ความมืดที่คืบคลาน
หลังจากนั้น เมรี่และเอดิสันก็ร่วมกันทำงานสืบสวนคดีของมิสซิสเอมิลี่ ฮาร์ดวู้ด เอดิสันช่วยเมรี่อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านลอร์ดฮาร์ดวู้ดฟังอย่างใจเย็น แม้ท่านลอร์ดจะรู้สึกผิดหวังและโกรธเคืองที่บุตรสาวหนีตามชายคนรักไป แต่เขาก็รู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าบุตรสาวปลอดภัย และเมรี่ก็ได้รับคำชื่นชมและรางวัลตอบแทนอีกครั้ง "ต่อไปเราจะไปที่ไหนกันคะคุณเอดิสัน?" เมรี่ถามเมื่อพวกเขาเดินออกมาจากคฤหาสน์ฮาร์ดวู้ด "เราจะไปที่สำนักงานของผมครับ" เอดิสันตอบ "ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องวางแผนกันอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องของเฟรเดอริค" สำนักงานของเอดิสันตั้งอยู่ในย่านที่ค่อนข้างเงียบสงบในลอนดอน มันเป็นอาคารขนาดเล็กที่ดูไม่โดดเด่น แต่ภายในกลับตกแต่งอย่างเรียบง่ายและเป็นระเบียบ มีชั้นหนังสือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยตำราและเอกสารมากมาย "ที่นี่คืออาณาจักรของผมครับ" เอดิสันกล่าวขณะพาเมรี่เข้ามาในห้องทำงานของเขา "ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ เพื่อศึกษาคดีต่างๆ และวางแผนการสืบสวน" เมรี่มองไปรอบๆ เธอเห็นแผนที่ลอนดอนขนาดใหญ่ติดอยู่บนผนัง มีหมุดปักอยู่หลายจุด และมีเส้นสายโยงใยถึงกันอย่างซับซ้อน "คุณเอดิสันคะ แผนที่นี้คืออะไรคะ?" เมรี่ถาม "นี่คือแผนที่แสดงเครือข่ายขององค์กรลับที่เรากำลังจะสืบสวนครับ" เอดิสันตอบ ใบหน้าของเขาจริงจังขึ้น "องค์กรนี้เรียกตัวเองว่า 'เงาแห่งลอนดอน' พวกเขาทำงานอยู่เบื้องหลังเงา ควบคุมธุรกิจผิดกฎหมายมากมาย และมีอิทธิพลต่อบุคคลสำคัญหลายคนในลอนดอน" "แล้วเฟรเดอริคเข้าไปพัวพันกับพวกเขาได้อย่างไรคะ?" เมรี่ถาม เอดิสันถอนหายใจ "เฟรเดอริคได้รับมอบหมายให้สืบคดีการหายตัวไปของนักข่าวคนหนึ่งที่กำลังขุดคุ้ยเรื่องราวเกี่ยวกับองค์กรนี้ครับ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าไปลึกเกินไป จนทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย" "แล้วอเล็กซานเดอร์ล่ะคะ? เขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยไหม?" เมรี่ถามด้วยความหวัง "ผมไม่แน่ใจนักครับ" เอดิสันตอบ "อเล็กซานเดอร์มักจะทำงานอย่างเป็นอิสระ และไม่ค่อยบอกใครเกี่ยวกับคดีของเขา แต่ผมคิดว่าเขาอาจจะมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับองค์กรนี้ก็ได้" "เราต้องไปหาเขาให้เจอค่ะ!" เมรี่กล่าวอย่างมุ่งมั่น "ผมเห็นด้วยครับ แต่เราต้องวางแผนกันอย่างรอบคอบ" เอดิสันกล่าว "การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ 'เงาแห่งลอนดอน' นั้นอันตรายมาก คุณต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ" ทั้งสองคนใช้เวลาหลายชั่วโมงในการวางแผน พวกเขาตรวจสอบเอกสารและแผนที่ต่างๆ ที่เอดิสันรวบรวมไว้ เมรี่รู้สึกทึ่งในความสามารถของเอดิสันในการรวบรวมข้อมูล และการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของบุคคลต่างๆ เข้าด้วยกัน "มีใครที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับอเล็กซานเดอร์ได้บ้างไหมคะ?" เมรี่ถาม เอดิสันชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่ "ผมคิดว่ามิสเตอร์บราวน์ ชายชราเจ้าของร้านหนังสือเก่าแก่ในย่านโคเวนต์ การ์เดน อาจจะพอให้ข้อมูลได้ครับ เขามักจะติดต่อกับนักสืบหลายคน และเป็นแหล่งรวมข้อมูลที่น่าสนใจ" "ถ้าอย่างนั้น เราจะไปหาเขากันเลยไหมคะ?" เมรี่ถาม "ไม่ครับ" เอดิสันส่ายหน้า "เราจะไปที่นั่นพรุ่งนี้เช้า ตอนนี้คุณควรพักผ่อนก่อนครับ คุณคงเหนื่อยมามากแล้วกับการเดินทางและคดีที่ผ่านมา" เอดิสันจัดเตรียมห้องพักเล็กๆ ให้เมรี่ในสำนักงานของเขา เมรี่รู้สึกขอบคุณในความใจดีของเขา เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมากที่มีเอดิสันอยู่เคียงข้าง ในคืนนั้น เมรี่นอนไม่หลับ เธอคิดถึงพี่ชายทั้งสอง เธอรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา แต่เธอก็รู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ เธอจะต้องตามหาพี่ชายให้เจอ และจะต้องไขปริศนาที่ซับซ้อนนี้ให้ได้ ไม่ว่ามันจะอันตรายแค่ไหนก็ตาม เช้าวันรุ่งขึ้น เมรี่และเอดิสันเดินทางไปยังร้านหนังสือเก่าแก่ในย่านโคเวนต์ การ์เดน กลิ่นหมึกพิมพ์เก่าๆ และกระดาษที่กรอบลอยมาเตะจมูก เมรี่รู้สึกอบอุ่นใจเมื่อเห็นชั้นหนังสือที่เรียงรายอยู่เต็มผนัง "สวัสดีครับมิสเตอร์บราวน์" เอดิสันกล่าวกับชายชราผู้มีแว่นตาหนาเตอะที่กำลังจัดหนังสืออยู่หลังเคาน์เตอร์ มิสเตอร์บราวน์เงยหน้าขึ้นมองเอดิสัน "อ้าว! มิสเตอร์เกรย์สัน! ไม่เจอกันเสียนานเลยนะครับ มีอะไรให้ผมช่วยหรือครับวันนี้?" "ผมมาพร้อมกับมิสเมรี่ แบล็ควู้ดครับ" เอดิสันกล่าว "เธอเป็นน้องสาวของมิสเตอร์อเล็กซานเดอร์และมิสเตอร์เฟรเดอริค แบล็ควู้ดครับ" มิสเตอร์บราวน์เบิกตากว้าง "โอ้! มิสแบล็ควู้ด! ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมรู้จักบิดาและพี่ชายของคุณดีเลยครับ พวกเขาเป็นนักสืบที่เก่งกาจมากจริงๆ" "คุณมิสเตอร์บราวน์คะ" เมรี่กล่าว "คุณพอจะทราบข่าวคราวเกี่ยวกับอเล็กซานเดอร์บ้างไหมคะ? ฉันพยายามติดต่อเขามาตลอด แต่ก็ไร้การตอบกลับเลยค่ะ" มิสเตอร์บราวน์ถอนหายใจ "มิสเตอร์อเล็กซานเดอร์กำลังทำคดีที่ซับซ้อนมากเลยครับ มิสแบล็ควู้ด เขาแทบจะไม่มีเวลาติดต่อใครเลย" "คดีอะไรหรือคะ?" เมรี่ถาม "เขาพยายามสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับการหายตัวไปของบุคคลสำคัญหลายคนในลอนดอนครับ" มิสเตอร์บราวน์ตอบ "ดูเหมือนว่าบุคคลเหล่านี้จะมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรลับบางอย่างที่เรียกว่า 'เงาแห่งลอนดอน' " เมรี่มองหน้าเอดิสัน ทั้งสองคนรู้แล้วว่าพวกเขากำลังสืบคดีเดียวกันกับอเล็กซานเดอร์ "แล้วคุณพอจะทราบไหมคะว่าอเล็กซานเดอร์อยู่ที่ไหนในตอนนี้?" เมรี่ถาม มิสเตอร์บราวน์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เท่าที่ผมทราบนะครับ เขาพักอยู่ที่บ้านเช่าเล็กๆ แห่งหนึ่งในย่านเชลซี แต่เขาแทบจะไม่เคยอยู่ที่นั่นเลย เขาจะออกไปสืบคดีตลอดเวลา" "แล้วเฟรเดอริคล่ะคะ? คุณพอจะทราบข่าวคราวของเขาบ้างไหม?" เมรี่ถามด้วยความหวัง มิสเตอร์บราวน์ส่ายหน้า "น่าเสียดายครับมิสแบล็ควู้ด ผมไม่มีข่าวคราวของมิสเตอร์เฟรเดอริคเลยครับ เขาก็หายตัวไปพร้อมกับนักข่าวคนหนึ่งที่ผมรู้จัก ซึ่งกำลังขุดคุ้ยเรื่องราวเกี่ยวกับ 'เงาแห่งลอนดอน' เหมือนกัน ผมกังวลใจมากจริงๆ ครับ" คำพูดของมิสเตอร์บราวน์ยิ่งตอกย้ำความกังวลของเมรี่ เธอรู้แล้วว่าเฟรเดอริคกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง "ขอบคุณมากนะคะคุณมิสเตอร์บราวน์สำหรับข้อมูล" เมรี่กล่าว "ยินดีครับมิสแบล็ควู้ด ขอให้คุณโชคดีในการตามหาพี่ชายของคุณนะครับ" มิสเตอร์บราวน์กล่าว เมรี่และเอดิสันเดินออกมาจากร้านหนังสือ เมรี่รู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่แรงกล้าขึ้นไปอีกหลายเท่า "เราจะไปที่ย่านเชลซีกันเลยใช่ไหมคะคุณเอดิสัน?" เมรี่ถาม "ใช่ครับ" เอดิสันตอบ "แต่ก่อนที่เราจะไปที่นั่น ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องแวะไปที่สโมสรแห่งหนึ่งก่อนครับ" "สโมสรไหนคะ?" เมรี่ถามด้วยความสงสัย "สโมสรที่มีแต่พวกสมาชิกของ 'เงาแห่งลอนดอน' ครับ" เอดิสันตอบ ใบหน้าของเขาฉายแววจริงจัง "ผมคิดว่าเราอาจจะหาเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับองค์กรนี้ได้จากที่นั่น" เมรี่เบิกตากว้าง "คุณจะให้ฉันเข้าไปในสโมสรนั้นด้วยหรือคะ? มันอันตรายไม่ใช่หรือ?" "แน่นอนครับ" เอดิสันยิ้ม "แต่นักสืบที่ดีต้องกล้าเผชิญหน้ากับอันตราย และผมเชื่อว่าคุณทำได้ มิสแบล็ควู้ด"ความจริงที่ มิสเตอร์คลาร์ก เปิดเผยนั้นหนักหน่วงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ไม่ได้แค่ต้องการทำลายกาลเวลา แต่ยังล้างแค้นราชวงศ์อังกฤษจากการกระทำในอดีต นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับภัยคุกคามที่หยั่งรากลึกมาหลายศตวรรษ การที่กษัตริย์ทรงถูกควบคุมอยู่คือหัวใจของแผนการทั้งหมดนี้"ถ้าอย่างนั้น 'สายรัดแห่งคำสาป' ที่ควบคุมกษัตริย์อยู่คืออะไรคะ?" เมรี่ ถาม มิสเตอร์คลาร์กที่ดูอ่อนล้าแล้วมิสเตอร์คลาร์กพาพวกเขาเดินลึกเข้าไปในทางเดินใต้ดินของพระราชวังวินด์เซอร์ โดยมี 'ผู้พิทักษ์แห่งราชบัลลังก์' ที่ตอนนี้ปลอดจากคำสาป เดินนำทางไปเงียบๆ เขาเล่าเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับชะตากรรมของราชวงศ์วินด์เซอร์"มันคือ 'มงกุฎแห่งเวลา' ที่แท้จริงครับ" มิสเตอร์คลาร์กตอบ "ไม่ใช่แค่สายรัด แต่เป็นมงกุฎที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' สร้างขึ้นจากพลังของ 'กระจกแห่งความจริง' เพื่อผูกมัดกษัตริย์องค์ปัจจุบันให้เป็นหุ่นเชิดของเขา""แล้วเราจะถอดมันออกได้อย่างไรครับ?" เอดิสัน ถาม"มันถูกออกแบบมาให้หลอมรวมกับผู้สวมใส่ครับ" มิสเตอร์คลาร์กถอนหายใจ "วิธีเดียวที่จะถอดมันได้คือต้องใช้พลังที่แข็งแกร่งกว่า 'กระจกแห่งค
กระดาษที่ 'ผู้ส่งสารจากอนาคต' มอบให้เมรี่ไม่ได้เป็นแค่แผนที่ แต่มันเป็นเหมือนภาพวาดที่สลักเสลาด้วยลายมือประณีต บอกเล่าถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง หนึ่งในภาพเหล่านั้นคือภาพของ มิสเตอร์คลาร์ก กำลังยืนอยู่หน้าอาคารเก่าแก่แห่งหนึ่งในลอนดอน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของ พระราชวังวินด์เซอร์ สถานที่พำนักของราชวงศ์อังกฤษ"มิสเตอร์คลาร์กไปที่นั่นทำไมครับ!" เฟรเดอริค อุทานด้วยความแปลกใจ"ดูเหมือนว่าเขากำลังรอเราอยู่ที่นั่น" เมรี่ ตอบ เธอกำแผนที่ไว้ในมือแน่น "เราต้องไปที่นั่นให้เร็วที่สุด"หลังจากเดินทางกลับมายังลอนดอน เมรี่และทีมใช้เวลาสองวันเต็มๆ ในการเตรียมตัวและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพระราชวังวินด์เซอร์ แต่การจะเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขารู้ว่าต้องใช้แผนการที่แยบยลและละเอียดรอบคอบ"เราจะเข้าไปได้อย่างไรครับ?" อเล็กซานเดอร์ ถาม "ที่นั่นมีทหารรักษาการณ์อยู่ทุกตารางนิ้วเลยนะครับ""เราต้องหาทางเข้าที่ไม่มีใครสังเกตเห็น" เบ็น ตอบ "และผมคิดว่าผมรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน"ภารกิจลับใต้ดินพวกเขาเดินทางไปยังพระราชวังวินด์เซอร์ในคืนหนึ่งที่มืดมิดและไร้ดวงจันทร์ พวกเขาแต่งกายด้วยชุด
เมรี่ และทีมของเธอออกเดินทางจากเอดินบะระในเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาใช้รถยนต์เก่าๆ คันหนึ่งที่ นักสืบโธมัส เตรียมไว้ให้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยรถไฟที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แผนที่สู่ห้วงเวลาที่ได้มาจากนักสืบโธมัสดูจะนำพวกเขาไปยังสถานที่ที่ห่างไกลจากความเจริญ และเป็นจุดที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่การเดินทางของพวกเขากินเวลากว่าสองวันเต็มๆ พวกเขาขับรถผ่านทิวทัศน์ที่สวยงามของชนบทในสกอตแลนด์ ท่ามกลางเนินเขาที่เขียวขจี ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ และทะเลสาบที่เงียบสงบ แต่ในใจของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความสงสัยและความตื่นเต้นกับภารกิจที่กำลังจะมาถึงในที่สุด แผนที่ก็พาพวกเขามาถึงปลายทาง มันเป็น ปราสาทเก่าแก่ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่โดดเดี่ยว ท่ามกลางหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกและต้นไม้ที่ดูน่าเกรงขาม ปราสาทแห่งนี้ดูทรุดโทรมและถูกทิ้งร้างมานานหลายศตวรรษ แต่ก็ยังคงความยิ่งใหญ่และน่ากลัวเอาไว้"ที่นี่แหละ" เอดิสัน กล่าวขณะมองไปที่แผนที่ "จุดหมายปลายทางของเราคือที่นี่""แล้ว 'ผู้ส่งสารจากอนาคต' อยู่ที่ไหนกันครับ?" เฟรเดอริค ถามด้วยความสงสัย"เขาน่าจะอยู่ในปราสาทแห่งนี้ครับ" ปู่ทวด ตอบ "เราต
หลังจากที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ถูกลบเลือนออกจากกาลเวลา บรรยากาศในห้องลับใต้พระราชวังเอดินบะระก็กลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง เมรี่และทีมยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความโล่งใจจากชัยชนะและความสับสนจากคำพูดปริศนาที่พวกเขาได้ยิน"อนาคต...ของพวกเจ้า...ได้เปลี่ยนไปแล้ว..." เสียงนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเมรี่เอดิสัน ก้มลงเก็บเศษ 'กระจกแห่งความจริง' ที่แตกกระจายอยู่บนพื้น เศษกระจกชิ้นหนึ่งยังคงเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆ อยู่ในมือของเขา"เราควรจะทำอย่างไรกับมันดีครับ?" เอดิสันถามด้วยความลังเลปู่ทวด มองไปที่เศษกระจกนั้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง "มันอันตรายนัก...มันคือพลังที่เกินกว่ามนุษย์จะควบคุมได้""แต่เราก็ต้องเก็บมันไว้ครับ" อเล็กซานเดอร์ กล่าว "ถ้าปล่อยทิ้งไว้ที่นี่ อาจจะมีคนอื่นมาเจอมันอีก""อเล็กซานเดอร์พูดถูก" เฟรเดอริค เสริม "เราไม่สามารถปล่อยให้พลังแบบนี้ไปอยู่ในมือคนผิดได้อีกแล้ว"เมรี่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เธอรู้ว่าภารกิจของพวกเขายังไม่จบลง การที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ถูกลบเลือนไปไม่ได้หมายความว่าอันตรายจะหมดไป"เราต้องหาที่เก็บมันไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่ส
ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมห้องลับใต้พระราชวังเอดินบะระ มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นรัวของทุกคนเท่านั้นที่ดังก้องไปมา แสงสลัวๆ จากโคมไฟโบราณส่องกระทบใบหน้าของ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ที่กำลังยืนถือ 'กระจกแห่งความจริง' ไว้ในมืออย่างเยือกเย็น แสงสีฟ้าอ่อนๆ จากกระจกสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา ทำให้เขาดูเหมือนไม่ใช่คนอีกต่อไป"แกไม่ควรเข้ามาถึงที่นี่" 'สถาปนิกแห่งหายนะ' กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ "พวกแกได้ทำลายแผนการที่ข้าใช้เวลาหลายร้อยปีสร้างขึ้นมา"เขาเหลือบไปมองศพของทหารรักษาการณ์ที่ไม่มีเงา แล้วยิ้มเยาะ "การต่อต้านเป็นสิ่งไร้ค่า... เพราะสุดท้ายแล้ว พวกแกก็จะถูกลบเลือนออกจากประวัติศาสตร์เหมือนอย่างเขา"นักสืบโธมัสไม่รอช้า เขาและทหารอีกคนพุ่งเข้าใส่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ทันที ปืนพกในมือของพวกเขายิงกระสุนออกไปไม่ยั้ง!"ไร้ประโยชน์" 'สถาปนิกแห่งหายนะ' พึมพำก่อนที่กระสุนจะถึงตัวเขา 'สถาปนิกแห่งหายนะ' เพียงแค่โบกมือเบาๆ แล้วเวลาก็หยุดลง! กระสุนที่พุ่งไปข้างหน้าทั้งหมดหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศราวกับถูกแช่แข็ง เขาก้าวผ่านพวกมันไปอย่างช้าๆ แล้วใช้มือแตะที่หน้าอกของนักสืบโธมัสและทหารคนนั้น"ไปสู่ความว่างเปล่าเถอ
เมรี่กอดบันทึกสำคัญที่ได้จากเลดี้เอลีนอร์ไว้แน่น เธอวิ่งไปตามทางเดินลับใต้พระราชวังเอดินบะระ ทิ้งกลิ่นอายของตำนานและคำเตือนจาก 'ผู้พิทักษ์แห่งเวลา' ไว้เบื้องหลัง ในใจของเธอมีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นคือการไปถึง 'กระจกแห่งความจริง' ก่อนที่ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' จะใช้มันเปิดฉาก 'สงครามแห่งกาลเวลา'ทางเดินลับสิ้นสุดลงที่กำแพงหินทึบ เมรี่รู้ว่าห้องลับที่เธอตามหาจะต้องอยู่หลังกำแพงนี้ แผนผังของจอห์น สมิธ แสดงให้เห็นจุดที่ซ่อนกลไกไว้ แต่เธอจะเปิดมันได้อย่างไรท่ามกลางความมืดมิดและไร้ซึ่งเครื่องมือ?ทันใดนั้น แสงสว่างจ้าก็สาดเข้ามาจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาอย่างหนักแน่น เมรี่หันขวับด้วยความตกใจ พร้อมที่จะป้องกันตัว แต่เมื่อแสงนั้นส่องชัดเจนขึ้น เธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคย"เมรี่! เธอปลอดภัยนะ!"อเล็กซานเดอร์, เฟรเดอริค, เอดิสัน, เบ็น, และปู่ทวด ก้าวเข้ามาในทางเดินลับ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและคราบฝุ่นจากการต่อสู้ แต่แววตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโล่งใจที่ได้เจอเมรี่"ปู่ทวด! ทุกคน!" เมรี่โผเข้ากอดพวกเขาอย่างดีใจ "พวกคุณจัดการกับ 'เงาที่หลงเหลือ' ได้แล้วเหรอคะ!""ใช่แล้ว