชั้นสอง โดยคนหนึ่งต้องอยู่ประจำบนชั้นสอง ห้ามไปไหน เพื่อคอยรอรับคำสั่งลูกค้าและดูแลสถานการณ์ ส่วนอีกคน จะนำคำสั่งอาหารไปที่ครัวและนำอาหารขึ้นมาบริการ ฉะนั้นจะต้องมีหนึ่งคนอยู่ประจำชั้นสองเสมอ”เฟิงหลี่เฉียงยิ้มมุมปาก “เอาล่ะ งั้นขอถามว่า ตอนที่พวกข้าเดินลงมา มีใครเห็นพวกข้าแอบคุยกับคุณชายท่านนี้บ้างหรือไม่”ทุกคนตอบว่า ไม่มีใครเห็น และคนที่เฝ้าอยู่ชั้นสองก็ไม่เห็นเช่นกัน จึงหมายความว่า โอกาสที่พวกของเฟิงหลี่เฉียงจะพบกับเด็กหนุ่มคนนี้เพื่อพูดคุยกัน จึงเป็นไปไม่ได้เลย และจะบอกว่าพวกเขาสมคบกับเด็กหนุ่มก็หาเหตุผลมารองรับไม่ได้ว่า พวกเขาซึ่งเป็นบัณฑิตระดับนี้ จะฆ่าพ่อค้าขาวสารคนหนึ่งไปเพื่ออะไรเมื่อเฟิงหลี่เฉียงสรุปเรื่องนี้ ก็ทำให้ทั้งทำให้เจียงอู๋ตี้และหวังเฉิงพูดอะไรไม่ออก“เอาล่ะ ตอนนี้พวกข้าทั้งสี่คน ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคดีใน

  • เฟิงหลี่เฉียง ยอดเสนาบดีแห่งหมิง   13

    ด้านหลังของภัตตาคาร มีช่องทางเดินไปสู่ห้องน้ำ ด้านหน้าของห้องน้ำเป็นลานกว้างมีโอ่งดินเผาใส่น้ำสำหรับล้างมือ และด้านหลังมีห้องน้ำเป็นห้องขนาดเล็กเรียงติดกันประมาณ 5 ห้อง ที่นั่นพวกเขาพบศพชายคนหนึ่งนอนหงายหลังอยู่ที่ลานกว้าง มีรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ตามเสื้อเฟิงหลี่เฉียงบอกให้ผู้จัดการกันคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป และไม่ให้ใครเดินเข้ามาในบริเวณนี้ เขาเดินอย่างระมัดระวังไปรอบๆ และไม่ได้แตะต้องศพเพิ่มเติม เพราะเขารู้ว่าอีกสักพัก เจ้าหน้าที่จากอำเภอจะมา ตอนนี้เขาถูกพ่อค้าข้าวสารกล่าวหา ถ้าไปแตะต้องศพก็อาจจะมีปัญหา เขาก้มลงมองที่ศพ ที่พื้น และมองไปด้านหลังที่เป็นสวนขนาดใหญ่ ที่มีต้นบ๊วยกำลังออกดอกส่งกลิ่นหอมยามดึก เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรมากนัก ในขณะที่คนอื่นมองที่ศพและบริเวณรอบๆ อย่างไม่สบายใจในที่สุดเจ้าหน้าที่สอบสวนจากอำเภอจำนวน 4 คนก็มาถึง เมื่อเห็นเฟิงหลี่เฉียง อินเฉิน ซุยเฉินเหยา เทียนมู่อวี้ หัวหน้าซึ่งมีอายุประมาณ 35 ปี ก็บอกให้ทุกคนถอยออกไป และสอบถามข้อมูลเบื้องต้น เมื่อรู้ว่ากลุ่มของเฟิงหลี่เฉียงเป็นบัณฑิตและสามารถตรวจสอบศพได้ พวกเขาจึงผ่อนคลายท่าทีลง แต่ก็ยังไม่ยอมให้เฟ

  • เฟิงหลี่เฉียง ยอดเสนาบดีแห่งหมิง   12

    ถึงเฟิงหลี่เฉียงจะไม่ค่อยได้เข้าเรียนในโรงเรียนเพื่อเตรียมสอบ แต่เขาก็ยังมีเพื่อนอยู่ 2-3 คนที่ชอบพอนิสัยใจคอกัน และวันนี้ พวกเขาก็มีนัดเพื่อฉลองผลสอบ เพราะทั้ง 4 คนสามารถผ่านการสอบในระดับประเทศนี้ และกำลังรอเข้าสอบต่อหน้าพระที่นั่งในเดือนหน้า อินเฉิน ซึ่งเป็นลูกชายของข้าราชการกรมการคลัง เป็นคนจองภัตตาคารชื่อดังประจำเมืองหลวงเอาไว้ เพื่อดื่มกินกันให้เต็มที่หลังจากที่เหนื่อยยากมานานเฟิงหลี่เฉียงแต่งตัวด้วยชุดสีเขียวอ่อน ขอบแขนเสื้อเป็นสีน้ำตาลเข้ม ขับผิวให้สว่างมากขึ้น เขาเดินจากบ้านไปยังภัตตาคารอี้เทียนเหลา เพราะบ้านของเขาอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อไปถึง เขาแจ้งชื่อคนจอง พนักงานพาเขาเดินขึ้นไปบนชั้นสอง ไปยังห้องส่วนตัวที่เรียงรายติดกัน ห้องที่พวกเขาจองไว้อยู่ค่อนไปตรงกลาง ในนั้น อินเฉิน ซุยเฉินเหยา และเทียนมู่อวี้นั่งรอเขาอยู่แล้ว บนโต๊ะมีอาหาร 3-4 อย่างวางเอาไว้ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้ามา ทุกคนส่งเสียงทักทายและบอกให้เขาสั่งอาหารตามชอบได้เลยอินเฉิน อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นคนที่มีฐานะดีที่สุด ยกจอกเหล้าขึ้นสูงและพูดขึ้นว่า “มาพวกเรา! มาดื่มฉลองให้ตัวเองที่สอบผ่านเป็น

  • เฟิงหลี่เฉียง ยอดเสนาบดีแห่งหมิง   11

    ชายชุดดำซึ่งมีหน้าตาถมึงทึง ค่อยๆ ผ่อนคลายท่าทีลง เขาพูดด้วยเสียงแหบห้าวว่า “ท่านเป็นหมอหรือ”เฟิงหลี่เฉียงยิ้มนิดๆ “ข้าเป็นบัณฑิตชื่อ เฟิงหลี่เฉียง แต่ก็รู้การแพทย์ด้วย”อีกฝ่ายจึงพยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน “ข้าขอรบกวนให้ท่านช่วยไปส่งข้ายังสถานที่แห่งหนึ่งได้หรือไม่”เด็กหนุ่มถามเขาตรงๆ ว่า “ขออภัย ข้าต้องขอสอบถามก่อนว่าเป็นที่ใด”ไม่ใช่เพราะความอยากรู้อยากเห็น แต่เขารู้ว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา และเขาไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อนจากการเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องที่ไม่ควรรู้ไปด้วยชายชุดดำก็ตอบตามตรงว่า “องครักษ์เสื้อแพร จินอวี่เว่ย”เขารู้ว่าตนเองต้องพึ่งพาเด็กหนุ่มคนนี้ เพื่อรีบกลับไปรายงานข่าวสำคัญที่ไปสืบมา และชายชุดดำรู้ดีว่า หากเด็กหนุ่มคิดไม่ซื่อกับเขา การตามหาตัวเด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก สำหรับราชองครักษ์อย่างพวกเขาเด็กหนุ่มจึงรับปาก เขาคิดอยู่แล้วว่า ชายคนนี้น่าจะเป็นทหาร เขาจึงบอกลู่ปู่ให้เตรียมรถไว้ และช่วยกันประคองชายชุดดำไปขึ้นรถลาก และมุ่งหน้าไปฝั่งตะวันออกของเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status