รสสัมผัสจากริมฝีปากร้อนซ่านนั้น ทำให้ร่างบางสั่นระริกสะท้านไปทั้งกายครั้งแล้วครั้งเล่า นัสรินปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาเต็มที่ รสเสน่หาอันอ่อนหวานซึ่งเกิดจากความรักของเขาที่มีต่อเธออย่างลึกซึ้งเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เธอได้แต่แอบฝันหา ทว่าบัดนี้มันเป็นจริงแล้ว เพราะฉะนั้นเธอเองจึงไม่จำเป็นต้องเขินอายหรือปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองอีกต่อไปแล้ว เมื่อปราณต์พลิกร่างเธอขึ้นอยู่ข้างบน นัสรินก็เป็นฝ่ายครอบครองเขาอย่างร้อนแรง ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนจะทำให้เธอบ้าคลั่ง แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะหยุดตัวเองได้ เอวเล็กยังโยกไหวพลิกพลิ้วพร้อมกับที่บางส่วนของร่างกายโอบกอดรอบรัดเขาแนบแน่นมากขึ้นๆ
ไม่นานนักร่างบางก็ฟุบตัวลงบนเรือนกายที่ใหญ่โตกว่าอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ปราณต์พลิกร่างบางลงใต้ร่าง โดยไม่ยอมให้เขากับเธอพรากจากกันไปไหน ตัวตนแบบผู้ชายแท้ๆ นั้นยังคงแข็งแกร่งและสอดซุกอยู่ในความอ่อนนุ่มอบอุ่นดังเดิม ทำเอาพวงแก้มนวลแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกที่ยังไม่คุ้นชินนักกับการมีเขาอยู่หลังจากสุขสมแบบนี้
ปราณต์สบตาที่หยาดเยิ้มด้วยแรงพิสวาสนั้นอย่างเอ็นดูและเต็มไปด้วยความเสน่หา เขารู้ว่าเธอถึงจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ว่าครั้งเดียวมันไม่เคยพอสำหรับเขาและเธอ เขาจึงโน้มหน้าต่ำลงทำท่าว่าจะจูบและเริ่มต้นใหม่อีก แต่ทว่าถูกหญิงสาวเอ่ยห้ามขึ้นก่อน
“คุณปราณต์คะ นัสขอพักก่อน เมื่อกี้คุณทำซะนัสแทบจะขาดใจ” นัสรินยกแขนโอบรอบคอและช้อนมองหน้าหล่อๆ นั้นอย่างอายๆ ลมหายใจยังคงหอบกระเส่าอย่างคนที่ออกกำลังมาติดๆ กันหลายนาที
“เมื่อกี้ผมไม่ได้ทำ นัสต่างหากที่ทำ” ปราณต์ล้อเลียนและยิ้ม ใส่ตาทำเอานัสรินหน้าร้อนด้วยความเขินอายมากกว่าเดิม เธอเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะอารมณ์แรงขนาดนั้น หรือเป็นเพราะลูกทำให้ฮอร์โมนของเธอพลุ่งพล่านผิดปกติก็ไม่รู้
“คนบ้านี่! ถ้าล้อนัสอีก นัสจะไล่กลับเดี๋ยวนี้เลย”
“โอเคที่รัก...ผมจะไม่ล้อและผมจะยอมให้คุณพัก แต่ผมจะไม่ออกไปไหนนะ”
คราวนี้ปราณต์เปลี่ยนเป็นนอนท่าตะแคงหันหน้าเข้าหากัน โอบรัดร่างบางให้สัดส่วนอวบอิ่มแนบชิดกับร่างกายของเขาทุกสัดส่วน ขาของเธอข้างหนึ่งถูกจับขึ้นพาดบนสะโพกสอบของเขา เพื่อให้เวลานัสรินได้มีเวลาผ่อนคลายตัวเองจากความสุขสมนั้น
ตาสองคู่สบประสานกันอย่างลึกซึ้ง มือของปราณต์ยื่นไปเกลี่ยผมที่เลื่อนลงมาปิดแก้มของนัสรินเอาไปทัดไว้ที่ข้างหู เพื่อที่เขาจะได้มองหน้าสวยหวานนั้นอย่างเต็มตา
“ตลอดเวลาที่เราหย่ากัน คุณเคยทำแบบนี้กับคนอื่นบ้างไหมคะ” นัสรินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม สิ่งที่ปราณต์ทำอยู่ตอนนี้ช่างอบอุ่นเหลือเกิน จนอดคิดไม่ได้ว่าเขาเคยทำเช่นนี้กับผู้หญิงคนอื่นบ้างหรือเปล่า
“ถ้าจะบอกว่าไม่เคยก็คงโกหกแล้วละ” ปราณต์ตอบออกมาอย่างไม่ปิดบังความจริง แต่ผู้หญิงเหล่านั้นก็ไม่เคยมีความหมายและไม่เคยมีใครตราตรึงอยู่ในความรู้สึกเท่ากับภรรยาที่เขาต้องตกกระไดพลอยโจนแต่งงานด้วยคนนี้
“กับใครบ้างคะ”
“จะรู้ไปทำไม”
“นัสก็แค่อยากรู้ว่าผู้หญิงแบบไหนที่คุณชอบ”
“รู้แค่ว่าไม่มีใครทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนคุณก็พอ”
“กับหมอเมย์เคยหรือเปล่า” นัสรินซักต่ออย่างไม่คลายความสงสัยไปได้ง่ายๆ
“ไม่เคย”
“จริงหรือคะ” คำปฏิเสธที่แทบจะไม่คิดนั้น ทำให้นัสรินมองหน้าหล่อเหลาของสามีทางพฤตินัยเหมือนไม่อยากเชื่อถือ
“ต้องให้สาบานด้วยหรือเปล่า คุณถึงจะเชื่อ” ปราณต์ถามล้อๆ แต่ไม่คิดว่านัสรินจะเอาจริง
“กล้าสาบานหรือเปล่าล่ะคะ”
“ผมแค่ประชดน่านัส นี่คุณเอาจริงเหรอ”
“นัสก็แค่รับคำท้า ไม่กล้าเหรอคะ”
“ถ้ากล้าล่ะ ผมจะได้อะไรตอบแทน” คราวนี้เป็นปราณต์บ้างที่พลิกเกมกลับมาเป็นฝ่ายที่มีอำนาจต่อรองเหนือกว่า
“นัสไม่มีอะไรจะให้แล้วค่ะ”
“มีสิ”
“คุณปราณต์อยากได้อะไรจากนัสอีกคะ นัสคิดว่านัสไม่มีอะไรจะให้คุณแล้วนะคะ เพราะทั้งตัวและหัวใจนัสก็ให้คุณไปหมดตั้งนานแล้ว ส่วนทรัพย์สินหรือสมบัติอื่นๆ นัสก็มีไม่เท่าคุณ” เสียงหวานเอ่ยถ่อมเนื้อถ่อมตัวอย่างละมุน
ปราณต์ก้มลงเชยคางมนให้สบประสานสายตาอีกครั้ง สายตาของเขาคราวนี้ลึกซึ้งอ่อนโยนและจริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ
“ผมอยากได้ลูก ให้ผมได้ไหม”
นัสรินอุ่นซ่านขึ้นมาในหัวใจเมื่อได้ยินคำนั้น เขาจะว่าอย่างไรถ้ารู้ว่าสิ่งที่เขาอยากได้ตอนนี้เลือดเนื้อเชื้อไขนั้นอยู่ในท้องของเธอแล้ว แต่เธอจะยังไม่บอกเขาหรอก อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้
“นัสให้ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าอยากได้ก็ต้องทำเอง” นัสรินตอบหน้าแดงซ่าน แววตาท้าทายแกมซุกซนและเขินอายนิดๆ จนคนมองแทบจะอดใจไม่ไหว
“แปลว่าอนุญาต”
“เป็นหมอไม่ใช่เหรอคะ หมอน่าจะไอคิวสูง เรื่องแค่นี้ต้องให้นัสแปลความหมายด้วยเหรอ”
“ปากเก่งนะเดี๋ยวนี้”
“แน่สิคะ นัสได้ครูดีนี่”
“งั้นครูขอทดสอบลูกศิษย์หน่อยว่าจะ ‘ใช้ปาก’ ได้เก่งจริงๆ หรือเปล่า”
“หมอหื่น”
“ก็หมอรู้ว่าเมียชอบให้หมอหื่นเวลาอยู่บนเตียงด้วยกัน อ้อ...ไม่ใช่สิ นอกเตียงก็ด้วย หมอทำเลยดีกว่าไม่อยากเสียเวลาคุย”
พูดจบปากก็ประกบปากอีกครั้ง ไม่นานไฟปรารถนาอันร้อนแรงระหว่างสองหนุ่มสาวก็ลุกกระพือขึ้นอีกครั้ง ปราณต์ฝากฝังตัวเองเข้าสู่เธอครั้งแล้วครั้งเล่า พลางคิดว่าถ้าร่างกายของนัสรินอยู่ในช่วงที่พร้อมพอดี เขาก็มั่นใจว่าคืนนี้จะเป็นคืนที่เขาจะได้ลูกสมใจ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ เขาก็แค่ขยันกว่าเดิมก็เท่านั้น ในเมื่อเมียเขาทั้งสาวทั้งสวยและน่ารักขนาดนี้
บทที่ 74ฝนหลงฤดูตกพรำๆ มาตั้งแต่เช้ามืด ทำให้อากาศในหน้าหนาวเช่นนี้ยิ่งหนาวเหน็บมากขึ้นไปอีก แต่ทว่าร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงขนาดหกฟุตไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่อย่างใด ตอนนี้ทั้งร่างกายและหัวใจของเธอถูกโอบล้อมด้วยไออุ่นจากร่างหนาเปลือยเปล่าที่นอนกอดเธอแนบชิดอยู่ตลอดทั้งคืน นัสรินเฝ้ามองใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่เงียบๆ ไม่อยากเชื่อว่าในที่สุดแล้วความรักระหว่างเขาและเธอก็ได้สมหวังแล้วจริงๆ“คุณปราณต์คะ คุณปราณต์ตื่นเถอะค่ะ” เสียงหวานเอ่ยเรียกเบาๆ พร้อมกับเขย่าหัวไหล่ของเขา ทำให้ปราณต์ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย“รีบปลุกไปไหนแต่เช้าครับ วันนี้วันหยุดนะผมไม่ต้องไปทำงาน”“คุณจะนอนอยู่แบบนี้เหรอคะ”“อ้อ...ไม่อยากให้ผมนอน แต่อยากให้ผมทำอย่างอื่นใช่มั้ย” คราวนี้น้ำเสียงและท่าทีของปราณต์หายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง สายตาของเขาพราวระยับขณะกวาดมองใบหน้าสวยหวานของเธอ ทำเอานัสรินหน้าร้อนซ่านด้วยรู้ความหมายของเขาดี“หมอหื่น! นัสไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ”“แต่ผม ‘ตื่น’ แล้ว นัสต้องรับผิดชอบ”ไม่พูดเปล่าแต่มือใหญ่แข็งแรงนั้นยังจับมือเล็กลงไปสัมผัสหลักฐานที่บ่งบอกว่าเขา ‘ตื่น’ ขึ้นมาเต็มตัวแล้วจริงๆ นัสรินจะชักมือออ
บทที่ 75โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ในเวลาสิบเอ็ดโมง คนโทร.มาก็คือคนที่อยู่กับเธอทั้งวันทั้งคืน และเพิ่งจะยอมกลับไปเมื่อเช้านี่เอง นัสรินคิดว่าหากวันนี้ทั้งเธอและเขาไม่ต้องทำงาน ปราณต์ก็คงขลุกอยู่กับเธอต่ออีกทั้งวันทั้งคืนเป็นแน่ เจ้าของร่างบางถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ใช่เพราะอึดอัดหรืออะไร เพียงแต่กลัวว่าความสุขที่เกิดขึ้นอย่างท่วมท้นอยู่ตอนนี้มันจะเป็นเพียงแค่ลมพัดผ่าน ประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้เธออดนึกระแวงปราณต์ไม่ได้ กลัวว่าทั้งหมดนี่จะเป็นแผนการของเขา โดยการทำให้เธอแทบจะสำลักความสุขตาย หลังจากนั้นก็บอกความจริงอันโหดร้ายว่าเขาทำไปเพื่อแก้แค้นเท่านั้น“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานตอบไปนุ่มๆ พยายามไม่ให้เขารู้ว่าเธอดีใจแค่ไหนที่เขาโทร.มา“ทำอะไรอยู่ครับ”“ทำงานค่ะ แล้วคุณล่ะคะ ไม่มีอะไรทำเหรอ”“ยุ่งมากเลยละ...แต่ขออนุญาตคนไข้มาโทร.หาเมียก่อน อยากได้ยินเสียง จะได้มีกำลังใจทำงาน” ปราณต์พูดมาอ้อนๆ ผ่านทางโทรศัพท์ คราวนี้เป็นนัสรินเองที่กลั้นยิ้มไม่อยู่ จนเรียวปากอิ่มต้องคลี่แย้มบางๆ กับตัวเอง“หมออะไรไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว”“ก็บอกแล้วว่าเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวของหมอเป็นเ
บทที่ 76“เธอก็เลยตกลง และเปิดโอกาสให้คุณปราณต์มาหาเรากลางดึกใช่มั้ย”“ฮั่นแน่...คืนนั้นคุณปราณต์มาหาด้วยเหรอ” เพื่อนของนัสรินทำสีหน้าและเสียงล้อเลียน ทำให้หญิงสาวค้อนอีกเพราะรู้ว่าพินทุสรรู้เห็นเป็นใจอยู่แล้ว “ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย แม่คนเจ้าแผนการ” “ไปว่าคุณปราณต์ของเธอสิ แผนของเขาทั้งนั้นเลย”พินทุสรได้ทีโบ้ยให้เป็นความผิดของปราณต์คนเดียว ทั้งๆ ที่ตอนคิดแผน เธอเองก็มีส่วนเหมือนกัน “ฝากไว้ก่อนเถอะทั้งสองคน” “ไม่รับฝากย่ะ ถ้าจะเอาคืนก็ไปเอาที่คุณปราณต์คนเดียวเราไม่เกี่ยว ว่าแล้วก็ไปดีกว่า ไม่อยากถูกเธอเล่นงานแล้ว แวะมาหาแค่นี้แหละ กลัวสตีเวนจะรอนาน” ว่าแล้วพินทุสรก็ลุกขึ้นและเดินตรงไปยังประตู แต่ยังไม่ทันเปิดก็หันกลับมาหานัสรินคล้ายนึกอะไรได้ “อ้อ...เราลืมบอกเธอไปอย่าง ว่าความหล่อของหมอปราณต์กับสตีเวนของฉันน่ะสูสี แต่ลีลาไม่รู้ใครเผ็ดกว่ากัน เพราะยังไม่ได้ลอง” “ยัยเพื่อนบ้า”นัสรินได้แต่บ่นตามหลังเมื่อได้ยินพินทุสรพูดอะไรห่ามๆ ออกมาก่อนจะออกจากห้อง สุดท้ายเธอก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมยิ้มกับตัวเองอย่าง
บทที่ 77“ไม่ได้แค่อยากมาเจอ แต่จะมาช่วยคุณขนของ”“ขนไปไหนคะ” “ผมจะให้นัสย้ายไปอยู่กับผม กลับไปอยู่บ้านของเราด้วยกันนะ” ปราณต์เอ่ยชวนอย่างจริงจังและอบอุ่น แต่นัสรินกลับส่ายหน้าดิกทันที“เรื่องอะไรคะ ลูกสาวเขามีพ่อมีแม่นะคะ จู่ๆ จะมาชวนให้เก็บผ้าเก็บผ่อนไปอยู่บ้านเดียวกับผู้ชายง่ายๆ ได้ไง”“โอเค...งั้นผมจะไปขออนุญาตพ่อแม่คุณอย่างเป็นทางการ”ว่าแล้วปราณต์ก็ขับรถตรงไปยังสนามบิน ท่ามกลางการตั้งตัวไม่ติดของนัสริน ไม่คิดว่าจู่ๆ ปราณต์จะทำอะไรรีบร้อนปุบปับแบบนี้“คุณปราณต์คะ นัสต้องทำงานนะคะ”“ก็ลาครึ่งวัน”“แต่นัสยังไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ ท่านคงตกใจมากที่จู่ๆ ก็เห็นคุณไปที่บ้าน”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ท่านฟังเอง”สำหรับปราณต์แล้วตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาสำหรับเขา ในเมื่อเขารู้ใจตัวเองแล้ว ส่วนนัสรินก็ยอมรับความรู้สึกของตัวเองและเข้าใจกันดีแล้ว เขาจึงอยากทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียทีพลตรีชยุตและคุณนิภาต่างก็แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นลูกสาวกับอดีตลูกเขยเดินเข้าบ้านมาด้วยกันในช่วงเย็น แต่จากแววตาที่ดูเขินอายบวกกับประหม่าของลูกสาวก็ทำให้ทั้งสองพอจะเดาได้ว่า อดีตลูกเขยพาลูกสาว
บทที่ 78คำถามของพ่อทำให้นัสรินต้องหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกรอบ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา ก็ทำให้เธอแน่ใจในคำตอบ เขามาถึงนี่แล้ว มาพูดกับพ่อแม่ของเธอตรงๆ มาบอกว่ารักเธอ อยากแต่งงานกับเธอ โดยที่ยังไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้อง นั่นแสดงว่าเขาไม่ได้ทำไปเพราะอยากรับผิดชอบลูก แต่เกิดจากความต้องการของเขาจริงๆ แล้วเธอยังต้องลังเลอะไรอีก“แน่ใจค่ะ” นัสรินยังคงตอบเบาๆ นุ่มๆ เช่นเดิม หากแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น“โอเค งั้นก็ตามนั้น” คนเป็นพ่อบอกเช่นนั้นออกมาท่ามกลางความโล่งอกของสองหนุ่มสาวที่อุปสรรคนี้ผ่านไปได้ด้วยดี“ขอบคุณครับคุณอา อีกสองสามวันผมจะให้แม่มาคุยกับคุณอาอย่างเป็นทางการอีกรอบนะครับ” ปราณต์ยกมือขึ้นไหว้อดีตพ่อตาแม่ยายซึ่งกำลังจะกลับมาเป็นพ่อตาแม่ยายของเขาอีกรอบ“ไม่เป็นไร อาแค่ทำตามความต้องการของลูก หวังว่าคราวนี้ยัยนัสจะไม่เสียใจอีก เพราะผมคงไม่มีโอกาสรอบสามให้คุณ”“ผมสัญญาครับ ผมจะดูแลนัสให้ดีที่สุด”“เอาไว้ผมจะคอยดู เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง เอาละนี่ก็เย็นมากแล้ว คืนนี้ค้างกันที่กรุงเทพฯ ซะก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยกลับเชียงใหม่”“ผมมีเรื่องที่ต้องขออนุญาตคุณอาอีกเร
บทที่ 79“คุณปราณต์...” เสียงหวานหลุดชื่อนั้นออกมาอย่างไม่เบาเท่าใดนัก“ใช่...ผมเอง”“มาทำไมคะ”“ผมนอนไม่หลับ คงจะแปลกที่ ก็เลยจะมาขอนอนด้วย” ปราณต์พูดด้วยเสียงออดอ้อนแกมเจ้าเล่ห์ แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน ทั้งๆ ที่ใจก็อ่อนยวบเมื่อเห็นสายตาและได้ยินน้ำเสียงเว้าวอนของเขาแล้ว“ไม่ได้ค่ะ คุณพ่อห้ามแล้วนะคะ ว่าไม่ให้เราสองคนนอนห้องเดียวกัน”“แล้วนัสไม่เห็นใจผมเหรอ ผมนอนไม่หลับนะ...นะครับนัสจ๋า ขอผมนอนด้วยคนนะ รับรองว่าจะกลับห้องตัวเองแต่เช้ามืด ไม่ให้ใครรู้เด็ดขาดว่าผมมานอนกับคุณ”“ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณพ่อรู้ คุณตายแน่ๆ”“ท่านรู้แน่ถ้าคุณยังยืนคุยกับผมอยู่แบบนี้ และถ้าท่านเอาผมตาย คราวนี้คุณเป็นหม้ายรอบสองไม่รู้ด้วยนะ”“เป็นก็เป็นสิคะ” นัสรินยืนกรานปฏิเสธ“ผู้หญิงใจร้าย ไม่สงสารผัวสักนิดเลยเหรอ ผัวนอนไม่หลับก็ไม่ยอมเห็นใจ”“ทีคุณปราณต์ยังใจร้ายกับนัสตั้งหลายอย่าง”“แต่คุณก็ยกโทษให้ผมแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ไม่มีคุณปราณต์ใจร้ายอีกแล้ว มีแต่คุณปราณต์ที่รักนัสและอยากอยู่ใกล้ๆ นัสตลอดเวลา”คำพูดที่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนแกมออดอ้อนของเขาทำให้นัสรินต้องถอนหายใจเบาๆ ออกมาอย่างคนใจอ่อนอ่อนใ
บทที่ 80ชีวิตในช่วงสองวันนี้เหมือนจะมีแต่การเดินทางตลอด ช่วงบ่ายๆ เมื่อวานปราณต์พาบินจากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปขอเธอกับพ่อแม่โดยที่นัสรินไม่ได้ตั้งตัวสักนิด แต่เช้านี้เขากับเธอกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่แล้ว เพราะมาเที่ยวบินไฟลท์แรก และตอนนี้ปราณต์ก็กำลังขับรถแลนด์โรเวอร์ของเขาออกจากสนามบิน “คุณปราณต์ไปส่งนัสที่ออฟฟิศเลยนะคะ ส่งนัสเสร็จคุณเองก็ไปทำงานได้แล้ว” เจ้าของเสียงหวานเอ่ยขึ้น เพราะตัวเองแต่งตัวในชุดพร้อมทำงานมาจากที่บ้านเรียบร้อยแล้ว “วันนี้ผมลาต่ออีกหนึ่งวัน”“มีธุระที่ไหนอีกเหรอคะ”“ก็ธุระของผมกับคุณนั่นละ”“ธุระของคุณกับนัสยังมีอะไรอีกเหรอคะ แล้วนี่คุณกำลังจะพานัสไปไหน” นัสรินถามพลางมองถนนที่ไม่ใช่ทางไปออฟฟิศของตัวเองอย่างสงสัย“ไปจดทะเบียนสมรส” ปราณต์ตอบเสียงเรียบๆ แต่กลับยิ้มพรายออกมาอย่างคนที่ตัดสินใจมาล่วงหน้านานแล้ว“จะจดได้ยังไงคะ ยังไม่ได้แต่งกันเลย” นัสรินรีบค้านขึ้นทันที“ก็จดก่อนค่อยแต่ง คราวนี้คุณจะได้ไม่มีสิทธิ์ยกตัวเองให้ใคร และจะได้ย้ายไปอยู่บ้านกับผมโดยไม่ต้องมีข้ออ้างอีก”“ถ้าคุณพ่อรู้ คุณพ่อต้องไม่ยอมแน่ๆ ค่ะ ท่านห้ามแล้วนี่คะว่าไม่ให้อยู่ก่อนแต่ง” แม
บทที่ 81“ทำไมถึงซื้อไว้ล่ะคะ ที่จริงมีบ้านสวยๆ กว่าบ้านหลังนี้อีกเยอะแยะ หรือถ้าคุณจะสร้างใหม่ก็สร้างได้สบายๆ อยู่แล้ว”“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะว่ามีสิ่งเดียวที่ผู้ชายใจร้ายอย่างผมทำได้เพื่อระลึกถึงคุณมั้ง” ปราณต์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แววตายามเมื่อนึกถึงความหลังครั้งนั้น ฉายแววเคว้งคว้างสับสนออกมาจนนัสรินรู้สึกได้“นัสก็ผิดค่ะที่เห็นแก่ตัว ถ้าคุณจะเกลียดนัสก็ไม่แปลกหรอก”“แต่ถ้าผมใจกว้าง เปิดใจยอมรับว่าที่นัสทำลงไปก็เพราะรักผม ป่านนี้เราอาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้” ปราณต์พูดถึงลูกอีกครั้ง นัสรินจึงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เพราะเธอยังปิดบังเรื่องที่ตัวเองท้องอยู่ แต่ปราณต์ไม่ยอมให้นัสรินหนีไปไหน เขาย่อตัวช้อนอุ้มร่างบางพาเดินไปนอนที่เตียงด้วยกัน“คุณปราณต์อุ้มนัสมาขึ้นเตียงทำไมคะ” นัสรินถามพลางหน้าแดงซ่าน เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวเธอก็ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ของเขานอนอยู่แนบชิดเสียแล้ว“ก็พามาพิสูจน์ว่าเตียงเล็กไปหรือเปล่าสำหรับเราสองคน”“วันนั้นก็พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“วันนั้นผมเมา จำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำตอนมีสติ” คน
บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ
บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก
บทที่ 87“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน“ตะวั
บทที่ 86“แน่นอนสิที่รัก ถ้าไม่รู้ใจคุณแล้วผมจะเป็นผัวคุณได้ยังไง ว่าไงจะบอกหรือเปล่าว่าหมายถึงใคร”“นัสหมายถึงหมอเมย์ค่ะ” ในที่สุดนัสรินก็ยอมรับว่าเธอต้องการจะถามเขาว่าเคยพาเมธาวีมาที่นี่หรือไม่“ถ้าบอกว่าเคยล่ะ”“ก็ไม่แปลกใจค่ะ” ปากว่าไม่แปลกใจ หน้าก็ยังดูยิ้ม แต่แววตาและน้ำเสียงนั้นแปร่งไปจนฟังได้ชัด“คราวนี้จะยอมรับได้หรือยังหือว่าคุณหึงผมกับเมย์” คุณหมอผู้ลองใจเมียเริ่มต้อนให้เธอยอมรับความจริงกับเขาเสียที“ยอมรับก็ได้”“ทำไมถึงจำเพาะเจาะจงว่าเป็นเมย์”“ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะว่านัสเคยเห็นกับตาว่าคุณกับหมอเมย์สนิทสนมกันแค่ไหนมั้ง”“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินกว่าน้องสาว สาบานได้เลย แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าทำให้คุณหึง”“วันที่นัสไปตรวจที่คลินิกว่าท้องหรือเปล่า นัสเจอหมอเมย์ด้วยค่ะ เธอบอกว่าเธอเลิกกับคุณปราณต์แล้ว”“หือ...เลิกกัน?” ปราณต์เลิกคิ้วเข้มขึ้น “ฟังอะไรผิดหรือเปล่านัส”“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่มาบอกทีหลังว่าเลิกหวังในตัวคุณแล้ว เพราะคุณรักคนอื่นอยู่” นัสรินเล่าให้ฟังตามความจริง พลางคิดถึงเหตุการณ์และสีหน้าของเมธาวีในวันนั้นอย่างจำได้แม่น“ขนาดเมย์ยังรู้ว่าผมรักใคร แล้วทำไม
บทที่ 85ปราณต์เป็นฝ่ายขยับมาถือกระเป๋าสะพายของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโอบเอวเล็กที่ตอนนี้ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้นัสรินซึ่งยังงงอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันต้องขยับตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะร่ำลาหมอพัทธระตามมารยาทอันดี “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เดี๋ยววันหลังนัสจะเตรียมสัญญามาให้เซ็น วันนี้นัสขอตัวก่อน” “ครับคุณนัสริน แล้วพบกันครับ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ก้าวตามสามีออกไปขึ้นรถ ปราณต์เดินเงียบๆ แต่ยิ้มในหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง ทำให้นัสรินพอจะรู้ว่าเวลาที่ปราณต์เป็นแบบนี้นั่นคือเขากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ดีแบบสุดๆ “ยิ้มอะไรนักหนาคะ พอใจมากหรือไง” นัสรินถามคนที่ซ่อนยิ้มในหน้าอย่างอดไม่ได้ จากสายตาและวาจาที่ฟังดูนุ่มละมุนผิดปกติของหมอพัทธระเมื่อครู่นี้ เธอก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสามีของตน “ก็พอใจสิ” “แล้วเป็นไงคะ หมอพัทธระหล่ออย่างที่นัสบอกหรือเปล่า” “หล่อ...แต่ที่ฟังดูน้ำเสียงของนัสเหมือนกำลังหึงผมอยู่นะ อย่าหึงเลยน่า ผมชอบผู้หญิง” คราวน
บทที่ 84วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่บริษัทส่งตัวนัสรินมาทำงานที่เชียงใหม่พอดี ซึ่งตามกำหนดเดิมเธอจะต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และมีตัวแทนจากบริษัทคนใหม่มาทำงานแทนเธอ แต่จนป่านนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ส่งใครมา แถมเธอยังต้องทำงานที่นี่ต่อ ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทำชั่วคราวแล้ว หากแต่ต้องประจำอยู่ที่นี่อย่างถาวรนัสรินยังจำวันที่ตัวเองโทร.ไปแจ้งข่าวกับกิตติ ว่าเธอประสงค์จะลาออกจากงาน ตอนนั้นหัวหน้าของเธอดูเป็นเดือดเป็นร้อนมาก เพราะยังหาคนที่ทำงานเก่งอย่างเธอมาแทนยังไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัสรินจะลาออกไปแต่งงาน และอยู่ที่เชียงใหม่กับสามี กิตติก็ขอร้องให้เธอทำงานให้ต่อ โดยเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ สุดท้ายนัสรินก็จำต้องรับปาก โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ ความจริงเธอไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด แต่ที่ต้องบอกหัวหน้าไปเช่นนั้น ก็เพราะปราณต์ขอร้องแกมบังคับ และเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอตัดสินใจจะทำงานต่อ หมอหน้าหล่อก็งอนไปหลายวันเหมือนกันนัสรินออกมาจากออฟฟิศก่อนเวลาเลิกเงิน เพราะมีนัดกับลูกค้าซึ่งเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับหมอหนุ่มที่ตัวเองกำลังคุยงานด้วยอย
บทที่ 83พระอาทิตย์ยามเย็นเริ่มเคลื่อนคล้อยลอยต่ำลงเรื่อยๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานตะวันจะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว และความมืดมนของรัตติกาลก็จะมาเยือนในไม่ช้า หากแต่บรรยากาศทั่วคุ้มลักษิกาในยามนี้กลับเต็มไปด้วยความสว่างไสว อันเกิดจากความสุขและปีติยินดี เมื่อข่าวที่ว่าปราณต์กับนัสรินกำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และตอนนี้ทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกันแล้ว แพร่กระจายไปทั่วคุ้มลักษิกาอย่างรวดเร็วปราณต์ตัดสินใจปิดคลินิกอีกวันเพื่ออยู่ทานข้าวเย็นกับครอบครัวตามคำสั่งของมารดา ธรินดาเข้าครัวทำอาหารที่พี่สะใภ้ชอบให้อย่างเต็มใจ ขณะที่ปรัชญ์กับปราณต์นั่งคุยกันตามประสาพี่น้องในห้องนั่งเล่น ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาก็เล่นกับหลาน นัสรินจึงถือโอกาสเดินไปที่เนินเขาหลังคุ้มลักษิกา เพื่อดูแปลงกุหลาบและพระอาทิตย์ตกดินตาคู่สวยมองพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังทอดตัวลงหาเส้นขอบฟ้า พร้อมกับปล่อยความคิดของตัวเองให้ล่องลอยไป ลมหนาวเริ่มพัดพรายมากระทบกาย แต่ยามนี้หัวใจเธอกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น และมันก็อุ่นยิ่งขึ้นเมื่อมีอ้อมกอดของคนที่รักโอบล้อมเข้ามา“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” นัสรินเอียงหน้ามาถามคนที่ยืนโอบกอดตัวเองอยู่ทางด้านหลังเบาๆ“คิดอะไรอยู
บทที่ 82“มันน่าโกรธมั้ยล่ะ ผมเป็นหมอแทนที่จะได้รู้เป็นคนแรกว่าเมียตัวเองท้อง แต่กลับเป็นหมอคนอื่นที่รู้ก่อน คุณก็รู้นี่นัสว่าผมอยากมีลูกกับคุณแค่ไหน” ปราณต์เอ่ยออกมาเสียงขรึมๆ“ก็ตอนนั้นคุณกับนัสยังไม่เข้าใจกันนี่คะ อีกอย่างคุณก็ทำให้นัสเข้าใจว่าคุณกับออยมีอะไรลึกซึ้งกันไปแล้ว นัสเลยไม่อยากให้ลูกกลายมาเป็นปัญหาของใคร”“ตอนนั้นผมเข้าใจ แต่เราเข้าใจและคืนดีกันมากี่วันแล้วนัส นัสคิดจะปิดผมไปอีกนานแค่ไหน และมีเหตุผลอะไรที่คุณไม่ยอมบอกผม”“โธ่...ก็นัสยังไม่กล้าบอกนี่คะ อย่าทำหน้าทำเสียงแบบนั้นใส่นัสสิคะ นัสใจไม่ดี”“ถูกต้องแล้วที่คุณจะใจคอไม่ดี เพราะตอนนี้ผมโกรธคุณอยู่ และโกรธมากด้วย” ปราณต์ทำเสียงเข้มใส่ ทำให้คนถูกโกรธยิ่งใจฝ่อ“แล้วทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธคะ”“ก็ต้องง้อสิ ไม่ง้อจะให้หายโกรธได้ยังไง”นัสรินขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดที่ต้นคอของเขา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นแล้วประกบปากตัวเองลงบนปากของเขา จากนั้นเธอก็เริ่มจูบและปราณต์ก็จูบตอบอย่างร้อนแรง กึ่งลงโทษกึ่งปรารถนาปนเปอยู่ในรสจุมพิตนั้น“หายโกรธนัสหรือยังคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงอนง้ออีกครั้งหลังจากที่ปากของทั้งคู่ผละห่างจากกัน
บทที่ 81“ทำไมถึงซื้อไว้ล่ะคะ ที่จริงมีบ้านสวยๆ กว่าบ้านหลังนี้อีกเยอะแยะ หรือถ้าคุณจะสร้างใหม่ก็สร้างได้สบายๆ อยู่แล้ว”“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะว่ามีสิ่งเดียวที่ผู้ชายใจร้ายอย่างผมทำได้เพื่อระลึกถึงคุณมั้ง” ปราณต์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แววตายามเมื่อนึกถึงความหลังครั้งนั้น ฉายแววเคว้งคว้างสับสนออกมาจนนัสรินรู้สึกได้“นัสก็ผิดค่ะที่เห็นแก่ตัว ถ้าคุณจะเกลียดนัสก็ไม่แปลกหรอก”“แต่ถ้าผมใจกว้าง เปิดใจยอมรับว่าที่นัสทำลงไปก็เพราะรักผม ป่านนี้เราอาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้” ปราณต์พูดถึงลูกอีกครั้ง นัสรินจึงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เพราะเธอยังปิดบังเรื่องที่ตัวเองท้องอยู่ แต่ปราณต์ไม่ยอมให้นัสรินหนีไปไหน เขาย่อตัวช้อนอุ้มร่างบางพาเดินไปนอนที่เตียงด้วยกัน“คุณปราณต์อุ้มนัสมาขึ้นเตียงทำไมคะ” นัสรินถามพลางหน้าแดงซ่าน เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวเธอก็ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ของเขานอนอยู่แนบชิดเสียแล้ว“ก็พามาพิสูจน์ว่าเตียงเล็กไปหรือเปล่าสำหรับเราสองคน”“วันนั้นก็พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“วันนั้นผมเมา จำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำตอนมีสติ” คน