กระดาษที่ 'ผู้ส่งสารจากอนาคต' มอบให้เมรี่ไม่ได้เป็นแค่แผนที่ แต่มันเป็นเหมือนภาพวาดที่สลักเสลาด้วยลายมือประณีต บอกเล่าถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง หนึ่งในภาพเหล่านั้นคือภาพของ มิสเตอร์คลาร์ก กำลังยืนอยู่หน้าอาคารเก่าแก่แห่งหนึ่งในลอนดอน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของ พระราชวังวินด์เซอร์ สถานที่พำนักของราชวงศ์อังกฤษ
"มิสเตอร์คลาร์กไปที่นั่นทำไมครับ!" เฟรเดอริค อุทานด้วยความแปลกใจ "ดูเหมือนว่าเขากำลังรอเราอยู่ที่นั่น" เมรี่ ตอบ เธอกำแผนที่ไว้ในมือแน่น "เราต้องไปที่นั่นให้เร็วที่สุด" หลังจากเดินทางกลับมายังลอนดอน เมรี่และทีมใช้เวลาสองวันเต็มๆ ในการเตรียมตัวและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพระราชวังวินด์เซอร์ แต่การจะเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขารู้ว่าต้องใช้แผนการที่แยบยลและละเอียดรอบคอบ "เราจะเข้าไปได้อย่างไรครับ?" อเล็กซานเดอร์ ถาม "ที่นั่นมีทหารรักษาการณ์อยู่ทุกตารางนิ้วเลยนะครับ" "เราต้องหาทางเข้าที่ไม่มีใครสังเกตเห็น" เบ็น ตอบ "และผมคิดว่าผมรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน" ภารกิจลับใต้ดิน พวกเขาเดินทางไปยังพระราชวังวินด์เซอร์ในคืนหนึ่งที่มืดมิดและไร้ดวงจันทร์ พวกเขาแต่งกายด้วยชุดที่ดูเรียบง่ายแต่ทะมัดทะแมง ปู่ทวด และ นักสืบโธมัส รออยู่ในรถใกล้ๆ เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือหากมีเหตุฉุกเฉิน "ตามแผนผังที่ได้มาจากมิสเตอร์คลาร์ก" เบ็นกระซิบ "มีทางเข้าลับที่ซ่อนอยู่ใต้ห้องเก็บไวน์ของพระราชวัง" พวกเขาเดินไปตามกำแพงพระราชวังอย่างระมัดระวังจนกระทั่งมาถึงบริเวณที่คาดว่าเป็นห้องเก็บไวน์ เอดิสัน ใช้เครื่องมือขนาดเล็กที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเพื่อตรวจจับกลไกลับที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน "ตรงนี้ครับ!" เอดิสันกระซิบ เขาดึงแผ่นไม้ที่ดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของพื้นออก เผยให้เห็นทางลงสู่บันไดที่มืดมิด "ไปกันเลยครับ!" เมรี่ กระซิบ พวกเขาทุกคนค่อยๆ เดินลงไปในความมืดมิดอย่างเงียบๆ ทางเดินนั้นแคบและมีกลิ่นอับชื้นคละคลุ้งไปทั่ว ราวกับไม่มีใครเคยเข้ามาในที่แห่งนี้มานานหลายศตวรรษ แต่ในขณะที่พวกเขากำลังเดินไปตามทางเดิน จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง... "พวกเจ้ามาที่นี่ทำไม!" ทุกคนหันขวับด้วยความตกใจ! พวกเขาเห็น ชายร่างใหญ่ คนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เขาแต่งกายด้วยชุดของ อัศวินในยุคโบราณ และกำลังถือดาบขนาดใหญ่เอาไว้ "เขาเป็นใครกันครับ!" เฟรเดอริคกระซิบ "เขาคือ ผู้พิทักษ์แห่งราชบัลลังก์" ปู่ทวดตอบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม "เขาคือผู้ที่ถูกอัศวินคนแรกของวินด์เซอร์สาบานว่าจะปกป้องพระราชวงศ์ไปตลอดกาล" อัศวินพุ่งเข้าโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็ว ดาบในมือของเขาฟาดฟันอย่างรวดเร็วและทรงพลัง "หลบ!" อเล็กซานเดอร์ ตะโกน ความจริงที่ถูกปิดบัง เมรี่และทีมต้องต่อสู้กับอัศวินอย่างดุเดือด เขาไม่ใช่ศัตรูที่ง่ายดายเหมือนที่ผ่านมา เขามีความแข็งแกร่งและความว่องไวที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปราวกับว่าเขาไม่ใช่คนจริงๆ "เราต้องหาทางทำให้เขาสงบลงครับ!" เอดิสัน ตะโกน "เขาไม่ใช่ศัตรูของเรา!" "เขาถูกสะกดจิต!" ปู่ทวด เสริม "เขาถูกหลอกให้คิดว่าเราคือศัตรู!" เมรี่พยายามมองหาจุดอ่อนของอัศวิน เธอเห็นว่าดวงตาของเขามีแสงสีแดงที่ผิดปกติ ราวกับว่าเขาถูกควบคุมบางอย่าง "ปู่ทวดคะ! แสงสีแดงในดวงตาของเขาคืออะไรคะ!" เมรี่ตะโกนถาม "นั่นคือ 'สายรัดแห่งคำสาป'" ปู่ทวดตอบ "มันเป็นพลังที่ชั่วร้ายที่ใช้ควบคุมจิตใจของมนุษย์ได้" ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากด้านใน "หยุดเดี๋ยวนี้!" ทุกคนหันไปมอง และพบกับ มิสเตอร์คลาร์ก กำลังยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเขาดูซีดเซียว แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง "ปล่อยเขาไป" มิสเตอร์คลาร์กสั่ง "พวกเขาคือพันธมิตรของเรา!" เมื่ออัศวินได้ยินคำสั่งจากมิสเตอร์คลาร์ก เขาก็หยุดการโจมตีทันที แสงสีแดงในดวงตาของเขาค่อยๆ หายไป เขาล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า "ข้าขออภัยที่ข้าไม่ได้ควบคุมตัวเอง" อัศวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลีย "พวกท่านมาทำอะไรที่นี่!" "เรามาเพื่อตามหาความจริง" เมรี่ตอบ "ความจริงเกี่ยวกับราชวงศ์และ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' " อัศวินพยักหน้าเล็กน้อย "ข้ารู้แล้ว...พวกท่านคือคนที่มาเพื่อหยุดยั้ง 'แผนการชั่วร้ายแห่งวินด์เซอร์' " "มันคืออะไรคะ!" เมรี่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น อัศวินมองไปที่มิสเตอร์คลาร์กด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง "เขาจะอธิบายทุกอย่างให้ท่านฟัง" มิสเตอร์คลาร์กเดินเข้ามาใกล้เมรี่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความเสียใจ "ความจริงก็คือ..." มิสเตอร์คลาร์กกล่าว " 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ได้ใช้พลังของ 'กระจกแห่งความจริง' เพื่อควบคุม กษัตริย์แห่งอังกฤษ มาตั้งแต่ต้น" ทุกคนถึงกับผงะ! "เป็นไปไม่ได้!" เฟรเดอริคอุทาน "ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นครับ!" "เพราะในอดีต...ตระกูลของเราเคยทำผิดพลาดครั้งใหญ่" มิสเตอร์คลาร์กตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "เราเคยทำให้กษัตริย์แห่งอังกฤษต้องเสียชีวิตไปในการต่อสู้กับ 'กาลเวลา' ...และนั่นคือเหตุผลที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ต้องการจะแก้แค้นและทำลายพระราชวงศ์นี้ให้สิ้นซาก!" เมรี่และทีมมองหน้ากันด้วยความตกใจ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวจะซับซ้อนและน่าเศร้าขนาดนี้!ความจริงที่ มิสเตอร์คลาร์ก เปิดเผยนั้นหนักหน่วงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ไม่ได้แค่ต้องการทำลายกาลเวลา แต่ยังล้างแค้นราชวงศ์อังกฤษจากการกระทำในอดีต นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับภัยคุกคามที่หยั่งรากลึกมาหลายศตวรรษ การที่กษัตริย์ทรงถูกควบคุมอยู่คือหัวใจของแผนการทั้งหมดนี้"ถ้าอย่างนั้น 'สายรัดแห่งคำสาป' ที่ควบคุมกษัตริย์อยู่คืออะไรคะ?" เมรี่ ถาม มิสเตอร์คลาร์กที่ดูอ่อนล้าแล้วมิสเตอร์คลาร์กพาพวกเขาเดินลึกเข้าไปในทางเดินใต้ดินของพระราชวังวินด์เซอร์ โดยมี 'ผู้พิทักษ์แห่งราชบัลลังก์' ที่ตอนนี้ปลอดจากคำสาป เดินนำทางไปเงียบๆ เขาเล่าเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับชะตากรรมของราชวงศ์วินด์เซอร์"มันคือ 'มงกุฎแห่งเวลา' ที่แท้จริงครับ" มิสเตอร์คลาร์กตอบ "ไม่ใช่แค่สายรัด แต่เป็นมงกุฎที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' สร้างขึ้นจากพลังของ 'กระจกแห่งความจริง' เพื่อผูกมัดกษัตริย์องค์ปัจจุบันให้เป็นหุ่นเชิดของเขา""แล้วเราจะถอดมันออกได้อย่างไรครับ?" เอดิสัน ถาม"มันถูกออกแบบมาให้หลอมรวมกับผู้สวมใส่ครับ" มิสเตอร์คลาร์กถอนหายใจ "วิธีเดียวที่จะถอดมันได้คือต้องใช้พลังที่แข็งแกร่งกว่า 'กระจกแห่งค
กระดาษที่ 'ผู้ส่งสารจากอนาคต' มอบให้เมรี่ไม่ได้เป็นแค่แผนที่ แต่มันเป็นเหมือนภาพวาดที่สลักเสลาด้วยลายมือประณีต บอกเล่าถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง หนึ่งในภาพเหล่านั้นคือภาพของ มิสเตอร์คลาร์ก กำลังยืนอยู่หน้าอาคารเก่าแก่แห่งหนึ่งในลอนดอน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของ พระราชวังวินด์เซอร์ สถานที่พำนักของราชวงศ์อังกฤษ"มิสเตอร์คลาร์กไปที่นั่นทำไมครับ!" เฟรเดอริค อุทานด้วยความแปลกใจ"ดูเหมือนว่าเขากำลังรอเราอยู่ที่นั่น" เมรี่ ตอบ เธอกำแผนที่ไว้ในมือแน่น "เราต้องไปที่นั่นให้เร็วที่สุด"หลังจากเดินทางกลับมายังลอนดอน เมรี่และทีมใช้เวลาสองวันเต็มๆ ในการเตรียมตัวและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพระราชวังวินด์เซอร์ แต่การจะเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขารู้ว่าต้องใช้แผนการที่แยบยลและละเอียดรอบคอบ"เราจะเข้าไปได้อย่างไรครับ?" อเล็กซานเดอร์ ถาม "ที่นั่นมีทหารรักษาการณ์อยู่ทุกตารางนิ้วเลยนะครับ""เราต้องหาทางเข้าที่ไม่มีใครสังเกตเห็น" เบ็น ตอบ "และผมคิดว่าผมรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน"ภารกิจลับใต้ดินพวกเขาเดินทางไปยังพระราชวังวินด์เซอร์ในคืนหนึ่งที่มืดมิดและไร้ดวงจันทร์ พวกเขาแต่งกายด้วยชุด
เมรี่ และทีมของเธอออกเดินทางจากเอดินบะระในเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาใช้รถยนต์เก่าๆ คันหนึ่งที่ นักสืบโธมัส เตรียมไว้ให้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยรถไฟที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แผนที่สู่ห้วงเวลาที่ได้มาจากนักสืบโธมัสดูจะนำพวกเขาไปยังสถานที่ที่ห่างไกลจากความเจริญ และเป็นจุดที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่การเดินทางของพวกเขากินเวลากว่าสองวันเต็มๆ พวกเขาขับรถผ่านทิวทัศน์ที่สวยงามของชนบทในสกอตแลนด์ ท่ามกลางเนินเขาที่เขียวขจี ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ และทะเลสาบที่เงียบสงบ แต่ในใจของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความสงสัยและความตื่นเต้นกับภารกิจที่กำลังจะมาถึงในที่สุด แผนที่ก็พาพวกเขามาถึงปลายทาง มันเป็น ปราสาทเก่าแก่ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่โดดเดี่ยว ท่ามกลางหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกและต้นไม้ที่ดูน่าเกรงขาม ปราสาทแห่งนี้ดูทรุดโทรมและถูกทิ้งร้างมานานหลายศตวรรษ แต่ก็ยังคงความยิ่งใหญ่และน่ากลัวเอาไว้"ที่นี่แหละ" เอดิสัน กล่าวขณะมองไปที่แผนที่ "จุดหมายปลายทางของเราคือที่นี่""แล้ว 'ผู้ส่งสารจากอนาคต' อยู่ที่ไหนกันครับ?" เฟรเดอริค ถามด้วยความสงสัย"เขาน่าจะอยู่ในปราสาทแห่งนี้ครับ" ปู่ทวด ตอบ "เราต
หลังจากที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ถูกลบเลือนออกจากกาลเวลา บรรยากาศในห้องลับใต้พระราชวังเอดินบะระก็กลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง เมรี่และทีมยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความโล่งใจจากชัยชนะและความสับสนจากคำพูดปริศนาที่พวกเขาได้ยิน"อนาคต...ของพวกเจ้า...ได้เปลี่ยนไปแล้ว..." เสียงนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเมรี่เอดิสัน ก้มลงเก็บเศษ 'กระจกแห่งความจริง' ที่แตกกระจายอยู่บนพื้น เศษกระจกชิ้นหนึ่งยังคงเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆ อยู่ในมือของเขา"เราควรจะทำอย่างไรกับมันดีครับ?" เอดิสันถามด้วยความลังเลปู่ทวด มองไปที่เศษกระจกนั้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง "มันอันตรายนัก...มันคือพลังที่เกินกว่ามนุษย์จะควบคุมได้""แต่เราก็ต้องเก็บมันไว้ครับ" อเล็กซานเดอร์ กล่าว "ถ้าปล่อยทิ้งไว้ที่นี่ อาจจะมีคนอื่นมาเจอมันอีก""อเล็กซานเดอร์พูดถูก" เฟรเดอริค เสริม "เราไม่สามารถปล่อยให้พลังแบบนี้ไปอยู่ในมือคนผิดได้อีกแล้ว"เมรี่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เธอรู้ว่าภารกิจของพวกเขายังไม่จบลง การที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ถูกลบเลือนไปไม่ได้หมายความว่าอันตรายจะหมดไป"เราต้องหาที่เก็บมันไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่ส
ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมห้องลับใต้พระราชวังเอดินบะระ มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นรัวของทุกคนเท่านั้นที่ดังก้องไปมา แสงสลัวๆ จากโคมไฟโบราณส่องกระทบใบหน้าของ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ที่กำลังยืนถือ 'กระจกแห่งความจริง' ไว้ในมืออย่างเยือกเย็น แสงสีฟ้าอ่อนๆ จากกระจกสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา ทำให้เขาดูเหมือนไม่ใช่คนอีกต่อไป"แกไม่ควรเข้ามาถึงที่นี่" 'สถาปนิกแห่งหายนะ' กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ "พวกแกได้ทำลายแผนการที่ข้าใช้เวลาหลายร้อยปีสร้างขึ้นมา"เขาเหลือบไปมองศพของทหารรักษาการณ์ที่ไม่มีเงา แล้วยิ้มเยาะ "การต่อต้านเป็นสิ่งไร้ค่า... เพราะสุดท้ายแล้ว พวกแกก็จะถูกลบเลือนออกจากประวัติศาสตร์เหมือนอย่างเขา"นักสืบโธมัสไม่รอช้า เขาและทหารอีกคนพุ่งเข้าใส่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ทันที ปืนพกในมือของพวกเขายิงกระสุนออกไปไม่ยั้ง!"ไร้ประโยชน์" 'สถาปนิกแห่งหายนะ' พึมพำก่อนที่กระสุนจะถึงตัวเขา 'สถาปนิกแห่งหายนะ' เพียงแค่โบกมือเบาๆ แล้วเวลาก็หยุดลง! กระสุนที่พุ่งไปข้างหน้าทั้งหมดหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศราวกับถูกแช่แข็ง เขาก้าวผ่านพวกมันไปอย่างช้าๆ แล้วใช้มือแตะที่หน้าอกของนักสืบโธมัสและทหารคนนั้น"ไปสู่ความว่างเปล่าเถอ
เมรี่กอดบันทึกสำคัญที่ได้จากเลดี้เอลีนอร์ไว้แน่น เธอวิ่งไปตามทางเดินลับใต้พระราชวังเอดินบะระ ทิ้งกลิ่นอายของตำนานและคำเตือนจาก 'ผู้พิทักษ์แห่งเวลา' ไว้เบื้องหลัง ในใจของเธอมีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นคือการไปถึง 'กระจกแห่งความจริง' ก่อนที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' จะใช้มันเปิดฉาก 'สงครามแห่งกาลเวลา'ทางเดินลับสิ้นสุดลงที่กำแพงหินทึบ เมรี่รู้ว่าห้องลับที่เธอตามหาจะต้องอยู่หลังกำแพงนี้ แผนผังของจอห์น สมิธ แสดงให้เห็นจุดที่ซ่อนกลไกไว้ แต่เธอจะเปิดมันได้อย่างไรท่ามกลางความมืดมิดและไร้ซึ่งเครื่องมือ?ทันใดนั้น แสงสว่างจ้าก็สาดเข้ามาจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาอย่างหนักแน่น เมรี่หันขวับด้วยความตกใจ พร้อมที่จะป้องกันตัว แต่เมื่อแสงนั้นส่องชัดเจนขึ้น เธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคย"เมรี่! เธอปลอดภัยนะ!"อเล็กซานเดอร์, เฟรเดอริค, เอดิสัน, เบ็น, และปู่ทวด ก้าวเข้ามาในทางเดินลับ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและคราบฝุ่นจากการต่อสู้ แต่แววตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโล่งใจที่ได้เจอเมรี่"ปู่ทวด! ทุกคน!" เมรี่โผเข้ากอดพวกเขาอย่างดีใจ "พวกคุณจัดการกับ 'เงาที่หลงเหลือ' ได้แล้วเหรอคะ!""ใช่แล้ว