ฝนหลงฤดูตกพรำๆ มาตั้งแต่เช้ามืด ทำให้อากาศในหน้าหนาวเช่นนี้ยิ่งหนาวเหน็บมากขึ้นไปอีก แต่ทว่าร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงขนาดหกฟุตไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่อย่างใด ตอนนี้ทั้งร่างกายและหัวใจของเธอถูกโอบล้อมด้วยไออุ่นจากร่างหนาเปลือยเปล่าที่นอนกอดเธอแนบชิดอยู่ตลอดทั้งคืน นัสรินเฝ้ามองใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่เงียบๆ ไม่อยากเชื่อว่าในที่สุดแล้วความรักระหว่างเขาและเธอก็ได้สมหวังแล้วจริงๆ
“คุณปราณต์คะ คุณปราณต์ตื่นเถอะค่ะ” เสียงหวานเอ่ยเรียกเบาๆ พร้อมกับเขย่าหัวไหล่ของเขา ทำให้ปราณต์ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย
“รีบปลุกไปไหนแต่เช้าครับ วันนี้วันหยุดนะผมไม่ต้องไปทำงาน”
“คุณจะนอนอยู่แบบนี้เหรอคะ”
“อ้อ...ไม่อยากให้ผมนอน แต่อยากให้ผมทำอย่างอื่นใช่มั้ย” คราวนี้น้ำเสียงและท่าทีของปราณต์หายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง สายตาของเขาพราวระยับขณะกวาดมองใบหน้าสวยหวานของเธอ ทำเอานัสรินหน้าร้อนซ่านด้วยรู้ความหมายของเขาดี
“หมอหื่น! นัสไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ”
“แต่ผม ‘ตื่น’ แล้ว นัสต้องรับผิดชอบ”
ไม่พูดเปล่าแต่มือใหญ่แข็งแรงนั้นยังจับมือเล็กลงไปสัมผัสหลักฐานที่บ่งบอกว่าเขา ‘ตื่น’ ขึ้นมาเต็มตัวแล้วจริงๆ นัสรินจะชักมือออกแต่ก็ถูกแรงที่มากกว่าบังคับไม่ให้เธอถอยมือไปไหน
“ปล่อยก่อนค่ะคุณปราณต์ นัสอยากเข้าห้องน้ำ”
“ไปทำอะไร ถ้าไปช่วยตัวเองไม่ต้องนะ เดี๋ยวผมช่วยเอง” ปราณต์เอ่ยสัพยอกแบบโจ่งครึ่มดังเดิม ทำเอานัสรินค้อนขวับกับความดิบเถื่อนของเขา ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้น หรือเพิ่งเป็นเอาทีหลัง
“ถ้าไม่เลิกพูดจาดิบๆ กับนัส นัสจะไม่ยอมมีลูกด้วย” นัสรินได้แต่ขู่ไปอย่างนั้น
“ไม่กลัวหรอก เมื่อคืนนัสบอกแล้วว่าถ้าอยากได้ก็ให้ผมทำเอง”
“ก็ถ้านัสไม่ให้ความร่วมมือซะอย่าง คุณก็ไม่มีโอกาสหรอก”
“แสดงว่าที่ผ่านมาให้ความร่วมมือด้วยดีใช่มั้ย”
“คุณบังคับนัสต่างหากล่ะคะ” นัสรินแก้ต่างให้ตัวเอง แม้ว่าปราณต์จะพูดเฉียดความจริงแค่ไหนก็ตาม
“ยอมรับว่าบังคับตอนเริ่มต้น แต่ตอนจบมันก็ร้อนแรงและต่างคนต่างก็มีความสุขจนเต็มอิ่มทุกครั้งไม่ใช่เหรอที่รัก หรือว่ามีครั้งไหนที่ผมทำให้คุณค้างครับ”
นัสรินหน้าแดง ไม่ใช่เพราะถูกเขาสัพยอก แต่เป็นเพราะคำว่า ‘ที่รัก’ ที่เขาใช้เรียกเธอต่างหาก คำคำนี้มันช่างอบอุ่นและสุขใจเหลือเกิน
“ไม่คุยด้วยแล้ว ปล่อยนัสได้แล้วค่ะ นัสจะไปเข้าห้องน้ำ” เสียงหวานเอ่ยอีกครั้ง และปราณต์ก็ยอมคลายมือจากการทาบทับมือเรียวบางของเธอออก นัสรินจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมๆ กับที่ปราณต์พลิกตัวนอนในท่านอนหงาย นัสรินมองหน้าคนว่าง่ายนั้นยิ้มๆ ดูเหมือนว่าปราณต์จะเปลี่ยนเป็นผู้ชายอบอุ่นคนเดิมแล้ว แต่แล้วเธอก็คิดผิด เพราะทันทีที่เธอขยับจะลงจากเตียง มือเล็กก็ถูกฉุด ก่อนที่มือใหญ่ทั้งสองข้างจะเลื่อนมาจับเอว ยกเธอขึ้นไปนอนลงทาบทับบนร่างเปลือยเปล่าของตัวเอง สีหน้าเขาปราศจากอาการงัวเงียอย่างสิ้นเชิง แต่มองเธอด้วยประกายตาที่ฟ้องความปรารถนาอย่างเปิดเผย
“อุ๊ย...”
เสียงหวานอุทานเบาๆ อย่างไม่ได้ตั้งตัว แต่ร่างกายกลับร้อนซ่านไปหมด เพราะตอนนี้ร่างเปลือยเปล่าของเธอทาบทับอยู่บนตัวเขาแทบจะทุกสัดส่วน เธอรู้ว่าตอนนี้ปราณต์ตื่นตัวแค่ไหน และรู้ว่าเขาต้องการอะไร แต่นี่มันยังเช้าอยู่มาก เขาจะ…ตอนนี้เลยเหรอ
“ตกใจมากเลยเหรอ มามะเดี๋ยวหมอช่วยปลอบขวัญ”
ปราณต์เอ่ยคำหวานและตวัดมือขึ้นมารั้งที่ท้ายทอยของเธอ บังคับให้โน้มหน้าลงไปหา
“ไม่ต้องปลอบค่ะคนเจ้าเล่ห์”
“แล้วจะให้หมอทำอะไร คนไข้คนพิเศษคนนี้ถึงจะพอใจ”
“ไม่ต้องทำอะไรค่ะ นอกจากปล่อยนัส”
“นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากทำมากที่สุด ฟังสินัส ดูเหมือนว่าตอนนี้ข้างนอกนั่นจะมีฝนตกลงมานะ ฝนตกหน้าหนาวแบบนี้หนาวจะตายว่ามั้ย” ปราณต์ชวนคุยและลูบมืออีกข้างไปยังบั้นท้ายงอนงาม ไล้เบาๆ ทำเอาคนถูกสัมผัสสะท้านขึ้นมานิดๆ
“เป็นคนขี้หนาวตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ตั้งแต่ได้กอดคุณนั่นแหละ กอดแล้วก็ไม่อยากปล่อยไปไหน อยากกอดอยู่อย่างนี้ตลอดไป อย่าเพิ่งไปไหนเลยนะนัส” เสียงตอนท้ายเต็มไปด้วยการออดอ้อนจนคนฟังใจอ่อนยวบยาบไปหมด
“นัสก็ไม่ได้ไปไหนนี่คะ แค่จะไปห้องน้ำ”
“ผมรู้ว่าคุณหาเรื่องหนีผม”
“แน่ะ...ทำเป็นรู้ใจนะคะ”
“ถ้าไม่รู้ใจเมีย จะให้รู้ใจใครล่ะ”
“มีเมียกี่คนคะ”
“มีคนเดียว คนที่กอดอยู่ตอนนี้ และไม่คิดจะมีใครอีก เรารักกันนะ” เขาชวนเสียงกระเส่าเซ็กซี่ จากนั้นก็กระชับสองมือเข้าที่สะโพกกลมกลึง ยกเธอขึ้นเหนือ ‘เขา’ แล้วกดให้ร่างบางนั้นเป็นฝ่ายครอบครองเขาก่อน
“คุณปราณต์...” นัสรินครางเรียกชื่อเขา เมื่อปราณต์เข้ามาเต็มแน่นอยู่ในร่างกายของเธอ
“ผมรักคุณ คุณเป็นของผมนัสริน”
ปราณต์บอกด้วยเสียงจริงจัง ก่อนจะพลิกร่างบางให้เป็นฝ่ายนอนลงไปเบื้องล่าง ส่วนตัวเขาพลิกขึ้นมาอยู่เหนือร่างของเธอแทน ปากหยักประกบลงจูบปากอิ่มอย่างดูดดื่มเรียกร้อง ไม่นานสะโพกสอบก็เคลื่อนไหวเต็มพละกำลัง ตอกย้ำลงอย่างหนักแน่นทุกจังหวะการเคลื่อนไหว คล้ายกับตีตราร่างกายบอบบางนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าเธอจะเป็นของเขาคนเดียวทั้งกายและใจตลอดไป
บทที่ 75โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ในเวลาสิบเอ็ดโมง คนโทร.มาก็คือคนที่อยู่กับเธอทั้งวันทั้งคืน และเพิ่งจะยอมกลับไปเมื่อเช้านี่เอง นัสรินคิดว่าหากวันนี้ทั้งเธอและเขาไม่ต้องทำงาน ปราณต์ก็คงขลุกอยู่กับเธอต่ออีกทั้งวันทั้งคืนเป็นแน่ เจ้าของร่างบางถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ใช่เพราะอึดอัดหรืออะไร เพียงแต่กลัวว่าความสุขที่เกิดขึ้นอย่างท่วมท้นอยู่ตอนนี้มันจะเป็นเพียงแค่ลมพัดผ่าน ประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้เธออดนึกระแวงปราณต์ไม่ได้ กลัวว่าทั้งหมดนี่จะเป็นแผนการของเขา โดยการทำให้เธอแทบจะสำลักความสุขตาย หลังจากนั้นก็บอกความจริงอันโหดร้ายว่าเขาทำไปเพื่อแก้แค้นเท่านั้น“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานตอบไปนุ่มๆ พยายามไม่ให้เขารู้ว่าเธอดีใจแค่ไหนที่เขาโทร.มา“ทำอะไรอยู่ครับ”“ทำงานค่ะ แล้วคุณล่ะคะ ไม่มีอะไรทำเหรอ”“ยุ่งมากเลยละ...แต่ขออนุญาตคนไข้มาโทร.หาเมียก่อน อยากได้ยินเสียง จะได้มีกำลังใจทำงาน” ปราณต์พูดมาอ้อนๆ ผ่านทางโทรศัพท์ คราวนี้เป็นนัสรินเองที่กลั้นยิ้มไม่อยู่ จนเรียวปากอิ่มต้องคลี่แย้มบางๆ กับตัวเอง“หมออะไรไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว”“ก็บอกแล้วว่าเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวของหมอเป็นเ
บทที่ 76“เธอก็เลยตกลง และเปิดโอกาสให้คุณปราณต์มาหาเรากลางดึกใช่มั้ย”“ฮั่นแน่...คืนนั้นคุณปราณต์มาหาด้วยเหรอ” เพื่อนของนัสรินทำสีหน้าและเสียงล้อเลียน ทำให้หญิงสาวค้อนอีกเพราะรู้ว่าพินทุสรรู้เห็นเป็นใจอยู่แล้ว “ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย แม่คนเจ้าแผนการ” “ไปว่าคุณปราณต์ของเธอสิ แผนของเขาทั้งนั้นเลย”พินทุสรได้ทีโบ้ยให้เป็นความผิดของปราณต์คนเดียว ทั้งๆ ที่ตอนคิดแผน เธอเองก็มีส่วนเหมือนกัน “ฝากไว้ก่อนเถอะทั้งสองคน” “ไม่รับฝากย่ะ ถ้าจะเอาคืนก็ไปเอาที่คุณปราณต์คนเดียวเราไม่เกี่ยว ว่าแล้วก็ไปดีกว่า ไม่อยากถูกเธอเล่นงานแล้ว แวะมาหาแค่นี้แหละ กลัวสตีเวนจะรอนาน” ว่าแล้วพินทุสรก็ลุกขึ้นและเดินตรงไปยังประตู แต่ยังไม่ทันเปิดก็หันกลับมาหานัสรินคล้ายนึกอะไรได้ “อ้อ...เราลืมบอกเธอไปอย่าง ว่าความหล่อของหมอปราณต์กับสตีเวนของฉันน่ะสูสี แต่ลีลาไม่รู้ใครเผ็ดกว่ากัน เพราะยังไม่ได้ลอง” “ยัยเพื่อนบ้า”นัสรินได้แต่บ่นตามหลังเมื่อได้ยินพินทุสรพูดอะไรห่ามๆ ออกมาก่อนจะออกจากห้อง สุดท้ายเธอก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมยิ้มกับตัวเองอย่าง
บทที่ 77“ไม่ได้แค่อยากมาเจอ แต่จะมาช่วยคุณขนของ”“ขนไปไหนคะ” “ผมจะให้นัสย้ายไปอยู่กับผม กลับไปอยู่บ้านของเราด้วยกันนะ” ปราณต์เอ่ยชวนอย่างจริงจังและอบอุ่น แต่นัสรินกลับส่ายหน้าดิกทันที“เรื่องอะไรคะ ลูกสาวเขามีพ่อมีแม่นะคะ จู่ๆ จะมาชวนให้เก็บผ้าเก็บผ่อนไปอยู่บ้านเดียวกับผู้ชายง่ายๆ ได้ไง”“โอเค...งั้นผมจะไปขออนุญาตพ่อแม่คุณอย่างเป็นทางการ”ว่าแล้วปราณต์ก็ขับรถตรงไปยังสนามบิน ท่ามกลางการตั้งตัวไม่ติดของนัสริน ไม่คิดว่าจู่ๆ ปราณต์จะทำอะไรรีบร้อนปุบปับแบบนี้“คุณปราณต์คะ นัสต้องทำงานนะคะ”“ก็ลาครึ่งวัน”“แต่นัสยังไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ ท่านคงตกใจมากที่จู่ๆ ก็เห็นคุณไปที่บ้าน”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ท่านฟังเอง”สำหรับปราณต์แล้วตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาสำหรับเขา ในเมื่อเขารู้ใจตัวเองแล้ว ส่วนนัสรินก็ยอมรับความรู้สึกของตัวเองและเข้าใจกันดีแล้ว เขาจึงอยากทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียทีพลตรีชยุตและคุณนิภาต่างก็แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นลูกสาวกับอดีตลูกเขยเดินเข้าบ้านมาด้วยกันในช่วงเย็น แต่จากแววตาที่ดูเขินอายบวกกับประหม่าของลูกสาวก็ทำให้ทั้งสองพอจะเดาได้ว่า อดีตลูกเขยพาลูกสาว
บทที่ 78คำถามของพ่อทำให้นัสรินต้องหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกรอบ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา ก็ทำให้เธอแน่ใจในคำตอบ เขามาถึงนี่แล้ว มาพูดกับพ่อแม่ของเธอตรงๆ มาบอกว่ารักเธอ อยากแต่งงานกับเธอ โดยที่ยังไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้อง นั่นแสดงว่าเขาไม่ได้ทำไปเพราะอยากรับผิดชอบลูก แต่เกิดจากความต้องการของเขาจริงๆ แล้วเธอยังต้องลังเลอะไรอีก“แน่ใจค่ะ” นัสรินยังคงตอบเบาๆ นุ่มๆ เช่นเดิม หากแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น“โอเค งั้นก็ตามนั้น” คนเป็นพ่อบอกเช่นนั้นออกมาท่ามกลางความโล่งอกของสองหนุ่มสาวที่อุปสรรคนี้ผ่านไปได้ด้วยดี“ขอบคุณครับคุณอา อีกสองสามวันผมจะให้แม่มาคุยกับคุณอาอย่างเป็นทางการอีกรอบนะครับ” ปราณต์ยกมือขึ้นไหว้อดีตพ่อตาแม่ยายซึ่งกำลังจะกลับมาเป็นพ่อตาแม่ยายของเขาอีกรอบ“ไม่เป็นไร อาแค่ทำตามความต้องการของลูก หวังว่าคราวนี้ยัยนัสจะไม่เสียใจอีก เพราะผมคงไม่มีโอกาสรอบสามให้คุณ”“ผมสัญญาครับ ผมจะดูแลนัสให้ดีที่สุด”“เอาไว้ผมจะคอยดู เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง เอาละนี่ก็เย็นมากแล้ว คืนนี้ค้างกันที่กรุงเทพฯ ซะก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยกลับเชียงใหม่”“ผมมีเรื่องที่ต้องขออนุญาตคุณอาอีกเร
บทที่ 79“คุณปราณต์...” เสียงหวานหลุดชื่อนั้นออกมาอย่างไม่เบาเท่าใดนัก“ใช่...ผมเอง”“มาทำไมคะ”“ผมนอนไม่หลับ คงจะแปลกที่ ก็เลยจะมาขอนอนด้วย” ปราณต์พูดด้วยเสียงออดอ้อนแกมเจ้าเล่ห์ แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน ทั้งๆ ที่ใจก็อ่อนยวบเมื่อเห็นสายตาและได้ยินน้ำเสียงเว้าวอนของเขาแล้ว“ไม่ได้ค่ะ คุณพ่อห้ามแล้วนะคะ ว่าไม่ให้เราสองคนนอนห้องเดียวกัน”“แล้วนัสไม่เห็นใจผมเหรอ ผมนอนไม่หลับนะ...นะครับนัสจ๋า ขอผมนอนด้วยคนนะ รับรองว่าจะกลับห้องตัวเองแต่เช้ามืด ไม่ให้ใครรู้เด็ดขาดว่าผมมานอนกับคุณ”“ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณพ่อรู้ คุณตายแน่ๆ”“ท่านรู้แน่ถ้าคุณยังยืนคุยกับผมอยู่แบบนี้ และถ้าท่านเอาผมตาย คราวนี้คุณเป็นหม้ายรอบสองไม่รู้ด้วยนะ”“เป็นก็เป็นสิคะ” นัสรินยืนกรานปฏิเสธ“ผู้หญิงใจร้าย ไม่สงสารผัวสักนิดเลยเหรอ ผัวนอนไม่หลับก็ไม่ยอมเห็นใจ”“ทีคุณปราณต์ยังใจร้ายกับนัสตั้งหลายอย่าง”“แต่คุณก็ยกโทษให้ผมแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ไม่มีคุณปราณต์ใจร้ายอีกแล้ว มีแต่คุณปราณต์ที่รักนัสและอยากอยู่ใกล้ๆ นัสตลอดเวลา”คำพูดที่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนแกมออดอ้อนของเขาทำให้นัสรินต้องถอนหายใจเบาๆ ออกมาอย่างคนใจอ่อนอ่อนใ
บทที่ 80ชีวิตในช่วงสองวันนี้เหมือนจะมีแต่การเดินทางตลอด ช่วงบ่ายๆ เมื่อวานปราณต์พาบินจากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปขอเธอกับพ่อแม่โดยที่นัสรินไม่ได้ตั้งตัวสักนิด แต่เช้านี้เขากับเธอกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่แล้ว เพราะมาเที่ยวบินไฟลท์แรก และตอนนี้ปราณต์ก็กำลังขับรถแลนด์โรเวอร์ของเขาออกจากสนามบิน “คุณปราณต์ไปส่งนัสที่ออฟฟิศเลยนะคะ ส่งนัสเสร็จคุณเองก็ไปทำงานได้แล้ว” เจ้าของเสียงหวานเอ่ยขึ้น เพราะตัวเองแต่งตัวในชุดพร้อมทำงานมาจากที่บ้านเรียบร้อยแล้ว “วันนี้ผมลาต่ออีกหนึ่งวัน”“มีธุระที่ไหนอีกเหรอคะ”“ก็ธุระของผมกับคุณนั่นละ”“ธุระของคุณกับนัสยังมีอะไรอีกเหรอคะ แล้วนี่คุณกำลังจะพานัสไปไหน” นัสรินถามพลางมองถนนที่ไม่ใช่ทางไปออฟฟิศของตัวเองอย่างสงสัย“ไปจดทะเบียนสมรส” ปราณต์ตอบเสียงเรียบๆ แต่กลับยิ้มพรายออกมาอย่างคนที่ตัดสินใจมาล่วงหน้านานแล้ว“จะจดได้ยังไงคะ ยังไม่ได้แต่งกันเลย” นัสรินรีบค้านขึ้นทันที“ก็จดก่อนค่อยแต่ง คราวนี้คุณจะได้ไม่มีสิทธิ์ยกตัวเองให้ใคร และจะได้ย้ายไปอยู่บ้านกับผมโดยไม่ต้องมีข้ออ้างอีก”“ถ้าคุณพ่อรู้ คุณพ่อต้องไม่ยอมแน่ๆ ค่ะ ท่านห้ามแล้วนี่คะว่าไม่ให้อยู่ก่อนแต่ง” แม
บทที่ 81“ทำไมถึงซื้อไว้ล่ะคะ ที่จริงมีบ้านสวยๆ กว่าบ้านหลังนี้อีกเยอะแยะ หรือถ้าคุณจะสร้างใหม่ก็สร้างได้สบายๆ อยู่แล้ว”“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะว่ามีสิ่งเดียวที่ผู้ชายใจร้ายอย่างผมทำได้เพื่อระลึกถึงคุณมั้ง” ปราณต์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แววตายามเมื่อนึกถึงความหลังครั้งนั้น ฉายแววเคว้งคว้างสับสนออกมาจนนัสรินรู้สึกได้“นัสก็ผิดค่ะที่เห็นแก่ตัว ถ้าคุณจะเกลียดนัสก็ไม่แปลกหรอก”“แต่ถ้าผมใจกว้าง เปิดใจยอมรับว่าที่นัสทำลงไปก็เพราะรักผม ป่านนี้เราอาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้” ปราณต์พูดถึงลูกอีกครั้ง นัสรินจึงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เพราะเธอยังปิดบังเรื่องที่ตัวเองท้องอยู่ แต่ปราณต์ไม่ยอมให้นัสรินหนีไปไหน เขาย่อตัวช้อนอุ้มร่างบางพาเดินไปนอนที่เตียงด้วยกัน“คุณปราณต์อุ้มนัสมาขึ้นเตียงทำไมคะ” นัสรินถามพลางหน้าแดงซ่าน เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวเธอก็ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ของเขานอนอยู่แนบชิดเสียแล้ว“ก็พามาพิสูจน์ว่าเตียงเล็กไปหรือเปล่าสำหรับเราสองคน”“วันนั้นก็พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“วันนั้นผมเมา จำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำตอนมีสติ” คน
บทที่ 82“มันน่าโกรธมั้ยล่ะ ผมเป็นหมอแทนที่จะได้รู้เป็นคนแรกว่าเมียตัวเองท้อง แต่กลับเป็นหมอคนอื่นที่รู้ก่อน คุณก็รู้นี่นัสว่าผมอยากมีลูกกับคุณแค่ไหน” ปราณต์เอ่ยออกมาเสียงขรึมๆ“ก็ตอนนั้นคุณกับนัสยังไม่เข้าใจกันนี่คะ อีกอย่างคุณก็ทำให้นัสเข้าใจว่าคุณกับออยมีอะไรลึกซึ้งกันไปแล้ว นัสเลยไม่อยากให้ลูกกลายมาเป็นปัญหาของใคร”“ตอนนั้นผมเข้าใจ แต่เราเข้าใจและคืนดีกันมากี่วันแล้วนัส นัสคิดจะปิดผมไปอีกนานแค่ไหน และมีเหตุผลอะไรที่คุณไม่ยอมบอกผม”“โธ่...ก็นัสยังไม่กล้าบอกนี่คะ อย่าทำหน้าทำเสียงแบบนั้นใส่นัสสิคะ นัสใจไม่ดี”“ถูกต้องแล้วที่คุณจะใจคอไม่ดี เพราะตอนนี้ผมโกรธคุณอยู่ และโกรธมากด้วย” ปราณต์ทำเสียงเข้มใส่ ทำให้คนถูกโกรธยิ่งใจฝ่อ“แล้วทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธคะ”“ก็ต้องง้อสิ ไม่ง้อจะให้หายโกรธได้ยังไง”นัสรินขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดที่ต้นคอของเขา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นแล้วประกบปากตัวเองลงบนปากของเขา จากนั้นเธอก็เริ่มจูบและปราณต์ก็จูบตอบอย่างร้อนแรง กึ่งลงโทษกึ่งปรารถนาปนเปอยู่ในรสจุมพิตนั้น“หายโกรธนัสหรือยังคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงอนง้ออีกครั้งหลังจากที่ปากของทั้งคู่ผละห่างจากกัน
บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ
บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก
บทที่ 87“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน“ตะวั
บทที่ 86“แน่นอนสิที่รัก ถ้าไม่รู้ใจคุณแล้วผมจะเป็นผัวคุณได้ยังไง ว่าไงจะบอกหรือเปล่าว่าหมายถึงใคร”“นัสหมายถึงหมอเมย์ค่ะ” ในที่สุดนัสรินก็ยอมรับว่าเธอต้องการจะถามเขาว่าเคยพาเมธาวีมาที่นี่หรือไม่“ถ้าบอกว่าเคยล่ะ”“ก็ไม่แปลกใจค่ะ” ปากว่าไม่แปลกใจ หน้าก็ยังดูยิ้ม แต่แววตาและน้ำเสียงนั้นแปร่งไปจนฟังได้ชัด“คราวนี้จะยอมรับได้หรือยังหือว่าคุณหึงผมกับเมย์” คุณหมอผู้ลองใจเมียเริ่มต้อนให้เธอยอมรับความจริงกับเขาเสียที“ยอมรับก็ได้”“ทำไมถึงจำเพาะเจาะจงว่าเป็นเมย์”“ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะว่านัสเคยเห็นกับตาว่าคุณกับหมอเมย์สนิทสนมกันแค่ไหนมั้ง”“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินกว่าน้องสาว สาบานได้เลย แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าทำให้คุณหึง”“วันที่นัสไปตรวจที่คลินิกว่าท้องหรือเปล่า นัสเจอหมอเมย์ด้วยค่ะ เธอบอกว่าเธอเลิกกับคุณปราณต์แล้ว”“หือ...เลิกกัน?” ปราณต์เลิกคิ้วเข้มขึ้น “ฟังอะไรผิดหรือเปล่านัส”“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่มาบอกทีหลังว่าเลิกหวังในตัวคุณแล้ว เพราะคุณรักคนอื่นอยู่” นัสรินเล่าให้ฟังตามความจริง พลางคิดถึงเหตุการณ์และสีหน้าของเมธาวีในวันนั้นอย่างจำได้แม่น“ขนาดเมย์ยังรู้ว่าผมรักใคร แล้วทำไม
บทที่ 85ปราณต์เป็นฝ่ายขยับมาถือกระเป๋าสะพายของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโอบเอวเล็กที่ตอนนี้ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้นัสรินซึ่งยังงงอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันต้องขยับตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะร่ำลาหมอพัทธระตามมารยาทอันดี “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เดี๋ยววันหลังนัสจะเตรียมสัญญามาให้เซ็น วันนี้นัสขอตัวก่อน” “ครับคุณนัสริน แล้วพบกันครับ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ก้าวตามสามีออกไปขึ้นรถ ปราณต์เดินเงียบๆ แต่ยิ้มในหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง ทำให้นัสรินพอจะรู้ว่าเวลาที่ปราณต์เป็นแบบนี้นั่นคือเขากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ดีแบบสุดๆ “ยิ้มอะไรนักหนาคะ พอใจมากหรือไง” นัสรินถามคนที่ซ่อนยิ้มในหน้าอย่างอดไม่ได้ จากสายตาและวาจาที่ฟังดูนุ่มละมุนผิดปกติของหมอพัทธระเมื่อครู่นี้ เธอก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสามีของตน “ก็พอใจสิ” “แล้วเป็นไงคะ หมอพัทธระหล่ออย่างที่นัสบอกหรือเปล่า” “หล่อ...แต่ที่ฟังดูน้ำเสียงของนัสเหมือนกำลังหึงผมอยู่นะ อย่าหึงเลยน่า ผมชอบผู้หญิง” คราวน
บทที่ 84วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่บริษัทส่งตัวนัสรินมาทำงานที่เชียงใหม่พอดี ซึ่งตามกำหนดเดิมเธอจะต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และมีตัวแทนจากบริษัทคนใหม่มาทำงานแทนเธอ แต่จนป่านนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ส่งใครมา แถมเธอยังต้องทำงานที่นี่ต่อ ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทำชั่วคราวแล้ว หากแต่ต้องประจำอยู่ที่นี่อย่างถาวรนัสรินยังจำวันที่ตัวเองโทร.ไปแจ้งข่าวกับกิตติ ว่าเธอประสงค์จะลาออกจากงาน ตอนนั้นหัวหน้าของเธอดูเป็นเดือดเป็นร้อนมาก เพราะยังหาคนที่ทำงานเก่งอย่างเธอมาแทนยังไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัสรินจะลาออกไปแต่งงาน และอยู่ที่เชียงใหม่กับสามี กิตติก็ขอร้องให้เธอทำงานให้ต่อ โดยเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ สุดท้ายนัสรินก็จำต้องรับปาก โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ ความจริงเธอไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด แต่ที่ต้องบอกหัวหน้าไปเช่นนั้น ก็เพราะปราณต์ขอร้องแกมบังคับ และเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอตัดสินใจจะทำงานต่อ หมอหน้าหล่อก็งอนไปหลายวันเหมือนกันนัสรินออกมาจากออฟฟิศก่อนเวลาเลิกเงิน เพราะมีนัดกับลูกค้าซึ่งเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับหมอหนุ่มที่ตัวเองกำลังคุยงานด้วยอย
บทที่ 83พระอาทิตย์ยามเย็นเริ่มเคลื่อนคล้อยลอยต่ำลงเรื่อยๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานตะวันจะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว และความมืดมนของรัตติกาลก็จะมาเยือนในไม่ช้า หากแต่บรรยากาศทั่วคุ้มลักษิกาในยามนี้กลับเต็มไปด้วยความสว่างไสว อันเกิดจากความสุขและปีติยินดี เมื่อข่าวที่ว่าปราณต์กับนัสรินกำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และตอนนี้ทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกันแล้ว แพร่กระจายไปทั่วคุ้มลักษิกาอย่างรวดเร็วปราณต์ตัดสินใจปิดคลินิกอีกวันเพื่ออยู่ทานข้าวเย็นกับครอบครัวตามคำสั่งของมารดา ธรินดาเข้าครัวทำอาหารที่พี่สะใภ้ชอบให้อย่างเต็มใจ ขณะที่ปรัชญ์กับปราณต์นั่งคุยกันตามประสาพี่น้องในห้องนั่งเล่น ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาก็เล่นกับหลาน นัสรินจึงถือโอกาสเดินไปที่เนินเขาหลังคุ้มลักษิกา เพื่อดูแปลงกุหลาบและพระอาทิตย์ตกดินตาคู่สวยมองพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังทอดตัวลงหาเส้นขอบฟ้า พร้อมกับปล่อยความคิดของตัวเองให้ล่องลอยไป ลมหนาวเริ่มพัดพรายมากระทบกาย แต่ยามนี้หัวใจเธอกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น และมันก็อุ่นยิ่งขึ้นเมื่อมีอ้อมกอดของคนที่รักโอบล้อมเข้ามา“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” นัสรินเอียงหน้ามาถามคนที่ยืนโอบกอดตัวเองอยู่ทางด้านหลังเบาๆ“คิดอะไรอยู
บทที่ 82“มันน่าโกรธมั้ยล่ะ ผมเป็นหมอแทนที่จะได้รู้เป็นคนแรกว่าเมียตัวเองท้อง แต่กลับเป็นหมอคนอื่นที่รู้ก่อน คุณก็รู้นี่นัสว่าผมอยากมีลูกกับคุณแค่ไหน” ปราณต์เอ่ยออกมาเสียงขรึมๆ“ก็ตอนนั้นคุณกับนัสยังไม่เข้าใจกันนี่คะ อีกอย่างคุณก็ทำให้นัสเข้าใจว่าคุณกับออยมีอะไรลึกซึ้งกันไปแล้ว นัสเลยไม่อยากให้ลูกกลายมาเป็นปัญหาของใคร”“ตอนนั้นผมเข้าใจ แต่เราเข้าใจและคืนดีกันมากี่วันแล้วนัส นัสคิดจะปิดผมไปอีกนานแค่ไหน และมีเหตุผลอะไรที่คุณไม่ยอมบอกผม”“โธ่...ก็นัสยังไม่กล้าบอกนี่คะ อย่าทำหน้าทำเสียงแบบนั้นใส่นัสสิคะ นัสใจไม่ดี”“ถูกต้องแล้วที่คุณจะใจคอไม่ดี เพราะตอนนี้ผมโกรธคุณอยู่ และโกรธมากด้วย” ปราณต์ทำเสียงเข้มใส่ ทำให้คนถูกโกรธยิ่งใจฝ่อ“แล้วทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธคะ”“ก็ต้องง้อสิ ไม่ง้อจะให้หายโกรธได้ยังไง”นัสรินขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดที่ต้นคอของเขา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นแล้วประกบปากตัวเองลงบนปากของเขา จากนั้นเธอก็เริ่มจูบและปราณต์ก็จูบตอบอย่างร้อนแรง กึ่งลงโทษกึ่งปรารถนาปนเปอยู่ในรสจุมพิตนั้น“หายโกรธนัสหรือยังคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงอนง้ออีกครั้งหลังจากที่ปากของทั้งคู่ผละห่างจากกัน
บทที่ 81“ทำไมถึงซื้อไว้ล่ะคะ ที่จริงมีบ้านสวยๆ กว่าบ้านหลังนี้อีกเยอะแยะ หรือถ้าคุณจะสร้างใหม่ก็สร้างได้สบายๆ อยู่แล้ว”“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะว่ามีสิ่งเดียวที่ผู้ชายใจร้ายอย่างผมทำได้เพื่อระลึกถึงคุณมั้ง” ปราณต์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แววตายามเมื่อนึกถึงความหลังครั้งนั้น ฉายแววเคว้งคว้างสับสนออกมาจนนัสรินรู้สึกได้“นัสก็ผิดค่ะที่เห็นแก่ตัว ถ้าคุณจะเกลียดนัสก็ไม่แปลกหรอก”“แต่ถ้าผมใจกว้าง เปิดใจยอมรับว่าที่นัสทำลงไปก็เพราะรักผม ป่านนี้เราอาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้” ปราณต์พูดถึงลูกอีกครั้ง นัสรินจึงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เพราะเธอยังปิดบังเรื่องที่ตัวเองท้องอยู่ แต่ปราณต์ไม่ยอมให้นัสรินหนีไปไหน เขาย่อตัวช้อนอุ้มร่างบางพาเดินไปนอนที่เตียงด้วยกัน“คุณปราณต์อุ้มนัสมาขึ้นเตียงทำไมคะ” นัสรินถามพลางหน้าแดงซ่าน เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวเธอก็ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ของเขานอนอยู่แนบชิดเสียแล้ว“ก็พามาพิสูจน์ว่าเตียงเล็กไปหรือเปล่าสำหรับเราสองคน”“วันนั้นก็พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“วันนั้นผมเมา จำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำตอนมีสติ” คน