ログインเมื่อชายคนหนึ่งตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก...ไม่มีสิ่งใดต้านทานความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะคว้าเธอมาครอบครอง
もっと見るก๊อก~ก๊อก~ก๊อก~
สิ้นเสียงเคาะให้สัญญาณที่ประตูไม้สีน้ำตาลบานใหญ่ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมเข้มตามแบบฉบับชายไทย ผู้เป็นเจ้าของห้องซึ่งนั่งประจำการอยู่ที่โต๊ะทำงาน ละสายตาจากหน้าจอแมคบุ๊กเครื่องหรูมองลอดกรอบแว่นสีดำทรงกลม ส่วนคนที่โผล่หน้ามาจากหลังบานประตูนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือหนุ่มหน้าตี๋ รุ่นน้องคนสนิทพ่วงด้วยตำแหน่งเลขาส่วนตัวนั่นเอง
“โอ้โห ท่านประธาน ดึกดื่นป่านนี้ทำไมยังไม่กลับครับผม โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ คุณหญิงย่าท่านโทรหาผมตั้งหลายสาย ดีนะผมกินเหล้าอยู่กับเพื่อนแถวนี้พอดี”
“ดึกอะไรของแกไอ้ณัฐ ก็ฉันเพิ่งจะเริ่มทำงานตอนแกเอาข้าวมาให้ฉัน” คีรินทร์เอ่ยพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก็พบว่าหน้าจอมืดสนิท เขาจึงนำโทรศัพท์ที่ไร้ซึ่งพลังงานวางลงบนแท่นชาร์ตไร้สาย
“พี่คิง ผมเอาข้าวเย็นมาให้พี่เมื่อห้าชั่วโมงที่แล้ว” ณัฐดนัยว่าพลางเบือนหน้าไปทางชุดข้าวกล่องเบนโตะบนโต๊ะหน้าโซฟา
“อ้าว ดึกขนาดนี้แล้วเหรอวะ ทำงานเพลินเลย เฮ้อ” คีรินทร์ถอดแว่นสายตาวางลงบนโต๊ะ ขยับโยกต้นคอไปมาขับไล่ความเมื่อยล้า ก่อนลุกขึ้นมานั่งลงบนโซฟา จัดการเปิดกล่องข้าวกินโดยไม่สนใจว่ามันจะเย็นชืดเพียงใด ณัฐดนัยเห็นเจ้านายรีบกินข้าวแบบแทบจะไม่เคี้ยวให้ละเอียดก็อดห่วงไม่ได้ เลขาหนุ่มจึงรีบไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำแร่ออกมาวางลงตรงหน้าเจ้านาย
“พรุ่งนี้พี่อย่าลืมนัดกับคุณหญิงย่านะ”
“อืม”
“พี่นี่ก็ไม่น่านัดท่านวันที่ผมลางานเลย เกิดอะไรขึ้นผมมาช่วยพี่ไม่ทันนะ”
“แกไม่ต้องห่วงหรอก แกจัดการเรื่องนางแบบที่จ้างมาให้เรียบร้อยละกัน”
“เรื่องนั้นเรียบร้อยแล้วพี่ แต่พี่จะทำแบบนี้จริง ๆ เหรอ”
ณัฐดนัยทำสีหน้าจริงจัง นั่งลงข้างคีรินทร์ เพราะสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้นั้น คือการจ้างสาวสวยมาเป็นแฟนกำมะลอของคีรินทร์เพื่อตบตาคุณหญิงผกายมาศ ผู้มีศักดิ์เป็นย่าแท้ ๆ หากมีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ณัฐดนัยมีหวังได้หลุดจากตำแหน่งเลขาเงินเดือนสูงลิ่วเลยก็เป็นได้ เพียงแค่คิดเลขาหนุ่มก็เสียวสันหลังวาบ เลยคิดจะพยายามเกลี้ยกล่อมเจ้านายอีกครั้ง
"พี่คิง ผมว่าพี่หาแฟนเป็นตัวเป็นตนไปเลยดีกว่าไหม ทำแบบนี้แล้วพี่จะเอาไงต่อ"
"พอผ่านไปสักเดือนสองเดือน ฉันก็ค่อยบอกคุณย่าว่าเลิกกันแล้ว อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องไปดูตัวสักพัก" คีรินทร์กล่าวอย่างไม่ยี่หระพลางใช้ตะเกียบคีบอาหารใส่ปาก
ณัฐดนัยถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ด้วยหมดปัญญาที่จะหว่านล้อมเจ้านาย เขารู้จักคีรินทร์มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เจ้านายของเขาในวันนั้นต่างจากปัจจุบันโดยสิ้นเชิง
คีรินทร์ เป็นอดีตคาสโนว่าตัวพ่อที่เพื่อน ๆ ต่างขนานนามให้ เพราะในวัยคะนองเขาใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง ปาร์ตี้เมาหัวราน้ำแทบทุกวัน ส่วนเรื่องผู้หญิงนั้นก็ไม่เคยขาด เรียกได้ว่าหัวกระไดบ้านไม่เคยแห้ง แต่นั่นก็เป็นความคึกคะนองในช่วงวัยรุ่นเท่านั้น กระทั่งคุณหญิงผกามาศผู้เป็นย่า และญาติเพียงคนเดียวขอร้องให้เขามารับช่วงต่อในการบริหารบริษัท
เมื่อคีรินทร์เข้ามารับตำแหน่งประธานบริษัท ชายหนุ่มก็หันมาทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการทำงานอย่างเต็มที่ และด้วยตำแหน่งผู้กุมบังเหียนขององค์กร ก็ทำให้เขาแทบไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องอื่นใด หนำซ้ำเขากลับรู้สึกชื่นชอบในความท้าทายที่ได้พาบริษัทเติบโตมีชื่อเสียงติดอันดับต้น ๆ ของประเทศ สุดท้ายเขาจึงกลายเป็นคาสโนว่าสิ้นลายไปโดยปริยาย
ในตอนแรกคุณหญิงผกายมาศก็รู้สึกพึงพอใจที่ชีวิตของหลานชายเข้ารูปเข้ารอย ไม่เหลวไหลเช่นแต่ก่อน ทว่าเมื่อยิ่งนานวันท่านก็เกิดเป็นห่วงว่าหลานชายเพียงคนเดียวในวัย 35 ปี จะขาดเพื่อนคู่คิดข้างกาย ไร้ทายาทสืบสกุล คุณหญิงผกายมาศจึงเฟ้นหาสุภาพสตรีมากมายมาให้หลานชายดูตัว แต่ก็ไม่เคยมีใครถูกใจคีรินทร์เลยสักคน ประธานหนุ่มที่เริ่มเบื่อหน่ายกับการไปดูตัว จึงเกิดหลุดปากบอกผู้เป็นย่าไปว่ามีคนที่คบหาดูใจกันอยู่แล้ว เพียงเพื่อจะบอกปัดการดูตัวในครั้งถัดไป ทำให้งานเข้าอย่างจัง เพราะคุณหญิงผกายมาศเกิดอยากเจอหน้าว่าที่หลานสะใภ้ คีรินทร์จึงต้องมอบหมายให้ณัฐดนัยจ้างนางแบบโนเนมให้มาเป็นแฟนกำมะลอ
"งั้นผมกลับก่อนนะ พี่อย่าลืมโทรหาคุณหญิงย่าด้วยล่ะ"
เมื่อเลขาคนสนิทกลับไป คีรินทร์ก็เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงาน ก่อนเดินกลับมานั่งบนโซฟาอีกครั้ง เขาทิ้งตัวลงนอน พร้อมกดต่อสายหาคุณหญิงผกายมาศเพื่อรายงานว่าวันนี้อาจไม่กลับบ้าน เพราะยังมีงานที่คั่งค้างอยู่มาก ระหว่างพูดคุยกันเพียงไม่กี่นาที ท่านเน้นย้ำเรื่องนัดสำคัญในวันพรุ่งนี้อยู่หลายรอบก่อนจะวางสายไป
คีรินทร์วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก เอาเข้าจริงชายหนุ่มก็ไม่มั่นใจเท่าไรนักว่าจะแสดงละครตบตาท่านได้แนบเนียนเพียงใด ถึงแม้ว่าเขาจะเคยคบผู้หญิงมามากมาย แต่ก็ไม่เคยเข้าใกล้ความรู้สึกที่เรียกว่ารักเลยสักครั้ง จึงเป็นเรื่องยากหากเขาจะต้องไปแสดงความรักใคร่ชอบพอในตัวหญิงสาวที่เขาจ้างมาในวันพรุ่งนี้โดยไม่เผลอหลุดให้คุณหญิงผกายมาศจับได้
นอนคิดไปคิดมาชายหนุ่มก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
กว่าคีรินทร์จะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ดวงอาทิตย์ก็เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าเห็นแสงรำไร ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมามองฝ้าเพดานสีขาว ก่อนหันไปมองยังนอกหน้าต่าง
เขาหยัดกายลุกขึ้นนั่ง เดินไปเข้าห้องน้ำส่วนตัวซึ่งอยู่ภายในห้องทำงาน ชายหนุ่มล้างหน้าล้างตาเรียกความสดชื่น พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นภาพสะท้อนของตนเองในกระจกเงา สภาพในตอนนี้แทบไม่เหลือสง่าราศีของผู้บริหารเลยแม้แต่น้อย ทั้งผมเผ้าที่ดูยุ่งเหยิง กับเสื้อเชิ้ตที่ดูยับย่น ทันทีที่เห็นแบบนั้นคีรินทร์ก็นึกขึ้นได้ว่าณัฐดนัยเตรียมเสื้อผ้าสำรองไว้ให้เขา ทว่ามันอยู่ในรถ เขาจึงรีบเดินออกจากห้องทำงานมุ่งหน้าลงลิฟต์ไปยังอาคารจอดรถ
หลังจากคีรินทร์ได้สิ่งที่ต้องการจากรถซีดานคันหรู เขาก็รีบสาวเท้าอย่างรวดเร็วเพื่อกลับขึ้นไปยังห้องทำงาน ก่อนที่พนักงานจะเริ่มทยอยกันเข้ามา และได้มาเห็นผู้บริหารหนุ่มในสภาพยับเยิน หากเป็นเช่นนั้นภาพลักษณ์ที่ได้สั่งสมมาคงเป็นอันจบสิ้น
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินกึ่งวิ่งใกล้ถึงลิฟต์โดยสารเต็มที จู่ ๆ ก็มีสาวน้อยในชุดนักศึกษา ไม่รู้โผล่มาจากทางไหน ทำให้เขาชนเธอเข้าอย่างจัง จนร่างเล็กอันแสนบอบบางปลิวไปตามแรงปะทะ ก่อนล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมสัมภาระในกระเป๋าผ้าลดโลกร้อนที่เธอสะพายมาด้วยร่วงหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้น ถึงแม้ว่าคนตัวเล็กจะเป็นฝ่ายล้มลงจนเจ็บตัว แต่เธอก็รีบลุกขึ้นยกมือไหว้กล่าวขอโทษขอโพย ทั้งที่จะว่าไปแล้วก็ผิดด้วยกันทั้งสองฝ่าย
"หนูขอโทษค่ะ พอดีหนูรีบก็เลยไม่ได้ดูทาง ขอโทษนะคะ" เด็กสาวกล่าวพร้อมก้มหน้าก้มตายกมือไหว้ระรัว
"ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะมีใครมาเช้าขนาดนี้ บาดเจ็บตรงไหนไหมครับ" สิ้นคำกล่าวของชายหนุ่ม เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธทันที ก่อนที่นัยน์ตาคู่สวยจะเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจสุดขีด เธอรีบทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากวาดข้าวของที่กระจายเกลื่อนพื้นเข้ากระเป๋าผ้าอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหรี่ตามองสำรวจสิ่งของที่เธอเก็บขึ้นจากพื้น หนึ่งในนั้นมีป้ายห้อยคอของพนักงานบริษัทของเขาที่ระบุตำแหน่งนักศึกษาฝึกงาน พลันนัยน์ตาคู่คมเหลือบไปเห็นขวดเครื่องดื่มชูกำลังกับกาแฟสำเร็จรูปที่กลิ้งห่างออกไป เขาจึงเดินไปหยิบมาให้เธอด้วยความหวังดี
"ขอบคุณค่ะ" เธอรับขวดทั้งสองมาถือเอาไว้ พลางก้มหน้างุด ๆ หลบสายตาคนตัวโตที่กำลังพยายามพินิจพิจารณาใบหน้าอ่อนเยาว์ด้วยความสนใจ ทว่ายังไม่ทันที่คีรินทร์จะได้เอ่ยสิ่งใด สาวน้อยก็พูดแทรกขึ้นด้วยเสียงสั่น "หนูขอโทษอีกครั้งนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ"
คีรินทร์ยืนอ้าปากค้าง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นหมายจะรั้งเธอไว้ ทว่าคนตัวเล็กไวกว่า วิ่งปร๋อกลับไปยังทางเดิมที่เธอเดินมา ก่อนหายลับไปทางประตูทางเข้าบริษัท ชายหนุ่มถอนหายใจพร้อมลดมือลงก่อนหลุดขำออกมา
"คนอะไรน่ารักจริง ๆ " คีรินทร์พึมพำขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แต่เพียงเสี้ยววินาทีรอยยิ้มนั้นก็พลันหายไป นี่เขากำลังสนใจเธอ ไม่ผิดแน่ เขาแน่ใจในความรู้สึกตัวเอง เพราะตั้งแต่เกิดมาคีรินทร์กล้าบอกได้เต็มปากเลยว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาคบหาล้วนแล้วแต่เข้าหาเขาก่อนทั้งสิ้น และเขาก็ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวกับใครเลย
ชายหนุ่มครุ่นคิดมาตลอดทางที่เดินกลับขึ้นมายังห้องทำงาน ตบตีกับความรู้สึกปั่นป่วนที่เกิดขึ้นภายในใจ สุดท้ายเขาก็ได้แต่บอกตัวเองว่าสาวน้อยคนนั้นเป็นนักศึกษา เธอยังเด็ก หนำซ้ำยังเป็นนักศึกษาฝึกงาน เขาไม่มีทางเป็นสมภารกินไก่วัดอย่างเด็ดขาด
มาริสา บัณฑิตสาวป้ายแดงที่เพิ่งผ่านพ้นงานรับปริญญาไปหมาด ๆ ก็ต้องมาหัวหมุนกับการเตรียมงานแต่งที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนหน้าเดิมทีคุณหญิงผกายมาศหาฤกษ์ยามไว้ให้ได้ปลายปีหน้า ทว่าหลานชายตัวดีเกิดเสกเด็กเข้าท้องว่าที่หลานสะใภ้เสียก่อน จึงต้องรีบเร่งจัดงานวิวาห์กันอย่างเร่งด่วน ทำเอาคุณหญิงผกายมาศโกรธจัดจนไล่หลานชายสุดที่รักไปอยู่เพนท์เฮ้าส์เสียหลายวันเป็นการลงโทษ สุดท้ายท่านก็ทนสงสารหลานสะใภ้ไม่ไหว ยอมให้คีรินทร์กลับมาอยู่บ้าน เพราะมาริสาแพ้ท้องหนักมาก ข้าวปลาแทบทานไม่ได้ อารมณ์อ่อนไหว พร่ำบ่นคิดถึงพ่อของลูกในท้องเกือบทุกวันเมื่อได้ไฟเขียวจากผู้เป็นย่า คีรินทร์ก็ทิ้งงานที่บริษัทรีบตรงมาคฤหาสน์อัครเดชกรกุลทันทีที่ชายหนุ่มเข้าไปถึงห้องนอนของคนรัก เห็นร่างบอบบางนอนหลับสนิท ใบหน้าซีดเซียวแทบไร้สีเลือด ทั้งยังซูบผอมลงอย่างชัดเจน ทำให้เขาสงสารเธอจับใจ ข้อนิ้วเรียวลูบไล้แก้มนวลแผ่วเบา ก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้น“อืม อ้าวพี่คิง มาได้ไงคะ”“คุณย่าโทรตามพี่ก็รีบมาเลย เมย์เป็นยังไงบ้าง กินอะไรไม่ได้เลยเหรอ”“มันเหม็นไปหมดค่ะ กินไม่ลงเลย เอ๊ะ กลิ่นอะไรคะ”ร่างเล็กพยายามลุกขึ้นนั่งโดยมีคีรินทร์ช่วยประคอง จ
หลังอาหารมื้อค่ำในคืนนั้น คุณหญิงผกายมาศเรียกมาริสาเข้าไปพบในห้องนอน พร้อมขอยึดโทรศัพท์มือถือของเธอเอาไว้ ก่อนให้เครื่องใหม่แก่เธอสำหรับใช้ชั่วคราว เพื่อไม่ให้คีรินทร์สามารถติดต่อมาริสาได้ หญิงสาวก็ยอมทำตามแต่โดยดีเมื่อดูแลปรนนิบัติคุณหญิงผกายมาศเรียบร้อยแล้ว มาริสาก็กลับมายังห้องนอนของตนเอง ทันทีที่หัวถึงหมอน เธอก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วด้วยความเหนื่อยล้าเมื่อถึงเช้าวันใหม่ มาริสารีบตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เพื่อจะได้ไปปรนนิบัติคุณหญิงผกายมาศ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เธอก็เข้าไปหาท่านที่ห้องนอน ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่า จึงเดินลงมาชั้นล่างเพื่อถามเด็กรับใช้คนสนิทของท่าน ยังไม่ทันที่เธอจะเหยียบย่างลงไปถึงบันไดขั้นสุดท้าย ก็ได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกดังครื้นเครงมาจากห้องนั่งเล่นเมื่อหญิงสาวเดินเข้าไปถึง ก็เห็นคุณหญิงหญิงผกายมาศกำลังนำคุกกี้ที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ ๆ จัดใส่โหลแก้วทรงสูง โดยมีเด็กรับใช้คนสนิทคอยเป็นลูกมือช่วยหยิบจับอยู่ไม่ห่าง“อ้าว หนูเมย์ มอร์นิ่งค่ะลูก ไปทานข้าวเช้ากันลูก” คุณหญิงผกายมาศลุกขึ้นเดินมาหามาริสาด้วยความกระฉับกระเฉง ไม่เหมือนคนที่เป็นลมจนล้มห
หลังจากคีรินทร์แสดงความรักให้เธอด้วยการปรนเปรอกามารมณ์ถึงสองวันติดกัน ทำให้มาริสานอนหลับสลบไสลไม่ได้สติยาวไปจนถึงเที่ยงของอีกวัน ทว่าโชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงไม่ต้องฝืนสังขารตื่นไปเรียนแต่เช้าตรู่ร่างบางนอนคุดคู้อยู่ภายใต้ผ้านวมหนานุ่ม รู้สึกตัวขึ้นจากเสียงประตูห้องนอนที่เปิดออก พร้อมกลิ่นอาหารหอมกรุ่น คนขี้เซาถึงกับลืมตาแป๋วพร้อมบิดขี้เกียจลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง“หอมจังเลยค่ะ”ท่านประธานหนุ่มเข้ามาในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงผ้าขายาว ทรงผมยุ่งเหยิงที่ดูเปียกหมาด ๆ ทำให้เขาดูเด็กลงไปหลายปี ในมือของคีรินทร์มีถาดอาหารส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งห้อง มาริสามองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจฟูฟ่อง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาคือคนรักของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นราวกับความฝัน“มองแบบนี้อยากกินอาหาร หรือกินพี่ครับ” คีรินทร์เอ่ยแซวขณะที่วางถาดอาหารลงบนที่นอน ก่อนเข้าไปนั่งเบียดคนตัวเล็ก“ก็ต้องกินอาหารสิคะ กินพี่คิงนอกจากไม่อิ่มแล้วยังเหนื่อยสายตัวแทบขาด รู้ไหมคะตั้งแต่เกิดมาเมย์ไม่เคยตื่นสายขนาดนี้เลย”“สำหรับพี่ไม่ต้องกินข้าวก็ได้ ขอกินเมย์ดีกว่า กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ” เขาก้มลงซุกซอกคอเรียว อ้าปากง
“เมย์ ฟังพี่นะครับ” ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนออก และจับไหล่บางสองข้าง นัยน์ตาคู่คมฉายแววจริงจังจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่หวานอันแดงก่ำ “เมย์กำลังเข้าใจผิด ฟังพี่ก่อนได้ไหมครับคนดี หืม” มาริสาร้องไห้จนหมดแรง เธอไม่เหลือแม้เรี่ยวแรงจะกล่าวตอบ จึงทำได้เพียงพยักหน้ารับ “สิ่งที่เมย์เห็น มันไม่ใช่แบบที่เมย์กำลังคิดนะ พี่ไปร้านเพชรของรุ่นน้องที่สนิทกัน เพื่อรับของที่พี่สั่งทำ” คีรินทร์ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขนาดกะทัดรัดขึ้นมา มันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำจนเขาต้องสลัดไปมาก่อนเปิดออก “...” มาริสานิ่งไป เธอมองกล่องสี่เหลี่ยมในมือของชายหนุ่มที่เปิดอ้าออก เผยให้เห็นแหวนเพชรเม็ดงาม หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคร้ามอย่างตั้งคำถาม เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มกล่าวมันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด “พี่ตั้งใจจะใช้แหวนวงนี้ขอคนที่พี่รักเป็นแฟน” มาริสาเบือนหน้าไปอีกทาง เพราะไม่อาจทนมองแหวนวงสวยที่คีรินทร์หมายมั่นจะมอบให้แก่คนที่เขารัก “เมย์ครับ พี่ตั้งใจจะให้แหวนวงนี้กับเมย์” ดวงหน้าสวยหันกลับมาทันทีพร้อมนัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เธอแทบจะไม่