ภายในซอกซอยของตึกกรุงทองย่านประตูน้ำซึ่งถือว่าเป็นแหล่งรวมเสื้อผ้าแฟชั่นส่งออกไปทั่วประเทศร่างบางของเพียงฟ้ากำลังกวาดสายตามองหาชุดเดรสให้กับคนเป็นพี่สาวซึ่งตอนนี้กำลังเดินหรือคลานต้วมเตี้ยมอยู่ด้านหลัง
"พี่ฝันไหวไหมเนี่ย ถ้ารู้ว่าตัวเองยังเจ็บอยู่ก็น่าจะมาดูวันหลัง”
“พี่ไหวน่า จะมาดูวันหลังอะไร งานเลี้ยงบริษัทจะเริ่มมะรืนนี้อยู่แล้ว”
เพียงฝันย่นคิ้วใส่น้องสาวเล็กน้อยถ้าไม่อยากได้เงินซื้ออัลบั้มวงโปรดเธอมั่นใจได้เลยว่ายัยน้องสาวตัวแสบคงไม่มาเลือกซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนแน่นอน
หญิงสาวเองก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเลือกซื้อเสื้อผ้าไซน์ขนาดเธอได้จากที่ไหนก็เลยจำใจนั่งรถเมล์มาซื้อที่นี่แทน
“พี่ฝันตัวนี้สวยมากเลยอ่า เข้ากับตรีมงานเดรสสีฉูดฉาดพอดีเลย”
เพียงฟ้าจูงแขนคนเป็นพี่สาวไปยังร้านเสื้อร้านหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าซึ่งตัวคนขายเองก็ยืนต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เดรสสีเขียวเหมือนเหล้าชาร์ทรุสที่โชว์อยู่บนหุ่นจำลองช่างสะดุดตาเธอยิ่งนัก ช่วงแขนถูกออกแบบให้เปิดไหล่แขนยาวเกือบถึงศอก ส่วนหน้าอกเป็นรูปโบคล้าย ๆเกาะอก ใต้หน้าอกเว้าโชว์ให้เห็นส่วนพุงเล็กน้อย ตัวกระโปรงยาวถึงเข่า
“อือ ตัวนี้สวยมากเลยอ่า งั้นเอาตัวนี้แหละ”
เธอไม่รีรอที่จะตัดสินใจเลยสักนิด ทำไมต้องเลือกมากด้วยล่ะในเมื่อเจอชุดที่ถูกใจแล้วแถมราคายังย่อมเยาไม่ต้องเปลืองเงินไปซื้อชุดราคาแพงไปอวดใครเลย
สองสาวซื้อของเสร็จแล้วก็เดินออกมาเพื่อรอรถจะกลับบ้านแต่เธอก็สังเกตเห็นสีหน้าน้องสาวดูเศร้าลงเล็กน้อยอีกทั้งสายตาก็ทอดยาวไปยังถนนอีกฝั่งหนึ่งเหมือนมีเรื่องให้คิดมาก
“ฟ้า แกเป็นอะไรหรือเปล่าพี่เห็นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้”
“พี่ฝัน คือว่าฟ้าอยากไปรับน้อง ๆ วงget7ที่สนามบินจังเลยอ่าแต่มันต้องกลับบ้านดึกมากฟ้ากลัวว่าแม่จะไม่ยอมให้ไป”
เด็กสาวพูดพร้อมกับก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือที่กำลังเลื่อน ทวิตเตอร์ที่มีข้อความขึ้นเรียงรายผ่านแฮทแท็กต้อนรับนักร้องดังสู่ ประเทศไทย
“อยากไปขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อือ อยากไปสิพี่ฝัน เขามาจัดคอนเสิร์ตฟ้าก็ไม่ได้ไปเพราะราคามันแพงเกินเด็กแบบฟ้าที่จะไป ถึงจะเก็บเงินทันมันก็เป็นจำนวนเงินที่มากอยู่ดี”
“ฟ้าคิดแบบนี้มันก็ถูกแล้วแหละ การที่เรารักใครสักคนหรือศิลปินสักคนหนึ่งเราไม่จำเป็นต้องซัพพอร์ตจนเกินตัวหรอก รอให้ฟ้าโตขึ้นมีงานทำ มีเงิน ฟ้าอยากไปกี่คอนเสิร์ตก็จะไม่มีใครห้าม”
หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาวเพียงฟ้าจึงพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นชวนพี่สาวกลับบ้านแต่ทว่าเพียงฝันกลับดึงแขนน้องสาวไว้
“มีอะไรอีกอ่า พี่ฝันยังซื้อของไม่ครบเหรอ”
“เปล่าพี่ซื้อครบแล้ว”
“ถ้าซื้อครบแล้วจะรออะไรอยู่อีกล่ะ กลับบ้านดิ”
“ไม่กลับ ไหน ๆ วันนี้แกก็อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนพี่ซื้อของแล้วแถมยังเป็นเด็กดีสอบได้ที่หนึ่งของห้องด้วย พี่ก็เลยจะตอบแทนด้วยการพาแกไปรับพวกเขาที่สนามบินดีไหม”
“จริงเหรอพี่ฝัน”
ได้ยินแบบนั้นเด็กสาวถึงกับหูผึ่งตาโตความดีใจมันแสดงออกบนใบหน้าให้เห็นได้อย่างชัดเจนแต่แล้วก็ต้องหุบลงเมื่อนึกถึงหน้าของคนเป็นแม่ที่ต้องดุเธอแน่ ๆ หากกลับบ้านชักช้า
“แต่ว่าแม่...”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้นพี่จัดการเอง ทำมาเป็นกลัวทีเลิกเรียนแล้วพากันไปปั่นวิวยูทูบกลับบ้านช้าตั้งหลายครั้งไม่เห็นกลัวเลย”
“ก็มันไม่เหมือนกันนี่พี่ฝัน อันนั้นก็ไม่ได้กลับดึกดื่น”
“แต่ครั้งนี้แกก็ไม่ได้ไปคนเดียวสักหน่อยพี่ไปเป็นเพื่อน ส่วนเรื่องแม่พี่ไลน์ไปบอกแล้วท่านอนุญาต”
หญิงสาวว่าพลางยกโทรศัพท์ขึ้นให้น้องสาวดูเพื่อที่เธอจะได้ไปหาศิลปินแบบไร้ความกังวล
“เย้ ฟ้ารักพี่ฝันมากที่สุดเลย”
ร่างเล็กกระโดดกอดพี่สาวด้วยความดีใจ นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ตั้งแต่ที่เธอเป็นแฟนคลับพวกเขามาจนทุกคนแยกย้ายกันไปแล้วกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพียงฟ้าจะได้เห็นตัวจริงพวกเขาสักที
“นุ ฟังลิตาหน่อยได้ไหม วินกับลิตาเป็นเพื่อนกันจริง ๆ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน เราคุยเรื่องนี้กันบ่อยมากเลยนะ คุณเองก็รู้จักกับเขามาตั้งนานจะมาหวงทำไม”
เรียวขาสวยก้าวยาว ๆ ตามแฟนหนุ่มที่เดินนำหน้าไปโดยที่แทบจะไม่เหลียวหลังกลับมามองเธอเลยสักนิด
อณุถึงกับลมแทบออกหูเมื่อเพื่อนที่รู้จักเห็นลิตาไปกินข้าวกับ อนาวินแล้วส่งรูปถ่ายมาให้ดู เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่เขาต้องมาคอยนั่งทะเลาะกับแฟนสาวเพราะหึงหวง
ครั้งนี้ก็เช่นกันเขาถึงกับต้องยอมโดดฝึกซ้อมบอลเพื่อมาถามเธอให้รู้เรื่องด้วยตัวเองแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงได้แต่คำตอบเดิม ๆ
“เพื่อนกันเหรอลิตา นุแทบจะทนไม่ไหวแล้วนะ เวลาที่ผมไม่อยู่คุณก็ไปคอยตามติดมันเป็นเงาตามตัว ผมรู้นะว่ามันอ่าชอบคุณ ผู้ชายด้วยกันยังไงก็มองกันออก”
ชายหนุ่มหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอแล้วเอ่ยสิ่งที่รู้สึกออกไป นับตั้งแต่รู้จักกับอนาวินเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเขาก็พอจะมองออกว่าผู้ชายคนนั้นมีใจให้กับแฟนสาวตนเอง
“แต่ลิตาไม่ได้คิดอะไรกับเขา ที่ลิตาอยู่กับวินก็เพราะคุณเองไม่ใช่เหรอที่แทบจะไม่มีเวลาให้กับลิตาเลย ลิตาเหงา”
เธอแสร้งบีบน้ำเสียงให้ดูเศร้าลงเพราะไม่อยากต้องมานั่งทะเลาะกันแม้ในใจลึก ๆ เธอเองรู้ตัวดีว่าเก็บอนาวินไว้เป็นตัวเลือกอีกทาง
อณุมองหน้าแฟนสาวแล้วก็ถึงกับใจอ่อนยวบเพราะส่วนหนึ่งเขาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่มีเวลาให้ แต่หน้าที่ตัวแทนของประเทศก็สำคัญเหมือนกันเขาก็แค่อยากให้แฟนสาวเข้าใจบ้างก็เท่านั้น
“นุคะ เราอย่ามาทะเลาะกันเรื่องนี้อีกเลยนะ ลิตาขอโทษต่อไปนี้ ลิตาจะระวังตัวเองดีไหมคะ”
หญิงสาวเดินเข้ามาเกี่ยวแขนแล้วซบไหล่พร้อมกับทำน้ำเสียงออดอ้อนคนเป็นแฟน สุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ใจอ่อนยอมยกโทษให้เพราะรักผู้หญิงตรงหน้ามากเหลือเกิน
ภาพที่ทั้งคู่งอนง้อกันไปมาและตบท้ายด้วยการหยอกล้อกันนั้นอยู่ในสายตาของอนาวิน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์ที่จะหึงหวงเสียด้วยซ้ำแต่ทำไมก้อนเนื้อหน้าอกข้างซ้ายมันรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน
เหล้าเท่านั้นที่จะเยียวยาจิตใจของชายหนุ่มได้ในตอนนี้เขาจึงเลือกที่จะขับรถไปยังไนน์คลับที่เพื่อนสนิทอย่างการันต์เป็นเจ้าของอยู่
“น้องเอาBACARDIเข้ม ๆ”
เดินเข้ามาในร้านได้อนาวินก็เอ่ยบอกบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าท่านอื่นแต่พอเงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าคนที่สั่งคือเพื่อนเจ้านายและลูกค้าประจำก็พยักหน้ารับ
“คุณวินจะเอาแบบเข้มเลยเหรอครับ แค่แบบธรรมดาก็หนักแล้วนะครับ”
เด็กหนุ่มเอ่ยถามเพราะรู้สึกเป็นห่วง ใคร ๆ ก็รู้ว่าเหล้าชนิดนี้นั้นแรงแถมแอลกอฮอล์ก็สูงอันดับหนึ่งในบรรดาเหล้าทั้งหมด
“ทำไมคิดว่าฉันคออ่อนจนกินมันไม่ได้หรือไง ไม่ต้องถามมากชงมา”
“ครับ ๆ”
น้ำเสียงหงุดหงิดที่ตอบกลับทำเอาเด็กหนุ่มต้องรีบรับคำและทำตามที่บอก
น้ำเมาแก้วแล้วแก้วเล่าถึงกระดกผ่านลำคอราวกับน้ำเปล่าแม้ว่าร่างสูงจะพยายามประคองสติตัวเองเอาไว้แต่มันก็เท่านั้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นแรงใช้ได้ทีเดียว
“สภาพแบบนี้ไม่บอกกูก็รู้ว่ามึงคงเสียใจเรื่องลิตาอีกตามเคย”
การันต์ที่แวะเข้ามาดูร้านเดินมาตบไหล่เพื่อนแล้วทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นโบกให้กับบาร์เทนเดอร์ที่กำลังจะเสิร์ฟเหล้าให้กับอนาวินว่าไม่ต้อง เพราะดูจากสภาพเพื่อนตัวเองแล้วก็คงไม่ไหว
“กูจะทำยังไงถึงเลิกรักลิตาได้วะ”
“ก็ไม่เห็นยากกูบอกมึงเป็นรอบที่ล้านแล้วว่าให้ลองเปิดใจมองหาผู้หญิงคนใหม่เข้ามา”
“กูทำไม่ได้ว่ะ กูเคยลองแล้วแต่หน้าลิตาก็ลอยมา”
“มึงตั้งสติแล้วฟังกูนะ ลิตามีแฟนแล้ว หรือเรียกง่ายๆว่าผัวที่ยังไม่แต่งงานอย่างเป็นทางการก็เท่านั้น มึงอยากไปเป็นมือที่สามคนอื่นหรือไง”
“แต่ลิตาเขาทำเหมือนมีใจให้กับกูเลย”
“โธ่ เรื่องอื่นดันฉลาดเรื่องนี้ดันโง่เหมือนควายจริง ๆ ลิตาเขาแค่หลอกมึงไว้เผื่อเลือกก็เท่านั้น ถ้าแค่นี้มึงยังคิดไม่ได้กูจะให้มึงแดกหญ้าแทนข้าวแล้วนะ”
ชายหนุ่มรู้สึกฉุนเฉียวกับความคิดของเพื่อนที่ไม่รู้จักคำว่าmove onสักที
“นี่มึงว่ากูเหรอ มึงอ่า ม่าย...เข้า...จาย...กู”
น้ำเสียงอ้อแอ้พูดยังไม่ทันจะจบประโยคเสียด้วยซ้ำร่างสูงก็ฟุบลงกับโต๊ะทุกอย่างเหมือนดับวูบไป
การันต์มองสภาพเพื่อนตัวเองแล้วถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ คงต้องเป็นหน้าที่เขาอีกแล้วสินะที่ต้องแบกมันกลับไปส่งที่บ้าน
“ตายแล้ว ตาวิน เมากลับมาแบบนี้อีกแล้ว ดูสิกลิ่นเหล้าหึ่งเลย”
ทันทีที่เปิดประตูรถออกกลิ่นละมุดก็ลอยคละคลุ้งไปทั่วจนศจีที่เดินออกมาดูว่าใครมาดึก ๆ ดื่น ๆ จนต้องยกมืออังจมูก
“สวัสดีครับคุณแม่ ผมห้ามมันแล้วนะครับ แต่ว่าไม่เป็นผลก็เลยต้องลากมันมาส่งทั้งสภาพแบบนี้แหละครับ”
การันต์ส่งร่างหนักของเพื่อนรักให้กับพ่อบ้านที่วิ่งออกมารับแล้วก็ยกมือขึ้นไหว้คนเป็นแม่เพื่อนตอนแรกว่าจะเอามันไปส่งคอนโดแต่ควานหาคีการ์ดกับกุญแจไม่เจอก็เลยต้องหิ้วมาบ้านแทน
“ไม่เป็นไร ป้าเข้าใจว่าคนอย่างลูกชายป้าใครห้ามอะไรก็คงไม่ฟังหรอก ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าทำไมตาวินถึงได้เมาไม่ได้สติขนาดนี้”
“ผมว่าคุณป้ารอถามมันเองดีกว่าครับ”
การันต์ส่งยิ้มแหย ๆ ให้เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของเพื่อน หากจะให้ป้าศจีจะรู้ก็ขอให้มันบอกด้วยตัวเองหรือไม่ป้าศจีก็ต้องรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองก็เท่านั้น
“อย่างนี้ทุกทีมีอะไรก็ช่วยกันปิดบัง”
คุณหญิงศจีย่นคิ้วแล้วส่ายหน้าแกมหยอกที่ชายหนุ่มตรงหน้าช่วยกันปิดบัง แต่ท่านก็ไม่จริงจังอะไรมากมาย
เมื่อเห็นว่าส่งร่างเพื่อนถึงบ้านปลอดภัยแล้วการันต์จึงขอตัวลากลับส่วนตัวคุณศจีก็เดินตามหลังพ่อบ้านขึ้นไปดูลูกชายตัวเอง
เธอยืนมองลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงแล้วถึงกับส่ายหน้าแต่แล้วก็ต้องย่นคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายเพ้อออกมา
“ลิตา ผมรักคุณนะ ผมจะรอคุณเลิกกับเขา”
ลิตาที่อนาวินเพ้อถึงจะเป็นคนเดียวกันกับที่เธอรู้จักหรือไม่ หากเป็นคนเดียวที่เธอรู้จักนั่นก็หมายความว่าลูกชายเธอกำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมอย่างนั้นหรือ
คุณหญิงศจีเองก็ไม่อยากตัดสินใจเรื่องนี้ไปเองจึงได้แต่เก็บงำเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เธอจะสืบเรื่องนี้ให้แน่ใจเสียก่อนแล้วจะหาทางตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพราะไม่อยากให้เรื่องนี้มาทำให้ลูกชายเธอต้
ภายในซอกซอยของตึกกรุงทองย่านประตูน้ำซึ่งถือว่าเป็นแหล่งรวมเสื้อผ้าแฟชั่นส่งออกไปทั่วประเทศร่างบางของเพียงฟ้ากำลังกวาดสายตามองหาชุดเดรสให้กับคนเป็นพี่สาวซึ่งตอนนี้กำลังเดินหรือคลานต้วมเตี้ยมอยู่ด้านหลัง"พี่ฝันไหวไหมเนี่ย ถ้ารู้ว่าตัวเองยังเจ็บอยู่ก็น่าจะมาดูวันหลัง”“พี่ไหวน่า จะมาดูวันหลังอะไร งานเลี้ยงบริษัทจะเริ่มมะรืนนี้อยู่แล้ว”เพียงฝันย่นคิ้วใส่น้องสาวเล็กน้อยถ้าไม่อยากได้เงินซื้ออัลบั้มวงโปรดเธอมั่นใจได้เลยว่ายัยน้องสาวตัวแสบคงไม่มาเลือกซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนแน่นอนหญิงสาวเองก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเลือกซื้อเสื้อผ้าไซน์ขนาดเธอได้จากที่ไหนก็เลยจำใจนั่งรถเมล์มาซื้อที่นี่แทน“พี่ฝันตัวนี้สวยมากเลยอ่า เข้ากับตรีมงานเดรสสีฉูดฉาดพอดีเลย”เพียงฟ้าจูงแขนคนเป็นพี่สาวไปยังร้านเสื้อร้านหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าซึ่งตัวคนขายเองก็ยืนต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเดรสสีเขียวเหมือนเหล้าชาร์ทรุสที่โชว์อยู่บนหุ่นจำลองช่างสะดุดตาเธอยิ่งนัก ช่วงแขนถูกออกแบบให้เปิดไหล่แขนยาวเกือบถึงศอก ส่วนหน้าอกเป็นรูปโบคล้าย ๆเกาะอก ใต้หน้าอกเว้าโชว์ให้เห็นส่วนพุงเล็กน้อย ตัวกระโปรงยาวถึงเข่า“อือ ตัวนี้สวยมากเลยอ่า งั้นเอาตัวน
พี่นิ่มที่เดินกลับมาจากห้องน้ำได้ยินเรื่องที่สองสาวกำลังสนทนาจึงเอ่ยบอกเรื่องนี้อีกครั้ง“ฝันไม่อยากจะใส่เลยกระโปรงเนี่ย เดินก็ยากทำอะไรก็ไม่สะดวก”ใบหน้าหวานง่ำลงพร้อมกับบุยปากคว่ำแค่คิดว่าต้องแต่งตัวเธอก็ท้อเสียแล้วเพราะโดยปกติเธอไม่ค่อยแต่งตัวเสียสักเท่าไร บางวันมาทำงานยังเป็นอีเพิ้งหัวฟูอยู่เลยแล้วนี่ต้องไปหาเลือกชุดมาใส่ไปงานอีกสามสาวพูดคุยกันได้ไม่นานก็ปรากฎร่างระหงของสาวสวยมายืนอยู่ตรงหน้าผมยาวตรงถูกปล่อยสยายลงกลางหลัง ตรงใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ แต่ปากเรียวหยักกลับแต่งแต้มด้วยสีแดงเข้มให้ดูโดดเด่น“สวัสดีค่ะ ฉันมาพบคุณอนาวิน ไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหมคะ”“คะ คุณลิตา”พี่ฤทัยถึงกับพูดตะกุกตะกักเมื่อเห็นว่าสาวสวยที่เอ่ยถามเป็นใคร ในประเทศนี้จะมีใครไม่รู้จักเธอบ้าง“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันติดต่อเลขาคุณอนาวินให้”เพียงฝันตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เพราะเธอเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันกับอนาวินตั้งแต่สมัยเรียนจนมีข่าวลือว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน แต่ปัจจุบันก็คงเป็นแค่เพื่อนนั่นแหละเพราะหล่อนเองก็ประกาศว่ามีคู่แล้วเพียงฝันต่อสายไปยังเลขาฯหน้าห้องทันทีเมื่อได้คำตอบแล้วเธอจึงหัน
“คนไข้ไม่เป็นอะไรมากนะครับ แค่ข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อย เวลาเดินอย่าลงน้ำหนักไปที่เท้ามากเกินไปสองสามวันก็น่าจะหาย”หมอหนุ่มวัยกลางคนเอ่ยบอกเพียงฝันเมื่อตรวจดูอาการและ ผลเอ็กซ์เรย์แล้วก็เห็นว่าคนไข้อาการปกติไม่มีส่วนไหนแตกหัก“โล่งอกไปทีค่ะ ฝันนึกว่าจะเดี้ยงจนต้องเข้าเฝือกซะแล้ว”เธอยิ้มเจื่อน ๆ แล้วปลายตามองร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ไม่ไกลหากเธอเป็นอะไรไปมากกว่านี้มีหวังคงโดนเขาเขมือบลงท้องแน่ ๆ เพราะทั้งวันเธอกับเขาเจอกันทีไรก็มีเรื่องทุกที“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมพาคนไข้กลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ”“ครับ เดี๋ยวผมสั่งยาให้กลับไปทานแล้วก็ทา”อนาวินพยักหน้าให้แล้วก็เดินนำออกไปโดยให้พยาบาลสาวเป็นคนเข็นรถที่มีเพียงฝันนั่งอยู่ตามออกไป“เอ่อ คุณอนาวินกลับไปก่อนก็ได้นะคะ รับยาเสร็จแล้วเดี๋ยวฝันกลับเองได้ค่ะ แล้วก็ฝันขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้ด้วยนะคะ”หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ขอโทษแต่สายตาก็ยังคงหลุบมองพื้นไม่กล้าสบตาโดยตรง“แน่ใจเหรอว่าจะกลับเองได้ เท้าก็เจ็บเดินก็ไม่ถนัด”อนาวินจ้องมองคนเจ้าปัญหาตาไม่กระพริบ ไม่รู้ว่าเป็นวันอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาเจอแต่เรื่องกับคนเดิม ๆแค่คิดเขาก็ถอนหายใจออกมาเสียง
ทางด้านอนาวินเมื่อก้าวขาพ้นประตูลิฟต์เจ้าตัวเดินออกมาพร้อมกับกลิ่นพริก กลิ่นน้ำปลา จนเลขาสาวหน้าห้องถึงกับต้องยกมือขึ้นอังจมูกตัวเองเล็กน้อย แต่สายตาก็ชำเลืองมองคนเป็นนายเพื่อไม่ให้เสียมารยาท“เดี๋ยวคุณช่วยส่งชุดนี้ไปซักให้ผมด้วยนะ”อนาวินเปิดประตูห้องทำงานออกมาพร้อมกับยื่นถุงกระดาษที่มีชุดสูทอยู่ข้างในให้กับเลขา ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนเป็นชุดสูทตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว โชคยังดีที่ด้านหลังโต๊ะทำงานเขา เป็นห้องส่วนตัวที่ตบแต่งคล้ายห้องชุดในคอนโดเอาไว้นอนเวลาที่เขาต้องอยู่ทำงานดึกดื่นจนขับรถกลับไม่ไหว จึงทำให้มีเสื้อผ้าติดไว้เปลี่ยนเวลาจำเป็นอยู่บ้าง“แล้วเรียกคุณบวรขึ้นมาพบผมด้วย”ก่อนจะหันหลังกลับเขาก็ยังหันไปสั่งกำชับงานเพิ่มอีก เลขาสาวได้แต่พยักหน้ารับคำ แล้วรีบต่อสายหาลูกน้องมือขวาของท่านประธานทันที เธอไม่กล้าตอบโต้เจ้านายมากนักเพราะรู้สึกได้ว่าท่านกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี“คุณอนาวินเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ แต่ถ้าจะถามเรื่องพนักงานหญิงเมื่อเช้า ผมจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ เธอเซ็นเตือนเรียบร้อยแล้ว”บวรไม่ต้องรอให้คนเป็นเจ้านายถามเขารีบชิงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนเพราะดูจากสีหน้าแล้วอนาวินคงยั
ช่วงเช้าวันใหม่เพียงฝันจอดรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจที่ขับขี่มาจากบ้าน พอถึงที่ทำงานก็ต้องรีบจอดให้เร็วที่สุดเพราะวันนี้เธอออกจาบ้านมาก็สายมากแล้ว เหลือบมองดูนาฬิกาบนข้อมือก็เหลือเวลาอีกแค่5นาทีเท่านั้นก็จะถึงเวลาสแกนนิ้วเข้าทำงานสองมือหอบหิ้วถุงยำมะม่วงที่แยกน้ำแยกเนื้อมาอย่างพะรุงพะรัง ผมเผ้าที่แห้งสนิทแต่ชี้ฟูกระเซอะกระเซิงไม่ได้มัดรวบให้เรียบร้อยเพราะเมื่อเช้าเธอสระผมมา ไม่ได้ไดร์ให้แห้งจึงอาศัยลมธรรมชาติจากการขับรถมาทำงานเป่าให้แห้งเสียเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาสองเท้าอวบเร่งฝีเท้าเพื่อให้ทันเวลา ความเร่งรีบทำให้เธอไม่ทันได้มองว่ามีร่างสูงของใครอีกคนกำลังเดินสวนมาจากอีกทาง“ปั๊ก!”เพียงฝันชนเข้ากับผู้ชายตรงหน้าอย่างจังจนล้มลงก้นจ้ำเบ้าถุงน้ำยำที่รำพึงแยกมาให้ตกลงแตก ทำให้น้ำปลาร้าหกเลอะเทอะส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ“โอ๊ย เดินยังไงเนี่ยไม่ดูตาม้าตาเรือดูสิของฉันตกแตกเสียหายหมดเลย”น้ำเสียงขุ่นสบถด่าออกมาโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามอง จะไม่ให้เธอโมโหได้อย่างไร ของที่จะนำส่งลูกค้าดันเสียหาย แถมเธอยังต้องถูกหักเงินที่เข้างานสายอีกด้วย“เสียหายมากไหม”“ก็มากนะสิ...”เธอตอบกลับทันควันพร้อมกับเ
“สมกับเป็นพี่สาวที่แสนดีของน้องจริง ๆ รู้ใจไปหมดทุกอย่าง แต่ถ้าจะให้ดีขอเงินซื้ออัลบั้มหน่อยนะ”เพียงฟ้าส่งสายตาปริบ ๆ ให้กับคนเป็นพี่ แต่ทว่าคนเป็นพี่กลับแกล้งไม่ได้ยินแล้วเดินหนีเข้าบ้าน แต่มีหรือคนอย่างเพียงฟ้าจะยอม จึงเดินตามไปอ้อนเพื่อขอในสิ่งที่อยากได้รำพึงมองตามลูกสาวสองคนทั้งยิ้มทั้งส่ายหัว เธอดีใจที่ลูกสาวสองคนรักกันแน่นแฟ้น หากสามีเธอไม่ได้ตายจากอุบัติเหตุเมื่อสิบปีก่อน เขาคงต้องภูมิใจและดีใจมากแน่ ๆ ที่ลูกทั้งสองคนเป็นเด็กดีไม่เคยทำเรื่องอะไรให้คนเป็นแม่เสียใจสักครั้ง“วันนี้คุณแม่อารมณ์ดีจังเลยนะครับ ผมได้ยินเสียงฮัมเพลงตั้งแต่ทางเข้าประตูบ้าน”เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลัง คุณหญิงศจีที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเย็นกับแม่บ้านถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันกลับไปมองเมื่อเห็นว่าเป็นอนาวินลูกชายเพียงคนเดียวก็ปรับสีหน้าเรียบเฉยแกล้งทำเป็นงอน“ป้าไก่ ได้ยินเสียงนกเสียงกาแถวนี้ไหม”“ได้ยินค่ะ นก กาที่ว่าน่าจะตัวใหญ่ด้วยนะคะ”หญิงแก่แม่บ้านประจำหันไปหาคุณหนูของบ้านแล้วยักคิ้วให้ เพื่อบ่งบอกว่าคุณหญิงของบ้านน้อยใจคนเป็นลูกชายที่แทบจะไม่แวะเวียนกลับมาหาเลย“แม่ครับ อย่าโกรธผมเลย