มือที่แข็งแกร่งของ เอดิสัน เกรย์สัน บีบกระชับที่แขนของเมรี่ เธอรับรู้ได้ถึงพละกำลังที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อโค้ทที่ตัดเย็บอย่างประณีต ดวงตาของเขาคมกริบราวกับใบมีดที่เพิ่งลับใหม่ๆ จ้องมองมาที่เธออย่างไม่ลดละ ในความมืดสลัวใต้ร่มเงาของต้นหลิว เอดิสันดูน่าเกรงขามกว่าที่เธอเคยเห็นบนรถม้ามากนัก
"คุณ...คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันคะ?" เมรี่รวบรวมสติถามออกไป เสียงของเธอแหบพร่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เอดิสันคลายมือออกเล็กน้อย แต่ยังคงยืนประชิดตัวเธอ "ผมกำลังพูดถึงความสามารถที่น่าทึ่งของคุณ มิสแบล็ควู้ด รวมถึงการที่ผมได้เห็นคุณสืบคดีเล็กๆ น้อยๆ ที่บาธ และตอนนี้ก็มาถึงคดีที่ซับซ้อนกว่าในลอนดอน" เขาเหลือบมองไปที่ทางเข้าโพรงใต้ดิน "และดูเหมือนว่าคุณจะไขปริศนาการหายตัวไปของมิสซิสเอมิลี่ ฮาร์ดวู้ดได้แล้วด้วยความรวดเร็วที่น่าตกใจ" "คุณ...คุณตามฉันมาตั้งแต่ที่บาธหรือคะ?" เมรี่ถาม ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ เอดิสันยิ้มมุมปาก "ผมไม่ได้ตามคุณตั้งแต่บาธครับ แต่ผมจับตามองคุณมาตลอดการเดินทางบนรถม้า และเมื่อคุณมาถึงลอนดอน ผมก็รู้สึกสนใจเป็นพิเศษเมื่อเห็นคุณพยายามสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับคดีฮาร์ดวู้ด" "แต่ทำไมคะ?" เมรี่ถาม "คุณต้องการอะไรจากฉัน?" "ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณครับ มิสแบล็ควู้ด" เอดิสันตอบ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณมีความสามารถมากแค่ไหน และดูเหมือนว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังเลย" "คุณเป็นใครกันแน่คะคุณเอดิสัน?" เมรี่ถามอีกครั้ง เธอรู้สึกว่าชายคนนี้มีความลับซ่อนอยู่มากมายเกินกว่าที่เขาจะบอก เอดิสันถอนหายใจเล็กน้อย "ผมเป็นนักสืบอิสระครับ มิสแบล็ควู้ด เช่นเดียวกับบิดาและพี่ชายของคุณ" "คุณรู้จักพ่อกับพี่ชายของฉันจริงๆ หรือคะ?" เมรี่ถามด้วยความหวัง "แน่นอนครับ" เอดิสันพยักหน้า "โรเบิร์ต แบล็ควู้ดเป็นตำนานในวงการนักสืบ ส่วนอเล็กซานเดอร์และเฟรเดอริคก็เป็นนักสืบที่มีชื่อเสียงไม่แพ้บิดาของพวกเขา ผมเคยมีโอกาสได้ร่วมงานกับมิสเตอร์โรเบิร์ตอยู่สองสามครั้ง และได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับงานของพี่ชายคุณอยู่เป็นประจำ" "ถ้าอย่างนั้น คุณคงพอจะทราบว่าอเล็กซานเดอร์อยู่ที่ไหน และเฟรเดอริคหายไปไหนใช่ไหมคะ?" เมรี่ถามอย่างกระตือรือร้น ใบหน้าของเอดิสันจริงจังขึ้นทันตา "เรื่องของเฟรเดอริคเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากครับ มิสแบล็ควู้ด ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเขาหายตัวไปไหน หรือกำลังทำคดีอะไรอยู่ มีข่าวลือว่าเขากำลังสืบสวนคดีที่อันตรายมาก ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับองค์กรลับบางอย่าง" "องค์กรลับงั้นหรือคะ?" เมรี่ทวนคำ เสียงของเธอแผ่วลงด้วยความกังวล "ใช่ครับ" เอดิสันพยักหน้า "เป็นองค์กรที่ทรงอิทธิพลมากในลอนดอน และมักจะทำงานอยู่เบื้องหลังเงา พวกเขาจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ใครได้ติดตาม และหากใครไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา ก็มักจะหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย" "ไม่จริงน่า!" เมรี่โพล่งออกมา "เฟรเดอริคจะต้องไม่เป็นอะไรไป! ฉันต้องไปตามหาเขาให้เจอ!" "ใจเย็นก่อนครับ มิสแบล็ควู้ด" เอดิสันกล่าว "การเร่งรีบโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี อาจนำพาคุณไปสู่อันตรายได้" "แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงคะ?" เมรี่ถาม "ให้ฉันอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ในขณะที่พี่ชายของฉันกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างนั้นหรือ?" "ไม่ใช่เช่นนั้นครับ" เอดิสันตอบ "ผมแค่คิดว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ" "ความช่วยเหลือจากคุณอย่างนั้นหรือคะ?" เมรี่ถามอย่างไม่ไว้ใจ "ฉันจะเชื่อใจคุณได้อย่างไร ในเมื่อคุณเป็นชายแปลกหน้าที่แอบสะกดรอยตามฉันมาโดยตลอด" เอดิสันยิ้มเล็กน้อย "ผมเข้าใจที่คุณสงสัยครับ มิสแบล็ควู้ด แต่ผมสาบานได้ว่าผมไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ ผมแค่สนใจในความสามารถของคุณ และผมเชื่อว่าเราสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ" "ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นคะ?" "เพราะเรามีเป้าหมายเดียวกันครับ มิสแบล็ควู้ด" เอดิสันกล่าว "นั่นคือการไขปริศนาที่ซับซ้อน และตามหาความจริงที่ถูกซ่อนเร้น" เมรี่มองเอดิสันอย่างพิจารณา เธอรู้สึกได้ถึงความจริงใจบางอย่างในแววตาของเขา และเธอก็รู้ว่าการตามหาพี่ชายในลอนดอนที่กว้างใหญ่นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย การมีพันธมิตรที่มีประสบการณ์จะช่วยเธอได้มากทีเดียว "คุณรู้เกี่ยวกับคดีของมิสซิสเอมิลี่ ฮาร์ดวู้ดมากแค่ไหนคะ?" เมรี่เปลี่ยนเรื่องเพื่อทดสอบเอดิสัน "ผมรู้ว่าเธอไม่ได้ถูกลักพาตัวไป แต่เธอหนีตามชายคนรักไปที่ไอร์แลนด์" เอดิสันตอบอย่างรวดเร็ว "และผมก็รู้ว่าคุณเจอจดหมายของเธอในโพรงใต้ดินใต้ต้นหลิว" เมรี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เอดิสันรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำ! "คุณรู้ได้อย่างไรคะ!" "ผมบอกคุณแล้วไงครับ มิสแบล็ควู้ด ว่าผมจับตาดูคุณมาตลอด" เอดิสันยิ้ม "คุณมีความสามารถที่น่าทึ่ง แต่คุณก็ยังขาดประสบการณ์และเครือข่ายในการทำงาน ผมสามารถให้สิ่งเหล่านั้นแก่คุณได้" "คุณต้องการอะไรเป็นการตอบแทนคะ?" เมรี่ถามอย่างตรงไปตรงมา "ผมแค่อยากเห็นคุณเติบโตเป็นนักสืบที่ยิ่งใหญ่เหมือนบิดาของคุณครับ" เอดิสันตอบ "และหากเราสามารถไขคดีร่วมกันได้ ผมคิดว่านั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม" เมรี่เงียบไปครู่หนึ่ง เธอคิดถึงคำพูดของพ่อ: “ลูกสาวเอ๋ย บางครั้งมิตรภาพก็เกิดขึ้นในที่ที่เราไม่คาดคิด และความจริงก็มักจะมาในรูปแบบที่เราไม่ทันตั้งตัว” "ตกลงค่ะ" เมรี่กล่าวในที่สุด "ฉันจะร่วมมือกับคุณค่ะ คุณเอดิสัน แต่ถ้าคุณคิดจะทำอะไรไม่ชอบมาพากล ฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยแน่" เอดิสันยิ้มกว้าง "ผมไม่มีเจตนาเช่นนั้นอยู่แล้วครับ มิสแบล็ควู้ด"ความจริงที่ มิสเตอร์คลาร์ก เปิดเผยนั้นหนักหน่วงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ไม่ได้แค่ต้องการทำลายกาลเวลา แต่ยังล้างแค้นราชวงศ์อังกฤษจากการกระทำในอดีต นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับภัยคุกคามที่หยั่งรากลึกมาหลายศตวรรษ การที่กษัตริย์ทรงถูกควบคุมอยู่คือหัวใจของแผนการทั้งหมดนี้"ถ้าอย่างนั้น 'สายรัดแห่งคำสาป' ที่ควบคุมกษัตริย์อยู่คืออะไรคะ?" เมรี่ ถาม มิสเตอร์คลาร์กที่ดูอ่อนล้าแล้วมิสเตอร์คลาร์กพาพวกเขาเดินลึกเข้าไปในทางเดินใต้ดินของพระราชวังวินด์เซอร์ โดยมี 'ผู้พิทักษ์แห่งราชบัลลังก์' ที่ตอนนี้ปลอดจากคำสาป เดินนำทางไปเงียบๆ เขาเล่าเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับชะตากรรมของราชวงศ์วินด์เซอร์"มันคือ 'มงกุฎแห่งเวลา' ที่แท้จริงครับ" มิสเตอร์คลาร์กตอบ "ไม่ใช่แค่สายรัด แต่เป็นมงกุฎที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' สร้างขึ้นจากพลังของ 'กระจกแห่งความจริง' เพื่อผูกมัดกษัตริย์องค์ปัจจุบันให้เป็นหุ่นเชิดของเขา""แล้วเราจะถอดมันออกได้อย่างไรครับ?" เอดิสัน ถาม"มันถูกออกแบบมาให้หลอมรวมกับผู้สวมใส่ครับ" มิสเตอร์คลาร์กถอนหายใจ "วิธีเดียวที่จะถอดมันได้คือต้องใช้พลังที่แข็งแกร่งกว่า 'กระจกแห่งค
กระดาษที่ 'ผู้ส่งสารจากอนาคต' มอบให้เมรี่ไม่ได้เป็นแค่แผนที่ แต่มันเป็นเหมือนภาพวาดที่สลักเสลาด้วยลายมือประณีต บอกเล่าถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง หนึ่งในภาพเหล่านั้นคือภาพของ มิสเตอร์คลาร์ก กำลังยืนอยู่หน้าอาคารเก่าแก่แห่งหนึ่งในลอนดอน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของ พระราชวังวินด์เซอร์ สถานที่พำนักของราชวงศ์อังกฤษ"มิสเตอร์คลาร์กไปที่นั่นทำไมครับ!" เฟรเดอริค อุทานด้วยความแปลกใจ"ดูเหมือนว่าเขากำลังรอเราอยู่ที่นั่น" เมรี่ ตอบ เธอกำแผนที่ไว้ในมือแน่น "เราต้องไปที่นั่นให้เร็วที่สุด"หลังจากเดินทางกลับมายังลอนดอน เมรี่และทีมใช้เวลาสองวันเต็มๆ ในการเตรียมตัวและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพระราชวังวินด์เซอร์ แต่การจะเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขารู้ว่าต้องใช้แผนการที่แยบยลและละเอียดรอบคอบ"เราจะเข้าไปได้อย่างไรครับ?" อเล็กซานเดอร์ ถาม "ที่นั่นมีทหารรักษาการณ์อยู่ทุกตารางนิ้วเลยนะครับ""เราต้องหาทางเข้าที่ไม่มีใครสังเกตเห็น" เบ็น ตอบ "และผมคิดว่าผมรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน"ภารกิจลับใต้ดินพวกเขาเดินทางไปยังพระราชวังวินด์เซอร์ในคืนหนึ่งที่มืดมิดและไร้ดวงจันทร์ พวกเขาแต่งกายด้วยชุด
เมรี่ และทีมของเธอออกเดินทางจากเอดินบะระในเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาใช้รถยนต์เก่าๆ คันหนึ่งที่ นักสืบโธมัส เตรียมไว้ให้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยรถไฟที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แผนที่สู่ห้วงเวลาที่ได้มาจากนักสืบโธมัสดูจะนำพวกเขาไปยังสถานที่ที่ห่างไกลจากความเจริญ และเป็นจุดที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่การเดินทางของพวกเขากินเวลากว่าสองวันเต็มๆ พวกเขาขับรถผ่านทิวทัศน์ที่สวยงามของชนบทในสกอตแลนด์ ท่ามกลางเนินเขาที่เขียวขจี ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ และทะเลสาบที่เงียบสงบ แต่ในใจของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความสงสัยและความตื่นเต้นกับภารกิจที่กำลังจะมาถึงในที่สุด แผนที่ก็พาพวกเขามาถึงปลายทาง มันเป็น ปราสาทเก่าแก่ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่โดดเดี่ยว ท่ามกลางหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกและต้นไม้ที่ดูน่าเกรงขาม ปราสาทแห่งนี้ดูทรุดโทรมและถูกทิ้งร้างมานานหลายศตวรรษ แต่ก็ยังคงความยิ่งใหญ่และน่ากลัวเอาไว้"ที่นี่แหละ" เอดิสัน กล่าวขณะมองไปที่แผนที่ "จุดหมายปลายทางของเราคือที่นี่""แล้ว 'ผู้ส่งสารจากอนาคต' อยู่ที่ไหนกันครับ?" เฟรเดอริค ถามด้วยความสงสัย"เขาน่าจะอยู่ในปราสาทแห่งนี้ครับ" ปู่ทวด ตอบ "เราต
หลังจากที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ถูกลบเลือนออกจากกาลเวลา บรรยากาศในห้องลับใต้พระราชวังเอดินบะระก็กลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง เมรี่และทีมยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความโล่งใจจากชัยชนะและความสับสนจากคำพูดปริศนาที่พวกเขาได้ยิน"อนาคต...ของพวกเจ้า...ได้เปลี่ยนไปแล้ว..." เสียงนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเมรี่เอดิสัน ก้มลงเก็บเศษ 'กระจกแห่งความจริง' ที่แตกกระจายอยู่บนพื้น เศษกระจกชิ้นหนึ่งยังคงเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆ อยู่ในมือของเขา"เราควรจะทำอย่างไรกับมันดีครับ?" เอดิสันถามด้วยความลังเลปู่ทวด มองไปที่เศษกระจกนั้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง "มันอันตรายนัก...มันคือพลังที่เกินกว่ามนุษย์จะควบคุมได้""แต่เราก็ต้องเก็บมันไว้ครับ" อเล็กซานเดอร์ กล่าว "ถ้าปล่อยทิ้งไว้ที่นี่ อาจจะมีคนอื่นมาเจอมันอีก""อเล็กซานเดอร์พูดถูก" เฟรเดอริค เสริม "เราไม่สามารถปล่อยให้พลังแบบนี้ไปอยู่ในมือคนผิดได้อีกแล้ว"เมรี่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เธอรู้ว่าภารกิจของพวกเขายังไม่จบลง การที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ถูกลบเลือนไปไม่ได้หมายความว่าอันตรายจะหมดไป"เราต้องหาที่เก็บมันไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่ส
ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมห้องลับใต้พระราชวังเอดินบะระ มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นรัวของทุกคนเท่านั้นที่ดังก้องไปมา แสงสลัวๆ จากโคมไฟโบราณส่องกระทบใบหน้าของ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ที่กำลังยืนถือ 'กระจกแห่งความจริง' ไว้ในมืออย่างเยือกเย็น แสงสีฟ้าอ่อนๆ จากกระจกสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา ทำให้เขาดูเหมือนไม่ใช่คนอีกต่อไป"แกไม่ควรเข้ามาถึงที่นี่" 'สถาปนิกแห่งหายนะ' กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ "พวกแกได้ทำลายแผนการที่ข้าใช้เวลาหลายร้อยปีสร้างขึ้นมา"เขาเหลือบไปมองศพของทหารรักษาการณ์ที่ไม่มีเงา แล้วยิ้มเยาะ "การต่อต้านเป็นสิ่งไร้ค่า... เพราะสุดท้ายแล้ว พวกแกก็จะถูกลบเลือนออกจากประวัติศาสตร์เหมือนอย่างเขา"นักสืบโธมัสไม่รอช้า เขาและทหารอีกคนพุ่งเข้าใส่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ทันที ปืนพกในมือของพวกเขายิงกระสุนออกไปไม่ยั้ง!"ไร้ประโยชน์" 'สถาปนิกแห่งหายนะ' พึมพำก่อนที่กระสุนจะถึงตัวเขา 'สถาปนิกแห่งหายนะ' เพียงแค่โบกมือเบาๆ แล้วเวลาก็หยุดลง! กระสุนที่พุ่งไปข้างหน้าทั้งหมดหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศราวกับถูกแช่แข็ง เขาก้าวผ่านพวกมันไปอย่างช้าๆ แล้วใช้มือแตะที่หน้าอกของนักสืบโธมัสและทหารคนนั้น"ไปสู่ความว่างเปล่าเถอ
เมรี่กอดบันทึกสำคัญที่ได้จากเลดี้เอลีนอร์ไว้แน่น เธอวิ่งไปตามทางเดินลับใต้พระราชวังเอดินบะระ ทิ้งกลิ่นอายของตำนานและคำเตือนจาก 'ผู้พิทักษ์แห่งเวลา' ไว้เบื้องหลัง ในใจของเธอมีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นคือการไปถึง 'กระจกแห่งความจริง' ก่อนที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' จะใช้มันเปิดฉาก 'สงครามแห่งกาลเวลา'ทางเดินลับสิ้นสุดลงที่กำแพงหินทึบ เมรี่รู้ว่าห้องลับที่เธอตามหาจะต้องอยู่หลังกำแพงนี้ แผนผังของจอห์น สมิธ แสดงให้เห็นจุดที่ซ่อนกลไกไว้ แต่เธอจะเปิดมันได้อย่างไรท่ามกลางความมืดมิดและไร้ซึ่งเครื่องมือ?ทันใดนั้น แสงสว่างจ้าก็สาดเข้ามาจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาอย่างหนักแน่น เมรี่หันขวับด้วยความตกใจ พร้อมที่จะป้องกันตัว แต่เมื่อแสงนั้นส่องชัดเจนขึ้น เธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคย"เมรี่! เธอปลอดภัยนะ!"อเล็กซานเดอร์, เฟรเดอริค, เอดิสัน, เบ็น, และปู่ทวด ก้าวเข้ามาในทางเดินลับ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและคราบฝุ่นจากการต่อสู้ แต่แววตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโล่งใจที่ได้เจอเมรี่"ปู่ทวด! ทุกคน!" เมรี่โผเข้ากอดพวกเขาอย่างดีใจ "พวกคุณจัดการกับ 'เงาที่หลงเหลือ' ได้แล้วเหรอคะ!""ใช่แล้ว